My Favorite items of September : ซื้อแล้วใช่ ใช้แล้วชอบ

My Favorite items of September : ซื้อแล้วใช่ ใช้แล้วชอบ

 
สวัสดีค่ะสาวๆ วันนี้ช่าจะมารีวิวเครื่องสำอางที่ช่าชอบใช้ในช่วงที่ผ่านมา
ซึ่งอันนี้เป็นรีวิวสิ่งที่ซื้อแล้วใช่ ใช้แล้วชอบประจำเดือนครั้งแรกของช่า
ดังนั้นของที่ช่าชอบจึงเป็นเครื่องสำอางที่เราใช้ทุกวัน ประจำวันติดต่อกันมานาน


((รีวิวอาจจะยาวไป ใครขี้เกียจอ่าน สามารถไปอ่านบทสรุปที่ท้ายผลิตภัณฑ์นั้นๆได้นะค่ะ))





 
สภาพผิว
 
ช่าเป็นคนผิวแห้งแพ้ง่าย จะแพ้พวกผลิตภัณฑ์ผสมวิตมินซี ใช้แล้วผิวจะแห้ง ลอก แสบ
ใน1วันส่วนใหญ่ช่าจะทำงานในห้องแอร์ ยกเว้นวันหยุดช่าจะตากแดดตากลมเพราะบ้านติดทะเล
ซึ่งปัญหาของช่าคือ ผิวจะแห้งและหมองคล้ำง่ายเวลาทำงานในห้องแอร์ 
และบ้างครั้งที่ตากแดดมากๆผิวก็คล้ำตามมา
 
 
 ** ดังนั้นผลิตภัณฑ์ทั้งหลายที่ช่านำมารีวิวครั้งนี้
อาจเหมาะกับบางสภาพผิวและลักษณะการแต่งหน้า
ที่ชื่นชอบและสไตล์การแต่งหน้าที่ช่าชอบตอนนี้คือ
ผิวฉ่ำวาว ซึ่งสาวๆผิวมันอาจไม่ปลื้มกับผลิตภัณฑ์บางตัว
**


 
รองพื้นในดวงใจ







Bourjois Healthy Mix Foundation: No. 51 Light Vanilla


รองพื้นเบอร์ขาวสุดในชีวิตที่ใช้ตอนนี้ ขอบอกเลยว่าผิวช่าสองสีนะค่ะ
แต่ช่วงนี้หน้าใสขึ้นพอสมควร ครั้งแรกที่ได้ลองรองพื้นตัวนี้ ช่าได้ลองเบอร์ 52 สี Vanilla
ของพี่ในแผนกที่เขาไปสอยมา แต่ตอนนั้นไม่ได้สนใจซื้อมาใช้
เลยไม่ได้ลองจริงจังมากแบบใช้ทุกวัน ซึ่งครั้งแรกที่ใช้ชอบที่เนื้อบางเบา
ให้สีผิวกระจ่างใส และไม่หมองระหว่างวัน

 



และเมื่อมีโอกาสได้ซื้อมาลองเอง ช่าได้ไปลองที่เคาร์เตอร์อยู่ระหว่าง 51 กับ 52
ช่าได้ตัดสินใจซื้อเบอร์ 51 เบอร์ขาวสุดของ Bourjois Healthy Mix
กะว่าจะเอามาผสมกับ Revlon ฝาดำเบอร์ 15 สีToast (สีเข้มสุด)
แต่พอได้ลองทาเดี่ยวๆ ปรากฏว่าลุคที่ได้คือ ผิวขาวใสแบบคนขาว
ซึ่งไม่วอกมากจนเทาน่าเกลียด พอทิ้งไว้สักระยะสีรองพื้นจะแมทกับผิว
ได้โอเคมากสำหรับตัวช่า อันนี้ถ้าใครผิวเข้มกว่าช่า

