วินาทีสุดท้ายที่ปารีส

เริ่มลงเบสเขียวเพื่อกลบรอยแดงจากสิวกันก่อนเลยค่ะ ตามด้วยเบสขาวเพื่อปรับความสว่างบนใบหน้า
โดยลงบริเวณทีโซน
จากนั้นผสมรองพื้นกับ Shu Uemura B-G Resistance เพิ่มเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิว
เกลี่ยให้ทั่วหน้า พักหน้า 5 นาที ก่อนเริ่มขั้นตอนต่อไป

ใช้แป้งม่วงลงใต้ตาเพื่อเพิ่มความสว่างและกันแพนด้าออกมาจ้ะเอ๋ อิอิ
ใช้แป้งฝุ่นปัดให้ทั่วทั้งหน้า

ใช้ พาวเดอร์บลัช สี Dandelion จาก Benefit ปัดให้ทั่วใบหน้า เพื่อให้ผิวอมชมพูดูสุขภาพดี
และใช้อายชาโดว์สีน้ำตาล จาก OP ปัดคิ้วเบาๆ ค่อยๆไล่ไปทางหางคิ้ว

ตกแต่งคิ้วโดยใช้ eyebrow mascara จาก Fasio ปัดเบาๆ
ใช้ครีมอายชาโดว์สีขาวจากตลับ Kate ทาทั่วเบ้าตา

ใช้อายชาโดว์สีม่วง จาก Missha ปาดเป็นวีเชฟที่ปลายหางตาทั้งสองข้าง
ลากลงมาที่ขอบตาล่างประมาณ 3 ใน 4
จากนั้นใช้อายชาโดว์สีขาว จาก Missha เช่นกัน ลงเป็นไฮไลท์ ทั้งทีโซน หัวตาและใต้โหนกคิ้ว

เขียนขอบตาด้วย เจลอายไลท์เนอร์สีดำ จาก BB (ขอโทษนะคะลืมถ่ายรูปมา)
ดัดขนตาด้วยที่ดัดขนตา Shu ปัด mascara รุ่น Volum Express จาก Maybelline
ปัดแก้มเบาๆ ด้วย สี Deep Throat จาก Nars

เขียนขอบปากด้วย lip liner สีนู้ด เพื่อให้ริมฝีปากดูเล็กลง
ใช้ลิปสติกสีแดง เนื้อด้าน จาก Chanel ทาให้ทั่วริมฝีปากด้วยพู่กัน

มาดู Before & After กันดีกว่า

เอาล่ะ.. สาวโสดอย่างฉันหลังจากตรากตรำทำงานหนักเก็บตังค์มาหลายปี
ก็ถึงเวลาให้รางวัลกับชีวิตสักที
ฉันซื้อตั๋วเครื่องบิน แบกแพ๊คคนเดียวมุ่งหน้าสู่ปารีส
.
.

หวังว่าปารีสจะช่วยทำให้ฉันลืมความเหงา ในกรุงเทพสักที

ฉันมุ่งหน้าสู่ถนนฌ็องเซลิเซ่ เพื่อไปชมประตูชัย
ที่ใครๆก็กล่าวขวัญถึง .. ว่ามันสวยเหลือเกิน

ดวงอาทิตย์เริ่มลาลับขอบฟ้า ผู้คนมากมายเดินไปมาขวักไขว่
แต่ทำไมความเหงามันถึงยังอยู่กับฉันนะ ..

โอ้ว.. หอไอเฟล สัญลักษณ์ของปารีส
ในที่สุดฉันก็มาถึง
ที่นี่คือจุดหมายของคู่รักหลายคู่ที่มาฮันนีมูน
แต่ฉันสิ ทำไมต้องมายืนมองหอไอเฟลอยู่คนเดียว

โลกนี้ไม่ยุติธรรมกับฉันเลย

ความสว่างสดใสจากแสงไฟของหอไอเฟล
ช่างแตกต่างจากใจฉันที่ยังคงเงียบเหงาเหมือนเดิม
ฉันอยากจะสดใสเหมือนแสงไฟของหอไอเฟลบ้างจัง
เฮ้อ..

นี่แหละเหงา นี่คือเหงา .. นี่คือความจริงที่ได้เจอ
เจ็บปวดทรมานลึกลงข้างในใจ
โอ้ว ความเหงามันช่างหนาว มันช่างยาวนานและทุกข์ทน
รอคอยใครบางคนมาหยุดมัน