Urea สารเพื่อชาวผิวแห้ง เติมความชุ่มชื้น กักเก็บน้ำให้ผิว | Jeban x SkinX

by

DaisyOfficial

Urea คืออะไร?

Urea เป็นสารที่เกิดจากกระบวนการเปลี่ยนแปลงของโปรตีนที่ร่างกายขับออกมาภายนอก เพื่อขจัดของเสียในรูปของปัสสาวะ หรือเหงื่อ ซึ่ง Urea สามารถเอามาใช้ในทางเวชสำอาง หรือทางการแพทย์ได้ เพราะไม่ได้มีแค่แอมโมเนีย และน้ำ แต่มีคุณสมบัติให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวด้วย

Urea ช่วยดูแลผิวยังไงบ้าง?

Urea มีโมเลกุลขนาดใหญ่ที่กักเก็บน้ำได้ดี การเอา Urea มาทาผิวเพื่อใช้เป็นสกินแคร์จะช่วยเรื่องความชุ่มชื่น ซึ่ง Urea มีเปอร์เซ็นต์ที่ต่างกัน การใช้จึงขึ้นอยู่กับเปอร์เซ็นต์ความเข้มข้น ควรเลือกใช้ให้เหมาะกับปัญหา และสภาพผิว

  • Urea ที่มีเปอร์เซ็นต์น้อยกว่า 10% จะเหมาะใช้เพื่อเป็นมอยส์เจอไรเซอร์ หรือสารให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว
  • Urea ที่มีเปอร์เซ็นต์มากกว่า 10% จะมีฤทธิ์ทางยา ใช้เพื่อลอกผิวทำให้เซลล์ผิวหลุดลอกได้หลายระดับ

Urea มีการทำงานกับผิวยังไง?

Urea เป็นมอยส์เจอไรเซอร์ที่มีคุณสมบัติในการออกฤทธิ์ได้ดีกับผิวหนังชั้นบน เพราะมีโมเลกุลใหญ่ หลังจากทาลงไปบนผิวแล้ว จะออกฤทธิ์ให้ความชุ่มชื้นได้ดีกับผิวชั้นบน เหมือนเอาสำลีชุบน้ำมาแปะไว้นั่นเอง

Urea เหมาะกับใคร ?

Urea ที่มีเปอร์เซ็นต์ความเข้มข้นต่ำ เช่น 5 % จะเหมาะกับคนผิวแห้ง และมีอยู่ในครีมทาผิวทั่วไป มีคุณสมบัติของมอยส์เจอไรเซอร์ช่วยกักเก็บน้ำให้แก่ผิว และยังสามารถเอามาทามือได้ด้วย

สภาพผิว และปัญหาผิวแบบไหนควรเลี่ยง Urea

ผิวที่ระคายเคืองง่ายควรหลีกเลี่ยงส่วนผสม Urea ในเปอร์เซ็นต์ความเข้มข้นที่สูง หรือมีเปอร์เซ็นต์มากกว่า 10% เพราะสารนี้มีคุณสมบัติลอกผิว ดังนั้นคนที่ผิวระคายเคืองง่าย หรือมีบาดแผลจึงไม่ควรใช้ เพราะอาจจะทำให้เกิดอาการแสบได้

Urea สามารถใช้ หรือควรใช้ควบคู่กับส่วนผสม (ingredient) อื่นๆ ตัวไหนบ้าง?

Urea สามารถใช้ควบคู่กับมอยส์เจอไรเซอร์ตัวอื่นที่มีกลไกช่วยเสริมกัน เช่น ถ้าใช้ Urea ที่ช่วยให้น้ำแก่ผิวแล้ว เราอาจใช้ควบคู่ไปกับมอยส์เจอไรเซอร์ตัวอื่นที่ช่วยบำรุงเรื่องความชุ่มชื้นในกลไกที่แตกต่างออกไป ยกตัวอย่าง มอยส์เจอไรเซอร์ที่มีฤทธิ์เคลือบผิว เช่น วาสลีน ที่จะมาช่วยเรื่องการปิดผิวชั้นนอก ให้ผิวกักเก็บความชุ่มชื้นได้ดีขึ้น หรือใช้คู่กับส่วนผสมที่มีน้ำมัน เช่น Mineral oil และ Lanolin ที่สามารถเคลือบผิวได้เช่นกัน

Urea ควรเลี่ยงใช้คู่กับส่วนผสม (ingredient) ตัวใดบ้าง?

