AHA สารผลัดผิวเข้มข้น เพื่อผิวใส ลดริ้วรอย แค่ใช้ให้ถูก | Jeban x SkinX

by

DaisyOfficial

AHA คืออะไร?

AHA หรือ Alpha Hydroxy Acid เป็นหนึ่งในสารสกัดจากกรดผลไม้ที่ถูกเลือกใช้เป็นส่วนผสมในเวชสำอาง หรือสกินแคร์ ภายใต้ระดับความเข้มข้นที่ถูกวัดมาแล้วว่าเหมาะสำหรับใช้ดูแลผิวเองได้ที่บ้าน สะดวก ปลอดภัย และลดผลข้างเคียงจากอาการแพ้ที่อาจเกิดขึ้นได้

AHA ช่วยแก้ปัญหาผิวอะไรได้บ้าง ?

AHA ช่วยให้ผิวดูสดใส ลดเลือนริ้วรอย ฝ้า กระ ให้ดีขึ้น ด้วยการออกฤทธิ์ของกรดผลไม้ ช่วยทำปฏิกิริยากับผิวหนังชั้นนอก และกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวได้เร็วขึ้น

AHA เหมาะกับใคร?

AHA เหมาะกับคนผิวธรรมดา โดยจะช่วยเรื่องหน้าดูใส ลดฝ้า ลดกระ ลดรอยหย่นเล็กๆ เพราะ AHA มีคุณสมบัติละลายน้ำได้ดี จึงทำปฏิกิริยากับผิวด้านนอก และผลัดเซลล์ผิวได้เก่งมาก

AHA มีการทำงานกับผิวยังไงบ้าง?

AHA ช่วยในเรื่องผลัดเซลล์ผิว โดยปกติแล้วผิวหนังของเราแบ่งออกเป็นผิวชั้นนอก ชั้นลึก และชั้นไขมัน ในส่วนผิวชั้นนอกสุดจะมีการทำปฏิกิริยา เพื่อผลัดเซลล์ผิวทุกๆ 21-28 วัน

สภาพผิว และปัญหาผิวแบบไหนควรเลี่ยง AHA

ผิวมัน หรือผิวแห้งควรเลือกใช้ AHA ในปริมาณที่เหมาะสม แต่หากจำเป็นต้องใช้ AHA ในปริมาณมากกว่าปกติ ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของแพทย์ผิวหนังโดยเฉพาะ

หากมีการใช้ AHA มากเกินความจำเป็น อาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้ เนื่องจากกรดผลไม้จะมีการทำปฏิกิริยากับผิวหนังชั้นนอกขณะผลัดเซลล์ผิว ทำให้เกิดการระคายเคือง ผื่นแดง แห้ง และแสบคัน

AHA สามารถใช้ หรือควรใช้ควบคู่กับส่วนผสม (ingredient) อื่นๆ ตัวไหนได้บ้าง?

สามารถใช้ AHA ควบคู่กับ BHA ได้ แต่เนื่องจากแต่ก่อน AHA จะไม่นิยมไม่ใช้คู่กับ BHA เพราะมีลักษณะของกรดคล้ายกัน แต่ตอนนี้แบรนด์เครื่องสำอางเริ่มใช้ AHA ในระดับความความเข้มข้นที่ลดลง และเพิ่มความเข้มข้นของ BHA เข้าไปผสมในสกินแคร์ตัวเดียวกัน เพื่อให้ออกฤทธิ์ได้ดีขึ้น และสามารถใช้ร่วมกันได้ดี

AHA ควรเลี่ยงใช้คู่กับส่วนผสม (ingredient) ตัวใดบ้าง?

ไม่แนะนำให้ใช้ AHA ร่วมกับสกินแคร์ในรูปแบบอื่นที่มีการผลัดเซลล์ผิวมาก่อน เช่น สกินแคร์ที่มีสารในกลุ่มของ Retinoids กลุ่มวิตามิน A และ วิตามิน C ที่มีส่วนเสริมฤทธิ์ หรือลดฤทธิ์ของ AHA ได้

แต่เมื่ออายุขึ้นเลข 3 หรือเซลล์ผิวเริ่มเสื่อมสภาพ ผิวของเราจะทำการผลัดเซลล์ผิวได้ช้าลง ทำให้ผิวหน้าเริ่มหมองคล้ำ มีรอยย่นเล็กๆ สิว เกิดการอุดตันก็จะเพิ่มขึ้น สารสกัดจากธรรมชาติ อย่าง AHA จึงสามารถเข้ามาช่วยในการผลัดเซลล์ผิวได้ และปลอดภัยมากกว่าการใช้สารเคมี

ผลข้างเคียงของการใช้ AHA ?

