5 เรื่องลดหย่อนภาษี ที่คนไม่มีคู่ไม่รู้หรอก
DokChanMoney 10 4มาถึง “เดือนแห่งความรัก” คนไม่มีคู่ก็น่าจะเหงาๆ หน่อย ขอให้เข้มแข็งอดทน เพราะแค่ไม่กี่วันมันก็จะผ่านไป พวกเรารู้ พวกเราเคยโสดมาก่อน 555 ไม่อยากจะเม้าททท์ พวกเรา “นักสืบดอกจัน” ถึงจะเป็น #สาวสายโหด แต่ตอนนี้ไม่โสดแล้วนะจ๊ะ แถมด้วยเบบี๋น้อยอีก 1 คน เพราะฉะนั้นวาเลนไทน์นี้พวกเราไม่เหงาแน่นอน... รู้อย่างนี้พี่แต่งไปนานแล้วววและนอกจากจะไม่เหงาแล้ว คนมีคู่อย่างเรายังได้สิทธิลดหย่อนภาษีที่ “คนไม่มีคู่” ไม่รู้หรอก หรือ บางทีก็รู้อยู่แก่ใจแต่ไม่มีสิทธิ... โอ๊ยยย ไม่อยากจะขยี้ แต่เจ็บปวดกว่านี้มีอีกมั้ย เพราะฉะนั้นเพื่อไม่ให้เจ็บกันเกินไป ขอแค่เบาะๆ เบาๆ แค่ 5 เรื่องก็พอ
1. แต่งงานแล้ว ลดหย่อนคู่สมรสได้ ถ้าสาวๆ ที่แต่งงานแล้ว ได้เป็นแม่บ้านเต็มเวลาไม่มีรายได้เลย ขอแสดงความยินดีกับคุณสามีด้วย เพราะคุณสามีสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภรรยาได้ 60,000 บาทไปเต็มๆ เพราะฉะนั้นเมื่อรวมกับค่าลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท เท่ากับได้ค่าลดหย่อนรวม 120,000 บาท ในทางกลับกัน ถ้าคุณสามีไม่มีรายได้ ภรรยาก็สามารถใช้สิทธิหักลดหย่อนสามีได้ 60,000 บาทเช่นเดียวกัน รวมทั้งคู่สมรสมที่มีเงินได้จากดอกเบี้ยเงินฝาก หรือ เงินปันผล แต่เงินได้ก้อนนี้เสียภาษีหัก ณ ที่จ่ายไปแล้ว และเลือกยื่นภาษีร่วมกัน โดยไม่นำเงินได้จากดอกเบี้ย หรือ เงินปันผลมาคำนวณรวมกับเงินได้อื่น ก็ให้ถือว่า เป็นคู่สมรสที่ไม่มีรายได้ เพราะฉะนั้นก็สามารถใช้สิทธิลดหย่อนคู่สมรสที่ไม่มีรายได้ได้เหมือนเดิมแต่เดี๋ยวก่อน สามีภรรยาที่จะใช้สิทธินี้ได้ต้อง “จดทะเบียนสมรส” เท่านั้น เพราะฉะนั้นถ้าแต่งงานเฉยๆ ไม่ได้จดทะเบียนสมรสจะใช้สิทธินี้ไม่ได้นะจ๊ะถ้าแต่งงานแต่ไม่จดทะเบียนสมรสเวลายื่นแบบแสดงรายการจะต้องแจ้งสถานะ “โสด” แต่ถ้าจดทะเบียนสมรสแล้ว แต่คู่สมรสไม่มีรายได้ ก็ต้องแจ้งว่า “คู่สมรสไม่มีเงินได้”และที่สำคัญที่สุด คือ ใช้สิทธิลดหย่อนคู่สมรสได้สูงสุดเพียง 1 คนเท่านั้น อย่าให้เกิน
2. พ่อแม่คู่สมรส ก็ลดหย่อนได้ นอกจาก #รักพ่อแม่ตัวเองแล้วก็รักพ่อแม่แฟนด้วย เพราะถ้าพ่อแม่ของเราทั้งคู่อายุ 60 ปีขึ้นไป สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ โดยได้สิทธิลดหย่อนพ่อแม่ของตัวเราเองคนละ 30,000 บาท และถ้าแฟน* (ไม่ว่าจะสามี หรือ ภรรยา) ไม่มีรายได้ จะได้สิทธิลดหย่อนพ่อแม่ของคู่สมรสอีกคนละ 30,000 บาทอีกด้วย เพราะฉะนั้นสิทธิลดหย่อนพ่อแม่สูงสุดที่ใช้สิทธิได้ คือ 4 คน รวม 120,000 บาทถ้าเข้าเงื่อนไขครบทุกข้อต่อไปนี้...