ปกติ Urea จะไม่ได้ใส่ผสมกับสกินแคร์ในปริมาณมากนัก หรืออาจใส่คู่กับส่วนผสมอื่นหลายตัว และมักจะใส่ในกลุ่มมอยส์เจอไรเซอร์ เพื่อเพิ่มคุณสมบัติเติมความชุ่มชื่นให้ผิวป็นหลัก แต่ถ้าใช้ในเปอร์เซ็นต์ที่สูง จะมีฤทธิ์ทางยาที่ใช้โดยแพทย์ผิวหนังเท่านั้น

วิธีเก็บรักษาเครื่องสำอางที่มีส่วนผสม Urea

Urea เป็นสารที่เก็บน้ำได้เก่ง เพราะฉะนั้นควรเก็บไว้ในอุณหภูมิห้อง ภายใต้ภาชนะที่มีฝาปิดสนิท เพื่อป้องกันไม่ให้ครีมเปลี่ยนรูป หรือมีความเหลวยิ่งขึ้น

Urea ต้องใช้นานแค่ไหนถึงจะเห็นผล?

ส่วนใหญ่ Urea จะถูกผสมมาในรูปแบบครีม หลังทาทุกครั้งจะต้องเห็นผลความชุ่มชื้นทันที แต่ถ้าต้องการให้ผิวดีขึ้นจะต้องใช้เวลาราว 28 วัน เพื่อทำให้ผิวเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี และควรหลีกเลี่ยงการใช้ในเปอร์เซ็นต์สูง เพราะจะทำให้เกิดการระคายเคืองได้ง่าย คนที่มีบาดแผล อาจทำให้เกิดอาการแสบ แดง ร้อน เจ็บ จำเป็นต้องระวัง

ข้อแตกต่างของ Urea กับส่วนผสมที่คุณสมบัติใกล้เคียง

Urea จัดอยู่ในมอยส์เจอไรเซอร์ชนิดหนึ่งที่มีคุณสมบัติเด่นคือการอุ้มน้ำ และปล่อยน้ำให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ในขณะที่ ingredient ตัวอื่นมีคุณสมบัติการเติมความชุ่มชื้นที่แตกต่างออกไป ไม่ได้ช่วยในการอุ้มน้ำไว้ในผิวแบบ Urea

  • Urea เป็นสารที่ร่างกายขับออกมาเพื่อขจัดของเสีย แต่มีคุณสมบัติให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว
  • Urea มี 2 รูปแบบทั้งในรูปแบบเวชสำอาง และรูปแบบยา แตกต่างกันด้วยเปอร์เซ็นต์ของ Urea ที่ใช้ หากมีเปอร์เซ็นต์น้อยกว่า 10% จะเหมาะใช้เพื่อเป็นมอยส์เจอไรเซอร์ แต่หากมีเปอร์เซ็นต์มากกว่า 10% จะเป็นการลอกผิวในระดับที่รุนแรงขึ้น
  • สามารถใช้ Urea คู่กับมอยส์เจอไรเซอร์ตัวอื่น เพื่อเสริมคุณสมบัติเคลือบผิว และกักเก็บความชุ่มชื้น
  • Urea ไม่เหมาะกับผิวที่ระคายเคืองง่าย หรือคนที่มีบาดแผล เพราะอาจทำให้เกิดอาการแสบ แดง ร้อน หรือเจ็บได้

มีเรื่องผิวกวนใจ ปรึกษาปัญหาด้านผิวหนัง ได้ทุกเรื่อง ได้ทุกที่

กับคุณหมอผู้เชี่ยวชาญ SkinX แอปพบแพทย์ผิวหนังออนไลน์

daisy-skinx.png

ขอบคุณข้อมูล :
นายแพทย์สิทธิโรจน์ อรุณขจรศักดิ์ แพทย์ผิวหนังจากโรงพยาบาลพญาไท