ทำความเข้าใจเรื่อง Non-binary จากเรื่องราวของคนดังHollywood
candy 51 16
ความเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องให้สังคมยอมรับอัตลักษณ์ทางเพศที่แตกต่างนั้นได้จุดประกายความคิดเห็นที่แตกต่างกันไป หลายครั้งก็กลายเป็นการโต้แย้งที่ผู้คนถกเถียงกันไม่รู้จบ บ้างก็สร้างความสับสนกับคำจำกัดความอัตลักษณ์ทางเพศที่หลากหลาย ดังที่ได้ปรากฏธงที่เป็นตัวแทนของเพศทางเลือกที่ปรากฏแถบสีเพิ่มขึ้น อันเป็นสัญลักษษณ์ของกลุ่มคนที่มีอัตลักษณ์ทางเพศทีอยู่นอกเหนือกลุ่ม LGBT
หากตั้งคำถามว่า อะไรคือข้อแตกต่างของ
Queer
Agender
Gender Fluid
Pansexual
เชื่อว่า ยังมีอีกหลายคนที่ตอบอย่างมั่นใจไม่ได้ และต้องใช้Googleเป็นเครื่องมือช่วยคลายข้อข้องใจ
หากตั้งคำถามว่า อะไรคือข้อแตกต่างของ
Queer
Agender
Gender Fluid
Pansexual
เชื่อว่า ยังมีอีกหลายคนที่ตอบอย่างมั่นใจไม่ได้ และต้องใช้Googleเป็นเครื่องมือช่วยคลายข้อข้องใจ
Non-binary มีความหมายครอบคลุมสิ่งใดบ้าง
หากจะหาคำจำกัดความของ Non-binary (บางครั้งถูกย่อเป็น NBหรือ enby) ก็คงต้องมองถึงจุดยืนที่ปฏิเสธการแบ่งเพศเป็นเพียงสองขั้วจากบรรทัดฐานสังคม นั่นคือ คนเราสามารถแบ่งเป็นชาย/หญิงเท่านั้น และยังต่อต้านการเหมารวมที่เกิดจากมายาคติ เช่น ผู้หญิงที่มีบุคลิกห้าวหาญและแต่งตัวคล้ายผู้ชายจะต้องเป็นผู้รักร่วมเพศ แต่แท้จริงแล้วอาจจะมีแรงดึงดูดกับหลายเพศ และไม่ระบุว่าตัวเองเป็นเกย์หรือเพศใดเลย
การระบุอัตลักษณ์ทางเพศนั้นมีความทับซ้อนกัน ทำให้ Non-binary แสดงตัวตนออกมาได้หลายรูปแบบ
- ผู้ที่เชื่อว่าตัวเองไร้เพศ ไม่เข้ากลุ่มกับคำจำกัดความอัตลักษณ์ทางเพศใดๆ
- ผู้ที่เป็นได้หลายเพศ ไม่ใช่แค่ชาย/หญิง
- ผู้ทีมีสองเพศขึ้นไปหมุนเวียนสลับไปมา
- อาจจะเป็น trans หรือไม่เป็นก็ได้
มีผู้ชี้ว่า กฎเกณฑ์ของ Non-binary คือการไม่มีกฏเกณฑ์ใดๆนั่นเอง เราไม่สามารถใช้รูปลักษณ์หรือท่าทางที่แสดงออกภายนอกตามมายาคติของสังคมเป็นสิ่งกำหนดเพื่อชี้ว่าใครเป็นNon-binary เช่น ผู้มีเพศสภาพเป็นหญิงแต่กำเนิด แต่มีบุคลิกห้าวและแต่งกายแบบผู้ชายและเคยมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงด้วยกัน อาจจะถูกมองว่าเป็นเกย์ แต่ระบุตัวตนเป็น Non-binaryที่มีแรงดึงดูดใจกับเพศที่หลากหลาย หรือผู้หญิงข้ามเพศที่ถูกเหมารวมว่าจะต้องมีคนรักเป็นชาย แต่บางคนก็มีความสัมพันธ์กับผู้หญิง
