(CR) จ่ายเงินเองจ้า : รีวิวสกินแคร์ จากร้านขายยาที่ปารีส + ได้ของแถมมาเยอะเลย

28 13

บริษัทส่งไปทำงานที่ปารีสอีกแล้วครับ เนื่องจากคราวนี้ไม่มีแพลนอะไรหลังเลิกงาน เลยออกไปเดินเล่นที่ห้างใกล้ ๆ โรงแรมครับ

ห้าง Aeroville เพิ่งเปิดได้ไม่นานนะครับ ปีสองปีนี่แหล่ะ ห้างนี้ใกล้สนามบิน CDG มากที่สุดละครับ มีบริการรถรับส่งจากโรงแรมแถว ๆ นั้น ไปที่ห้าง รวมถึงสนามบินด้วย ห้างนี้จะไม่ใช่ hi-end ที่มีสินค้าพวก Hermes , Chanel อะไรแบบนี้นะครับ แต่จะมีพวก H&M , Sephora ร้านขายยา ซุปเปอร์ และอีกหลาย ๆ ร้าน รวมถึง ร้านอาหารด้วยครับ

**** ลิงค์ที่ใส่ไว้ เป็นข้อมูลจากเว๊ปไซต์ของแบรนด์นั้น ๆ โดยตรง มีข้อมูลของส่วนผสม และข้อมูลของผลิตภัณฑ์นั้น ๆ ถ้าเปิดด้วย Chrome จะดีมากเลยครับ เพราะเค้าจะแปลภาษาให้

1. Caudalie Fleur De Vigne Cleansing Mousse แปลเป็นภาษาอังกฤษก็ instant cleansing foam

ขนาด 150 มล

ราคา ขวดละ 9 ยูโร (ซื้อแพ็คคู่มาราคา 17.99 ยูโร)

ส่วนประกอบและรายละเอียดสินค้าดูได้ที่ https://fr.caudalie.com/soin-visage/produit/demaquillants/instant-foaming-cleanser.html 

ที่ผมสนใจโฟมล้างหน้าเพราะ ลองใช้โฟมล้างหน้าของ Cruel แล้วชอบมากครับ ล้างดีเลยล่ะ เลยอยากจะหาโฟมล้างหน้าของยี่ห้ออื่นดูบ้าง และก็มาเจอ Caudalie

Caudalie จะชูโรงเรื่องสารสกััดจากเมล็ดองุ่น เป็นสินค้าที่ราคาสูงกว่า Bioderma หน่อยครับ แต่ยังถือว่าเป็นสินค้า drug store คือราคายังไม่สูงมาก และหาได้ตามร้านขายยาทั่ว ๆ ไปที่ฝรั่งเศส

ประสบการณ์การใช้

ล้างออกง่ายมากครับ ส่วนผสมอ่อนโยน ไม่มีสารสบู่ ไม่มีส่วนผสมของสัตว์ แต่ถ้าเทียบกับ Cruel ส่วนตัวแล้วผมว่าตัวนี้ดีกว่าครับ ล้างโฟมออกจากหน้าได้ง่ายกว่า ล้างแล้วผิวไม่เอี๊ยด แต่รู้สึกผิวมีความสมดุล สมดุลมากกว่าใช้ Cruel อีก ตอนนี้ผมก็ใช้สลับ ๆ กันไปกับ Cruel คือชอบ Caudalie ด้วย และก็ยังชอบ Cruel อยู่

ผมจะใช้โฟมล้างหน้าควบคู่กับ แปรงล้างหน้า Foreo Luna mini ครับ อันนี้ซื้อมาปีกว่าล่ะ แรก ๆ ก็เห่อ แต่พอใช้ไปสักพักเริ่มไม่เห็นว่ามันจะได้ผลสำหรับผมเลย เลยตั้งทิ้งไว้เฉย ๆ ตอนนี้เอากลับมาใช้กับโฟม สรุปว่าชอบ รู้สึกว่าดีกว่าใช้มือล้างหน้าอีก

