เจาะพัฒนาการของไอดอล K Pop Generation ที่4
candy 52 11
ถึงเวลานี้ คงไม่ต้องทวงถามข้อพิสูจน์แล้วว่า วัฒนธรรม K Popมีความแข็งแกร่งมากเพียงใด ตลอดระยะเวลาเพียง2 ทศวรรษจากยุคบุกเบิกมาจนถึง generation ล่าสุด K Pop ได้ฝ่ากำแพงความแตกต่างทางด้านวัฒนธรรมและภาษาจนได้รับความนิยมอบ่างล้นหลาม มิเพียงแต่ในทวีปเอเชีย แต่ศิลปินระดับ top สามารถสร้างปรากฏการณ์ความคลั่งไคล้ไปยังอีกฟากของโลก ทั้งยุโรป อเมริกา อเมริกาใต้ และยังเป็นที่กล่าวขวัญจากสื่อยักษ์ใหญ่ในตะวันตก หลายคนคาดการณ์ว่า อุตสาหกรรมธุรกิจบันเทิงจากเกาหลีจะยิ่งเพิ่มพูนความนิยม และยังไม่มีสัญญาณว่าจะเข้าใกล้ "จุดอิ่มตัว" หรือ "ขาลง"
หลายคนเชื่อมั่นว่า ช่วงความ peak ของวงไอดอลยอดนิยมนั้นจะมีระยะเวลาจำกัด แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นวงที่โด่งดังระดับแนวหน้า แต่หลายครั้งต้องแยกย้ายแตกวงด้วยเหตุผลต่างๆ เมื่อมีคลื่นลูกใหม่เข้ามา ก็จะค่อยๆ fade ไปเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ ทำให้แฟนๆรู้สึกเคยชินเมื่อไม่ได้เห็นผลงานสร้างความฮือฮาจากไอดอลคนโปรดเหมือนเดิม ไอดอลบางคนสามารถต่อยอดไปยังวงการแสดง หรือโลดแล่นในวงการดนตรีต่อในฐานะศิลปินเดี่ยว แต่ก็ยังมีหลายคนที่หายหน้าหายไปตาไปจนแทบไม่น่าเชื่อว่า พวกเค้าเคยโด่งดังล้นเหลือ แม้จะมี come back แต่กระแสตอบรับก็อาจจะไม่ใกล้เคียงกับในอดีต
นำไปสู่คำถามที่ว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่ ไอดอล K Pop จะเสื่อมความนิยมลงเหมือนกับ boy band และ girl bandจากตะวันตกที่เคยเฟื่องฟูเป็นที่สุดในช่วง 90s-2000sแล้วก็ค่อยๆซาหายไป
นี่คือความท้าทายของนักปั้นมือทองในการเลือกเฟ้นและฝึกฝนไอดอลฝึกหัดให้ก้าวมาสั่นสะเทือนวงการบันเทิงทดแทนไอดอลรุ่นเก่า
หลายคนเชื่อมั่นว่า ช่วงความ peak ของวงไอดอลยอดนิยมนั้นจะมีระยะเวลาจำกัด แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นวงที่โด่งดังระดับแนวหน้า แต่หลายครั้งต้องแยกย้ายแตกวงด้วยเหตุผลต่างๆ เมื่อมีคลื่นลูกใหม่เข้ามา ก็จะค่อยๆ fade ไปเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ ทำให้แฟนๆรู้สึกเคยชินเมื่อไม่ได้เห็นผลงานสร้างความฮือฮาจากไอดอลคนโปรดเหมือนเดิม ไอดอลบางคนสามารถต่อยอดไปยังวงการแสดง หรือโลดแล่นในวงการดนตรีต่อในฐานะศิลปินเดี่ยว แต่ก็ยังมีหลายคนที่หายหน้าหายไปตาไปจนแทบไม่น่าเชื่อว่า พวกเค้าเคยโด่งดังล้นเหลือ แม้จะมี come back แต่กระแสตอบรับก็อาจจะไม่ใกล้เคียงกับในอดีต
