Niacinamide (Vitamin B3) ส่วนผสมเติมความชุ่มชื้น ที่ควรใช้ทุกสภาพผิว | Jeban x SkinX

by

DaisyOfficial

Niacinamide หรือ Vitamin B3 คืออะไร?

Niacinamide (ไนอะซินาไมด์) หรือวิตามินบี 3 หรือที่รู้จักกันอีกชื่อคือ Nicotinamide (นิโคตินาไมด์) เป็นกลุ่มวิตามินบีรวม หรือวิตามินบีคอมเพล็กซ์ที่พบได้ในอาหารทั่วไป จำพวกเนื้อสัตว์ ผัก ปลา ไข่ นม หรือถั่วชนิดต่างๆ

นอกเหนือจากเป็นวิตามินที่ได้จากการรับประทานอาหารแล้ว ประโยชน์ในแง่การบำรุงผิวพรรณก็มีมากมาย Niacinamide เป็นวิตามินกลุ่มที่ไม่ละลายในน้ำมัน มีคุณสมบัติช่วยปรับสมดุลน้ำมันในต่อมไขมัน ทำให้ Skin barrier หรือป้อมปราการของผิวแข็งแรงขึ้น จากการกระตุ้นให้ผิวสร้างสารที่เป็นไขมันในชั้นผิวเพิ่มมากขึ้น เพราะฉะนั้นจึงช่วยเรื่องความชุ่มชื้นของผิวได้อีกด้วย

Niacinamide ช่วยแก้ปัญหาผิวอะไรได้บ้าง?

Niacinamide กระตุ้นกระบวนการสร้างเซราไมด์ (Ceramide) และอิลาสติน (Elastin) ที่เป็นองค์ประกอบสำคัญของผิว กันความชุ่มชื้นไม่ให้ระเหยออกจากผิว ทำให้ผิวชุ่มชื้นเพิ่มมากขึ้น และป้องกันความเสียหายจากปัจจัยภายนอกที่ทำร้ายผิว niacinamide ยังช่วยลดการทำงาน และลดการสร้างไขมันในต่อมไขมัน จึงช่วยปรับสมดุลน้ำมัน และความมันบนผิว ช่วยลดการอักเสบ ลดความแดง

หากใช้อย่างต่อเนื่อง Niacinamide สามารถช่วยลดเลือนจุดด่างดำ รอยดำจากสิวและช่วยลดเลือนรูขุมขนได้ด้วย เพราะส่วนผสมนี้ช่วยผลัดเซลล์ผิวแบบอ่อนๆ พร้อมช่วยลดการอุดตัน จึงลดโอกาสการเกิดสิวได้

Niacinamide เหมาะกับใคร?

Niacinamide เหมาะกับทุกสภาพผิว เพราะไม่ใช่ส่วนผสมที่รุนแรงต่อผิว และยังโดดเด่นในเรื่องช่วยเติมความชุ่มชื้น หากนำไปใช้กับผิวแต่ละประเภท จะได้ผลลัพธ์ ดังนี้

  • คนที่มีการอักเสบจากสิวค่อนข้างมาก Niacinamide จะช่วยลดการระคายเคืองจากการอักเสบ พร้อมควบคุมความมันบนผิวหนัง และลดโอกาสการเกิดสิว
  • คนที่ผิวบอบบางแพ้ง่าย ผิวค่อนข้างแห้ง เป็นภูมิแพ้ผิวหนัง รวมถึงคนที่ใช้ยาสิวอยู่ ก็จะยิ่งมีประโยชน์มากขึ้น เพราะว่านอกจากจะช่วยลดอาการแดง และอักเสบจากสิวแล้ว และยังช่วยปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระ เพิ่มการผลิดเซราไมด์ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวได้ด้วย
  • คนที่เป็นสิว สีผิวไม่สม่ำเสมอ มีจุดด่างดำหรือรอยดำ รอยแดงจากสิว niacinamide ช่วยลดเลือนจุดด่างดำ ลดรอยแดง และปรับสีผิวใ้หสม่ำเสมอมากขึ้นได้

Niacinamide มีการทำงานกับผิวยังไง?