เมื่อหันไปสำรวจวงการบันเทิง ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ คุณจะได้พบกับ'การประกาศอัตลักษณ์ทางเพศ' (come out) จากเหล่าคนดังว่าที่อยู่ในกลุ่ม Non-Binary ดังเช่น Janelle Monáe, Sam Smith , Demi Lovato และ Elliot Page
ลองมาทำความเข้าใจกับ Non-Binary จากเรื่องราวของพวกเค้ากันสิคะ
Trans Non-binary
หลายคนอาจเคยมองว่าเส้นทางการแปลงเพศของ Elliot Page นั้นจะนำไปสู่ความเป็นชาย แต่เจ้าตัวได้ประกาศว่า ได้พบกับความสุขอย่างแท้จริงที่ได้เป็น trans และ non-binary ที่ใช้สรรพนามว่าเขาและพวกเค้า และยังเคยระบุว่า ภาคภูมิใจกับความเป็น queer อีกด้วย
ก่อนหน้านี้ Elliot เคยเผยตัวว่าเป็นเกย์และแต่งงานกับผู้หญิง แต่ความรู้สึกทุกข์ใจกับร่างกายที่ไม่ตรงกับตัวตนที่แท้จริงก็ยังคงอยู่ จึงตัดสินใจแปลงเพศ และยังแสดงบท Vanya แห่ง Umbrella Academy’ ต่อไป แม้ว่าร่างกายจะเปลี่ยนไปแล้ว เขาได้รับกำลังใจล้นหลามจากเพื่อนร่วมวงการและแฟนๆ และก้าวต่อไปอย่างแน่วแน่ในฐานะนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิชาว trans
เส้นทางสู่บทใหม่ของนางเอกดาวรุ่ง
ความสำเร็จจากการสวมบทบทเจ้าหญิง Diana ใน The Crown บทำให้นางเอกวัย26 ผู้นี้ถูกจับตามองในฐานะดาวรุ่งที่กำลัก้าวสู่ทำเนียบ A Lister เธอร่วมโพรเจ็คท์หนังคู่กับ Harry Styles และรับหน้าที่ brand ambassador ให้กับ Miu Miu ภาพลักษณ์ในช่วงแจ้งเกิดในวงการของ Emma นั้นก็ไม่ต่างจากนางเอกดังร่วมวงการ Emma ปรากฏกายบนพรมแดงด้วยลุคที่ดูสวยสะดุดตา รวมไปถึงfashion บนปก magazine ในชุดกระโปรงและบางครั้งก็เลือกดีไซน์ที่ดูเซ็กซี่ แต่เมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา Emma ก็ได้เผยสไตล์ที่เปลี่ยนไปในรูปแบบของ androgynous แล้วประกาศอัตลักษณ์ทางเพศว่า เธอเป็น queer
เพียงไม่นานต่อมา Emma ก็ได้ก้าวตามชาว Non-binary ด้วยการเปลี่ยนใช้สรรพนามเป็นเธอ/พวกเค้า*
นางเอกอังกฤษได้บรรยายถึงการค้นพบตัวเองไว้ว่า
"เส้นทางการค้นหาของฉันดำเนินมาอย่างยาวนานและยังต้องก้าวไปต่ออีกไกล ฉันคิดว่าพวกเราเคยชินกับการให้คำจำกัดความตัวตนของเรา มันเป็นแบบแผนของสังคมที่กำหนดขั้วทางเพศเหล่านี้ และฉันต้องใช้เวลานานกว่าจะตระหนักได้ว่า มีตัวตนที่ยังกำกึ้ง และฉันเองก็ยังไม่แน่ใจว่าเป็นรูปแบบใดกันแน่"
