ดูหนังแขกแล้วอิน เลยไปกินอาหารอินเดีย

15 6
สวัสดีค่าาา สาวๆ ชาวจีบันที่รักช่วงนี้เป็นยังไงกันบ้างคะ อากาศร้อนบ้างฝนบ้าง ช่างน่ารำคาญเสียยิ่งกระไร ออกไปไหนแต่ละทีต้องระวังน้องฝนจะถามหา ตล๊อดดดดดด แต่ถึงแม้ฝนจะตกฟ้าจะร้องแดดจะออกอย่างไร เรื่องนึงที่ขาดไปไม่ได้ในชีวิตก็คือเรื่องกินค่าาา

ถ้าหากจะชวนกลุ่มเพื่อนสาวไปกินอาหารด้วยกันแล้ว อาหารอินเดียคงไม่ใช่ตัวเลือกแรกสำหรับสาวๆ หรอกเนอะ แต่เนื่องจากว่าโกกิกับทีมได้มีโอกาสไปดูหนังเรื่อง The LunchBox กัน ซึ่งขนาดชื่อเรื่องก็บอกอยู่แล้วว่า ข้าวกล่อง กล่องข้าวเที่ยง อะไรประมาณนั้น เรื่องนี้เป็นหนังจากอินเดีย จึงเต็มไปด้วยอาหารอินเดียแทบทั้งเรื่อง และนั่นก็เป็นที่มาของวันนี้ ที่จะพาทุกคนไปตามรอย The LunchBox ...

 

แอบเอาโปสเตอร์หนังเรื่องนี้มาให้ดูกันด้วย ที่จริงไปดูมานานแล้วแหละ 2-3 อาทิตย์แล้วจ้าา เป็นหนังอินเดียที่ดูแล้วแบบดีอ่ะแกร ชอบมาก ต่างจากหนังอินเดียที่เราเคยดูทั่วไป ที่วิ่งข้ามภูเขาสามลูกกว่าจะรักกว่าจะได้คุยกัน เรื่องนี้ทั้งมุมทั้งภาพทั้งบท แบบว่าฟินอ่ะ มีอะไรหลายๆ อย่างในสังคมอินเดียที่ถูกถ่ายทอดผ่านหนังเรื่องนี้ ไปดูกันซะ !! 

 

 
ตอนดูหนังเค้าส่งปิ่นโตกันไปกันมา ก็เกิดอยากกินอาหารอินเดียตามไปด้วย แต่กว่าจะได้ฤกษ์ซักทีก็ครั้งนี้ล่ะ มีผู้ร่วมทริปทั้งสิ้น 6 คน โดยพี่ในทีมที่ขึ้นชื่อว่าเป็นนักชิมตัวยง เสนอให้ลองไปชิมกันที่ร้าน "HOME CUISINE" นางบอก ร้านนี้ อร่อย ดูดี สวยๆ ไม่อินเดียหนักไปเท่าไหร่ แอบออกไปทางอาหารอิสลามด้วยผสมๆ กัน (คือมาลองก่อน มีแผนไปร้านอินเดี๊ย อินเดีย จัดเต็มอีกที เนื่องจากเอิร์ธศรีนางติดไปงานด้วยไม่อยากให้ชีมีกลิ่นเครื่องเทศติดตอนไปงาน)

 
ร้าน HOME CUISINE Islamic Restuarant อยู่ ซ.เจิรญกรุง 36 ซอยเดียวกับสถานทูตฝรั่งเศส และสถานีดับเพลิงบางรัก ที่มีตึกเก่าแก่ริมน้ำอันโด่งดังเลยค่ะ ถ้าไปโดยรถไฟฟ้าก็ลง BTS สถานีตากสิน แล้วจะเดินหรือนั่งแท็กซี่สวยๆ มาก็ได้ค่ะไม่ได้ไกลมาก ประมาณ 10 นาที จะมายังไง ก็สุดแล้วแต่สามารถค่ะ

เดินเขามาในร้าน ตกแต่งออกแนวร้านอาหารอิสลามเลยค่ะ ที่จริงมันก็ร้านอาหารอิสลามนั่นแหละ ไม่ได้มีม่งมีม่านอะไร ที่แสดงว่าคล้ายฮาเร็มอินเดียแต่อย่างใด (ตามจินตนาการของผู้เขียน ฮ่าาๆ) ร้านเป็นโทนสีเขียว-ครีมให้ความรู้สึกอบอุ่น คุกรุ่นไปด้วยกลิ่นเครื่องเทศ หราา ?