Niacinamide ออกฤทธิ์ในชั้นผิวตั้งแต่ชั้นผิวหนังแท้ ช่วยกระตุ้นการสร้าง Ceramide สารชนิดหนึ่งที่เป็นตัวเคลือบผิว เป็นป้อมปราการผิว ดังนั้นการทา Niacinamide จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้าง Ceramide ในชั้นผิวที่มากขึ้น ช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะภายนอก และปกป้องผิวจากการสูญเสียความชุ่มชื้น ลดการอักเสบแดงของผิว นอกจากนี้เซราไมด์ก็ยังช่วยควบคุมความมัน ลดการผลิตน้ำมันในต่อมไขมัน ซึ่งส่งผลให้ผิวมันลดลงนั่นเอง

สภาพผิว และปัญหาผิวแบบไหนควรเลี่ยง Niacinamide

Niacinamide ไม่ค่อยมีผลกระทบที่สร้างความระคายเคืองกับผิว จะเห็นได้ว่าผลิตภัณฑ์ที่ขายอยู่ในท้องตลาดจะมีเปอร์เซ็นต์ของส่วนผสมที่ค่อนข้างหลากหลาย ตั้งแต่ 2% ถึง 5% ซึ่งการใช้ในความเข้มข้นสูงๆ อาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้บ้าง แม้สารนี้จะไม่มีข้อห้ามในการใช้ แต่ก็ต้องใช้ด้วยความระมัดระวังเช่นกัน

Niacinamide สามารถใช้ หรือควรใช้ควบคู่กับส่วนผสม (ingredient) อื่นๆ ตัวไหนบ้าง?

Niacinamide สามารถใช้คู่กับส่วนผสมอื่นๆ ได้ทุกชนิด ไม่ได้มีข้อห้ามในการใช้เป็นพิเศษ

  • ใช้คู่กับ Hyaluronic Acid ก็จะช่วยเสริมเรื่องของความชุ่มชื้นมากขึ้น
  • ใช้คู่กับกลุ่มยาสิว AHA, BHA และ RatinA จะช่วยลดการระคายเคืองของการใช้ยาสิวในกลุ่มนี้ได้

Niacinamide ควรเลี่ยงใช้คู่กับส่วนผสม (ingredient) ตัวใดบ้าง?

ผลข้างเคียงส่วนใหญ่มาจากการใช้ Niacinamide ที่มีเปอร์เซ็นต์ความเข้มข้นสูงเกินไป และส่งผลให้เกิดการระคายเคืองผิว โดยจะมีอาการคันยุบยิบที่ผิว หากเกิดอาการไม่พึงประสงค์ แนะนำให้หยุดใช้ และพบแพทย์ผิวหนังเพื่อปรึกษาเพิ่มเติม

Niacinamide ใช้แล้วมีผลข้างเคียงอะไรบ้าง?

ผลข้างเคียงส่วนใหญ่มาจากการใช้ Niacinamide ที่มีเปอร์เซ็นต์ความเข้มข้นสูงเกินไป และส่งผลให้เกิดการระคายเคืองผิว โดยจะมีอาการคันยุบยิบที่ผิว หากเกิดอาการไม่พึงประสงค์ แนะนำให้หยุดใช้ และพบแพทย์ผิวหนังเพื่อขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจะดีที่สุด

วิธีใช้ควรเลือกใช้ Niacinamide ให้ได้ผลยังไงดี?