สามารถลองสีอื่นๆที่เข้มขึ้นตามลำดับได้เลย ส่วนตัวช่าชอบรองพื้นที่ขาวกว่าผิวเดิม 1 เฉด
เพราะช่ามีปัญหาผิวหมองระหว่างวันอยู่แล้ว เวลาลงรองพื้นเดี่ยวๆครั้งแรก อาจดูขาวไป
แต่พอลองเฉดดิ้ง เติมสีแก้มเข้าไปแล้ว ถือว่าโอเคมากๆ อันนี้ใช้ทุกวันจนลืมรองพื้นอื่นๆ




 
สรุป

เนื้อผลิตภัณฑ์ : บางเบาเหมือนBB แต่ปกปิด ให้ลุคที่ฉ่ำๆ  มันจึงตอบโจทย์สำหรับ
สาวผิวแห้งแบบช่าซึ่งมีหลุดลอกบ้าง แต่เราไม่ซีเรียส
เพราะส่วนตัวไม่มีปัญหาผิว รอยสิวมีบ้างเล็กน้อย จึงไม่เน้นปกปิด

แพ็กเก็จ: เป็นขวดแก้ว หัวปั้มขนาดเหมาะมือ แต่ควรระวังฝาที่ใช้ไปนานๆอาจแตกร้าวได้

สี: เหมาะสำหรับผิวขาว – ผิวสองสีนะ ถ้าคนที่ผิวเข้มมากๆ ช่าไม่แน่ใจว่า ถ้าใช้แล้วหน้าจะเทาหรือไม่
แต่ส่วนตัวช่าผิวสองสี ใช้เบอร์ 1 แล้วหน้าไม่เทาแต่อย่างใด ยังไงแล้วแต่ความชอบนะค่ะ ต้องไปลอง

กลิ่น: หอมผลไม้อ่อนๆ เวลาใช้แล้วอารมณ์ดีมากๆๆ

ราคา: 550 บาท ราคากลางๆ ควรค่าแก่การลงทุน

คะแนน : 5/5
 
 
ผู้ช่วยผิวฉ่ำ




 

Skinfood Lime Secret Shine Light Base SPF13 PA+ No.2

อันนี้เป็นเบสมะนาวที่มีวิ้งค์ละเอียดสวยมากกกก มีทั้งหมด 3 สี สีที่ช่าซื้อมาเบอร์ 2
สีชมพูเหลือบมุก ซื้อมาเนื่องจากมีโอกาสได้ลองเทสเตอร์ที่แถมมา แล้วรู้สึกชอบมาก
เพราะมันให้ความวาวสวย แบบทาเดี่ยวบนผิวหลังลงกันแดดแล้ว ผิวเหลือบสวยมาก
แต่ตอนนั้นจำเบอร์ผิด เลยซื้อมาผิดเพิ่งรู้ตัวว่าเทสเตอร์ที่ลองคือเบอร์ 1 ที่เป็นเบสสีขาวเหลือบมุกชมพู








วิธีใช้แบบต่างๆ

ทาเดี่ยวๆ: สาวๆที่มีผิวดีหน่อย ไม่ชอบใช้รองพื้นและชอบความฉ่ำวาว
หลังจากทากันแดดแล้ว สามารถทาเบสมะนาวไปบนผิวได้เลยนะค่ะ






บรัชออน: ผสมเบสกับบรัชออนแบบน้ำ อัตตราส่วนตามภาพจะได้บรัชออนฉ่ำๆ




รองพื้นบางฉ่ำ: ผสมเบสกับรองพื้นอัตราส่วน 1:1 เนื้องรองพื้นจะเบาและฉ่ำขึ้น
แต่ถ้าใครไม่ชอบให้ฉ่ำมาก อาจผสมเบสน้อยกว่านี้ก็ได้