นำไปสู่คำถามที่ว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่ ไอดอล K Pop จะเสื่อมความนิยมลงเหมือนกับ boy band และ girl bandจากตะวันตกที่เคยเฟื่องฟูเป็นที่สุดในช่วง 90s-2000sแล้วก็ค่อยๆซาหายไป
นี่คือความท้าทายของนักปั้นมือทองในการเลือกเฟ้นและฝึกฝนไอดอลฝึกหัดให้ก้าวมาสั่นสะเทือนวงการบันเทิงทดแทนไอดอลรุ่นเก่า
แน่นอนว่า การปั้นวงน้องใหม่ที่สามารถเข้ามาแทนที่วงรุ่นพี่ที่โด่งดังข้ามทวีปมาก่อนหน้าย่อมกลยุทธ์สำคัญในการขับเคลื่อน K Pop สู่เส้นทางแห่งความสำเร็จโดยไม่เข้าใกล้ทางตัน ไม่ว่าจะเป็นค่ายเล็กหรือค่ายใหญ่ หากสร้างไอดอลที่เปรี้ยงปังทั้งในเกาหลีและนานาชาติจนมีแฟนๆแห่แหนติดตามจนปรากฏการณ์ความนิยมได้ ก็สามารถดึงดูดเม็ดเงินเข้ามาได้หลายทิศทาง ค่ายเล็กก็อาจจะก้าวขึ้นมาเป็นค่ายดังได้เลยทีเดียว
ซึ่งที่เกาหลีนั้นได้แบ่งไอดอลไว้ 4 generation ดังนี้
generationแรก
ยุคบุกเบิก แฟนๆต่างประเทศที่ติดตามศิลปินเกาหลีจะอยู่ในระดับเฉพาะกลุ่มจริงๆ หากเป็นประเทศแถบเอเชียในยุคนั้น ศิลปินจากอเมริกาเหนือและยุโรปรวมถึงญี่ปุ่นยังยืนหนึ่งในตลาดดนตรีต่างประเทศ concept ของวง K Pop จะดูคล้ายกับญี่ปุ่นผสมผสานกับอเมริกัน
รูปแบบของไอดอล generation ช่วงบุกเบิกมีความเปลี่ยนแปลงชัดเจนในตอนปลาย เพราะไอดอลเกาหลีเริ่มก้าวออกไปสร้างความนิยมในประเทศใกล้เคียงอย่างจีนและ ญี่ปุ่น จึงใช้คำว่า "รุ่นทดลอง" เรียกไอดอลกลุ่มนี้ จะบอกว่าเป็นการลองผิดลองถูกเพื่อเป็นรากฐานแห่งความสำเร็จของ K Pop ในยุคปัจจุบันก็ไม่ผิดไปนัก
ถ้าเป็นศิลปิน K Pop จากยุคบุกเบิกนั้น มองภายนอกอาจจะไม่ได้แตกต่างจาก J Pop นัก แต่พอศิลปินเริ่มเป็นที่รู้จักในประเทศละแวกเดียวกัน และค่อยๆขยายออกมาเป็นทั่วเอเชีย แฟนๆต่างประจักษ์ว่า K Pop มีเอกลักษณ์ที่ชัดเจน โดยเฉพาะสไตล์การเต้นที่หนักแน่นไม่ต่างจากนักเต้นมืออาชีพ เมื่อมาถึงยุคของ Rain ที่มักถูกเปรียบเทียบกับ Justin Timberlake และ Usher จากพรสวรรค์ในการแสดงบนเวทีที่ดึงดูดใจและมีแรงขับทางเพศจนแฟนๆตกตะลึง นี่อาจจะเป็นสัญญาณบ่งชี้แล้วว่า KPop มีโอกาสสร้างชื่อได้ในระดับ global ซึ่งในเวลานั้น อาจจะมีคนไม่มากที่เชื่อมั่นว่า พวกเค้าก้าวไปสร้างความยอมรับในตลาดดนตรีตะวันตกได้
