เรื่องดี ๆ ที่อยากเล่าต่อ ภาค 2
Satanยิ้ม9เราเป็นคนหนึ่งที่ได้รับเมล์ fwd มาเยอะพอควร แต่จะหาเวลาว่าง ๆ ก่อน แล้วค่อยกลับมาอ่าน
การที่เราเลือกมาให้เพื่อน ๆ น้อง ๆ อ่าน เพราะคิดว่ามันเป็นสิ่งดี ๆ ที่อยากให้คนที่มีโอกาสได้รับรู้
คิดว่าคงจะไม่เบื่อกันไปซะก่อนนะค่ะ
ใครที่ได้อ่านแล้ว ก็ไม่ว่ากันนะค่ะ
**************************************
ริบบิ้นสีฟ้า
ครูคนหนึ่งที่นิวยอร์คตกลงใจจะแสดงความชื่นชมนักเรียนไฮสคูลชั้นปีสุดท้ายที่เธอสอนด้วยการบอกเขาเหล่านั้นว่าแต่ละคนมีคุณค่าพิเศษต่างจากคนอื่นอย่างไรบ้าง
เธอเรียกนักเรียนทุกคนไปหน้าชั้นทีละคน
แรกสุดเธอบอกแต่ละคนว่าพวกเขามีคุณค่าเพียงใดทั้งต่อตัวครูและต่อเพื่อนร่วมห้อง
จากนั้นเธอก็มอบริบบิ้นสีฟ้าพิมพ์ด้วยตัวหนังสือสีทองเป็นของขวัญให้
ข้อความบนริบบิ้นมีว่า 'ฉันเป็นคนมีคุณค่า'
จากนั้นครูให้นักเรียนทำงานกลุ่มของชั้นขึ้นมาชิ้นหนึ่งด้วยวัตถุประสงค์เพื่อดูว่าการแสดงความชื่นชมยกย่องผู้อื่นส่งผลอย่างไรต่อคนในชุมชน
เธอมอบริบบิ้นแก่นักเรียนคนละสามเส้น ให้นักเรียนเผยแพร่การรับรู้และชื่นชมคุณค่าผู้อื่นในวงกว้างออกไป
จากนั้นนักเรียนจะต้องติดตามผลและดูว่าใครยกย่องใครบ้าง แล้วนำกลับมารายงานในห้องภายในหนึ่งสัปดาห์
นักเรียนชายคนหนึ่งเข้าพบผู้บริหารระดับรองที่ทำงานในบริษัทใกล้ๆเพื่อยกย่องที่ชายผู้นี้เคยช่วยเขาวางแผนอาชีพในอนาคตแล้วมอบริบบิ้นติดให้บนเสื้อเชิ้ต
จากนั้นก็มอบริบบิ้นอีกสองเส้นที่เหลือพร้อมกับกล่าวว่า
เรากำลังทำงานกลุ่มของชั้นเรียนเกี่ยวกับเรื่องการแสดงความยกย่องชื่นชมผู้อื่นครับ
ผมอยากขอให้คุณช่วยหาใครสักคนที่คุณต้องการยกย่องแล้วให้ริบบิ้นเขา ส่วนอีกเส้นก็ให้เขาไว้สำหรับมอบให้คนต่อไปเพื่อเผยแพร่การยกย่องชืนชมนี้ให้กระจายต่อไป
.........จำไว้นะ
แล้วช่วยกลับมาบอกผมด้วยครับว่าผลเป็นยังไงบ้าง
ต่อมาในวันเดียวกัน
ผู้บริหารท่านนี้เเข้าพบเจ้านายเขาซึ่งเป็นคนที่ใครๆรู้กันดีว่าเกรี้ยวกราด อารมณ์ร้าย
