สาระดีๆ: อาการแพ้คอนแทคเลนส์

ก้เลยเลิกใส่แว่นไปเลย

เมื่อก่อนใส่คอนแทคจะเป็นแบบใส รายเดือนคะ พอมาเดือนตุลาคมปี53 ก้เริ่มใส่คอนแทคสีที่ขายในห้าง ราคาประมาณ300-400 บาท
เพราะมีให้เลือกเยอะ มีหลายแบบ ก้ใส่มาเรื่อยๆคะ วันทำงานก้ใส่แบบสีบิ๊กอาย วันหยุดก้ใส่แบบธรรมดา

 
วันพฤหัส ที่14 ก.ค.54 ก็ใส่คอนแทคตามปกติ แต่สังเกตว่าทำไมที่ขอบตาดำมีจุดขาวๆก้ไม่ได้เอ๊ะใจอะไรเลย เพราะมันไม่แสบคันไปทำงานตามปกติ  พอเลิกงานกลับถึงห้อง ประมาณ4ทุ่มกว่าก็มาดูตาว่าทำไมมันแดงกว่าที่เคยเป็น ก้เลยถอดคอนแทคออก และตรวจดูก้พบสิ่งที่น่าตกใจ!!

  
คือที่เปลือกตาข้างขวาล่างด้านในค่อนข้างลึกมีตุ่มใสๆเป็นจำนวนมากกว่าเดิม และแดงๆด้วย  ปกติเห็นตุ่มพวกนี้มาเกือบปีแล้ว ไม่ได้ใส่ใจเพราะมันไม่เยอะ และไม่มีอาการปวดแสบระคายเคืองใดๆ ตอนนี้ตกใจเพราะมันเยอะกว่าเดิม ก้ไปซื้อยาฆ่าเชื้อมาหยอด คิดว่าพรุ่งนี้ต้องไปหาหมอ 

วันศุกร์ที่15 ก.ค. 54วันนี้ทำไงหละใส่คอนแทคไม่ได้ เพราะกลัวอักเสบและไม่รู้ว่าเป็นอะไร แต่มันไม่แสบไม่ระคายเคือง ขอบตาดำที่เป็นจุดก้หายไปแล้ว แว่นก็ไม่มี ก็ต้องให้แฟนไปส่งที่โรงพยาบาล ดีนะที่ใกล้บ้าน ใช้ประกันสังคม โชคไม่ดีที่วันนั้น ไม่มีหมอตา หมอก้เลยให้น้ำตาเทียมมาอย่างเดียวและก็นัดมาพบหมอตา วันที่18 แทน  แล้วก้ไปตัดแว่นแต่ก็ไม่ได้ทันทีเพราะค่าสายตาเยอะต้องสั่งทำ เลยไปซื้อแว่น ที่ขายทั่วไป ที่มีค่าสายตาหาเยอะสุดได้-4.00ก้ใส่ไปก่อนให้พอเห็นบ้าง แต่มันก้ไม่ได้ชัดขึ้นสักเท่าไหร่

วันเสาร์ 16และอาทิตย์ 17 ก.ค.  54  ก็อยู่ห้องหยอดยา ไม่ได้ใส่คอนแทค อยู่แบบมัวๆ มีวันเสาร์ต้องออกไปทำธุระข้างนอกก้ต้องฝืนใส่คอนแทคทั้งๆที่หมอห้าม แต่จะให้ไปแบบมัวๆก้ไม่ได้ ขึ้นรถไม่ได้ มองเห็นคนแต่ก้ไม่รู้ว่าเป็นใคร ก็จำเป็น กลับมาก็รีบถอดเลย

วันจันทร์ที่ 18ก.ค.54 วีนนี้คันตาเล็กน้อย ไปตามหมอนัดเลือกไว้ตอนเช้า9โมงครึ่ง ต้องไปทำงานตอนเที่ยง รอตรวจ หมอบอกว่าแพ้คอนแทคเลนส์มากนะ  ถามเราว่าแล้วเห็เม็ดๆได้ยังไงมันค่อนข้างอยู่ลึกนะ  เราก็เงียบ จำไม่ได้อะสิ เพราะตอนที่เป็นแรกๆก้แค่แหวกๆดูก้เจออะ แล้วก็ย้อมสีตาดูกระจกตา ตรวจละเอียดเลย มีโรคอะไรไหม สุดท้ายคือ
เป็นอาการแพ้คอนแทคเลนส์ ห้ามใส่คอนแทค และห้ามใช้เครื่องสำอางค์บริเวณตา จนกว่าจะหาย และนัดตรวจอีกที วันจันทร์ที่25 ก.ค.54 ไปทำงานไม่ได้เพราะตรวจนานไปไม่ทัน ได้ยาหยอดตาแก้แพ้ และน้ำตาเทียมมา