generation ที่2
ยุทธการ Korean Wave บุกเอเชียประสบความสำเร็จอย่างสูง ทำให้หลายประเทศคุ้นเคยกับ K Pop และเปิดใจต้อนรับอย่างง่ายดาย "วัฒนธรรมติ่งเกาหลี" ขยายตัวอย่างรวดเร็วในหมู่คนหนุ่มสาว แต่ความพยายามในการขยายตลาดในอเมริกายังไม่ประสบความสำเร็จนัก
ทั้งพรสวรรค์และการฝึกฝนอย่างหนักของศิลปิน K Pop ตั้งแต่ยุคบุกเบิกได้สร้างความภาคภูมิใจให้กับแฟนๆ ยุคทองของ Rain ได้ยกมาตรฐานการเต้นของศิลปิน K Pop ให้สูงลิบลิ่ว เพราะความสามารถที่ถูกยกไปเปรียบเทียบกับ Justin Timberlake และ Usher จากพรสวรรค์ในการแสดงบนเวทีที่ดึงดูดใจและมีแรงดึงดูดทางเพศจนแฟนๆตกตะลึง นี่อาจจะเป็นสัญญาณบ่งชี้แล้วว่า KPop มีโอกาสสร้างชื่อได้ในระดับ global ซึ่งในเวลานั้น อาจจะมีคนไม่มากที่เชื่อมั่นว่า พวกเค้าก้าวไปสร้างความยอมรับในตลาดดนตรีตะวันตกได้
ในgeneration นี้ แทบทุกวงจะมีกลุ่มแฟนที่รวมตัวกันและตั้งชื่อเรียกไว้เก๋ไก๋สะดุดหูเพื่อแสดงออกถึงความรักและให้การสนับสนุนไอดอลคนโปรด เรื่องกำแพงภาษานั้นดูจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่ในการติดตามK Pop เพราะแฟนๆต่างชาติหันมาร่ำเรียนภาษาเกาหลีและแบ่งปันการแปลผลงานต่างๆให้ผู้อื่นเข้าร่วมอินด้วย รวมถึงสื่อออนไลน์จากฝั่งเกาหลีเองที่ได้ตระหนักถึงการเติบโตแบบก้าวกระโดดในระยะเวลาไม่กี่ปี ทำให้มี website ข่าวคราวบันเทิงต่างๆเป็นภาษาอังกฤษให้ติดตามหลายเจ้า ในยุค digital นี้ แม้แฟนๆจะไม่เข้าใจภาษาเกาหลี แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่อุปสรรคที่สกัดกั้นความสำเร็จในตลาดต่างประเทศ
มาถึง generation ที่2 แค่ได้ยินดนตรีและประโยคในท่อนแร็พที่เป็นภาษาอังกฤษก็ทำให้หลายคนฟันธงได้ทันที่ว่านี่คือวงดนตรี K Pop แน่ๆ พวกเค้ามาพร้อมกับท่วงทำนองที่ติดหู เนื้อร้องที่แม้ว่าจะเป็นแฟนๆต่างชาติก็จำท่อนฮุกได้แม่นยำ ทักษะการเต้นที่พร้อมเพรียงและต่อเนื่องพริ้วไหว ทั้งยังนำเสนอ fashion ที่เปลี่ยนแปลงหลากหลาย concept ทั้งแนวลูกกวาดหวานแหวว sexyร้อนฉ่า ดิบๆกระชากใจ ดูเหมือนว่าพวกเค้าไม่ยอมหยุดนิ่งให้เกิดความรู้สึกที่ซ้ำซากหรือำให้ให้แฟนๆที่รอผิดหวัง ความคาดหวังในตัวไอดอลมีสูงมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเค้าไม่ได้เป็นเพียงperformer ที่สร้างความสุขให้แฟนๆเท่านั้น แต่ยังต้องรักษาภาพลักษณ์ที่สมบูรณ์แบบทุกด้าน