เขานั่งลงคุยกับเจ้านาย บอกเจ้านายว่าลึกๆ เขายกย่องชื่นชมเจ้านายว่าเป็นผู้มีหัวคิดสร้างสรรค์ระดับอัจฉริยะ
ดูเหมือนเจ้านายเขาจะประหลาดใจอย่างยิ่ง
เขาถามเจ้านายว่าจะยินดีรับริบบิ้นสีฟ้าเป็นของขวัญแสดงความชื่นชม
และอนุญาตให้เขาติดริบบิ้นให้ได้หรือไม่
เจ้านายผู้ประหลาดใจตอบว่าได้
เขาจึงติดริบบิ้นสีฟ้าเส้นนั้นบนปกเสื้อนอก บริเวณเหนือหัวใจ
เมื่อเขามอบริบบิ้นเส้นสุดท้ายแก่เจ้านาย เขาบอกเจ้านายว่า
ช่วยอะไรผมสักอย่างได้ไหมครับ
ผมอยากให้เจ้านายช่วยส่งต่อริบบิ้นเส้นสุดท้ายนี่ด้วยการยกย่องชื่นชมใครสักคน
พ่อหนุ่มที่ให้ริบบิ้นผมมาเป็นคนแรกกำลังทำงานกลุ่มของชั้นอยู่
เขาอยากให้ช่วยกระจายการยกย่องชื่นชมนี้ให้เผยแพร่ในวงกว้างออกไปแล้วดูว่าการทำแบบนี้ส่งผลต่อใครๆยังไงบ้าง
ค่ำวันนั้น
ชายผู้เป็นเจ้านายกลับบ้านไปหาลูกชายวัยรุ่นอายุสิบสี่
เขาเรียกลูกชายให้นั่งลง แล้วกล่าวว่า
วันนี้เกิดเรื่องเหลือเชื่อที่สุดกับพ่อ ตอนอยู่ห้องทำงาน
ลูกน้องคนหนึ่ง
เข้ามาบอกว่าเขาชื่นชมพ่อ แล้วให้ริบบิ้นเส้นหนึ่งเป็นการยกย่องว่าพ่อเป็นอัจริยะเรื่อง ความมีหัวคิดสร้างสรรค์
ลองนึกดูเขาคิดว่าพ่อมีหัวคิดสร้างสรรค์เข้าขั้นอัจฉริยะเชียวนะ
แล้วเขาก็เอาริบบิ้นเส้นนี้ที่เขียนว่าฉันเป็นคนมีคุณค่า
ติดให้บนปกเสื้อนอกตรงหัวใจนี่แล้วยังให้ริบบิ้นพ่อมาอีกเส้น
ให้พ่อมองหาใครสักคนที่จะยกย่องชื่นชมต่อ
ระหว่างที่พ่อขับรถกลับบ้าน ก็คิดว่าริบบิ้นเส้นนี้จะให้ใครดี
แล้วพ่อก็นึกถึงแก พ่ออยากชื่นชมแกนะ
วันๆ พ่อทำงานยุ่งเหยิงมาก
พอกลับมาบ้านก็ไม่ค่อยได้ใส่ใจแกสักเท่าไร
บางทียังอาละวาดอีก เรื่องแกเรียนได้เกรดไม่ดี
เรื่องทำห้องนอนรก
แต่ยังไงไม่รู้สิ วันนี้พ่อกลับอยากนั่งลงตรงนี้กับแก
อยากบอกว่าแกมีค่ากับพ่อมากแค่ไหน นอกจากแม่แกแล้ว
ก็มีแกนี่แหละที่เป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตพ่อ
แกเป็นเด็กที่ยอดเยี่ยมเลยแหละ แล้วพ่อก็รักแกนะ...
