[เห่อ+รีวิวเล็กๆน้อยๆ]ของที่เพิ่งซื้อมา และของที่ใช้มาสักพักแล้วค่า

Neutrogena Fine Fairness Cleanser

โฟมตัวนี้เล็กเคยใช้มาก่อนแล้ว ชอบมากกกกกกก กลิ่นหอมอ่อนๆ เนื้อโฟมที่บีบออกมาก็เป็นครีมละเอียดๆ 
หลังล้างหน้าจะรู้สึกได้ว่าหน้าสะอาด นุ่มขึ้น แต่ไม่มัน และไม่แห้งตึงจนเกินไป
เล็กใช้แล้วรู้สึกว่าผิวดีขึ้น เรียบเนียน และกระจ่างใสขึ้นนะคะ สรุปง่ายๆว่าใช้แล้วรู้สึกดีกับมันมากๆ อิอิ
ราคาก็ไม่แพงค่ะ หลอดนี้ร้อยกว่าบาท ไม่เกิน 150 บาทค่า


Neutrogena Deep Clean Cleansing Lotion

ตัวนี้เพิ่งซื้อมาค่ะ พอดีอยากได้ Cleansing Oil มาล้างหน้าหลังจากใช้รีมูฟเวอร์
เพราะอยากให้หน้าสะอาดจริงๆ ก็ลองหาไปเรื่อยจนมาเจอตัวนี้
ส่วนตัวเล็กรู้สึกว่าผิวเล็กถูกกับผลิตภัณฑ์ของนูโทรจีน่าน่ะค่ะ ก็เลยมักจะดูของยี่ห้อนี้ก่อนเพื่อน 
ตัวนี้เป็นโลชั่นล้างเครื่องสำอางค์อีกทีก่อนล้างหน้า จริงๆอยากได้แบบที่พอล้างน้ำก็เหมือนได้ล้างหน้าทีนึงด้วย แต่ตัวนี้ไม่ใช่นะคะ เพียงแต่ดีที่ไม่ต้องใช้สำลีเท่านั้นเอง (ที่จริงก็เคยใช้ Cleansing Milk ของบิโอเรมาก่อน ตัวนั้นก็ชอบนะคะ) ตัวนี้เห็นว่าไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์และน้ำหอม คิดว่ามั่นใจได้ระดับนึงเรื่องแพ้เนอะ ราคาเกือบๆ 300 บาทค่ะ เพิ่งใช้มาได้สองสามวัน ก็รู้สึกสะอาดดีนะคะ แต่ต้องดูไปเรื่อยๆว่าจะทำให้เป็นสิวมั้ย :)

Maybelline Make Up Remover Eye&Lip

ตัวนี้เริ่มจากพี่สาวใช้แล้วลองใช้ต่อ แล้วก็ใช้เองเรื่อยมาเลยค่ะ ชอบ ล้างได้เกลี้ยงดีจริงๆ
แต่ส่วนตัวคิดว่าใช้แล้วต้องล้างหน้าต่อให้สะอาดมากๆ เพราะมีส่วนของน้ำมัน ระวังเป็นสิวอุดตันกันด้วยเน้อ
ราคาไม่แพงค่ะ กลางๆ จำไม่ได้แล้วว่าเท่าไหร่ ^^"


Neutrogena Alcohol-Free Toner

อย่างที่บอกว่าชอบนูโทรจีน่า ตอนนั้นหาโทนเนอร์ีที่ไม่มีแอลกอฮอล์ค่ะ
เพราะรู้สึกว่ามีแล้วพอเช็ดจะแสบหน้า เลี่ยงอาการแพ้ที่อาจเกิดและไม่อยากให้หน้าแห้งเกินไปด้วย
พอเจอตัวนี้ ลองดมกลิ่น โอ้ววว ละมุนจมูกอีกแล้ว รู้สึกว่ามันจะอ่อนโยนกับผิว เลยถอยมาเลย
พอใช้แล้วชอบมากกกกกก อีกแล้วค่ะ ทำให้ผิวสะอาด หอมอ่อนๆ หน้าไม่แห้งตึง ไม่แสบหน้าแสบตาด้วย
ขวดนี้ขวดที่สองแล้ว และคงจะซื้อต่อๆไปแน่นอน อิอิ
ตัวนี้อยากแนะนำเลยค่ะ ใครที่หาโทนเนอร์แบบไม่ผสมแอลกอฮอล์ จัดเลย >w<
ราคาส่วนตัวคิดว่ากลางๆค่ะ เกือบๆ 200 บาท (150 ml.) ไม่ถูกไม่แพง