ร้านนี้มี 2 โซนนะคะ ด้านนอกชิวๆ รับลม และด้านในเย็นๆ รับลมเช่นกันค่ะแต่เป็นลมแอร์ ฉะนั้นแล้วอย่าลังเลใจค่ะ อากาศร้อนแบบนี้ เลือกข้างในไปโล๊ดดด แหมนี่เมืองไทยนะคะ ไม่ใช่ยุโรปหรือเกาหลี กินข้าวไปเหงื่อไหล จั๊กเปียกก็ใช่เรื่อง
 
เม้าเพลินเกินไปละ มาเริ่มต้นเมนหลักของเราวันนี้กันซักทีเถอะค่ะ  "อาหารอินเดีย" 


 
เราทั้ง 6 คนช่วยกันนึกย้อนไปถึงหนังเรื่อง The LunchBox ถึงอาหารที่อิลา(นางเอก) ทำส่งไปให้ชายผู้มิใช่สามีของนางกินทุกเที่ยงก็คือ ซาจาน(พระเอก) แล้วก็เริ่มต้นสั่งอาหารกันเลยค่าาาา (คือที่สั่งกับในหนังไม่ค่อยคล้ายกันเท่าไหร่ 555 อะไรคือตามรอย ?

จานแรก ถือว่าเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยค่ะ คือ ซาโมซาเนื้อ ข้างนอกเป็นแป้งทอดกรอบ ข้างในเป็นเหมือนแกงกะหรี่ พิเศษตรงที่ในตัวแป้งจะมีส่วนผสมของยี่ร่าป่นอยู่ด้วย ทำให้กลิ่นของเครื่องเทศชัดเจนตามสไตล์อาหารแขก อาจสรุปได้ว่านี่คือ กะหรี่ปั๊ปแขก (ก็เป็นได้ ฮ่าาๆ) ส่วนตัวเป็นคนไม่ชอบกินกะหรี่ปั๊ปเท่าไหร่ เลยต้องไปสอบถามจากผู้ร่วมทริปคนอื่นชีบอกกันว่าอร่อย สรุปจานนี้เหล่าชีให้ผ่านค่ะ


จานต่อมาเป็น แกงดาจาลไก่ กินคู่กับโรตี ดูผิวเผินคล้ายมัสมั่นไก่ แต่จะมีรสชาติเปรี้ยวอยู่ด้วย อันที่จริงเขานิยมทำเป็นแกงเนื้อมากกว่า โดยจะใช้เนื้อสัตว์มาต้มหรือเคี่ยวคู่กับถั่วและผัก แล้วใส่ส่วนผสมสำคัญคือสมุนไพรสดลงไปด้วยจำพวก มะขาม ยี่หร่า พริก และใบกะหรี่ ทำให้เวลาทานจะไม่รู้สึกเลี่ยนเพราะความเผ็ดร้อนจากพริก และมีความเปรี้ยวจากน้ำมะขามมาเป็นตัวตัดเลี่ยนอีกที สำหรับจานนี้ชอบค่ะ เบ๊นนนซ์ ให้ผ่านนน
 
 
ถัดมาเป็นข้าวหมกค่ะ เลือกสั่งมาสองอย่างคือ ข้าวหมกไก่กับข้าวหมกแพะ จานนี้ถือเป็น Signature Dish ของร้านนี้เลยก็ว่าได้ เพราะเครื่องเทศที่นำมาทำข้าวหมก เป็นเครื่องเทศที่ส่งตรงมาจากเมืองแขกเลย และข้าวที่ใช้ก็เป็นข้าวหอมมะลิที่เราได้กลิ่นมะลิด้วยนะเออ 

