แชร์การลดน้ำหนักจาก 71 kg. เหลือ 59 kg.

30 24
สวัสดีค่ะ

ไม่รู้จะคุยเรื่องอะไร เลยเอาเรื่องตัวเองนี่แหล่ะค่ะ
จะเป็นเรื่องของน้ำหนักที่ น่าหนักใจอยู่ แน่นอนค่ะ ปัญหาใหญ่ของสาวๆหลายๆคน

อดีต สูง 163 cm. หนัก 71 kg.      > BMI 26.7 overweight
ปัจจุบัน สูง 163 cm. หนัก 59 kg.  > BMI 22.2 normal weight

คือเป็กเป็นเด็กหญิงที่ เกิดมาแรกเริ่มเดิมทีไม่ได้อ้วนกระปุกค่ะ
แต่ภายหลังการคลอด มารดาผู้ให้คำปรึกษาบอกว่า 

"เธอน่ะ ต้องกินนมจนอ้วก ถึงจะหยุดกิน"

วลีนี้ทำให้ตระหนักได้ว่า ชั้นอ้วน ก็ไม่แปลกคร่ะ ... ขอบคุณ TOT
ไล่ประวัติเล็กน้อย คือ
ป.5-6 หนักราว 69
ม.1 เหลือ 60 เนื่องจากเป็นไทรอยด์เป็นพิษ ทำให้ระบบเผาผลาญทำงานเยอะเกินไป ช่วงนั้นตาโปน ใจสั่น กินข้าว3 กะมังแล้วนอน แต่กลับผอม >> ด้วยเหตุนี้ทำให้ตระหนักถึงฮอร์โมน ทำให้ไม่เคยคิดจะลองยาลดความอ้วนใดใดเลยค่ะ
ม.3-4 กลับมาที่ 73
ม.5-6 ลดมาได้ที่ 62 ช่วงนี้อดอาหารแบบผิดๆ โชคดีไม่โยโย่ ประคองมาได้จนกระทั่ง
ปี 2 ไม่ชั่งน้ำหนัก ถือเป็นความผิดพลาดที่สุดในชีวิต
ปี 3 น้ำหนักพรวดไปที่ 71 ช็อคโลกามากกกก 
คือถามว่าผลพวงจากอะไรบอกเลยค่ะ เหล้าปั่น กับพวก soft drink ผสมเหล้า ของชีวิตมหาลัย และอาหารยามค่ำคืน เพราะต้องทำงานเรียนยันวันใหม่เป็นประจำค่ะ

รูปช่วงนั้น




และช่วงนี้เป็นช่วงเปลี่ยนค่ะ
คือโดนทุกคนเรียกว่า อีอ้วน อ้วน ไอ้อ้วน หมู บลาๆๆๆๆๆๆๆ
จนแบบรู้สึกว่า เฮ้ย ชั้นต้องทำอะไรสักอย่างแล้วแหล่ะ
พอดีโชคดีในความโชคร้ายคือ แม่โดนสปาช้ะช้า ต้อนให้ซื้อคอส (บอกก่อนค่ะว่าไม่ได้ผอมเพราะสถาบันความงามนี้หรือใดๆ) แล้วแม่ก็ลากเป็กไปด้วย
สิ่งที่ได้รู้คือ ได้พบกับพี่โภชนาการค่ะ เค้าสั่งลดแป้ง น้ำตาล คือหมวดคาร์โบไฮเดรตทั้งหมดค่ะ
หลังจากสั่งลด สิ่งที่ปรามาสอีกประโยคคือ  

"คุณน้องคะ อย่างน้องเป็กกี้น่ะค่ะ ต่อให้น้องไม่ทานอะไรเลย น้องก็ไม่ผอมค่ะ เพราะระบบเผาผลาญน้องแย่มาก"

