10 ข้อควรรู้คู่นักรีวิว "ลิขสิทธิ์งานออนไลน์" ฉบับเข้าใจง่ายอัปเดตล่าสุด
JebanOfficial 116 75จีบันเข้าใจดีว่าการทำกระทู้รีวิว มันเหนื่อยม้ากกก! ต้องทำทุกอย่างเองคนเดียว ทั้งคิดไอเดีย ถ่ายรูป แต่งรูป และเขียนรีวิว ซึ่งงานออนไลน์จะโดนก็อปกันได้ง่ายมาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะทำอะไรไม่ได้เลยนะ
บ้านเรามีกฎหมายปกป้องดูแลผลงานที่สร้างสรรค์ของทุกคนนะคะ โดยฉบับล่าสุดที่ประกาศใช้หมาดๆ เลยก็คือ พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ ฉบับที่ 5 ปี 2565 ประกาศใช้วันที่ 23 สิงหาคม 2565 นี้ ซึ่งเป็นตัวที่เพิ่มเติมมาจากฉบับปี 2537
ไม่ต้องกลัวจะซับซ้อนค่ะ เพราะเราเลือกสรุปมาให้แล้ว รับรองว่าได้ใช้จริงแน่นอน!
จิ้มดูประเด็นที่สนใจ
- 1. เขียนรีวิวคล้ายกัน ผิดไหม
- 2. รีวิวสินค้า รูปและเนื้อหาเป็นของใคร
- 3. คุยงานผ่านไลน์ ถือเป็นสัญญาไหม
- 4. เอารูปคนอื่นมาใช้ แล้วให้เครดิตผิดไหม
- 5. ใส่โลโก้แบรนด์ในรูปรีวิว ผิดไหม
- 6. จัดวางรูปคล้ายกัน ผิดไหม
- 7. ไอเดียเหมือนกัน ผิดไหม
- 8. แปลหรือรวบรวมเนื้อหามาจากต่างประเทศ ผิดไหม
- 9. พิสูจน์ยังไงว่าเป็นผลงานเราจริง ไม่ได้ก็อป
- 10. เมื่อมีคนก็อปรูปหรือรีวิว ทำยังไงดี
1. Q: เขียนรีวิวคล้ายกัน ผิดไหม?
A: คัดลอกแบบเป๊ะๆ หรือเหมือนบางส่วนที่สำคัญ ผิดนะ
เนื้อหาเหมือนกันเป๊ะ มีคนก็อปงานเราไปลงที่อื่นแบบเหมือนเป๊ะๆ แบบนี้ผิดแน่นอน
เนื้อหาเหมือนแค่บางส่วน แต่เป็นสาระสำคัญ ที่พิสูจน์ได้ว่าสร้างมาด้วยความพยายามของเราเอง อันนี้ก็ผิดเหมือนกัน
เนื้อหาเหมือนแค่บางส่วน แต่เป็นคำทั่วไป ที่ใครๆ ก็เขียนได้ ไม่ว่าจะเล่าแบบสลับคำ หรือเปลี่ยนมู้ดการเล่า อันนี้ค่อนข้างยากเลยค่ะ ที่จะพิสูจน์ได้ว่าเขาก็อปเราหรือเปล่า ถึงจะไม่ผิดลิขสิทธิ์ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรทำนะ และถ้าอยากเอาเนื้อหาของใครมาลง ก็ควรขออนุญาตไว้ก่อนดีที่สุด
งานเขียนรีวิว บทความต่างๆ ที่ลงในสื่อออนไลน์ ถือเป็นงานประเภทวรรณกรรม และนับเป็นงานสร้างสรรค์ใน 9 ประเภท ที่มีกฎหมายลิขสิทธิ์คุ้มครอง ส่วนเรื่องที่เป็นข้อเท็จจริงทั่วไป เช่น ส่วนผสมสกินแคร์ตามฉลาก ก็ไม่เข้าข่ายงานที่เป็นลิขสิทธิ์ สามารถนำมาใช้ได้
- อ่านเพิ่มเติมได้ใน พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 4, 6, 7, 15, 27