Vaseline Total Moisture Nourishing Lotion

ตัวนี้เริ่มจากซื้อขนาดกลางมาใช้ตอนเพิ่งออกมาใหม่ๆค่ะ แล้วชอบมากกก(อีกแล้ว)
ชุ่มชื่น แต่ไม่เหนอะหนะ รู้สึกผิวนุ่มๆดีอ่าค่ะ ไม่หนักผิวเลยด้วย
ขนาดทาตอนอากาศร้อน ก็ยังไม่เหนอะเลย เจ๋งมาก
กลิ่นไม่เิชิงหอม แ่ต่ก็ไม่ได้ฉุนอะไรนะคะ กลิ่นแบบใสๆอ่า บรรยายไม่ถูก ^^
พอขวดเล็กหมด ก็เลยถอยขวดใหญ่มาซะเลย อิอิ ถ้าจำไม่ผิด 250 บาทค่ะ ไม่แพงเนอะ :)


Hada Labo Super Hyaluronic Acid Moisturizing

น้องฮาดะ ลาโบะ ขวัญใจสาวๆที่ฮือฮากันมาจนตอนนี้เรื่องความชุ่มชื่น
เริ่มจากเล็กซื้อโฟมล้างหน้ามาใช้ (ตอนนั้นซื้อสูตรอะบูตินมาค่ะ) พอล้างแล้วหน้านุ่มมมม
แต่แอบรู้สึกว่าแพง เลยไม่ได้ซื้อต่อค่ะ
วันนึงไปงานรับปริญญาเพื่อนของเพื่อน แวะซื้อน้ำดื่มที่เซเว่นกัน
เดินไปเจอตัวนี้เข้า เห็นว่าเป็นไซส์เล็ก ราคา 100 บาท ก็เลยลองซื้อมาใช้
หลังล้างหน้า หยดลงบนมือพอประมาณ แล้วก็ตบ ตบ ตบหน้าตัวเองให้ตื่น เอ๊ย ไม่ใช่ ให้ซึมเข้าผิวได้ดี
หลังจากใช้จะรู้สึกว่าหน้าเราตึงๆ คือตึงแบบกระชับ ไม่ใช่ตึงแบบแห้งๆอ่าค่ะ รู้สึกดี เบาๆหน้าหลังใช้
ยังไม่ถึงกับเห็นผลชัดเจน แ่ต่คอนเฟิร์มว่าใช้แล้วรู้สึกดีจริงๆค่ะ
เห็นบางคนบอกว่าไร้สี ไร้กลิ่น แต่เล็กแอบได้กลิ่นจางๆนะคะ แต่เป็นกลิ่นที่ดีนะ ไม่ใช่กลิ่นสารเคมีแรงๆ

ชอบในระดับนึงค่ะ แต่หมดขวดนี้จะถอยอีกมั้ย จะถอยไซส์ไหน ต้องดูอีกทีนึงค่ะ :}

Biore UV Aqua Rich Watery Mousse Water Base SPF50+ PA+++

ตัวนี้จ้องมานาน เพื่อนบอกว่าชอบ ใช้ดี แต่ครีมกันแดดตัวเดิมที่ใช้ก็ัยังไม่หมด 
(Neutrogena Fine Fairness อีกแล้ว ตัวนั้นก็ใช้ดีนะคะ แต่ก็อยากลองของใหม่ แหะๆ)