- คู่สมรสไม่มีรายได้
- คู่สมรสเป็น “บุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย” ของพ่อแม่ เพราะลูกบุญธรรมใช้สิทธิลดหย่อนไม่ได้
- พ่อแม่คู่สมรสอายุ 60 ปีขึ้นไป และอยู่ในความดูแลของเรา แต่ไม่จำเป็นต้องมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเดียวกันก็ได้
- พ่อแม่คู่สมรสมีรายได้ทั้งปีไม่เกิน 30,000 บาท
3. ซื้อประกันสุขภาพให้พ่อแม่คู่สมรสก็ลดได้ลูกกตัญญูอย่างเรา นอกจากจะทำอะไรดีๆ ตอบแทนพระคุณพ่อแม่แล้ว ถ้าซื้อประกันสุขภาพให้พ่อแม่ ทั้งพ่อแม่เราและพ่อแม่แฟน จะได้สิทธิลดหย่อนภาษีเป็นรางวัลลูกกตัญญู โดยที่หักลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง แต่รวมแล้วไม่เกิน 15,000 บาท (รวมทั้งพ่อแม่เรา และพ่อแม่แฟน) เงื่อนไขในการใช้สิทธิลดหย่อนเบี้ยประกันสุขภาพพ่อแม่ของคู่สมรส จะคล้ายๆ กับสิทธิลดหย่อนพ่อแม่ เพียงแต่ไม่กำหนดอายุพ่อแม่เท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นถ้าเข้าเงื่อนไขต่อไปนี้ใช้สิทธิได้เลย
- คู่สมรสไม่มีรายได้
- คู่สมรสเป็น “บุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย” ของพ่อแม่ เพราะลูกบุญธรรมใช้สิทธิลดหย่อนไม่ได้
- พ่อแม่คู่สมรสมีรายได้ทั้งปีไม่เกิน 30,000 บาท
4. มีลูกแล้ว หักลดหย่อนลูกได้ เมื่อมีลูกน้อย จะมีสิทธิหักลดหย่อนบุตรคนละ 30,000 บาท โดยจะต้องเป็น “บุตรชอบด้วยกฎหมายของผู้มีเงินได้หรือของคู่สมรส และบุตรบุญธรรมของผู้มีเงินได้” โดยมีเงื่อนไขว่าต้องเป็นบุตรที่...
- อายุไม่ถึง 20 ปี หรือ ยังไม่บรรลุนิติภาวะโดยการสมรส
- อายุ 20-25 ปี แต่ยังศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัย หรือ ชั้นอุดมศึกษา
- ศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถ หรือเสมือนไร้ความสามารถ
- มีเงินได้พึงประเมินไม่เกิน 30,000 บาท และอยู่ในความอุปการะเลี้ยงดูของผู้มีเงินได้
5. ตั้งแต่ปีนี้มีลูกคนที่ 2 ได้ลดหย่อนเพิ่มว้าวๆๆๆ นี่มันวาระ “มีลูกช่วยชาติ” ชัดๆ เพราะเมื่อวันที่ 16 ม.ค. 2561 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบ “มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการมีบุตร” โดยให้สิทธิลดหย่อนภาษีเพิ่มอีกคนละ 30,000 บาท สำหรับลูกคนที่ 2 เป็นต้นไป แต่ต้องเป็นลูกที่เกิดตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นไป (และยื่นภาษีในปี 2562)เพราะฉะนั้นคนที่มีลูกคนที่ 1 แล้ว ถ้าปีนี้มีลูกเพิ่มสิทธิลดหย่อนลูกคนที่ 2 จะเพิ่มเป็น 60,000 บาท ลูกคนที่ 1 ได้ลดหย่อน 30,000 บาทลูกคนที่ 2 ได้ลดหย่อน 60,000 บาทนอกจากนี้ คณะรัฐมนตรียังอนุมัติให้ผู้มีเงินได้หรือคู่สมรสสามารถนำ “ค่าฝากครรภ์” หรือ “ค่าคลอดบุตร” ไปหักเป็นค่าลดหย่อน ได้ตามที่จ่ายจริงสำหรับการตั้งครรภ์แต่ละคราว แต่ไม่เกิน 60,000 บาท สำหรับค่าฝากครรภ์และค่าคลอดบุตรที่จ่ายไปตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2561 เป็นต้นไป โดยมีเงื่อนไขว่า จะให้เฉพาะคนที่ไม่ได้มีการเบิกค่าใช้จ่ายในการฝากครรภ์และคลอดบุตรจากแหล่งอื่นๆ เช่น สิทธิประกันสังคม สิทธิข้าราชการ ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ต้องรอให้ประกาศเป็นกฎหมายก่อน
แค่ 5 ข้อนี้ก็น่าจะช่วยหาเหตุให้ไปสะกิดคนข้างๆ ว่า ถ้าอยากประหยัดภาษี #มีลูกกันเถอะ หรือถ้าข้ามขั้นไปหน่อยก็เริ่มจาก #แต่งงานกันมั้ย จะได้ลดภาษีด้วยน้าาาา