ส่วนถ้าเวลาไปต่างประเทศ จะใช้ Primavera balancing gel ล้างหน้า อันนี้ดีมากครับ เนื้อสัมผัสเหมือนกับน้ำอสุจิ ลื่น ๆ แต่ล้างออกง่ายมาก หน้าสะอาด แต่ไม่แห้ง และรู้สึกผิวมีความสมดุล

ส่วน Three balancing foam , Sulwhasoo , Algenist , Estee และอีกหลายยี่ห้อที่มีตอนนี้ไม่ค่อยได้ใช้เลย ช่วงนี้ชอบ Cruel , Caudalie และ Primavera

2. Bioderma Sebium H2O 

ขนาด 500 ml

ราคา 9 ยูโร (ซื้อแพ็คสองขวดมาครับ แพ็คละ 17.99 ยูโร)

สำหรับข้อมูลของสินค้า https://www.bioderma.fr/fr/nos-produits/sebium/h2o 

ผลการใช้

  

ไม่ต้องบรรยายสรรพคุณมากครับสำหรับที่ล้างหน้าแบบน้ำอันนี้ ใช้ดีมากครับ ติอย่างเดียวทีีมีน้ำหอม อันนี้เหมาะสำหรับคนเป็นสิว หรือผิวที่เป็นสิวง่าย แต่อย่างที่บอกมีน้ำหอม ถ้าไม่ซีเรียสเรื่องน้ำหอม อันนี้เป็นตัวเลือกที่ดีเลยครับ

3. ที่มาส์กหน้าแบบไม่ต้องล้างออก Bioderma Hydrabio Masque      

ขนาด 75 มล

ราคา 12.99 ยูโร

รายละเอียดสินค้า https://www.bioderma.fr/fr/nos-produits/hydrabio/masque  

ผลการใช้

อันนี้เป็นมาส์กที่ไม่ต้องล้างออก วิธีใช้ก็คือ ขั้นแรกทำความสะอาดผิวหน้า จากนั้นอยากลงโทนเนอร์อะไรก็ลงไป และก็ทาด้วยมาส์กอันนี้ ทิ้งไว้สัก 10 นาที แล้วเช็ดส่วนเกินออก จากนั้นถ้าอยากลงอะไรต่อก็ตามสบาย จริง ๆ อันนี้ก็เหมือนโลชั่นหรือครีมทาหน้านะแหล่ะ เพียงแต่มันเข้มข้นมากกว่า ใช้ครั้งแรกเค้าแนะนำให้ใช้ทุกวัน จากนั้นอาทิตย์ละครั้ง จะทำให้ผิวไม่ขาดน้ำ

4. Avene Cleanance Mask

ขนาด 50 ml

ราคา 7.99 ยูโร

รายละเอียดสินค้า https://www.eau-thermale-avene.fr/visage/soins-specifiques/cleanance-peaux-a-tendance-acneique/cleanance-mask-masque-gommage

ผลการใช้

อันนี้ยังไม่ได้ลองใช้เลยครับ แต่ดูทรงแล้วน่าจะดี คือผมกำลังหามาส์กระดับราคา 300 - 400 บาท และไอ้ตัว Cleanance มันเป็นไลน์สำหรับคนเป็นสิว

5. Avene Triacneal expert

ขนาด 30 มล

ราคา 10.49 ยูโร

รายละเอียดสินค้า https://www.eau-thermale-avene.fr/visage/soins-specifiques/cleanance-peaux-a-tendance-acneique/triacneal-expert

ผลการใช้

อันนี้เป็น emulsion สำหรับคนที่ผิวเป็นสิวง่าย ยังไม่ได้ลองใช้ ซื้อ Avene Triacneal expert มารอไว้ก่อน 2 หลอด กะว่าถ้า LRP effaclar Duo+ หมดเมื่อไหร่ จะใช้ Avene ต่อละ ตัวนี้มี retinol นะครับ ไม่เหมาะกับหญิงมีครรภ์