มีวีธีการตรวจเบื้องต้น ด้วยนะคะ
ก่อนอื่นต้องล้างหน้า ล้างมือ ให้สะอาด ตอนทำไม่ต้องใส่คอนแทคนะคะ ใช้คอดตอนบัต กดดึงเปลือกตาล่างลงมา บางคนจะไม่เห็นเพราะมันอยู่ลึกด้านใน  ต้องดึงลงมามากๆ 

อาการเบื้องต้น จะมีอาการคันตาเวลาใส่คอนแทคเลนส์ เปลือกตาด้านในแดงอยู่ตลอด  มีขี้ตาสีขุ่นๆเป็นเมือก
คนที่เสี่ยงคือ คนที่ใส่คอนแทคเลนส์นานๆ ขยี้ตา คนที่ใส่มีโอกาสเป็นอยู่แล้วนะคะ ถึงจะใส่แพงหรือทำความสะอาดดีแค่ไหน ถ้าตาของเราไม่รับกับคอนแทคเลนส์ก้เป็นได้คะ แต่บางคนก้ไม่เป็นคะ อย่างเราใส่มาจะ10ปีไม่เคยเป็นอะไร อยู่ๆมันจะเป็นก็เป็น ขึ้นมาเอง ทั้งๆที่ดูแลความสะอาด และเปลี่ยนบ่อยๆแล้ว ก้ยังเป็นได้

อันนี้เป็นข้อมูลเล้กน้อยเอามาฝากจากhttps://blog.etcpool.com

อาการแพ้ในโรค GPC อาจรักษาให้หายได้โดยการพบจักษุแพทย์ แพทย์จะแนะนำให้หยุดใส่คอนแทคเลนส์ไว้ชั่วคราวก่อน และให้ยาแก้แพ้มาหยอดตา แต่เมื่อกลับมาใส่คอนแทคเลนส์อีกก็อาจกลับเป็นขึ้นมาใหม่ได้เรื่อยๆ ถ้าคุณยังปฏิบัติตัวเหมือนเดิม ดังนั้นคุณจึงควรแก้ไขที่สาเหตุ คือ กำจัดความสกปรกของคอนแทคเลนส์อย่างสม่ำเสมอให้ถูกต้อง โดยการชะล้างคราบโปรตีน ไขมัน และฝุ่นละอองต่างๆ ที่เกาะอยู่ออกให้หมด หรือเปลี่ยนไปใช้คอนแทคเลนส์ชนิดเปลี่ยนทุก 2-4 สัปดาห์ (Disposable lenses)

สารทำความสะอาดที่มีอยู่ในน้ำยา อเนกประสงค์ทุกชนิดที่มีขายในท้องตลาด สามารถทำความสะอาดคราบไขมัน เยื่อเมือก และโปรตีนได้เพียงบางส่วนเท่านั้น ในการขจัดคราบโปรตีนสะสมจำเป็นต้องใช้เอ็นไซม์โปรตีเนส (Proteinase) ในการย่อยสลายโปรตีน จึงจะสามารถขจัดคราบโปรตีนได้อย่างมีประสิทธิภาพจริงๆ โดยตัวเอนไซม์เองจะเป็นชนิดที่ไม่ก่อให้เกิดความระคายเคืองต่อเยื่อบุตา

การใช้น้ำยาอเนกประสงค์เพียงขวด เดียว จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ใช้คอนแทคเลนส์แบบชั่วคราวไม่เกิน 30 วัน ถ้าใช้เลนส์ที่มีอายุการใช้งานมากกว่า 30 วัน หรือเลนส์ถาวร การสะสมของสิ่งสกปรกบนผิวคอนแทคเลนส์จะมากเกินกว่าที่จะสามารถขจัดออกได้ ด้วย สารขจัดคราบโปรตีนที่มีอยู่ในน้ำยาอเนกประสงค์ ดังนั้นจึงจำเป็นจะต้องใช้เอ็นไซม์ร่วมด้วย ซึ่งอาจจะเป็นยาเม็ดเอ็นไซม์ละลายในน้ำยาล้างเลนส์ หรือเป็นเอ็นไซม์แบบน้ำยาสำเร็จรูปก็ได้ เพื่อให้คอนแทคเลนส์ของคุณสะอาด จะได้ไม่ก่อให้เกิดการแพ้คอนแทคเลนส์

มีภาพตาของเราเองมาให้ดูด้วยนะคะ
น่ากลัวจริงๆ

ถ้าดูดีๆ ตาดำกับตาขาวไม่เป็นอะไรเลย บางคนจึงไม่รู้ว่าผิดปกติ
หวังว่าคงมีประโยชน์กับสาวๆนะคะ 

ปล.ตอนนี้ใส่แว่น-4.00 พิมพ์ผิดก็ขออภัยด้วยนะคะ