คือเค้าจับเป็กเข้าTC Scan และผลมันไม่ดีเท่าไร

มันก็เป็น motivation ที่สำคัญคือ เหมือนโดนเคาะกะโหลกเบาๆ
หลังจากนั้นก็งดคาร์โบค่ะ
และเน้นกินโปรตีนกับผักสด  โปรตีนนี่คือ แบบ หมู เห็ด เป็ด ไก่ ไข่ ปลา กินหมด
บางคนอาจจะบอกว่า เฮ้ย หากินลำบากป่ะ เดี๋ยวนี้คือร้านก็ไม่ได้หากันง่ายๆ แล้วเรียนด้วยหรือทำงานก็ตาม 
จะหากินแบบคุมหน่อยก็ยาก

ช่วงนั้นก็กินเกาเหลา หรือถ้าเป็นร้านข้าวแกงในมหาลัย ก็สั่งเฉพาะกับข้าว
หรือจะกินหมูปิ้ง ไก่ทอดก็ได้ แต่ลิมิตชิ้น และหาผักๆๆกิน

เชื่อมั๊ยคะว่า ลงไวมาก ผ่านไปอาทิตย์ ลงไป2โล 
พอน้ำหนักลงสิ่งที่ทำคือ กินแป้งมาหน่อย เหมือนค่อยๆลงเป็น step ขั้นบันได

ช่วงปี 4 ที่เริ่มลงมา ตอนนั้นในรูปราวๆ 63 kg.ค่ะ
กำลังจะไปมิตติ้ง ทำมัดย้อมกัน ครื้นเครงมาก ชีวิตตอนนั้น 555555



ต่อมาเป็นรูปตอนส่งทีสิสเรียบร้อย จบแล้วรอรับปริญญาค่ะ
เป็นรูปที่มันเต็มตัวน่ะค่ะ อย่าดราม่าคณะหนูนะ T^T (คือกลัว)
ตอนนั้นหนักราวๆ 60 ค่ะ



สรุปคือใช้เวลา 2 ปี ในการลงมาจาก 71 เหลือ 59 บางวันอารมณ์ดีก็ 58 ค่ะ
คือไม่ได้ปุปปับลง คือไม่ได้รีบลงเพราะไม่ได้รีบใช้หุ่น 
แต่พอมันลงมา 59 ก็พอดีงานรับปริญญาพอดี ^O^






ตอนนี้ก็มีเป้าหมายลงให้ได้ 55 แล้วจบ พอ ไม่ลงแล้ว เหนื่อยเพลีย จะกินอย่างมีความสุข ภายใต้การควบคุมของสติ
ค่ะ 

อยากแบ่งปัน อาจจะเขียนเวิ้นเว๊อไปบ้าง ขออภัยมา ณ ที่นี้ค่ะ
เป็นกำลังใจให้สาวๆที่อยากลดน้ำหนักต่อไป
อยากให้ดูความสมดุลของ BMI เป็นสำคัญมากกว่า เพราะดัชนีมวลกายมันช่วยบ่งชี้สุขภาพดีกว่าค่ะ

ถ้าให้เปรียบเทียบความรู้สึกนะคะจากอ้วน แล้วมาผอมแบบน้ำหนักปกติ ไม่ได้สลิมมมม
สิ่งที่เปลี่ยนไป
1. เรี่ยวแรงหายไป  ตอนอ้วนนี่คือ ยกกระสอบปูนดินทรายได้สบายๆ เคยยกกระสอบข้าว 50 โลก็พอจะลากๆไปได้
ตอนนี้คือ แค่ลังสินค้าที่ต้องไปส่งลูกค้า ยังลำบากเลยค่ะ คือรู้สึกเลยว่าแรงหาย
แค่เข็นรถที่จอดขวางในห้าง ยังดันจนแขนสั่นเลย ><