พอครีมเดิมหมดก็ถอยตัวนี้เลย
เป็นเนื้อมูส ทาแล้วเบาๆหน้าดีค่ะ แต่อย่างที่รู้กัน บิโอเรจะผสมแอลกอฮอล์ทุกตัว
ที่เบาหน้า ก็เพราะมีแอลกอฮอล์นี่แหละค่ะ โชคดีที่ไม่ได้เป็นคนแพ้แอลกอฮอล์
ก็เลยใช้ได้ กลิ่นแอลฯแรงหน่อย แต่ก็ไม่ถึงกับฉุนค่ะ 
ไม่แน่ใจว่ากันแดดได้ดีจริงแค่ไหน แ่ต่ใช้แล้วหน้าก็ไม่คล้ำขึ้นนะคะ
ราคาก็เกือบๆสามร้อยบาท (เป็นราคามาตรฐานของกันแดดบิโอเรเลยค่ะ ตัวไหนก็ราคาประมาณนี้ตลอด)
ไม่ถึงกับชอบ ก็ถือว่าโอเคในระดับนึงค่ะ
แต่หมดแล้วจะซื้อต่อไหม ยังไม่แน่ใจเหมือนกัน ใจอยากให้บิโอเรมีตัวที่ไม่มีแอลกอฮอล์ออกมาจังเลย
(หรือมีแล้วเล็กไม่รู้กันนิ??)


Biore UV Aqua Rich Watery Jelly Water Base SPF30 PA+++

กันแดดสำหรับทาตัวในไลน์เดียวกัน ตอนนั้นกันแดดพร้อมใจหมด เลยได้โอกาสสอยคู่เลยค่ะ
แม้จะผสมแอลกอฮอล์ตามสูตร แต่ตัวนี้รู้สึกชอบมากกว่าที่ทาหน้านะ มันเบาสบายมาก รู้สึกทาง่ายดีค่ะ กลิ่นคล้ายๆส้ม มะนาว น่าเสียดายที่ค่าเอสพีเอฟน้อยไปหน่อย อยากให้สัก 50 ก็ยังดี
ราคาก็ประมาณเดียวกันค่ะ แต่ว่ารู้สึกตัวนี้ใช้แล้วเปลืองนิดนึง (แหงสิ ก็ทาตัวนี่นา ฮ่าๆ)


Veet Hair Removal Cream สีฟ้า

ตัวนี้เล็กเอามาไว้กำจัดขนหน้าแข้งตัวเองค่ะ (ใช้กับจุ๊กกูแร้ไม่ถนัดอ่า) ไม่ได้เป็นคนขนหน้าแ้ข้งเยอะนะคะ
แต่แอบยาวเล็กน้อย (ดีนะที่ไม่หยิกด้วย) ตอนนั้นอยากลองดูว่าตัวเองไม่มีขนหน้าแข้งจะเป็นยังไง
ก็เลยลองดู สรุปว่าชอบบบ ขาเนียนเชียว ฮิฮิ
เจอแต่หลอดเล็กขายในโลตัสค่ะ ราคาประมาณ 65 บาท แอบแพงเนอะ
(แต่เล็กใช้ได้หลายครั้งนะคะหลอดนี้ เพราะขนหน้าแข็งไม่เยอะ และเส้นเล็กด้วย)

LUCIDO-L Hair Treatment Essence

ตัวนี้ถอยมาเพราะอยากลอง แต่ตัวต้นเหตุที่ทำให้ถอยน่ะตัวขวาก่อนค่ะ ฮ่าๆ
แต่พูดถึงตัวเอสเซ้นนี้ก่อนเนอะ ใช้ทาหลังสระผม ตอนผมหมาดๆ หรือจะทาตอนผมแห้งก็ได้ค่ะ
ตามฉลากบอก เค้าบอกเติมน้ำให้ผม เล็กก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจริงมั้ย แต่ก็รู้สึกว่าใช้แล้วผมนุ่มดีนะคะ ^^
ราคา.... เอ่อ ประมาณเกือบๆ 300 มั้งคะ จำไม่ได้แล้วอ่า