เด็กหนุ่มผู้ตื่นตะลึงเริ่มสะอื้น
แล้วก็สะอื้น
เขาไม่อาจหยุดร้องไห้ร่างสั่นเทาไปทั้งตัว
เขาเงยหน้ามองผู้เป็นพ่อแล้วกล่าวทั้งน้ำตา
พ่อครับ เมื่อตอนเย็น ผมอยู่บนห้อง
นั่งเขียนจดหมายถึงพ่อกับแม่
เพื่ออธิบายว่าทำไมผมถึงฆ่าตัวตาย
แล้วก็ขอให้พ่อยกโทษให้ผม
ผมตั้งใจจะฆ่าตัวตายคืนนี้ตอนพ่อหลับ
ผมคิดว่าพ่อไม่เคยแคร์ผมเลย
จดหมายอยู่บนห้องครับ
แต่ผมคิดว่าผมคงไม่ต้องการมันแล้วล่ะ
พ่อของเด็กหนุ่มเดินขึ้นไปบนห้องพบจดหมายข้อความสะเทือนใจ
บรรยายถึงความเจ็บปวดและทุกข์ทรมาน จดหมายฉบับนั้นจ่าหน้าถึงพ่อกับแม่
ชายผู้เป็นเจ้านายกลับไปที่ทำงานอย่างเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
เขาเลิกเป็นคนขี้โมโหแต่จะพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้พนักงานใต้บังคับบัญชารู้ว่าพวกเขามีค่าอย่างไรบ้าง
ส่วนชายผู้เป็นนักบริหารระดับรองก็ช่วยให้คำแนะนำเด็กหนุ่มอื่นๆ ต่อมาอีกหลายคนเรื่องการวางแผนอาชีพในอนาคต
แล้วก็ไม่เคยลืมบอกเด็กเหล่านั้นว่าแต่ละคนมีคุณค่าต่อชีวิตเขาอย่างไรบ้าง
หนึ่งในนั้นก็คือเด็กหนุ่มลูกชายเจ้านายเขา
ส่วนเด็กหนุ่มกับเพื่อนร่วมช ั้นก็ได้เรียนรู้บทเรียนที่มีค่าเรื่องหนึ่งนั่นคือ
เราต่างเป็นคนที่มีคุณค่าด้วยกันทั้งนั้น
คุณไม่จำเป็นต้องส่งเมล์ฉบับนี้ต่อให้ใครแม้แต่คนเดียว..> อย่าว่าแต่สองคนหรือสองร้อยคนเลย
สำหรับฉัน คุณอาจจะลบเมล์ฉบับนี้ทิ้งแล้วไปเปิดดูเมล์ฉบับต่อไป
แต่ถ้าคุณมีใครสักคนที่มีความหมายกับคุณมาก
ฉันขอสนับสนุนให้คุณส่งข้อความนี้ไปให้เขาหรือเธอผู้นั้น
เพื่อให้เขาได้รับรู้ความรู้สึกของคุณ
คุณไม่มีทางรู้หรอกว่า การให้กำลังใจเล็กๆน้อยๆ คุณค่าแค่ไหนกับคนสักคน
ส่งเรื่องนี้ไปยังคนทุกคนที่คุณเห็นว่ามีความหมายต่อคุณ มีความสำคัญต่อคุณ
หรืออาจส่งไปให้คนหนึ่ง..สอง..หรือสามคนที่มีความหมายต่อคุณมากที่สุด
หรือคุณอาจจะแค่ยิ้มที่ได้รู้ว่ามีใครบางคนคิดว่าคุณเป็นคนสำคัญ
ไม่งั้น
คุณก็คงไม่ได้รับเมล์ฉบับนี้แต่แรก
......ฉันให้ริบบิ้นสีฟ้าแก่คุณแล้ว ......
.........จำไว้นะ
ต่อมาในวันเดียวกัน
ผู้บริหารท่านนี้เเข้าพบเจ้านายเขาซึ่งเป็นคนที่ใครๆรู้กันดีว่าเกรี้ยวกราด อารมณ์ร้าย
เขานั่งลงคุยกับเจ้านาย บอกเจ้านายว่าลึกๆ เขายกย่องชื่นชมเจ้านายว่าเป็นผู้มีหัวคิดสร้างสรรค์ระดับอัจฉริยะ
ดูเหมือนเจ้านายเขาจะประหลาดใจอย่างยิ่ง
เขาถามเจ้านายว่าจะยินดีรับริบบิ้นสีฟ้าเป็นของขวัญแสดงความชื่นชม
และอนุญาตให้เขาติดริบบิ้นให้ได้หรือไม่
เจ้านายผู้ประหลาดใจตอบว่าได้