2. ผู้ชายพูดจากับเราดีขึ้น
เป็นเรื่องจริงที่ความสวยเป็นใบเบิกทาง ในหลายๆเรื่อง ทำให้เรื่องที่ดูบางทีน่ากังวล กลายเป็นเรื่องง่ายขึ้น
ผู้ชายพูดจาด้วยดีขึ้น จากที่เมื่อก่อนนี่คือไม่เคยมีใครลงจากรถ แล้วมาช่วยเข็นรถ อันนี้น้ำใจดีมาก แต่ตอนที่เป็นคนอ้วน ไม่เคยได้รับอะไรแบบนี้เลยจริงๆ แต่ก็ขอบคุณพี่เค้าด้วยความจริงใจ และประเด็นคือ พี่คนนั้นขับรถผ่านนะคะ ไม่ได้จะจอดต่อที่จอดเป็ก คือขับผ่านแล้วลงมาช่วย ขอบคุณอีกครั้ง ปรบมืองามๆสามที
มีคนช่วยอำนวยความสะดวกแบบแปลกๆ คือแบบ งงๆ ให้ค่ะ การไปส่งของเข้าซุปเปอร์ (คือต้องไปลุยเองหมดค่ะ ขายของกับทางห้าง จัดซื้อบอกต้องส่งเอง ก็ส่งเองคือ สถานะเด็กส่งของเดินบิล) พี่เค้าแถบจะพาไปถึง shelf เรียงสินค้าที่หน้าร้าน ^^
หรือว่าจะถามหรือสงสัยอะไรๆ ก็มีคนให้คำตอบที่ดีขึ้นค่ะ

3. รู้สึกคล่องตัวขึ้นเยอะ
คืออย่างน้อยๆการนั่งขัดสมาธินานๆก็ไม่เป็นปัญหามากเหมือนเมื่อก่อนค่ะ

4. ซื้อเสื้อผ้าได้ถูก
เพราะไม่ต้องใช้ขนาดพิเศษ เลยลดราคาค่าเสื้อผ้าได้เยอะเลยค่ะ ^^

5. สำคัญสุดคือ ได้สุขภาพที่ดีมา
ปกติเป็นคนที่มีปัญหาเรื่องเข่าค่ะ ตอนนี้ไม่ปวดเหมือนเมื่อตอนที่น้ำหนักเยอะ ก็สบายตัวไปเยอะเหมือนกันค่ะ

สุดท้าย หลังจากที่เวิ้นเว๊อมายาวนาน 

keyword ของเป็กกี้ในการลดน้ำหนักคือ
ลดคาร์โบไฮเดรต แป้ง น้ำตาล น้ำเต้าหู้ที่ใส่น้ำตาล ปาท่องโก๋ ข้าว เส้นก๋วยเตี๋ยว น้ำราดพวกข้าวหมูแดงหน้าเป็ด ขาหมูต่างๆ ใดใดก็ตามที่รสหวาน พึงระวังค่ะ
คือกินอย่างมีสติ ห้ามกินน้ำสลัดครีมๆ
จริงตอนที่ลดนะคะ คือไม่ทานน้ำสลัดเลย ทานเป็นน้ำพริกไทยเรานี่แหล่ะค่ะ เวิร์คสุด

แต่สารภาพเลยว่ามีตบะแตกเหมือนกัน ก็กินช็อคโกแลตแบบ สามสี่บาร์ได้ T^T กินเสร็จก็ด่าตัวเองค่ะ

สิ่งที่กินได้คือ โปรตีน ไก่ย่าง ปลาย่าง หมู โน่นนั่นนี่
คือเป็ก พยายามเลี่ยงเนื้อหมู เน้นไก่กับปลา เพราะแคลมันน้อยกว่า และไม่กินพวกวัวเพราะ 1 เหนียว ย่อยยาก 2 คาวไม่ชอบโดยส่วนตัว

ผักๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ พยายามกินผักสด หรือจะต้มก็ได้ แต่สดได้วิตามินมากกว่า แล้วหน้าจะไม่โทรม
เอาจิ้มน้ำพริกโน่นนั่นนี่ แล้วจะอร่อยขึ้นค่ะ ไม่เลี่ยนเหมือนพวกน้ำสลัดด้วย

จริงๆจะลงเร็วกว่านี้ เพราะเวลาทานพวกแบบไก่ย่างค่ะ ชาวบ้านกินกันเป็นชิ้น เป็กกี้กินที ครึ่งตัวค่ะคนเดียวTT
เลยลงช้า5555555



หวังว่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยค่ะ

รัก 

เป็ก




 


p.peggy

p.peggy

FULL PROFILE