2. Q: รีวิวสินค้า รูปและเนื้อหาเป็นของใคร
A: ของเราแน่นอน ยกเว้นว่าแบรนด์จ้างหรือให้ของมา
แบรนด์ให้ของ (Given by Brand) ลิขสิทธิ์เป็นของผู้รีวิว ถ้าแบรนด์ส่งของมาให้ ไม่ว่าจะมีข้อกำหนดว่าต้องรีวิวเป็นการตอบแทนหรือไม่ก็ตาม ถ้าเราทำการรีวิวลิขสิทธิ์ก็จะเป็นของแบรนด์ เพราะการให้ของสามารถมองว่าเป็นการจ้างได้เหมือนกัน ของที่ได้เปรียบเหมือนค่าตอบแทน
แบรนด์จ้าง (Sponsored) ลิขสิทธิ์เป็นของแบรนด์ ข้อนี้สิ่งที่สำคัญมากๆ คือการทำ "สัญญาจ้างงาน" ในสัญญาต้องระบุรายละเอียดให้ครบ ว่าผลงานที่รีวิวเป็นของผู้ว่าจ้าง หรือเป็นของผู้รีวิว ถ้าไม่มีการทำสัญญากัน ผลงานที่เราทำก็จะเป็นของแบรนด์ในทันที ทางที่ดีเวลาทำงานร่วมกับแบรนด์ ให้ตกลงกันให้เรียบร้อยว่าผลงานเป็นของเราเท่านั้น และขอบเขตการให้แบรนด์นำไปใช้มีแค่ไหน
ไม่ว่าแบรนด์จะให้ของมาหรือแบรนด์จ้าง ควรตกลงความเป็นเจ้าของผลงานกันก่อนตั้งแต่แรก ไม่ว่าจะได้เงินหรือไม่ก็ตาม
- อ่านเพิ่มเติมได้ใน พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 10 และ พ.ร.บ. ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ.2535 มาตรา 587
3. Q: คุยงานผ่านไลน์ ถือเป็นสัญญาไหม
A: เป็น แต่ทำสัญญาจ้างดีกว่านะ
และสามารถใช้เป็นหลักฐานในการพิจารณาที่ชั้นศาลได้ น้ำหนักจะสู้สัญญาจ้างไม่ได้ อยู่ที่ดุลพินิจของศาลว่าจะเชื่อไหม ทางที่ดีทำสัญญาที่เป็นลายลักษณ์อักษรและมีการลงชื่อจะดีที่สุด
ถ้าทำงานกับแบรนด์แล้วคุยกันแค่ทางไลน์ แคปแชทเก็บเป็นหลักฐานกันไว้ด้วยดีกว่า เผื่อเกิดเหตุการณ์ Leave หรือ Unsend แชทขึ้นมา ที่ไม่อาจคาดเดาได้
- อ่านเพิ่มเติมได้ใน พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 10 และ พ.ร.บ. ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ.2535 มาตรา 587
4. Q: เอารูปหรือเนื้อหาคนอื่นมาใช้ แล้วให้เครดิตผิดไหม?
A: ผิดนะ ให้เครดิตไม่เท่ากับเอามาใช้ได้
ส่วนธีสิส งานวิจัย หรือบทความ ถ้าเอาเรื่องเขามาอ้างอิง ต้องขออนุญาตก่อน สามารถส่งอีเมลหรือติดต่อไปที่เจ้าของโดนตรงได้เลย ถ้าเนื้อหาที่เราเอามาลงเป็นข่าวข้อเท็จจริง ก็ไม่ถือเป็นงานที่มีลิขสิทธิ์ แต่ต้องดูดีๆ ว่ามีความเห็นมากกว่าข้อเท็จจริงหรือเปล่า ถ้ามีเราจะเอาส่วนที่เกินจากข้อเท็จจริงมาใช้ไม่ได้
- อ่านเพิ่มเติมได้ใน พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 32, 33