ข้าวหมกที่นี่ แตกต่างจากข้าวหมกไก่ที่เรากินกันทั่วไปค่ะ คือมันจะไม่ได้มันและเหลืองอ๋อยขนาดนั้น จะเป็นเหลืองบ้างขาวบ้างผสมๆ กัน กินเข้าไปคำแรกกลิ่นเครื่องเทศคละคลุ้งไปทั่วปาก รสชาติไก่และแพะก็เค็มๆ แต่กลมกล่อมดีนะ เนื้อแพะไม่มีกลิ่นคาว นุ่มๆ ไม่เหนียว เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มและผักเคียง แถมยังมีโยเกิร์ตที่มีส่วนผสมของพริกดองอะไรประมาณนี้อยู่ด้วยไม่รู้เรียกว่าอะไรแต่เอาไว้ทานแก้เลี่ยน จานนี้อร่อยสมคำร่ำลือค่ะ

 



 

 
แกงแห้งซี่โครงแพะ หรือ มาซาล่า (ที่จริงสั่งแกงกาเลียไก่ไปด้วย แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดใยดิฉันได้แกงแห้งซี่โครงแพะมา 2 จาน) มาซาล่าถือเป็นอาหารประจำชาติของอินเดียชาวแขกเลยก็ว่าได้ หากมากินอาหารอินเดีย ต้องไม่พลาดที่จะสั่งเมนูนี้

อันที่จริงเมนูนี้น่าจะกินคู่กับแป้งโรตี แต่ด้วยความที่ดิฉันเป็นคนรักษ์ความเป็นไทยจัดการแกงนี้ไปคู่กับข้างหมกซะงั้น 555 (ก็ไม่รู้นิ ซาจานไม่ได้บอกไว้) แกงแห้งนี้อร่อยมากค่ะ ชอบสุด!! กินเข้าไปแล้ว อยากใส่ส่าหรีขึ้นมาทันทีทันใด ด้วยกลิ่นของเครื่องเทศที่เข้มข้น และเนื้อแพะที่แทบจะละลายในปากมีกระดูกอ่อนอยู่ด้วย พอให้ได้เคี้ยวกรุบกริบ จานนี้ให้ไป 15 ดาวเลยจ้าาาา
 


 
ซุปเนื้อ เป็นซุปใสอย่างเดียวที่เราสั่งวันนี้ค่ะ ที่จริงจะสั่งซุปหางวัว แต่ว่าหางวัวหมดเลยได้เป็นเนื้อมาแทน แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวัง เนื้อไม่เหนียวเลย นุ่มๆ เคี้ยวง่าย รสชาติออกแนวต้มยำค่ะ แซ่บลืมมมม สำหรับใครที่ยังแซ่บไม่พอ เขามีพริกสด และมะนาวเสิร์ฟมาคู่กันให้เติมได้เองเลยจ้า

 


 
อันนี้เป็น กะบาบหรือเคบับเนื้อ พูดถึงเคบับหลายคนคงนึกถึงเนื้อหรือไก่ย่างเตาถ่าน ห่อด้วยแป้งแล้วทาน ที่คุ้นหูคุ้นตากันดีคงเป็นร้านแถวๆ ประตูน้ำ แต่อันนั้นเป็นเคบับแบบตุรกี ส่วนที่ร้านนี้เป็นแบบอินเดียที่คล้ายเนื้อในแฮมเบอร์เกอร์ เนื้อบดเป็นก้อนไม่หยาบมาก กินแล้วยังให้เนื้อสัมผัสว่าเป็นเนื้ออยู่ มีกลิ่นของเครื่องเทศผสมอยู่ด้วย รสชาติติดจะออกเค็มไปนิด แต่โดยรวมชอบค่ะ
 


 
ตบท้ายเซ็ตของคาวด้วย สลัดแขก น้ำสลัดเหมือนน้ำแกงมัสมั่นหวานๆ มันๆ เหลือเชื่อว่ากินคู่กันแล้วมันจะอร่อยลืม !! 