Niacinamide เป็นครีมที่มีความคงตัวค่อนข้างสูง เพราะฉะนั้นไม่ว่าในเครื่องสำอางรูปแบบไหน ออยล์ เซรั่ม หรือครีม ก็ไม่ส่งผลต่อประสิทธิภาพของส่วนผสม แค่เลือกให้เหมาะสมสำหรับสภาพผิว เช่น ถ้าเป็นคนผิวแห้งมาก ควรเลือกใช้ในรูปแบบโลชั่น หรือครีม มากกว่าเซรั่มนั่นเอง

Niacinamide ต้องใช้นานแค่ไหนถึงจะเห็นผล

Niacinamide โดดเด่นเรื่องเติมความชุ่มชื้น ซึ่งต้องใช้ประมาณ 2-3 สัปดาห์ขึ้นไป ถึงจะเริ่มเห็นผลว่าผิวเริ่มมีความชุ่มชื้นมากขึ้น มีความมันลดลง โดยสามารถใช้ได้เป็นประจำทุกวัน

วิธีการเก็บรักษาเครื่องสำอางที่มี Niacinamide

Niacinamide เป็นสารที่ค่อนข้างคงตัว จะเก็บไว้ในบรรจุภัณฑ์ที่ทึบแสง หรือไม่ทึบแสงก็ได้ ไม่มีข้อจำกัด และสามารถเก็บในอุณหภูมิห้องปกติได้เลย

ข้อแตกต่างของ Niacinamide กับส่วนผสมที่คุณสมบัติใกล้เคียง

Niacinamide มีคุณสมบัติหลายอย่าง

  • กลุ่มส่วนผสมที่ช่วยในเรื่องความชุ่มชื้น หากใช้คู่กับ Hyaluronic Acid ก็จะช่วยเสริมความชุ่มชื้น ทำให้ผิวกักเก็บความชุ่มชื้นได้ดีมากขึ้น
  • กลุ่มส่วนผสมช่วยลดเลือนจุดด่างดำ Niacinamide มีประโยชน์แบบเดียวกับส่วนผสมอย่าง AHA, BHA และเรตินอยด์ แต่ข้อดีคือช่วยผลัดเซลล์ผิวแบบอ่อนๆ กว่า ทำให้เกิดการระคายเคืองน้อยกว่าส่วนผสมตัวอื่นที่ออกฤทธิ์ในแบบเดียวกัน
  • Niacinamide, Nicotinamide หรือวิตามินบี 3 เหมาะกับทุกสภาพผิว เป็นส่วนผสมที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ลดการระคายเคืองจากการอักเสบ ช่วยลดเลือนรูขุมขน ลดการอักเสบ รอยดำรอยแดงจากสิว
  • Niacinamide สามารถใช้ได้เป็นประจำทุกวัน ถ้าใช้ต่อเนื่อง 2-3 สัปดาห์ขึ้นไป ถึงจะเริ่มเห็นผลเรื่องผิวชุ่มชื้นมากขึ้น มีความมันลดลง และถ้าใช้ต่อเนื่องไปนานๆ สามารถช่วยลดเลือนจุดด่างดำ และรอยดำจากสิวได้ด้วย
  • เลือกใช้ Nicotinamide ให้เหมาะสมกับสภาพผิว โดยผสมรวมกับส่วนผสมอื่นๆ ได้หลากหลาย ไม่มีข้อห้าม
  • Niacinamide ช่วยกระตุ้นการสร้าง Ceramine เป็นป้อมปราการผิว ปกป้องผิวจากมลภาวะภายนอก แต่ถ้าหากใช้ในเปอร์เซ็นต์ความเข้มข้นที่สูงเกินไป อาจทำให้เกิดการระคายเคือง หากมีอาการผิดปกติให้หยุดใช้ก่อน และถ้ายังมีอาการคันยุบยิบ หรือมีผื่นขึ้น ควรพบแพทย์ผิวหนังเพื่อรับคำปรึกษาต่อไป

มีเรื่องผิวกวนใจ ปรึกษาปัญหาด้านผิวหนัง ได้ทุกเรื่อง ได้ทุกที่

กับคุณหมอผู้เชี่ยวชาญ SkinX แอปพบแพทย์ผิวหนังออนไลน์

daisy-skinx.png

ขอบคุณข้อมูล :
แพทย์หญิงปุญชรัสมิ์ วีระสืบพงศ์ แพทย์ผิวหนังจากโรงพยาบาลสมิติเวช