รอยแดงคืออะไร?

รอยแดงมักเกิดขึ้นหลังจากการอักเสบของสิว ซึ่งรอยแดงจะเกิดในช่วงที่การอักเสบยังไม่หายดี ก่อนจะทิ้งเป็นรอยดำ เป็นระยะที่การอักเสบเริ่มลดลง หรือมีการขยายตัวของเส้นเลือดที่เพิ่มจำนวนมากขึ้นจนเห็นเป็นรอยแดงปรากฎขึ้นบนผิว

รอยแดงเกิดจากอะไร?

รอยแดงเกิดจากการอักเสบของผิวที่สังเกตเห็นได้โดยง่าย เช่น อาการแดง ปวด มีตุ่มหนอง หรือมีการอักเสบอยู่เล็กน้อยบริเวณสิวที่เป็นอยู่แล้ว ซึ่งในบางครั้งมองไม่เห็น แต่พอสิวหายแล้ว อาจทิ้งแผลเป็นหลุมสิวไว้ก็เป็นไปได้ เพราะฉะนั้นควรจะรีบรักษารอยแดง ตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาผิวตามมา ไม่ว่าจะเป็นหลุมสิว หรือรอยดำ

วิธีการรักษารอยแดง

การรักษารอยแดงจากสิวขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ และช่วงเวลาในการรักษา ถ้าต้องการเห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็ว ควรใช้ยาทา ยากิน และให้แพทย์ช่วยประเมินอาการ หากปล่อยไว้นานๆ เวลาที่ใช้รักษาก็จะนานขึ้นไปด้วย เนื่องจากยาที่ใช้รักษารอยแดงไม่ได้มีตัวเลือกมากเท่ารอยดำ และอาจเป็นยาที่ไม่ได้ตอบสนองดีกับรอยแดงเท่าที่ควร

สกินแคร์ที่มีส่วนผสม (ingredient) ตัวไหนที่ช่วยรักษารอยแดงจากสิวได้?

ส่วนผสมที่ช่วยดูแลอาการอักเสบของผิวที่มีรอยแดงได้ มีทั้งกลุ่มสกินแคร์ ยา หรือหัตถการ เช่น

• กลุ่มใบบัวบก (Centella Asiatica) หรือ วิตามินบี 3 (Niacinamide) สามารถช่วยดูแลอาการอักเสบ และลดเลือนรอยต่างๆ ได้
• กลุ่มเลเซอร์ที่ช่วยรักษารอยแดง และมักใช้ควบคู่กับยาทา เพื่อช่วยให้ประสิทธิภาพในการรักษาเร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม การทำเลเซอร์ 1 ครั้ง สามารถเห็นผลเรื่องรอยแดงว่าดีขึ้น 20-30 เปอร์เซ็นต์ แต่ไม่ใช่ว่าจะรอยแดงจะหายได้ในทันที ต้องใช้ระยะเวลาเช่นกัน

รอยแดงจากสิว รักษานานแค่ไหนถึงจะหาย?

ส่วนใหญ่การรักษารอยแดงจะใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือน เพราะปัจจุบันมีทั้งฝุ่นละออง และ แสงแดด ทั้ง UVA และ UVB ที่เป็นตัวกระตุ้นในการสร้างเม็ดสี รวมถึงกระตุ้นการอักเสบของผิวเพิ่มมากขึ้นได้เช่นกัน ซึ่งปัจจัยกระตุ้นเหล่านี้ทำให้หน้าเกิดการระคายเคือง และเกิดการอักเสบวนไปวนมา ทำให้อาการไม่ดีขึ้น หากทิ้งไว้นาน อาจเกิดเป็นหลุมสิว หรือเป็นรอยดำได้