เขาจึงติดริบบิ้นสีฟ้าเส้นนั้นบนปกเสื้อนอก บริเวณเหนือหัวใจ
ช่วยอะไรผมสักอย่างได้ไหมครับ
ผมอยากให้เจ้านายช่วยส่งต่อริบบิ้นเส้นสุดท้ายนี่ด้วยการยกย่องชื่นชมใครสักคน
พ่อหนุ่มที่ให้ริบบิ้นผมมาเป็นคนแรกกำลังทำงานกลุ่มของชั้นอยู่
เขาอยากให้ช่วยกระจายการยกย่องชื่นชมนี้ให้เผยแพร่ในวงกว้างออกไปแล้วดูว่าการทำแบบนี้ส่งผลต่อใครๆยังไงบ้าง
ชายผู้เป็นเจ้านายกลับบ้านไปหาลูกชายวัยรุ่นอายุสิบสี่
เขาเรียกลูกชายให้นั่งลง แล้วกล่าวว่า
วันนี้เกิดเรื่องเหลือเชื่อที่สุดกับพ่อ ตอนอยู่ห้องทำงาน
ลูกน้องคนหนึ่ง
เข้ามาบอกว่าเขาชื่นชมพ่อ แล้วให้ริบบิ้นเส้นหนึ่งเป็นการยกย่องว่าพ่อเป็นอัจริยะเรื่อง ความมีหัวคิดสร้างสรรค์
ลองนึกดูเขาคิดว่าพ่อมีหัวคิดสร้างสรรค์เข้าขั้นอัจฉริยะเชียวนะ
แล้วเขาก็เอาริบบิ้นเส้นนี้ที่เขียนว่าฉันเป็นคนมีคุณค่า
ติดให้บนปกเสื้อนอกตรงหัวใจนี่แล้วยังให้ริบบิ้นพ่อมาอีกเส้น
ให้พ่อมองหาใครสักคนที่จะยกย่องชื่นชมต่อ
ระหว่างที่พ่อขับรถกลับบ้าน ก็คิดว่าริบบิ้นเส้นนี้จะให้ใครดี
แล้วพ่อก็นึกถึงแก พ่ออยากชื่นชมแกนะ
วันๆ พ่อทำงานยุ่งเหยิงมาก
พอกลับมาบ้านก็ไม่ค่อยได้ใส่ใจแกสักเท่าไร
บางทียังอาละวาดอีก เรื่องแกเรียนได้เกรดไม่ดี
เรื่องทำห้องนอนรก
แต่ยังไงไม่รู้สิ วันนี้พ่อกลับอยากนั่งลงตรงนี้กับแก
ก็มีแกนี่แหละที่เป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตพ่อ
แกเป็นเด็กที่ยอดเยี่ยมเลยแหละ แล้วพ่อก็รักแกนะ...
เด็กหนุ่มผู้ตื่นตะลึงเริ่มสะอื้น
แล้วก็สะอื้น
เขาไม่อาจหยุดร้องไห้ร่างสั่นเทาไปทั้งตัว
เขาเงยหน้ามองผู้เป็นพ่อแล้วกล่าวทั้งน้ำตา
พ่อครับ เมื่อตอนเย็น ผมอยู่บนห้อง
นั่งเขียนจดหมายถึงพ่อกับแม่
เพื่ออธิบายว่าทำไมผมถึงฆ่าตัวตาย
แล้วก็ขอให้พ่อยกโทษให้ผม
ผมตั้งใจจะฆ่าตัวตายคืนนี้ตอนพ่อหลับ
ผมคิดว่าพ่อไม่เคยแคร์ผมเลย
จดหมายอยู่บนห้องครับ
แต่ผมคิดว่าผมคงไม่ต้องการมันแล้วล่ะ
บรรยายถึงความเจ็บปวดและทุกข์ทรมาน จดหมายฉบับนั้นจ่าหน้าถึงพ่อกับแม่
ชายผู้เป็นเจ้านายกลับไปที่ทำงานอย่างเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
เขาเลิกเป็นคนขี้โมโหแต่จะพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้พนักงานใต้บังคับบัญชารู้ว่าพวกเขามีค่าอย่างไรบ้าง
ส่วนชายผู้เป็นนักบริหารระดับรองก็ช่วยให้คำแนะนำเด็กหนุ่มอื่นๆ ต่อมาอีกหลายคนเรื่องการวางแผนอาชีพในอนาคต
แล้วก็ไม่เคยลืมบอกเด็กเหล่านั้นว่าแต่ละคนมีคุณค่าต่อชีวิตเขาอย่างไรบ้าง