*เรียกว่า rolling gender pronouns การใช้สรรพนามที่เปลี่ยนไปมาได้สองรูปแบบ
เธอเปิดเผยว่า ทดลองใช้แถบพันหน้าอกที่ใช้แพร่หลายในกลุ่มtrans และ Non-binary และตอบรับความรู้สึกที่แปลกใหม่ด้วยความตื่นเต้นยินดี
จุดเปลี่ยนที่ทำให้Emma ยอมรับตัวตนนี้ก็คือการแสดงเป็นเจ้าหญิง Diana นั่นเอง
" เธvเป็นคนที่เปิดใจยอมรับทุกสิ่งและเฝ้าเสาะหาสิ่งใหม่ๆ ฉันคิดว่า Diana มีส่วนช่วยอย่างมากให้ฉันได้ค้นหาตัวตนที่อยู่ล้ำลึกและทำให้ฉันได้พยจริงๆว่าความรู้สึกภายในของฉันเป็นเช่นไร นั่นเป็นเพราะว่า เจ้าหญิงเป็นคนที่ซับซ้อนมากๆเลยค่ะ"
การเปลี่ยนใช้สรรพนามเป็น they ที่กลายมาเป็นข้อถกเถียง
ในซีรีส์ The Good Doctor ซึ่งสะท้อนถึงความเคลื่อนไหวในสังคมปัจจุบันเคยนำเสนอเรื่องราวของ 'ผู้ชายข้ามเพศตั้งครรภ์' ในฉากที่แพทย์สาวสอบถามข้อมูลของคนไข้ผู้ชายข้ามเพศที่มีคู่ครองเป็นชาย(มีความสัมพันธ์แบบรักร่วมเพศ) เธอก็ได้ตั้งร้องขอตรงๆว่า "ช่วยยืนยันเพศสภาพและสรรพนามที่ใช้เรียด้วยค่ะ " และได้รับคำขอบคุณจากคนไข้หนุ่ม จากการตั้งคำถามเพื่อแสดงความนับถือต่อการเลือกidenity ของเขา
พวกเราอาจจะเคยเห็นการเปลี่ยนสรรพนามของชาว trans มาเป็นเพศตรงข้ามตามปกติ แต่สำหรับ Non-binary หลายคน คำว่าเขาหรือเธอไมไ่ด้เข้ากับตัวตนที่ไม่จำกัดอยู่ที่ความเป็นชายหรือหญิง จึงหันมาใช้คำว่าพวกเค้าแทน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า Non-binary จะเปลี่ยนมาใช้สรรพนามพวกเค้ากันไปหมดทุกคน บางคนแสดงความยืดหยุ่นกับการใช้สรรพนามตรงกับเพศที่ติดตัวแต่กำเนิด แต่ก็มีอีกหลายคนที่แสดงความไม่พอใจ หากแจ้งให้ทราบแล้วว่าต้องการเปลี่ยนสรรพนาม แต่ยังถูกเรียกว่าเขา/เธออีก ในปัจจุบันนี้ หากใครบางคนตัดสินใจประกาศอัตลักษณ์ทางเพศที่สวนทางกับบรรทัดฐานสังคม และเรียกร้องให้คนรอบข้างเปลี่ยนการใช้สรรพนามใหม่ หากคุณไม่ยินยอมใช้สรรพนามที่บุคคลผู้นั้นร้องขอ ก็อาจจะถูกโจมตีว่าไม่ให้เกียรติและอาจจะถูกกล่าวหาว่าเหยียดเพศทางเลือก
หลายคนยังหันมาใช้สรรพนามใหม่ จากที่เคยใช้คำว่า เขาหรือเธอตามเพศสภาพที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด รวมถึงผู้ที่ใช้สรรพนามจากการแปลงเพศ ก็ขอให้ผู้อื่นบรรยายตัวตนด้วยคำว่า 'พวกเค้า' ตามหลักไวยากรณ์จะใช้กับคำเป็นพหูพจน์เท่านั้น แต่ ราวๆเกือบสามปีก่อน เว็บพจนานุกรมอเมริกัน Merriam-Webster ก็ได้เพิ่มความหมายของ they ความเคลื่อนไหวนี้ได้สร้างความฉงนใจกับแนวคิดที่เปลี่ยนแปลงไปจากเรื่องอัตลักษณ์ทางเพศที่่เคยรับรู้ในอดีต มีทั้งผู้ที่ยินดีเข้าร่วมความเปลี่ยนแปลงนี้ด้วยการสร้างความเข้าใจและแสดงความนับถือตัวเลือกนี้ และผู้ที่มองวานี่คือการกระทำที่ไร้สาระ