สรุป

เนื้อผลิตภัณฑ์: เนื้อค่อนข้างเหลว ควรป้ายบนหลังมือแล้ววอมให้หนืดเล็กน้อย
แล้วค่อยแต้มตามแนวกระดูกเพื่อไฮไลท์ ก่อนหน้าที่ช่าจะตัดสินใจสั่ง
ก็ลองไปหาตัวแทนหวังจะทดแทน แต่ก็ไม่มีตัวไหนถูกใจ เพราะช่าชอบชิมเมอร์ของตัวนี้มากกว่า
มันไม่ได้มีเกล็ดชิมเมอร์ที่ใหญ่เวอร์เป็นเม็ดๆ

แพ็กเก็จ: เป็นขวดแก้วขนาดเท่าขวดยาทาเล็บ ที่ฝามีไม้พายสำหรับป่ายเบส เวลาปิดฝาจะมีเกลียวล็อก

สี: อันนี้ซื้อมาผิด ช่าชอบเบอร์ 1 มากกว่า ส่วนตัวคิดว่าสีเบอร์ 2
มันทำให้สีรองพื้นดรอปลงเวลาทาทับไปบนรองพื้น
ช่าจึงชอบผสมมากกว่าทาทับ แต่ถ้าเบอร์ 1 คิดว่าทาทับแล้วจะสวยมากกว่า

ราคา:  200 – 300 บาท (ราคาพรีออร์เดอร์ )

ซื้อต่อหรือไม่: ซื้อต่อค่ะ แต่อาจซื้อเบอร์ 1

คะแนน: 4/5 (หักที่เบอร์ 2 ใช้แล้วไม่ฟินเท่าเบอร์ 1)


 
คิ้วเข้มอ่อนเยาว์







 
Mistine brow marker cream liner No.2

ของถูกและดีที่อยากนำเสนอมากๆ เคยเห็นคุฯสายป่านรีวิวในFB พอมิสทีนเอามาขายปุ๊บก็สอยทันที
ช่วงนี้มิสทีนมีผลิตภัณฑ์สำหรับคิ้วออกใหม่หลายตัว และใช้ดีหลายตัวมากๆ อีกทั้งราคาถูกอีกด้วย
ตอนแรกเห็นสีจากขวดแล้ว แอบกังวลว่าเนื้อเจลจะสีอ่อนเกินไปหรือไม่ แต่พอลองเทสดูเม็ดสีใช้ได้เลย




 

ช่าชอบเขียนคิ้วแบบหนาและแน่น ซึ่งขนคิ้วช่าจะหนาช่วงกลางไปถึงหัวคิ้ว
ที่หางคิ้วจะบางคง (แต่ช่วงนี้คิ้วรกมาก ไม่ได้กันหางคิ้วออก)
สไตล์เขียนคิ้วที่ช่าชอบคือ  คิ้วแบบ Cara Delevingne





 
ช่าจะใช้เจลไลเนอร์ตัวนี้ร่างไปที่หางคิ้ว แล้วร่างให้เป็นทรงคิ้ว อาจทาทับครั้งที่2
เพื่อให้สีหางคิ้วเข้มเท่ากับกึ่งกลางไปถึงหัวคิ้ว ถ้าใครชอบคิ้วสีอ่อนกว่านี้
อาจจบในขั้นตอนนี้ แต่ช่าชอบเข้ม ช่าจึงใช้อายแชร์โดทาทับอีกชั้น
เพื่อให้ได้คิ้วหนาเข้มแบบที่ชอบเขียนตอนนี้





สรุป
 
เนื้อผลิตภัณฑ์: เนื้อแว็กไม่ข้นและไม่เหลวเกินไป เกลี่ยง่าย แต่ควรระวังเพราะเลอะง่ายหากคุมเส้นไม่ดี

แพ็กเก็จและอุปกรณ์: ขวดเป็นพลาสติดธรรมดา ลักษณะแข็งแรงไม่ก็องแก็งเกินไป
แต่ที่ช่าไม่ชอบคงเป็นแปรงที่เขาแถมมาให้ มันเล็กเกินและใช้ยาก อันนี้อาจต้องใช้แปรงอีกอัน