LUCIDO-L Designing aqua Hair Blow Lotion

นี่เลยค่ะ ตัวสาเหตุที่ทำให้ถอยคู่มา ฮ่าๆ ไปเดินห้างกับแม่ แล้วเจอเทสเตอร์ในวัตสัน ไม่รู้คิดไง
อยู่ดีๆก็อยากลองขึ้นมา ก็เลยฉีดลงบนผม สักแป๊บเดียวเท่านั้น อุบ๊ะ!! ผมนุ่มทันตาเห็น
จับแล้วฮือฮากับตัวเองมาก ดูราคาก็ไม่แพงนะ ถอยเลยดีกว่า ... เอ๊ะ ไหนล่ะ
สรุปว่าของไม่มีเลยค่ะ ขายเกลี้ยง เหลือแต่เทสเตอร์ไว้ต่างหน้า!!
ไม่รู้ว่าทำไมขายดีขนาดนั้น หรือตอนนั้นใครๆก็ปลาบปลื้มกับเจ้านี่กันไปหมดแล้ว

แต่ใจมันอยากได้มาก ไล่ดูมันทุกวัตสันเลยในห้างวันนั้น จนเจอในวัตสันสาขานึงที่คนไม่ค่อยเข้า
แม่ยังดีใจไปด้วย โอ้เย้~~

ตัวนี้ตามฉลากบอกว่าจะทำให้ผมที่ตรงอยู่แล้วยิ่งตรง เรียบสวยเป็นธรรมชาติ แม้ในวันที่อากาศชื้น
และยังแนะนำว่าใช้ฉีดผมแล้วเอาไดร์เป่าผมพร้อมหวีไปด้วย หรือจะใช้กับเครื่องหนีบผมจะดีมาก
แต่เล็กปกติไม่ค่อยใช้ไดร์เป่าผม และยิ่งไม่ใช้เครื่องหนีบเลยค่ะ ก็เลยมักจะใช้ฉีดตอนเช้าก่อนออกจากบ้าน
ฉีดๆแล้วก็หวีผม ผมก็จะเรียบขึ้น นุ่มขึ้นด้วยแล้วค่ะ^^
เคยใช้ตอนผมเปียก (หลังลงตัวเอสเซ้นแล้ว) แล้วลองเอาไดร์เป่าผม หวีๆ ไดร์ๆ จนผมแห้ง แล้วนอน
วันรุ่งขึ้นมา ทั้งวันเลยค่ะ มีแต่คนชมว่าผมสวยนะ เราเองก็รู้สึกเหมือนกันว่ามันดี อิอิ
ชอบมากกกกกกกกกกกกก (อีกแล้ว) ราคาจำไม่ได้แล้วค่ะ แต่ไม่เกินสามร้่อยนะ ไม่แพงค่ะ กลางๆ :)

Etude House Proof 10 Eye Primer

มาถึงพวกทีเ่กี่ยวกับแต่งหน้าบ้างแล้วค่า
ตัวนี้เพิ่งจะสั่งซื้อจากเว็บมาไม่นานค่ะ แต่ลองแล้วรู้สึกว่าชอบนะ
ทำให้เปลือกตาไม่มัน อายแชโดวก็ติดทน ไม่เยิ้มด้วย โอเคเลยค่ะ
แต่ยังใช้ไม่คล่อง บางทีทาแล้วดันเป็นคราบๆ (น่าจะเพราะทาเยอะไปหน่อย)
ราคาเกือบ 200 บาทค่ะ

Garnier Light BB Moisturizer SPF26 PA+++

ลองซื้อมาใช้เพราะสนใจมานานแล้วค่ะ บีบีตัวเดิมของเมเบลลีนใกล้จะหมดพอดี
ชอบนะคะ ทาแล้วหน้าไม่ลอย กลืนกับผิว เบาหน้า ไม่หนัก ไม่มัน
แต่ถ้าอยากให้ปกปิดมากๆ ตัวนี้คงไม่ถูกใจค่ะ แต่สำหรับเล็ก เล็กว่ามันโอเคเลยค่ะ ^^
ราคาก็ 200 ต้นๆค่า


Maybelline Baby Lips กลิ่นเชอร์รี่

ตัวนี้ใช้มาสักพักใหญ่แล้วค่ะ เพิ่งจะเอามารีวิว
ราคาเบาๆ(ประมาณ 70-80 บาท แล้วแต่ที่และโปรโมชั่นค่ะ)
แ่ต่ชุ่มชื่นมากกกกกก หอมมากด้วยค่ะ ชอบสุดๆเลย
ทาแล้วรู้สึกว่าริมฝีปากเนียน นุ่มขึ้นจริงๆนะคะ ก่อนนอนโบกเลยค่ะ ดีมาก อิอิิ


