Ceramides สารของคนอยากมีผิวแข็งแรง (Skin Barrier) | Jeban x SkinX

by

DaisyOfficial

Ceramides คืออะไร?

Ceramides (เซราไมด์) เป็นสารที่เป็นส่วนประกอบหนึ่งในชั้นกำแพงผิว หรือ Skin barrier เป็นไขมันชนิดหนึ่งที่แทรกอยู่ระหว่างเซลล์ผิว มีหน้าที่ช่วยป้องกันการสูญเสียความชุ่มชื้น ป้องกันไม่ให้สารที่มีประโยชน์ออกจากผิว อีกทั้งยังช่วยป้องกันเชื้อโรค และมลภาวะจากภายนอกไม่ให้เข้าสู่ผิวอีกด้วย

Ceramides ช่วยแก้ปัญหาผิวอะไรได้บ้าง?

เซราไมด์ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ในผิว ปกป้องผิวจากมลภาวะ และอนุมูลอิสระจากภายนอก เมื่อมีปัจจัยจากสภาพแวดล้อมเข้ามากระทบ ผิวจะไม่เกิดการระคายเคืองง่าย ซึ่งโดยปกติร่างกายของเราสามารถสร้างเซราไมด์เองได้อยู่แล้ว แต่เมื่ออายุมากขึ้น จะสร้างได้น้อยลง ทำให้ผิวชุ่มชื้นลดลง และแข็งแรงน้อยลง

Ceramides เหมาะกับใคร?

อายุที่มากขึ้น การทำร้ายของแสงแดด และมลภาวะ ส่งผลให้เซราไมด์ตามธรรมชาติที่อยู่ในผิวของเราลดน้อยลง และในที่สุดก็จะหมดลง Ceramides จึงเหมาะกับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะสำหรับคนที่มีผิวแห้งลอก คนที่เป็นผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง และคนที่ผิวแห้งมาก หรือแม้แต่คนที่ใช้ยาสิวที่ทำให้ผิวแห้งลอกมาก เซราไมมายด์ยังมีประโยชน์ด้านชะลอวัย ชะลอการเกิดริ้วรอย หรือ Anti-Aaging และควบคุมสมดุลผิว ดังนั้นถ้าผิวขาดเซราไมด์ายด์ จะมีลักษณะแห้ง ลอกได้

Ceramides มีการทำงานกับผิวยังไงบ้าง?

เซราไมด์ทำหน้าที่คล้ายปูน หรือกาวที่เชื่อมเซลล์ผิวเอาไว้ด้วยกัน ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น ลดการสูญเสียความชุ่มชื้นจากเซลล์ผิว เมื่อช่วยปกปิดเซลล์ผิวแล้ว พวกฝุ่น มลภาวะ หรือว่าปัจจัยภายนอกต่างๆ ที่จะมารบกวนการทำงานของผิว ก็จะลดลงตามไปด้วย

สภาพผิว และปัญหาผิวแบบไหนที่ควรเลี่ยงไม่ควรใช้ Ceramides

เซราไมด์สามารถใช้ได้ทุกสภาพผิว โดยไม่ได้มีข้อห้าม หรือข้อควรระวังเป็นพิเศษ เพราะเซราไมด์เป็นสารที่มีในผิวโดยธรรมชาติอยู่แล้ว จึงเป็นสารที่ผิวเราคุ้นเคย เพียงแต่ผลิตได้ลดลงเมื่ออายุผิวมากขึ้น การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีเซราไมด์เป็นส่วนผสมจึงช่วยเข้าไปเสริมในส่วนที่ขาด ถ้าผลิตภัณฑ์ที่เอามาใช้ไม่ได้ผสมอะไรที่แปลกปลอมหรือมีโอกาสระคายเคืองมากก็สามารถใช้ได้ตามปกติ

Ceramides สามารถใช้ หรือควรใช้ควบคู่กับส่วนผสม (ingredient) อื่นๆ ตัวไหนดี?

เซราไมด์สามารถใช้ร่วมกับส่วนผสมตัวอื่นได้แบบไม่ต้องกังวล เพราะเซราไมด์เป็นตัวเติมความชุ่มชื้น ซึ่งแนะนำให้ใช้คู่กับ AHA, BHA จะดีเนื่องจากสารข้างต้นมีโอกาสก่อให้เกิดการระคายเคืองได้ หรือว่ากลุ่มคนที่มีผิวระคายเคือง ใช้ยาสิวอยู่ ก็จะช่วยให้ผิวทนต่อการใช้ยาสิวได้ดีขึ้น หรือคนที่ใช้เรตินอลที่อาจเกิดการระคายเคืองหรือผิวแห้งลอกในช่วงใช้ยา เพราะช่วยเติมความชุ่มชื้น ลดอาการแห้งลอกจากการใช้ยาสิว และลดผลข้างเคียง หรือผลไม่พึงประสงค์จากยาอื่นๆ ที่อาจทำให้เกิดการระคายเคือง

Ceramides ควรเลี่ยงใช้คู่กับส่วนผสม (ingredient) ตัวใดบ้าง?