สี: มี 3 สีพื้นฐานคือ ดำเทา, น้ำตาลเข้ม, น้ำตาลอ่อน ถ้าใครที่หัวแดงจัดๆหรือทองจัดๆ
อาจต้องหามาสคาร่าคิ้วมาปัดทับ ช่วงนี้ช่าหัวน้ำตาลเข้มเกือบดำ
จึงไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องนี้ แต่ถ้าหัวแดงเมื่อไหร่ค่อยว่ากันอีกที

ราคา: 90 – 150 บาท (ราคาแล้วแต่โปรโมชั่น)

ซื้อต่อหรือไม่: ซื้อต่อค่ะ แต่ถ้ามีอันอื่นที่ดีกว่าและราคาใกล้เคียง อาจเปลี่ยนใจไปลอง

คะแนน: 4/5 (หักคะแนนที่โทนสีค่ะ น่าจะมีน้ำตาลแดงหน่อย เผื่อช่วงที่ย้อมหัวแดง)




เจ้าแห่งขนตางอนเด้ง



 

Maybelline Volum' Express The Falsies  Mascara
&

Maybelline The Falsies Big Eyes Mascara

 
มาสคาร่าออกใหม่ล่าสุดของMaybelline ตัว Big eyes ที่โมเมพาเพลินเคลมว่าดี
ซึ่งส่วนตัวแล้วด้วยสไตล์การแต่งตาของช่าคือ ขนตาหนา เด้ง แบบที่เราแต่งทุกวัน
ช่าจึงชอบมาสคาร่ารุ่น Cat eyes ของ Maybelline มากที่สุด ทุกครั้งหลังดัดขนตา
ช่าจะปัดตัว Cat eyes เป็นฐานก่อน 1-2 ชั้น เพื่อให้ขนตาเด้งอยู่ตัว
หลังจากนั้นก็ปัดตัวอื่นๆทับตามแต่สะดวก และหยิบได้ตัวไหนก็ตาม
 





วิธีปัดขนตาที่ช่าทำตลอดเวลาคือ ดัดให้งอนด้วยที่ดัดไฟฟ้าก่อนแต่งตา
หลังแต่งตาเสร็จดัดซ้ำด้วยที่ดัดขนตาทั่วไป
แล้วค่อยปัดขนตาด้วย Cat eyes และมาสคาร่าที่เพิ่มความยาวและหนาแท่งอื่นๆ







ลักษณะขนตาช่ายาวพอสมควร แต่แข็งและทิ่มลง ดังนั้นช่าต้องการมาสคาร่าที่ช่วยให้ขนตาเด้งทั้งวัน





 

ลักษณะ หัวแปรงส่วนของปัดขนตาบน จะเป็นแปรงหัวฟู แต่ไม่ใหญ่มากเกินไป
ลักษณะแปรงจะบิดเป็นเกลียว เนื้อมาสคาร่าจึงไม่ติดขนแปรงออกมาเยอะจนเกินไป
ในขณะที่แปรงของ Falsies อ้วนชมพูจะใหญ่กว่า






 
แปรง ส่วนของมาสคาร่าปัดขนตาล่าง ขนาดเล็ก ปัดขนตาล่างสะดวกดี
แต่ช่าไม่ค่อยกังวลกับหัวแปรงอันใหญ่เวลาปัดขนตาล่างอยู่แล้ว
การทำออกมาสำหรับขนตาล่างก็สะดวกดี แต่บางทีช่าก็เอาอีกด้านปัดทั้งขนตาบนและล่างไปพร้อมกัน
โดยที่ไม่กลัวว่าจะเลอะใต้ตาล่าง






 
หลังจากปัดไปรอบแรก ขนตาเด้งไม่ตก ให้ความรู้สึกว่ากำลังใช้ Cat eyes มากๆ
แต่สิ่งหนึ่งของ Cat eyes ที่ไม่ชอบคือหัวแปรงแบบหวีของมัน
สำหรับช่ามันทำให้ขนตาเป็นก้อน ช่าชอบหัวแปรงฟูๆมากกว่า จะให้ขนตาเด้งฟูเป็นช่อสวยกว่า