มาถึงสิ่งที่เห่ออีกสองสิ่งค่า

 

Revlon Super Lustrous Lipstick Creme #415 Pink in the afternoon

ชอบชื่อสีนี้อ่า อิอิ เนื้อนิ่มดีค่ะ (แต่ไม่เละนะ) ทาง่าย ตกร่องเล็กน้อยแต่ยังโอเค สีชัดดีค่ะ
ใจจริงพาพี่สาว จะไปถอย Color Burst Lip Butter นะคะ
แต่ไม่เจอสีถูกใจ+สีที่สนใจ เทสเตอร์ก็โดนทะลวงซะกรวงโบ๋
เลยอด หันไปเจอตัวอื่นๆ ลองไปลองมา เห็นราคาไม่แพง เลยจัดมาสองแท่งเลย แล้วก็แบ่งใช้กับพี่สาว ฮิฮิ
ตัวนี้สีชมพูอมส้มนิดๆค่ะ ทาแล้วก็หวานหน่อย แต่ไม่แบ๊วมาก (ปาดสีจะรวมทีเดียวตอนท้ายค่า)
ราคา 152 บาทค่ะ (ที่วัตสันลดราคาพอดี ราคาปกติรู้สึกจะ 178 บาทนะคะ ถึงไม่ลดก็ยังถูกอยู่ดีเนอะ)

Revlon Super Lustrous Lipstick Pearl #356 Soft Suede

สีนี้พี่สาวเป็นคนเลือก แต่เราเองก็อยากลองพอดี เป็นโทนสีชมพูส้มอมน้ำตาลนิดๆค่ะ
สรรพคุณเดียวกัน ราคาเดียวกันกับแท่งบนค่า


ต่อไปมาปาดสีให้ดู พร้อมกับอีกสองแท่งที่ซื้อมาก่อนหน้านี้
แต่สองแท่งก่อนเป็นของ Maybelline ค่ะ

รุ่นนี้ค่ะ Maybelline Water Shine Pure Lipstick
(ขอยืมรูปมาจาก makeupandbeauty.com นะคะ ขอบคุณค่า)

ซื้อมาสองสีค่ะตอนนั้น ที่วัตสันจัดโปรแท่งที่สองลด 50% รวมๆเหลือแท่งละประมาณ 150 บาทค่ะ อิอิ
สองสีที่ว่าคือ C11 (โทนสีส้มอมพีช มีชิมเมอร์)
และเบอร์ 207 (สีชมพู สีที่พี่ฟะร้าเคยเอาไปเข้าคอลเลคชั่นลิปสติกสีชมพูให้ชมกันก่อนหน้านี้ค่า)

สำหรับรุ่นนี้ เนื้อไม่นิ่มไม่เละเลยค่ะ แต่ก็ทาไม่ยาก ส่วนประกอบมีน้ำอยู่ด้วย
สี C11 ไม่ชัดมากค่ะ ทาแล้วออกมาดูเป็นธรรมชาติ มีชิมเมอร์ด้วยค่ะ
สี 207 ไม่ค่อยได้ทาเลยค่ะ เพราะทาแล้วเห็นชัดมากสำหรับปากของเล็ก มีอยู่วันนึงทาแล้วพี่ๆที่บริษัททักกันประมาณว่าวันนี้ปากเด้งมาเลยนะ ฮ่าๆ ชมพูๆชัดเจนมากเลยค่ะ(แต่ก็ยังไม่ชัดเท่า Revlon ที่เพิ่งซื้อมานะคะ เนื่องจากคนละเนื้อกัน) ตัวนี้ชิมเมอร์น้อยมากค่ะ

ไปดูปาดสีกันเลยเนอะ

วันนี้ไม่มีอะไรทิ้งท้ายค่า หวังว่ารีวิวและเห่อของเล็กคงพอเป็นประโยชน์บ้างเนอะ
แหะๆ ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้ค่า~


Fylia*