ผู้ที่ไม่ได้ติดตามวงการ K Pop มากนักอาจจะประหลาดใจเมื่อได้ทราบว่า แฟนๆหลายประเทศในอเมริกาใต้นั้นคลั่ง K Pop ไม่แพ้ทางฝั่งเอเชียเลย ไอดอลชื่อดังอย่าง TVXQ, Big Bang, Super Junior และวงอื่นๆจากgeneration ได้ปูทางสู่ความสำเร็จในละตินอเมริกาไว้แล้ว และเป็นเหตุผลที่คุณจะได้ยินคำภาษาสเปนในเพลง K Pop อยู่หลายครั้ง
Generation ที่ 2 นี้เป็นช่วงที่โครงสร้างวัฒนธรรมไอดอลก่อตัวขึ้นมาอย่างแข็งแกร่ง พวกเค้ามีรายการ reality show เป็นของตัวเอง และได้รับเชิญให้เข้าร่วม variety show ชื่อดัง หากใครมีแวว ก็จะฝ่าด่าน casting ไปเล่นซีรีส์ เราเริ่มจับทางวิธี PR สร้างกระแสให้เหล่าไอดอลกันได้ชัดขึ้น ทั้งการเปิดเผยภูมิหลังชาติตระกูลที่มาจากชนชั้นสูงหรือความเป็น "เด็กอินเตอร์" ผลการเรียนที่โดดเด่น เบื้องหน้าเบื้องหลังรูปลักษณ์ที่ไร้ที่ติ ไม่ว่าขยับตัวองศาใดก็เป็นข่าวได้ทั้งนั้น
ครูสอนภาษาในสถาบันสอนภาษาที่ไอดอลนิยมลงเรียนระบุว่า ใน generationนี้ เหล่าไอดอลจะให้ความสำคัญกับการเรียนภาษาจีนและญี่ปุ่นมากกว่าภาษาอังกฤษ จากpattern ความสำเร็จของวงชื่อดังที่ต่อตีตั๋วไปที่สองประเทศนี้เสมอ อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องปกติเราจะได้เห็นสมาชิกวงไอดอลที่เติบโตที่แดนตะวันตกและสามารถพูดภาษาอังกฤษในระดับfluent( หรือแม้กระทั่ง native speaker) แม้เพลง K Pop ในช่วงนี้จะมีเนื้อร้องเป็นภาษาเกาหลีส่วนใหญ่ แต่ไอดอลอินเตอร์เหล่านี้มักจะได้รับหน้าที่แร็พหรือร้องท่อนภาษาอังกฤษที่สำเนียงเป๊ะแบบเจ้าของภาษา และนี่ยังเป็นช่วงที่ค่ายเพลงได้เปิดโอกาสให้หนุ่มสาวต่างชาติมาร่วมฝึกฝนเป็นไอดอล และเริ่มมีไอดอลที่ไม่ได้เป็นคนเกาหลีที่สร้างชื่อโด่งดังขึ้นมา
generation ที่3
ส่งไอดอล K Pop ไปสร้างความลือลั่นระดับโลกได้สำเร็จ แม้จะยังมีเพียงไม่กี่วงที่สื่อบันเทิงจากอเมริกาและยุโรปให้ความสนใจอย่างเต็มที่ แต่ก็ก้าวผ่านอุปสรรคใน generation ก่อนๆ ที่เคยถูกปรามาสว่าส่งไปกี่ครั้งก็แป้ก ก็ดังเปรี้ยงข้ามทวีปจนได้ และกลายมาเป็นต้นแบบหรือแม้กระทั่ง goal ที่วงรุ่นใหม่ปรารถนาจะก้าวไปให้ถึง