ชนวนความขัดแย้งนี้ทำให้สื่อหลายเจ้าได้นำเสนอ guideline สำหรับผู้ที่ยังไม่เข้าใจหรือเผลอเรียก Non-binary ด้วยสรรพนามเดิมจากความเคยชิน เพื่อรับมือกับสถานการณ์โดยหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความบาดหมาง เช่น การชี้แจงอย่างสุภาพ และขอโทษที่ทำให้ลำบากใจ และแนะนำให้ใช้คำว่าพวกเค้าให้เกิดความเคยชิน จะได้ไม่ผิดพลาดอีก
ในขณะที่สื่อได้เปลี่ยนคำเรียกคนดังตามคำขอกันอย่างพร้อมเพรียง แต่บางเจ้าก็ยังเลือกจะใช้สรรพนามเดิมจนอีกฝ่ายออกมา call out ดังกรณีของ Halsey ที่ซัดAllure ว่าจงใจใช้สรรพนามเธอในบทความ โดยไม่แตะต้องคำว่าพวกเค้าเลย ซึ่งเป็นพฤติกรรมไม่ให้เกียรติเรื่องอัตลักษณ์ทางเพศจนไม่อยากให้สัมภาษณ์อีกแล้ว เมื่อต้องพบกับกระแสตำหนิจากผู้สนับสนุนกลุ่มเพศทางเลือก magazine ดังจึงต้องประกาศขออภัยและแก้ไข่บทความใหม่ (Halseyใช้สรรพนามว่าเธอ/พวกเค้า)
แต่ยังมีผู้คนจำนวนมากที่ออกตัวชัดเจนว่า ไม่ปรารถนาจะฝืนใจตัวเองเพื่อรักษาน้ำใจกลุ่มNon-binary ด้วยการเปลี่ยนแปลงไวยากรณ์ที่ใช้มาตั้งแต่จำความได้ หากกวาดตามองปฏิกิริยาจากชาวเน็ท ไม่แคล้วจะต้องพบกับคำวิจารณ์รุนแรงว่า นี่คือพฤติกรรมเสแสร้งของผู้อยากจะสร้างตัวตนด้วยการตามเทรนด์ นักแสดงตลกชื่อดังบางคนนำเรื่องการเปลี่ยนสรรพนามมาจิกกัดสร้างเสียงหัวเราะดังลั่นจากผู้ชม หรือคนดัง Non-binary ก็ต้องรับมือกับการถูกล้อเลียนเรื่องเปลี่ยนสรรพนามให้เจ็บปวดใจ
ไม่เลือกว่าคำจำกัดความว่าเป็นเพศใด
เมื่อหลายปีก่อน Sam Smith เคยเปิดเผยถึงประสบการณ์รักกับผู้ชายด้วยกันจนสื่อตีข่าวใหญ่โตว่า นี่คือการประกาศตัวตนว่าเป็นชายรักร่วมเพศ จากประวัติความสัมพันธ์กับแฟนหนุ่มก็ทำให้หลายฝ่ายมั่นใจ แต่เมื่อปี 2019 Sam ก็ได้ประกาศว่า ไม่ได้เป็นผู้ชายหรือผู้หญิง
"ในบางครั้ง ฉันคิดอะไรเหมือนกับผู้หญิง และก็นั่งถามตัวเองว่า อยากจะแปลงเพศอย่างนั้นเหรอ แล้วก็คิดเรื่องนี้เรื่อยๆว่าอยากเปลี่ยนมั้ย แต่ก็ว่าไม่น่าจะเป็นแบบนั้น"
แต่เมื่อได้ศึกษาความหมายของ Non-Binary ก็รู้เลยว่า นี่คือตัวเองอย่างแท้จริง!