ตัวนี้แอบลุ้นเบาๆ ว่ามันจะเข้ากันไหมนะเพราะยังไม่เคยกินมาก่อน ด้วยผักสลัดที่มีผักกาดหอม แตงกวาและมะเขือเทศเป็นส่วนประกอบหลักโปะทับมาด้วยไข่ต้มหั่นเป็นแว่นๆ สลับกับเต้าหู้หั่นชิ้นบาง โรยหน้าด้วยมันเทศทอดกรอบอีกที พอจะกินให้ราดด้วยน้ำสลัดในแบบอินเดี๊ย อินเดีย คลุกเคล้าให้เข้ากัน พอกินเข้าไปเท่านั้นแหละ อร่อย ค่าาา มันเหมือนจะเลี่ยนแต่ไม่เลี่ยนนะ เมนูนี้ให้ผ่านอีกแล้ว

ถ้าเกิดได้แฟนแขกขึ้นมาเชื่อว่าคงไม่อดตายแล้วค่ะ



กินคาวไม่กินหวาน สันดานไพร่ ~ จริงหร้อ !!
 
เสร็จจากอาหารคาวต่อกันทันทีด้วยของหวานๆ กันบ้าง สั่งทุกเมนูค่ะ ฮ่าๆๆ แต่ได้มาไม่กี่เมนูเนื่องจากของหมด อาจเพราะว่าเราไปตอนเที่ยงด้วย ทำให้คนในร้านค่อนข้างจะเยอะบางเมนูอาจหมดเร็ว = ='

 
 
หน้าตาอาจดูธรรมดาแต่รสชาติให้ผ่านตลอดค่าาาาา
 
 

 
ถ้วยแรกเป็น โฮมเมดโยเกิร์ต เปรี้ยวๆ คล้ายๆโยเกิร์ตเจมส์จิ เนื้อสัมผัสก็เหมือนกันเลยค่ะนิ่มๆ ไม่ได้เหลว อย่างที่ว่ารสชาติออกเปรี้ยว ไม่หวาน สำหรับใครที่ชอบหวานๆ ขอแนะนำเมนูถัดไปค่ะ

เมนูถัดมาเป็น กุหลาบยามุน อันนี้ชอบมากกก เป็นขนมที่ตัวแป้งทำจากแป้งผสมกับนม ปั้นเป็นก้อนกลม แล้วทอดในเนย กีทำให้ตัวแป้งอร่อยมากๆ ทานเดี่ยวๆ น่าจะคล้ายกับแป้งโดนัทชื่อดัง แต่โดยปกติแล้ว จะราดน้ำเชื่อมที่มีส่วนผสมของกระวานและน้ำดอกไม้เทศทำให้หอมหวาน แต่ที่ร้านนี้จะใช้นมสดมาราดแทนทำให้หอมนมยิ่งขึ้น ชอบมากๆ แนะนำว่าให้ทานคู่กับชาอินเดีย จะทำให้ไม่หวานเลี่ยนจนเกินไป


 
ส่วนอันนี้เป็น ลัซมาลัย ก้อนชีสแช่ในนม เนื้อแน่นคล้ายกับเต้าหู้ ส่วนนมปรุงรสทำจากนมหรือครีมต้มกับน้ำตาล และผงกระวาน เป็นครั้งแรกที่ได้ทานเมนูนี้ ตักเข้าปากปุ๊ปรู้สึกว่ากลิ่นนมเนย หวานหอม คลุ้งไปทั่วทั้งปาก และเช่นเดียวกันค่ะ ว่าควรทานคู่กับชาอินเดียอีกแล้วเพราะรสชาติของลัซมาลัยค่อนไปทางหวานจัด ต้องค่อยๆ กินทีละนิด ถ้ากินที่ละไม่นิดอาจจะน้ำหนักพุ่งปรี๊ดด!! ไม่รู้ตัวก็เป็นได้ อย่างสาวเอิร์ธของเราก็จัดไปสองถ้วยติดแบบไม่คิดถึงน้ำหนักกันเลยจ้า
 
มาถึงเมนูน้ำๆ กันบ้าง น้ำมะนาวปั่นสาระแหน่ และ ลัซซี่สตรอเบอรี่ อร่อยมากค่าาเปรี้ยวสุดดดด !! กินแล้วสดชื่นตื่นแน่นอน

น้ำมะนาวปั่นกับใบสะระแหน่เกือบคล้ายโมจิโต้แล้วเชียวขาดน้องแอลไปอย่างเดียว เปรี้ยวถึงอกถึงใจคนกินจริงๆ ส่วนลัซซี่สตรอเบอรี่ก็คงเป็นสตรอเบอรี่สมูทตี้ดีๆ นี่เองแหละ เอาโยเกิร์ตไปปั่นกับสตรอเบอรี่ได้อันนี้ออกมาค่ะ