นี่คือช่วงเวลาที่คำบรรยายว่า " ความสำเร็จระดับโลก" ได้กลายเป็นจริง K Pop อาจจะไม่ได้ถูกจริตนักเสพดนตรีไปหมดทุกกลุ่ม หลายครั้งที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงสาเหตุที่ไอดอลเกาหลียังไม่สามารถสร้างความโด่งดังนอกเอเชียได้เต็มที่ แต่ในที่สุด BTS ก็ฝ่าฟันขวากหนามมากมาย ทั้งจากคนร่วมชาติที่เย้ยหยันว่าไม่มีทางไปถึงดาว รวมไปถึงชาวต่างชาติที่แสดงความ"ไม่อิน" และตั้งแง่ไม่ยอมรับในสไตล์ที่แตกต่าง แต่ทุกวันนี้ นอกจากจะทำลายสถิติมากมายในเกาหลีแล้ว ก็ยังประสบความสำเร็จอย่างงดงามในแดนตะวันตกอย่างที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน และเราแทบไม่แปลกใจที่ผลงานในระยะหลังของหนุ่มๆ BTS จะเป็นเพลงภาษาอังกฤษ เพราะทุกวันนี้ พวกเค้าได้เข้าไปอยู่ในกลุ่มของศิลปินในระดับที่นิตยสารดนตรีชื่อดังเจาะลึกทำ scoop สม่ำเสมอ และมีลุ้นเข้าชิงรางวัลดังๆจากอเมริกาและยุโรป เมื่อจะออกผลงานใหม่ รายการ talk show จากอเมริกาก็จะเปิดพื้นที่ให้โพรโมท รวมไปถึงการร่วมงานกับศิลปินชื่อดังจากแดนตะวันตก
เมื่อ BLACKPINK ได้มาเยือน Coachella เทศกาลดนตรีชื่อดังได้ทำให้ผู้ชมเปิดใจยอมรับ K Pop เพิ่มขึ้นอีกไม่น้อย นอกจากผลงานดนตรีที่แฟนๆต่างเฝ้ารอ เมื่อพวกเธอเผยลุคใหม่ใน MV สื่อ fashion ต่างชาติต้องหาข้อมูลชิงกันนำเสนอจนไฟแทบลุก ทั้ง 4 ต่างเป็นbrand ambassador ของ brand แฟชั่นชั้นสูง เป็นเครื่องเน้นย้ำว่า ไอดอลไม่ได้ทำหน้าที่เป็นเพียง performer บนเวที แต่ยังมีอิทธิพลต่อกลุ่มเป้าหมายหลายรูปแบบ
ความโด่งดังของ EXO, Twice, Red Velvet, iKON, GOT7, Winner, Apink, G-friend, และCLC ทำให้แฟนๆต้องละลานตาไปกับการแข่งขันในวงการนี้ ค่ายใหญ่ทุ่มให้กับ production เพื่อดึงดูดตัวเลขทาง social media หากนำเสนอ concept ที่สร้างความฮือฮาให้กับชาวเน็ทได้สำเร็จ ก็จะเป็นเครื่อง boost ความโด่งดังชั้นดี แม้ดนตรีจะไม่ถือว่าแปลกใหม่หรือดูเป็นเรื่องการย้อนรอยความสำเร็จเดิมก็ตาม
ในช่วงปลายของgeneration 3 นี้ รายการแข่งขันค้นหาไอดอลมาแรงเป็นที่สุด รายการที่แข่งกันผุดขึ้นมาจะมีรูปแบบกติกาต่างกันอยู่ แต่concept ที่น่าสนใจคือนำการเหล่าเด็กฝึกหัดมาแข่งขันกัดตามโจทย์ต่างๆ และการตัดสินจากกรรมการและผลโหวตจากคนทางบ้าน ซึ่งก่อนหน้านี้ สาวๆวง TWICE ที่ชนะการแข่งขันรายการ Sixteen ของค่าย JYJ ก็ได้พิสูจน์แล้วว่า ไอดอลจากsurvival show ก็เปรี้ยงได้เช่นกัน (แม้จะมีดราม่าเรื่องการตัดสินค้านสายตาก็ตาม)