ไม่มีสารที่ควรเลี่ยง หรือระวัง เนื่องจากเซราไมายด์สามารถใช้ร่วมกับสารอื่นๆ ได้ทั้งหมด

ผลข้างเคียงของการใช้ Ceramides

ส่วนใหญ่เซราไมด์ที่มีขายอยู่ในท้องตลาดจะไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง แต่อาจเกิดการระคายเคืองได้บ้างจากปัจจัยอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น เซราไมด์แบบออยล์เบส อาจทำให้เกิดการอุดตันได้ แต่ถ้าเป็นผลข้างเคียงจากตัวเซราไมด์โดยตรงจะไม่ค่อยมี

Ceramides ต้องใช้นานแค่ไหนถึงจะเห็นผล?

โดยปกติแล้ว ผลลัพธ์ของ Ceramides จะเริ่มเห็นผลเมื่อใช้อย่างต่อเนื่อง 2-3 เดือนขึ้นไป ส่วนใหญ่แล้วไม่ว่าจะผลิตภัณฑ์อะไร หากใช้ในระยะเวลาสั้น ก็ล้วนแล้วแต่ยังไม่ทันได้ออกฤทธิ์กับผิวอย่างเต็มที่ ซึ่งการที่ผิวชุ่มชื้นขึ้น อาจจะเป็นเพราะสารประกอบอื่นๆ ที่ใส่เข้ามาผสม และเป็นการเห็นผลแค่ชั่วคราวตอนทาเท่านั้น หากต้องการใช้เซราไมด์อย่างเห็นผลระยะยาวจริงๆ จึงต้องใช้อย่างต่อเนื่องประมาณ 2-3 เดือนขึ้นไป

วิธีการเก็บรักษาเครื่องสำอางที่มี Ceramides

สามารถเก็บ Ceramides ในอุณหภูมิห้องปกติได้ ไม่จำเป็นต้องแช่ตู้เย็น เพราะเซรามายด์มีความคงตัวค่อนข้างดี นอกจากนั้น การเก็บรักษายังขึ้นอยู่กับรูปแบบของแพ็กเกจจิ้งด้วย และส่วนใหญ่อายุการเก็บรักษาจะขึ้นอยู่กับสารกันเสียที่ผสมมา แนะนำให้อ่านฉลากอย่างละเอียดว่า หลังเปิดใช้แล้ว ควรใช้ให้หมดในระยะเวลาเท่าไหร่

วิธีการเลือกใช้ Ceramides

  • เซราไมด์ สามารถเลือกใช้ได้ตามสภาพผิว โดยส่วนใหญ่เซราไมด์จะผสมอยู่ในครีม โลชั่น สามารถเลือกใช้ให้เหมาะกับสภาพผิวได้เลย โดยหากผิวแห้งมากก็ควรเลือกเป็นรูปแบบครีม โลชัน มากกว่าเซรัม หรือโทนเนอร์
  • สำหรับคนที่เป็นสิวควรเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์กลุ่ม ที่มีส่วนประกอบของ Comedogenic substances จะดีต่อผิวที่สุด เพื่อลดโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดสิวใหม่

Ceramides แตกต่างจากส่วนผสม (ingredient) ที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงอย่างไร?

  • Hyaluronic acid : เซราไมด์เป็นตัวเติมความชุ่มชื้นให้ผิวเช่นกัน
  • Glycerin : เป็นตัวเติมความชุ่มชื้นให้ผิวเช่นกัน
  • Niacinamide : ช่วยเรื่อง skin texture ในรูปแบบที่แตกต่างกับ ceramides
  • เซราไมด์ ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นเอาไว้ในผิว ปกป้องผิวจากมลภาวะภายนอก
  • เหมาะสำหรับคนที่มีผิวแห้งลอก คนที่เป็นผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง คนที่ผิวแห้งเป็นพิเศษ และคนที่ใช้ยาสิวที่ทำให้ผิวแห้งลอกมาก
  • เซราไมด์มีประโยชน์ด้านการชะลอวัย หรือ Anti-aging โดยต้องใช้เวลาเห็นผล 2 - 3 เดือนขึ้นไปเป็นอย่างน้อย
  • เซราไมด์ใช้ร่วมกับสารกลุ่ม AHA, BHA ได้ดี ช่วยให้ผิวทนต่อการใช้ยาสิวได้มากขึ้น เพราะทำให้ผิวชุ่มชื้นมากขึ้น

มีเรื่องผิวกวนใจ ปรึกษาปัญหาด้านผิวหนัง ได้ทุกเรื่อง ได้ทุกที่

กับคุณหมอผู้เชี่ยวชาญ SkinX แอปพบแพทย์ผิวหนังออนไลน์

daisy-skinx.png

ขอบคุณข้อมูล :
แพทย์หญิงปุญชรัสมิ์ วีระสืบพงศ์ แพทย์ผิวหนังจากโรงพยาบาลสมิติเวช