หนึ่งในนั้นก็คือเด็กหนุ่มลูกชายเจ้านายเขา
ส่วนเด็กหนุ่มกับเพื่อนร่วมช ั้นก็ได้เรียนรู้บทเรียนที่มีค่าเรื่องหนึ่งนั่นคือ
คุณไม่จำเป็นต้องส่งเมล์ฉบับนี้ต่อให้ใครแม้แต่คนเดียว..> อย่าว่าแต่สองคนหรือสองร้อยคนเลย
สำหรับฉัน คุณอาจจะลบเมล์ฉบับนี้ทิ้งแล้วไปเปิดดูเมล์ฉบับต่อไป
แต่ถ้าคุณมีใครสักคนที่มีความหมายกับคุณมาก
ฉันขอสนับสนุนให้คุณส่งข้อความนี้ไปให้เขาหรือเธอผู้นั้น
เพื่อให้เขาได้รับรู้ความรู้สึกของคุณ
ส่งเรื่องนี้ไปยังคนทุกคนที่คุณเห็นว่ามีความหมายต่อคุณ มีความสำคัญต่อคุณ
หรืออาจส่งไปให้คนหนึ่ง..สอง..หรือสามคนที่มีความหมายต่อคุณมากที่สุด
หรือคุณอาจจะแค่ยิ้มที่ได้รู้ว่ามีใครบางคนคิดว่าคุณเป็นคนสำคัญ
ไม่งั้น
คุณก็คงไม่ได้รับเมล์ฉบับนี้แต่แรก
*************************************************
อันนั้นเป็น fwd เมล์ที่ได้ แต่เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องจริง ที่แม่เพิ่งจะเล่าให้ฟังเมื่อวานค่ะ
คือเค้าได้ไปเรียนว่ายน้ำกับครูคนหนึ่ง หลังจากนั้นไม่กี่อาทิตย์ก็มีข่าวว่าแกป่วย
แม่เลยต้องเปลี่ยนครูสอน จนมีข่าวเม้าท์กันว่าแกกินน้ำยาเป็ดเพื่อฆ่าตัวตาย
แต่มีคนไปพบได้ทัน เลยช่วยแกไว้ได้ค่ะ
แต่ก็ยังไม่สามารถมาใช้ชีวิตแบบปกติได้ เพราะว่าคอถูกน้ำยาเป็ดกัดไป
ทำให้พูดไม่ได้ หมอว่าต้องผ่าตัด จึงจะสามารถที่จะกินข้าวได้บ้าง แต่ไม่แน่ใจว่าจะพูดได้หรือป่าว
พี่สาวของครูคนนั้นก็บอกว่า แกไปผูกคอตายดีกว่า
ตอนนี้ครูสอนว่ายน้ำคนนั้นเสียชีวิตจากการผูกคอตายไปแล้ว
เราไม่แน่ใจว่าพี่เค้าพูดเพื่ออะไร และจะรู้สึกดีใจ หรือเสียใจกับน้องชายเค้า
เราไม่ได้มาเล่าเพื่อให้ทุกคนประนาม หรือต่อว่าพี่สาวเค้า
เพียงแต่ทีเอามาเล่าต่อ เพื่อที่อยากให้ทุกคนเอาใจใส่คนรอบข้าง
และคนที่คุณรัก การที่คนเราจะฆ่าตัวตาย ต้องใช้เวลา และการตัดสินใจ
ถ้าเราสังเกต เราจะเห็นความผิดปกติ และก็ช่วยเค้าไว้ได้ทัน
เหมือนที่เล่าเรื่องริบบิ้นด้านบน
ขอบคุณ ที่อ่านกันมาซะยาวนะค่ะ
Discussion (9)
ขอบคุณคุณ จขกท ที่เอาบทความดีดีมาให้อ่านอีกแล้ว
^0^
ขอบคุณค่ะ
ทรายเคยอยากตั้งกระทู้เกี่ยวกับการมองคุณค่าในตัวเองเหมือนกัน
แม้เว็บนี้จะเป็นสังคมแห่งความสวยงาม แต่งหน้า
แต่ทรายก็อยากให้ผู้หญิงมองคุณค่าของตัวเองมากว่าแค่
รูปร่าง หน้าตา สัดส่วน เพราะ.........
ทรายเชื่อว่าคนเรามีดีมากกว่าสิ่งที่มองเห็นได้ภายนอก
บางคนเมื่อได้รู้จักนิสัยแล้วสิ่งที่ได้เรียนรู้จากเค้า
เป็นคุณค่าที่ทำให้เรารู้สึกว่าเค้าสวยขึ้น น่ารักขึ้นมากๆเลยค่ะ