รายการประเภทนี้ได้รับความนิยมสูงลิ่วจนกลายมาเป็นเทรนด์ฮิตในวงการ pop ประเทศใกล้เคียงไปด้วย เป็นระยะเวลาที่วงการ K Pop มีความเปลี่ยนแปลงไปอีกขั้น จากการเฝ้าชมการแข่งขันที่กดดันของเหล่าเด็กฝึกทำให้แฟนๆรู้สึกผูกพันกับวงไอดอลที่เป็นผู้ชนะในการแข่งขัน แม้รายการ Produce 101 จะถูกจับได้ว่าโกงคะแนนโหวตเพื่อผู้ชนะที่ล็อคผลไว้ก่อนแล้วจนทำให้บอยแบนด์ดาวรุ่งจากรายการนี้ได้รับผลกระทบจนต้องพักงาน ทำให้แฟนๆที่ไม่เห็นด้วยมารวมตัวเรียกร้องให้พวกเขาได้รับโอกาสก้าวมาสร้างความฝันให้เป็นจริง แต่ในที่สุดก็ยุบวงแยกย้ายกันไป
รายการประเภทนี้ได้รับความนิยมสูงลิ่วจนกลายมาเป็นเทรนด์ฮิตในวงการ pop ประเทศใกล้เคียงไปด้วย เป็นระยะเวลาที่วงการ K Pop มีความเปลี่ยนแปลงไปอีกขั้น จากการเฝ้าชมการแข่งขันที่กดดันของเหล่าเด็กฝึกทำให้แฟนๆรู้สึกผูกพันกับวงไอดอลที่เป็นผู้ชนะในการแข่งขัน แม้รายการ Produce 101 จะถูกจับได้ว่าโกงคะแนนโหวตเพื่อผู้ชนะที่ล็อคผลไว้ก่อนแล้วจนทำให้บอยแบนด์ดาวรุ่งจากรายการนี้ได้รับผลกระทบจนต้องพักงาน ทำให้แฟนๆที่ไม่เห็นด้วยมารวมตัวเรียกร้องให้พวกเขาได้รับโอกาสก้าวมาสร้างความฝันให้เป็นจริง แต่ในที่สุดก็ยุบวงแยกย้ายกันไป
Generation ที่ 4
ความหวังใหม่ของ K Pop
วงการนี้มีไอดอลเยอะมากจริงๆ ใครเป็นมือใหม่หัดติ่งก็อาจจะต้องงงงวยกันไปบ้าง พวกเค้าต่างเป็นหนุ่มสาวหน้าตาสวยงามรูปร่างlean มาพร้อมกับเสื้อผ้าหน้าผมเป๊ะที่พวกเราต่างเรียกว่า "สไตล์เกาหลี" ทุกคนดูเต้นเก่ง มีลีลาแร็พเร้าใจ ที่สำคัญ วงน้องใหม่มักจะต้องพบกับคำถามกดดันในการถูกนำไปเปรียบเทียบกับไอดอลรุ่นพี่ที่โด่งดังอลังการ บ้างก็ถูกกกล่าวหาว่าเลียนแบบ แน่นอนว่า ศิลปินบางกลุ่มไม่ต้องการตกอยู่ภายใต้เงาคนอื่น และพยายามนำเสนอแนวทางที่ตัวเองยึดมั่นด้วยความหวังว่าแฟนๆจะยอมเปิดใจยอมรับ
Stray Kids ไอดอลอีกหนึ่วกลุ่มที่มาจาก Survival Show นั้นเคยได้รับเสียงวิจารณ์ว่า นำเสนอดนตรีที่ไม่ตรงจริตแฟนK Pop ในประเทศ หรือถูกมองว่า เริ่มต้นได้ไม่แรงนักเมื่อเปรียบเทียบกับศักยภาพที่ได้เห็นในรายการแข่งขันเพราะเป็นดนตรีที่หนัก ดูเหมือนจะเป็นสไตล์ที่ดูเฉพาะกลุ่ม แต่เมื่อเวลาผ่านไป เริ่มจับทิศทางในการนำเสนอเอกลักษณ์ให้โดนใจแฟนๆทำให้ได้รับแรงสนับสนุนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และมีการคาดการณ์ว่า เมื่อค้นหาจุดที่ลงตัวระหว่างแนวดนตรีที่ยึดมั่นกับกลุ่มเป้าหมายได้ พวกเค้าสามารถเติบโตไปได้อีกไกล ทั้งยังเป็นที่วงที่แสดงบนเวทีที่ดูอลังการด้วย themeที่สร้างสรรค์ ดู live ของเหมือนได้ชมละครเวทีทุนสร้างสูง