ที่จริงขาดไปอีกอย่างนึงคือ ลัซซี่ อร่อยขนาดที่ว่าถ่ายรูปไม่ทันกันเลยทีเดียว หมดซะก่อน เป็นโยเกิร์ตปั่นหยาบๆ กับน้ำแข็ง แค่ดูดครั้งแรกก็แบบโอ้ววว สดชื่นจัง ~

  
   

 
สาวๆ เขากินของหวานของเปรี้ยวกันไปแล้ว ส่วนเราแมนๆ ขอเป็น ชาอินเดียใส่นมสด แล้วกันครับ 5555 ><"
คืออันที่จริงสั่งมาจะกินกับลัซมาลัยและกุหลาบยามุน แต่ด้วยความที่นางมาช้าสองอย่างแรกเลยหมดไปเหลือแต่ถ้วยให้ดูต่างหน้า เลยต้องละเลียดละไมจิบชาอินเดียไปสวยๆ รสชาติแอบเข้มข้น ติดจะออกฝาดนิดๆ เลยต้องแอบเติมน้ำตาลลงไปหน่อย ถ้าได้กินคู่กับลัซมาลัยและกุหลาบยามุนคงจะดีมิใช่น้อย



 
และแล้ววันนี้การตามรอยอาหารอินเดียจากหนังเรื่อง The LunchBox ก็จบลงเพียงเท่านี้จ้า ชาย 1 หญิง 5 ลัลลากันต่อแทบไม่ไหวเนื่องจากอิ่มมากกจริงๆ สิริรวมราคา 1,096 บาท หารแล้วคนละ 183 บาท ถือว่าถูกมากๆเนอะ



ใครดูหนังแล้วอินหรือแค่อยากกินเฉยๆ ไปลองกันได้ค่ะที่ร้าน Home Cuisine ซ.เจริญกรุง 36 อาหารอร่อยราคาไม่แพง 





มาเยือนบางรักทั้งทีต้องไม่พลาดที่จะเก็บภาพตึกเก่าที่สถานีดับเพลิงบางรักนะจ๊ะ  บ๊ายยยยยย



 
SERVICE & VALUE 
อาหารราคาเริ่มตั้งแต่ 60 บาทเป็นต้นไป เครื่องดื่มและขนมหวานราคาประมาณ 30-50 บาท ถือว่าถูกมาก เพราะอาหารรสชาติดีสไตล์โฮมเมด บริการโอเคอาจจะเสิร์ฟช้าไปนิดเวลาที่คนเยอะ ตกแต่งร้านได้อารมณ์แบบร้านมุสลิม และการเดินทางมาที่ร้านก็ไม่ได้ยากจนเกินไป

LOCATION
HOME CUISINE
อยู่ ซ. เจริญกรุง 36 ซึ่งเป็นซอยเดียวกับสถานีดับเพลิงบางรัก หากจะเดินทางมาโดยรถไฟฟ้า BTS ให้ลงสถานีสะพานตากสินแล้วเดินหรือนั่งรถแท็กซี่ต่อมาอีกประมาณ 1 กิโลเมตร ทางร้านไม่มีที่จอดรถ ร้านเปิดเวลา 11.00 - 21.30 น.

DRESS CODE 
แต่งตัวตามสบาย เพราะร้านอาหารเป็นร้านแบบ casual ส่วนใหญ่จะมีพวกพนักงานออฟฟิศมากินกัน แต่สำหรับสาวจีบันต้องพิเศษหน่อย แต่งตัวสไตล์วินเทจเก๋ๆ หรือจะแอบมีกลิ่นอายของความเป็นอินเดียเพิ่มเข้ามาเพื่ออรรถรสในการทานอาหาร แล้วต้องไม่พลาดที่จะเดินต่อไปอีกนิด ถ่ายรูปกับตึกเก่าที่สถานีบางรัก



 


La Kikiz

La Kikiz

"KiKi" Jeban - Daisy
Lifestyle | Travel | Tech

"Data" is the best way to know you :)

FULL PROFILE