ดังนั้นหัวแปรงของรุ่น Big eyes แต่ให้ความเด้งแบบ Cat eyes
ถือว่าสุดยอดมากๆๆๆ ปลื้มสุดใจในความเด้ง
ใครที่ชอบขนตางอนเด้งแบบธรรมชาติแนะนำตัวนี้เลยนะค่ะ
ปัดซ้ำ 2-3 ครั้ง ก็ไม้จับตัวเป็นก้อน



 

แต่ว่าช่าชอบขนตาแบบหนากว่านี้ ช่าจึงปัดตัวอื่นทับ
ซึ่งช่วงนี้ใช้รุ่นอ้วนชมพู Maybelline Volum' Express The Falsies  Mascara
ปัดทับบ่อยที่สุด ทำให้ได้ขนตางอนเด้งทั้งวัน

 
เนื้อผลิตภัณฑ์: เนื้อมาสคาร่าในหลอดน้อยไปหน่อย เลยรู้สึกเหมือนมาสคาร่าที่เปิดใช้นาน
แล้วเนื้อแห้งในหลอด

แพ็คเก็จ: สีชมพูม่วงและดำ จับง่ายถนัดมือ ส่วนตัวไม่ค่อยกังวลกับพวกแพ็กเก็จ

สี: อันนี้ไม่แน่ใจนะค่ะว่าออกมากี่สี เท่าที่เห็นก็สีดำสนิทนี่แหละ

ราคา: 399 บาท
ซื้อต่อหรือไม่: ซื้อต่อแน่นอนค่ะ
คะแนน 5/5 (เอาใจไปเลย)



 
ผู้ช่วยสาวตาคม





Mistine So Black Matte Liquid Eyeliner


อายไลเนอร์ตัวนี้ได้มาลองสักระยะ แต่ว่าใช้บ้างไม่ใช้บ้าง เพราะไม่ชอบอายไลเนอร์สีดำ
ช่าจะชอบใช้เจลไลเนอร์สีน้ำตาลเข้มมากกว่า แต่ด้วยว่าช่วงนี้ไม่ค่อยกรีดอายไลเนอร์
ช่าจะเน้นปัดขนตามากกว่า และชอบให้เห็นเส้นขนตาที่ปัดหนา มกกว่าเส้นอายไลเนอร์
ช่าจึงเน้นการเขียนอินเนอร์ไลน์ หนังตาช่าไม่ค่อยมันนะค่ะ แต่มีบ้างที่เลอะหัวตาบ้าง
ช่าจึงเอาอายไลเนอร์ตัวนี้มาเขียนอินเนอร์แทนดินสอแท่งเก่า ซึ่งให้ผลลัพท์ที่ดีมากกก






 
เนื้ออายไลเนอร์เป็นเนื้อแมทนะค่ะ และค่อนข้างแห้งเร็วพอสมควร
ช่าจะใช้พู่กันเขียนอายไลเนอร์มาแต้มเนื้อไลเนอร์ แล้วเขียนไปที่อินเนอร์ไลน์
จะได้อินเนอร์ไลน์ที่ทนเกือบทั้งวันแต่จะมีปัญหาที่ไหลเข้าตาบ้าง
แต่โชคดีที่ไม่แสบตาแต่อย่างใดตอนนี้ช่าจึงใช้บ่อยมากในช่วงเดือนที่ผ่านมา



 




เนื้อผลิตภัณฑ์: เนื้อแมท แห้งเร็วพอสมควร
สี: สีดำสนิท ปาดครั้งเดียวก็ดำเข้ม แต่ช่าอยากให้มีสีน้ำตาลมากๆ จะรักมากกว่านี้
ราคา: 100 – 150 (ตามแต่โปรโมชั่นในแคตตาล็อก)
ซื้อต่อหรือไม่: ขอคิดดูก่อน เผื่อมีอย่างอื่นที่ดีกว่า
คะแนน 4.5/5 (หักที่มีสีเดียว อยากได้สีน้ำตาลเข้มมากกว่า)
   