วงไอดอลแบบ multi-national ยังไม่ห่างหายไปใน generation นี้ อย่าง (G)I-dle ที่มีสมาชิกสัญชาติเกาหลี ไทย จีนและไต้หวัน ซึ่งเป็นแผนการธุรกิจที่โดดเด่นของK Pop ที่ช่วยขยายฐานแฟนคลับต่างชาติ ไอดอลที่ต้องมาเรียนรู้ใช้ภาษาเกาหลีเป็นภาษาที่ 2 ส่วนใหญ่พูดภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่ว จากข้อมูลของครูสอนภาษาที่ร่วมงานกับไอดอลมาก่อนนั้นช่วยยืนยันว่า ทักษะการใช้ภาษาอังกฤษนั้นเป็นหนึ่งในคุณสมบัติในการคัดเลือกไอดอลเพื่อเข้าสู่กระบวนการเดบิวท์ แม้จะไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นที่สุด แต่เมื่อกลายมาเป็นศิลปินเต็มตัวแล้ว หากติดต่อสื่อสารภาษาอังกฤษไม่ได้ดีนัก ก็ต้องลงเรียนเพิ่มเติมเพื่อเปิดโอกาสให้สร้างความนิยมในกลุ่มแฟนๆจากต่างประเทศนั่นเอง จะเห็นได้ว่า อาจจะมีวงไอดอลที่กระแสตอบรับในประเทศไม่ร้อนแรงนัก แต่กลับได้รับแรงสนับสนุนจากแฟนๆจากทั่วโลก
จากทุก generation ที่ผ่านมา ก็พิสูจน์แล้วว่า ไอดอลไม่ได้เป็นเหมือนกับสินค้าสวยงามที่ถูกออกแบบมาให้โดนใจผู้บริโภคและตั้ง program ให้ร้องเต้นตามคำสั่ง ในอดีตนั้น พวกเค้าอาจจะถูกปรามาสว่า ใช้รูปร่างหน้าตาดึงดูดเงินจากกระเป๋าแฟนๆ แต่เส้นทางความสำเร็จของหลายวง ทำให้แฟนๆประทับใจในศักยภาพหลายรูปแบบที่ไม่ได้อยู่หน้ากล้อง ทั้งการแต่งเนื้อร้อง, compose, produce และ ออกแบบท่าเต้น แทบไม่มีใครดังแบบชั่วข้ามคืน กว่าจะก้าวมาสู่วันที่สดใส ต้องผ่านวันคืนที่หนักหนาสาหัสมานักต่อนัก ทั้งการฝึกฝนที่ร่ำลือว่าโหดหนักจัดเต็ม ชีวิตที่ถูกควบคุมไร้อิสระ ทั้งยังถูกโจมตีตั้งแต่เดบิวท์แบบแซะไม่มีวันเลิกราจนกว่าจะถึงวันที่โด่งดังเป็น superstar จึงได้หัวเราะทีหลังเสียงดังกึกก้อง
ไอดอล Generation ที่ 4 จะสร้างประวัติศาสตร์ให้ชื่อเสียง K Pop ยิ่งเลื่องลือต่อเนื่องหรือไม่ มีแต่เวลาเท่านั้นที่จะช่วยเฉลย
ไอดอล Generation ที่ 4 จะสร้างประวัติศาสตร์ให้ชื่อเสียง K Pop ยิ่งเลื่องลือต่อเนื่องหรือไม่ มีแต่เวลาเท่านั้นที่จะช่วยเฉลย