5. Q: ใส่โลโก้แบรนด์ในรูปรีวิว ผิดไหม?
A: ไม่ผิด แต่ควรได้รับอนุญาตก่อน
ถ้าใช้โลโก้แบรนด์แล้วรีวิวเกิดความเสียหายหรือแบรนด์ไม่พอใจ แบรนด์ก็สามารถฟ้องกฎหมายอาญา ความผิดฐานหมิ่นประมาทได้ แต่ก็ไม่เสมอไป ต้องดูที่เนื้อหาที่รีวิว (อยู่ที่ดุลยพินิจของศาล)
ส่วนถ้าโลโก้เป็นเครื่องหมายการค้าของแบรนด์ด้วย ต้องดูเจตนาการใช้ ถ้าไม่ได้มีเจตนาเอาไปใช้ในการค้า แบรนด์อาจใจดีมองว่าเป็นการช่วยโปรโมตได้ แต่ทางที่ดีถ้าจะใช้ก็ขออนุญาตไว้ก่อนดีกว่านะ
- ไม่เกี่ยวข้องกับกฎหมายลิขสิทธิ์ แต่ให้ดูกฎหมายที่เกี่ยวกับการจดทะเบียนการค้าแทน
6. Q: จัดวางรูปคล้ายกันผิดไหม
A: ไม่ผิด การจัดวางไม่เป็นงานที่มีลิขสิทธิ์
- อ่านเพิ่มเติมได้ใน พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 6
7. Q: ไอเดียเหมือนกัน ผิดไหม
A: ไม่ผิด ต้องออกมาเป็นชิ้นงานก่อนนะ ไอเดียไม่นับ
ตัวอย่าง เราโพสต์ในไอเดียการทำกระทู้รีวิวใหม่ไว้ในเฟซบุ๊กตัวเอง แต่วันรุ่งขึ้นดันมีคนทำกระทู้เหมือนที่เราโพสต์เฟซไป อันนี้ไม่ผิดนะคะ เพราะเรายังไม่มีชิ้นงานออกมา การโพสต์เฟซบุ๊กเป็นเพียงแค่ไอเดีย ไม่ว่าจะจดไอเดียใส่โน้ตในสมุดหรือคอมไว้ แต่ยังไม่เป็นชิ้นงานออกมา ก็ถือว่ายังไม่มีลิขสิทธิ์นะ
แต่ถ้าไอเดียที่โพสต์ไว้มีการเล่าอย่างละเอียดว่าจะทำงานยังไง เช่น บรีฟอย่างละเอียด ถ้ามีการให้รายละเอียดงานยาวพอ ก็อาจเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ได้
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะบังเอิญเหมือนกันไม่ได้ ถ้างานที่ออกมามีไอเดียคล้ายกัน แม้ว่าต่างคนต่างทำ ศาลอาจตัดสินให้ทั้งคู่เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ได้ ไม่ถือว่าเป็นการคัดลอก ถ้ามีการพิสูจน์ได้ว่าแต่ละคนสร้างสรรค์ออกมาเองจริงๆ
ในทางกลับกัน ถ้าเราเขียนกระทู้ไว้แล้ว แต่ไม่ได้เผยแพร่ งานนั้นก็จะมีลิขสิทธิ์แล้วทันที แม้จะยังไม่มีใครเห็นก็ตาม
- อ่านเพิ่มเติมได้ใน พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 7
8. Q: แปลหรือรวบรวมเนื้อหามาจากต่างประเทศ ผิดไหม
A: ไม่ผิด ถ้าแปลมาจากข่าวข้อเท็จจริง
- การแปลตามตัว: ไม่ผิดลิขสิทธิ์ สามารถทำได้ แต่ถ้าเราแปลผิด หรือสื่อความหมายให้เจ้าตัวถูกมองในแง่ลบ อันนี้เขาอาจจะฟ้องเราได้ ทั้งนี้แปลแล้วห้ามเอาไปใช้ในเชิงพาณิชย์
- การแปลพร้อมเสริมการวิเคราะห์ หรือเรียบเรียงเอาใหม่ของผู้แปล: สามารถทำได้และถือเป็นงานสร้างสรรค์ของเรา ที่มีลิขสิทธิ์คุ้มครอง