ในกรณีที่ใช้ AHA มากเกินความจำเป็น อาจทำให้ผิวเกิดอาการระคายเคือง ทั้งผื่นแดง แห้ง แสบ และคันได้ เนื่องจากกรดผลไม้จะทำปฏิกิริยากับผิวหนังชั้นนอกขณะผลัดเซลล์ผิว ในกรณีที่ต้องการใช้ในปริมาณมาก สิ่งที่ต้องกังวลอีกอย่างจากการใช้ AHA ในความเข้มข้นสูง คืออาการ Photosensitive หรือ การไวต่อแสงแดด จำเป็นต้องทากันแดด ถือร่ม ปกป้องแสงแดดร่วมด้วย

วิธีใช้ AHA ให้ได้ผล

  • ในช่วงแรกควรใช้อาทิตย์ละ 2 วัน ถ้าเริ่มเองลองใช้เฉพาะเวลากลางคืนรอบเดียว จากนั้นขยับมาเป็น อาทิตย์ละ 1-2 วันก่อน ค่อยขยับมาเป็น เช้า และเย็น หรือวันเว้นวันในเปอร์เซ็นต์ที่เหมาะสม
  • ควรเริ่มใช้จากระดับความเข้มข้นต่ำๆ ก่อน จากนั้นค่อยเพิ่มความเข้มข้นขึ้นเพื่อลดการระคายเคืองที่อาจเกิดขึ้นได้

AHA ต้องใช้นานแค่ไหนถึงจะเห็นผล?

AHA สามารถใช้เป็น Home use ได้ โดยองค์การอาหารและยามีข้อจำกัดการใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางอยู่ที่ประมาณ 2-10% โดยทั่วไป AHA จะให้ผลลัพธ์ในช่วง 1-3 เดือน ช่วยให้ผิว รอยย่น และรูขุมขนดูกระชับมากขึ้น

วิธีการเก็บรักษา?

AHA สามารถเก็บรักษาได้ในอุณหภูมิปกติ ไม่ได้ถึงขนาดห้ามโดนแสงแดด หรือต้องเก็บในตู้เย็น สามารถวางในอุณหภูมิห้องได้

ควรเลือกใช้ในรูปไหน?

AHA ควรใช้เพื่อผลัดเซลล์ผิว มากกว่าวัตถุประสงค์เพื่อลดสิว เพราะเป็นส่วนผสมที่เป็นตัวเป็นตัวเสริมฤทธิ์เท่านั้น หากใช้ในความเข้มข้นสูงเกินไป แทนที่หน้าจะลดสิว กลายเป็นสิวเห่อ หรือมีคุณสมบัติของการดันสิวขึ้นมาได้

ข้อแตกต่างของ AHA กับส่วนผสมที่คุณสมบัติใกล้เคียง

  • AHA เหมาะกับคนผิวธรรมดา จะช่วยเรื่องหน้าใส ลดฝ้า ลดกระ ลดริ้วรอยหย่นคล้อยเล็กๆ
  • BHA เหมาะกับคนที่หน้ามัน ต้องการกระชับรูขุมขน
  • PHA เหมาะกับคนผิวบอบบางแพ้ง่าย ควรจะเลือกใช้ให้เหมาะกับสภาพผิว
  • AHA เหมาะกับคนผิวธรรมดา ที่ต้องการตัวช่วยผลัดเซลล์ผิวด้วยกรดผลไม้ และยังปลอดภัยมากกว่าการใช้สารเคมี
  • AHA ช่วยให้ผิวดูสดใส พร้อมลดเลือนริ้วรอย ฝ้า กระให้ดูดีขึ้น หากใช้ต่อเนื่อง 1-3 เดือน จะช่วยให้รูขุมขนกระชับมากขึ้น
  • AHA หากใช้ในความเข้มข้นสูงอาจทำให้เกิดอาการไวต่อแสงแดด จำเป็นต้องทากันแดด ถือร่ม ปกป้องแสงแดดร่วมด้วย
  • ไม่ควรใช้ AHA ร่วมกับสกินแคร์ที่มีการผลัดเซลล์ผิว เช่น Retinoids , วิตามิน A และ วิตามิน C ที่มีส่วนเสริมฤทธิ์ หรือลดฤทธิ์ของ AHA และไม่ควรใช้ AHA มากเกินความจำเป็น เพราะอาจทำให้ผิวเกิดอาการระคายเคือง มีผื่นแดง แห้ง แสบ คันได้

มีเรื่องผิวกวนใจ ปรึกษาปัญหาด้านผิวหนัง ได้ทุกเรื่อง ได้ทุกที่

กับคุณหมอผู้เชี่ยวชาญ SkinX แอปพบแพทย์ผิวหนังออนไลน์

daisy-skinx.png

ขอบคุณข้อมูล :
แพทย์หญิงชวพร สุดโนรีกุล แพทย์ผิวหนังโรงพยาบาลสมิติเวช