 
 
 
ลิปสติกเพื่อสาวปากคล้ำ





 


Wet & Wide: Sand storm
Revlon Matte lip: Cocoa Craving



 
เนื่องจากช่ามีริมฝีปากที่ค่อนข้างคล้ำ ดังนั้นจึงชอบทาลิปสีออกไปโทนน้ำตาลส้ม
หลายๆคนอาจไม่ชอบโทนสีประมาณนี้เพราะคิดว่ามันดูแก่เกินไป แต่สำหรับช่าแล้ว
มันให้โทนสีปากแบบสุภาพ ช่าทาโทนนู๊ดชมพูไม่ขึ้น สีลิปที่ออกไปทางน้ำตาลส้มจะเข้ามากกว่า






 
Wet & Wide: Sand storm และ Revlon Matte lip: Cocoa Craving มีโทนสีที่ใกล้เคียงกัน
อันนี้แล้วแต่สาวๆจะสะดวกในการหาซื้อ ถ้าใครสนใจโทนสีประมาณนี้ เนื้อสีค่อนข้างแห้ง
ดังนั้นถ้าทาลิปแมทอาจต้องทาลิปบำรุงก่อน ซึ่งช่าชอบทาสีผึ้งไว้ก่อน เพราะให้ความชุ่มชื้น
แต่ไม่มันวาว เพราะช่าชอบทาลิปให้เนื้อแมทจริงๆ ไม่ชอบความฉ่ำวาว เพราะทั้งหน้าวาวแล้ว




 

 
และเพื่อไม่ให้ดูแก่เกินไป ช่าจะชอบทาลิปสีแดงที่ด้านในปาก แบบที่สาวเกาหลีทาทิ้นท์
ซึ่งสีที่ชอบใช้ตอนนี้คือ Natural Collection: Hazel nut + Avon: Red curry
ใช้นิ้ววนๆสีผสมกัน แล้วแต้มเบาๆด้านในปาก แล้วปัดแป้งที่ขอบปากหน่อยให้ขอบดูฟุ้ง
 




 
เนื้อผลิตภัณฑ์: ลิปแมททั้ง 2 แบรนด์เนื้อแห้งทั้งคู่ มีคราบขุยบ้างระหว่างวัน
ดังนั้นต้องบำรุงให้ดีๆก่อนทา และควรสครับปากทุกๆ 2-3 วัน

แพ็คเก็จ: Wet & Wide จะก็องแก็งกว่า แต่ Revlon Matte lip: แพ็กเก็จจะดูแข็งแรงกว่า

สี: มีอีกหลากหลายสีตามแต่สาวๆจะชอบนะค่ะ แต่ช่าชอบโทนนี้มากๆ

ราคา: 150- 200 บาท (แล้วแต่สถานที่ และโปรโมชั่น)

ซื้อต่อหรือไม่: ถ้ามีโปรอาจซื้อต่อ อาจจะลองหาแบรนด์อื่นในโทนสีนี้

คะแนน 4/5 (เนื้อลิปค่อนข้างแห้ง ใครทนได้ก็โอเลย แต่สีสวยมาก)
 
 
การรีวิวของที่ซื้อแล้วใช่ ใช้แล้วชอบก็มีประการฉะนี้ อาจมีที่ชอบมากกกกไปถึงชอบปานกลาง
แต่พอใช้ร่วมกับอื่นๆแล้วก็ให้ผลลัพท์ที่น่าพอใช้ สิ่งเหล่านี้ช่าหยิบใช้ทุกวัน จนบางทีลืมข้อเสียบางอย่างของมัน
ทั้งหลายทั้งมวลรวมกันเป็น My Everyday Look ที่ช่าแต่งทุกวันดังนี้นะค่ะ
 
 
13.30 น.                                                                22.30 น.