ต้องขออนุญาตผู้เขียนก่อนเสมอ ถ้าเจ้าของภาษาต้นฉบับอนุญาตให้เราแปลได้ ผู้แปลก็จะมีลิขสิทธิ์ในงานแปลของตัวเอง แต่ถ้าไม่ได้รับอนุญาตให้แปล ก็เท่ากับผิดกฎหมาย ถึงงานแปลนั้นก็จะไม่มีลิขสิทธิ์ แม้จะหยิบมาแปลนิดๆ หน่อยๆ ยังไงก็ถือว่าผิด
แต่นี่คือแค่กฎหมายไทยเท่านั้น ถ้าจะแปลเนื้อหาจากต่างประเทศ เราสามารถดูกฎหมายลิขสิทธิ์ของอนุสัญญาเบิร์นได้ ว่ามีประเทศไหนเป็นภาคีสมาชิกของอนุสัญญานี้บ้าง ก็จะได้เอามาใช้ในขอบเขตที่เหมือนกันได้ หรือลองดูก่อนว่าเว็บเขาเขียน Disclaimer หรือ Copyright ไว้ว่ายังไง แต่ทางทีดีก็ติดต่อผู้เขียนที่เราต้องการเอางานของเขามาแปลเลยดีกว่า การทำซ้ำ ดัดแปลง ต้องได้รับอนุญาตก่อนเสมอ
ทั้งนี้ถ้าแปลผิดความหมาย แม้จะขออนุญาตก่อนแล้ว แต่ทำให้คนในข่าวเสียหาย ก็จะมีความผิดฐานหมิ่นประมาทได้ (ต้องดูเจตนาว่าตั้งใจดัดแปลงมั้ย)
- อ่านเพิ่มเติมได้ใน พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 7
9. Q: พิสูจน์ยังไงว่าเป็นผลงานเราจริง ไม่ได้ก็อปใคร
A: แสดงที่มาของงาน หรือเวลาบันทึกในคอมพิวเตอร์
แต่ถ้าไม่มีอะไรเลย ก็สามารถใช้เวลาในคอมพิวเตอร์พิสูจน์ได้ ว่างานของเราเกิดขึ้นเมื่อไหร่ หรือเผยแพร่ไปเมื่อไหร่ เพื่อยืนยันว่าเราเผยแพร่ก่อน หรือทำหนังสือรับรองความเป็นลิขสิทธิ์ให้กับตัวเองไว้ก่อนก็ได้ แม้งานนี้เราทำเองไม่มีใครรู้ แต่เราก็สามารถรับรองตนเองได้นะ
- ไม่ได้มีระบุชัดเจนในกฎหมาย
10. Q: เมื่อมีคนก็อปรูปหรือเนื้อหารีวิว ทำยังไงดี
A: แจ้งเว็บนั้นให้เอาลง รอการตอบกลับ แล้วไกล่เกลี่ยหรือฟ้องร้อง
2. รอให้ทางเว็บต้นทางตอบกลับมา ว่าจะดำเนินการเอาลงภายในกี่วัน
3. ไกล่เกลี่ยกับคู่กรณี (ทำหรือไม่ก็ได้) จะใช้บริการไกล่เกลี่ยของกรมทรัพย์สินทางปัญญา หรือไกล่เกลี่ยกันเองก็ได้ ถ้าไกล่เกลี่ยแล้วยังไม่สำเร็จ ไม่ยอมความกัน ก็ฟ้องร้องได้เลย
- อ่านเพิ่มเติมได้ใน พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ ฉบับที่ 5 ปี 2565 มาตรา 43/6
*** ข้อมูลเหล่านี้นำมาจากกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์
หากสงสัยเรื่องเกี่ยวกับลิขสิทธิ์และร้องเรียนเกี่ยวกับการละเมิด สามารถติดต่อได้ทางสายด่วน 1368
ดังนั้นเราต้องเป็นครีเอเตอร์หนึ่งเดียวในชิ้นงานของตัวเองเท่านั้น! ซึ่งถ้าเพื่อนๆ เจอกระทู้ละเมิดลิขสิทธิ์ก็แจ้งจีบันได้ตามลิงก์ด้านล่างเลยค่า จีบันพร้อมซัพพอร์ตเพื่อนๆ ทุกคนเพื่อปกป้องสิทธิ์และไม่อยากให้มีการละเมิดสิทธิ์ โดยได้อัพเดทช่องทางการร้องเรียนตามกฎหมายที่อัพเดทใหม่ และส่วนอื่นๆ ก็พร้อมช่วยเหลือเต็มที่เลยนะ <3