"คุณก็แค่เป็นตัวคุณ คุณมาจากส่วนผสมที่หลากหลาย คุณคือการสร้างสรรค์ที่พิเศษเฉพาะตัว ฉันเข้าใจมันว่าเป็นแบบนี้นะ"
"ฉันไม่ได้เป็นชายหรือหญิง ตัวตนของฉันลอยตัวอยู่อย่างก้ำกึ่ง"
ในเวลาต่อมา Sam ได้ประกาศเปลี่ยนการใช้สรรพนามจากเขามาเป็นพวกเค้า และขอร้องให้ผู้อื่นพยายามเปิดใจ แต่ก็ต้องพบกับ cyberbullying
" ฉันบรรยายไม่ถูกจริงๆว่าต้องทำใจรวบรวมความกล้ามากมายแค่ไหน ฉันไม่ได้เตรียมตัวรับมือกับการถูกเยาะเย้ยและbullyingมาก่อนมันเป็นสิ่งที่ฉันต้องเผชิญ"
"บรรดาคอมเมนท์และคำถามที่ฉันต้องคอยตอบและเห็นผ่านตาทุกๆวันน่ะมันช่างแรงเหลือเกิน"
ดราม่าการแบ่งหมวดหมู่รางวัลใน Brit Awards
เมื่อปีที่แล้ว งานประกาศรางวัล Brit Awards ก็ตกเป็นประเด็นร้อน เมื่อ Sam ได้วิจารณ์การแบ่งสาขารางวัลตามเพศของศิลปินไว้ว่า
" The Brits มีส่วนร่วมที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งต่ออาชีพของฉัน สำหรับฉัน ดนตรีคือการรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ไม่ใช่แบ่งแยก ฉันเฝ้ารอวันเวลาที่งานประกาศรางวัลดนตรีได้กลายเป็นสิ่งสะท้อนสังคมที่เราอาศัยอยู่ร่วมกัน มาร่วมยินดีต่อทุกๆคนกันเถอะ ไม่ว่าจะมีเพศ เชื้อชาติ อายุ ความสามารถ เพศสภาพและชนชั้นใดก็ตาม"
ผู้จัด Brit Awards ตอบรับเสียงเรียกร้องของSam และสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในปีนี้ด้วยการจัดสาขารางวัลโดยไม่แบ่งแยกเพศของศิลปินเป็นหญิง ชาย หรือเพศใดเลย แต่กระแสตอบรับนั้นมีทั้งเสียงชื่นชมและด่าทอ สื่อแทบลอยด์บางเจ้านำเสนอข่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่เห็นด้วยอย่างชัดเจน รวมไปถึงกลุ่มผู้ชมจำนวนไม่น้อยที่ประกาศboycott ไม่ยอมติดตามการถ่ายทอดงานด้วยข้อกล่าวหาว่า Brit Awards เปลี่ยนแปลงจากความเผ็ดแซ่บในอดีตกลายมาเป็นงานที่ woke จนทำใจยอมรับไม่ไหว
คำกล่าวขอบคุณของ Adele ที่คว้าไปถึงสามรางวัลจากงานนี้ว่า 'เข้าใจว่าเพราะอะไรBrit Awards จะต้องเปลี่ยนแปลง' แต่ก็ 'ปลาบปลื้มใจในความเป็นหญิงและภูมิใจในศิลปินหญิงทุกคน' ทำให้สื่อหลายเจ้าและชาวเน็ทตีความว่า เธอกำลังเหน็บแนมผู้จัดที่ยุบสาขารางวัลศิลปินเดี่ยวยอดเยี่ยมที่แยกตามเพศของศิลปิน แม้ว่าผู้ชมในงานจะส่งเสียงชื่นชม และมีแฟนๆที่สนับสนุนจุดยืนในการปลุกพลังหญิง แต่ Adele ก็ต้องพบกับข้อกล่าวหาว่าเป็น TEFR (นักสิทธิสตรีที่ไม่สนับสนุน trans) หลายคนแสดงความผิดหวังในตัวเธอ จากภาพลักษณ์ของศิลปินขวัญใจชาวเพศทางเลือก แต่กลับไม่ประกาศชื่นชมยินดีในความเปลี่ยนแปลงของ Brit Awards ที่ไม่แบ่งแยกเพศ และมีการทำนายว่า เธอจะต้องพบกับกระแสต่อต้านตามรอย J.K Rowling ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกเหยียด trans เช่นเดียวกัน
The End