 




 
 
ภาพแรก: แต่งหน้าเสร็จในช่วงเช้า ช่าไม่ทาแป้งนะค่ะ ช่วงนี้อากาศเย็น เลยไม่อยากให้ผิวแห้งเกินไป
ช่าเน้นงานผิวฉ่ำ คิ้ว ตามาเต็ม ปากสีนู๊ดน้ำตาลส้มแมท
 
ภาพสอง: หลังจากทำงานตั้งแต่13.30 น. – 22.30 น. รองพื้นมีหลุดบ้างที่ร้องจมูก และรอยสิวบางส่วน
แต่ยังคงให้ผิวกระจ่างใสอยู่ ช่าไม่ได้เติมแป้งเลยนะค่ะ เพราะวันนี้ไม่มีเวลา ขนตายังเด้งอยู่ มีปัดเพิ่มบ้าง
ตามประสาคนโรคจิต 555+ สีปากหลุดลอกเพราะกินดื่มทั้งวัน ก่อนทำโชว์หลักก็ทาลิปมันเติมสีลิปบ้าง


 
Tip : วิธีจัดการมาสคาร่ากันน้ำ







 
บอกเลยว่าช่าชอบปัดมาสคาร่าหนาๆ ซึ่งระหว่างวัน เผลอไม่ได้จะปัดซ้ำตลอดเวลา
ซึ่งวิธีในการเช็ดล้างมาสคาร่าของช่าคือ พอกวาสลีนที่เส้นขนตาและคิ้วให้หนาไว้เลย
หลังจากนั้นก็ทำภารกิจอื่นๆ จากนั้นใช้Remover เทใส่สำลีให้ชุ่ม แปะที่ตา 15 วินาที
แล้วรูดออกเบาๆ ครั้งแรกอาจออกไม่หมดทีเดียว แต่วาสลีนจะทำให้มาสคาร่าอ่อนตัวและเช็ดง่ายขึ้น
 




 
ใช้คอนตอนบัดชุบRemover เช็ดที่โคนขนตา แล้วใช้คลีนซิ่งเช็ดหน้าเช็ดเก็บรอยมาสคาร่าอีกครั้ง
แล้วก็ล้างหน้าตามปกติค่ะ แค่นี้ก็หมดกังวลวิธีทำความสะอาดมาสคาร่ากันน้ำ ซึ่งบางครั้ง
ช่าจะพอกวาสลีนทิ้งไว้ข้ามคืน จะเช็ดซ้ำในส่วนที่ตกค้างในตอนเช้า เพราะช่าไม่ชอบเช็ดรุนแรงที่ตา





 
สุดท้ายนี้โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะค่ะ เพราะผลิตภัณฑ์บางอย่างอาจเข้ากันได้กับความชอบของการแต่งหน้าที่แตกต่างกัน รวมไปถึงสภาพผิวที่แตกต่างกัน สงสัยตรงไหนถามได้นะ ขอบคุณทีติดตามอ่านค่ะ
 
 

 
 

Discussion (9)

@pastelnok เพิ่งเห็นcomment ถ่ายรูปไว้แล้ว จะทำกระทู้รีวิวสกินแคร์กับคลีนซิ่งให้รับชมนะค่ะ
อยากให้รีวิว สกินแคร์กะพวกล้างหน้าให้หน่อยค่ะหน้าใสมมาก มีวิธีบำรุงยังไงคะ ^^
@mommuaysara ขอบคุณค่ะ อยากลองcc เหมือนกัน
Bourjois Healthy Mix Foundation: No. 51 Light Vanilla ใช้อยู่เหมือนกันเลยคะ ดีมากจริงไรจริง คอนเฟิม
วันนั้นแวะไปเค้าเตอร์ที่เมกะบางนา BA แอบให้เทสเตอร์ CC มาลองด้วย CC ก็น่าลองนะคะ เทสแล้วรู้สึกว่ามันเบาหน้ามากๆ อิอิ แอบมาเล่าสู่กันฟัง