6. Laroche Posay Effaclar Duo+

ขนาด 40 มล

ราคา 10.49 ยูโร

ของแถม เจลล้างหน้า Effaclar 50 มล

รายละเอียดสินค้า https://www.laroche-posay.fr/produits-soins/effaclar/effaclar-duo-p9749.aspx

ผลการใช้

อันนี้ทาทั้งแทนหน้ามอยซ์เจอร์ไรเซอร์ครับ มีส่วนผสมที่คุมสิว และลดรอยจากสิว คราวก่อนผมซื้อมา 2 หลอด ใช้หมดไปแล้ว 1 หลอดก็ยังไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงแบบมีนัยอะไร คราวนี้เลยซื้อมาเพิ่ม 1 หลอด เพราะตั้งใจว่าจะให้เวลากับตัวเองและผลิตภัณฑ์ 3 เดือน (ใช้เดือนละหลอด) กะว่าถ้าหมด 3 หลอดแล้ว แม้ว่าจะเห็นผลหรือไม่เห็นผล ผมก็จะเปลี่ยนไปใช้ Triacneal แล้ว

7. ครีมกันแดด Bioderma Photoderm Max 50 Aquafluide

ขนาด 40 มล

ราคา 8.99 ยูโร

ของแถม ที่ล้างหน้าสูตรน้ำ Bioderma Crealine H2O ขวดเล็ก

รายละเอียดสินค้า https://www.bioderma.fr/fr/nos-produits/photoderm/max-aquafluide-spf-50ค

ผลการใช้

ผมเป็นพวกชอบซื้อครีมกันแดด เพราะยังหาครีมกันแดดที่ชอบสุด ๆ ไม่ได้เลย คือมีที่ชอบ แต่ยังไม่สุด แต่มีความหวังว่าอาจจะเจอสุด ๆ แล้วซื้อไปเรื่อย ๆ และอีกเหตุผลก็คือ มีความคิดว่าเฮ้ยเดือนหน้าอาจไม่ได้มาฝรั่งเศส อาจไม่ได้ไปเมกา อาจไม่ได้ไปญี่ปุ่น เพราะงั้นซื้อแมร่งไว้ก่อนเลยละครับ ผลลัพธ์ก็คือครีมกันแดดเต็มบ้านเลย ที่สำคัญยังไม่ได้แกะใช้เลย และไบโอเดอมาอันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งในนั้น

จริง ๆ ผมอยากใช้ครีมกันแดดของ smith นะ แต่ไปลองเนื้อแล้วมันมีสี + ราคาแพงไปสำหรับผม ผมเลยไม่ได้ซื้อมา ถ้าเค้าทำผลิตภัณฑ์กันแดดไม่มีสี + ราคาสัก 300 บาท ผมก็อาจจะไปหามาลอง

หรือครีมกันแดด mizumi อันนี้อ่านตามที่เค้าโฆษณาไว้แล้วอยากใช้มากครับ ติดที่ราคาอย่างเดียว คือมันแพงไปสำหรับผม ถ้าเค้าลดราคาเหลือ 300 บาท ผมก็อาจจะไปหามาใช้บ้าง

8. สบู่ก้อน Le Petit Marseillais 

ขนาด 200 กรัม

ราคา 2.41 ยูโร

ผมเป็นคนใช้สบู่อะไรก็ได้ที่ขายตามท้องตลาดที่ส่วนผสมดี ไม่ว่าจะสบู่ก้อน หรือสบู่เหลว ไม่ว่าจะส่วนผสมดีอย่างสบู่เหลว กกเลี้ยง หรือสบู่ก้อนธรรมชาติสมุนไพรอะไรก็ตาม

แต่สบู่ที่เคยใช้มาทั้งหมดทั้งที่ซื้อจากไทย และจากต่างประเทศ ณ.ตอนนี้ผมชอบสบู่ le petit marseillais ตัวที่เป็น 72% extra pure อันนี้มากที่สุดแล้วครับ

คือชอบสุด ๆ แล้วครับ สบู่อันนี้ ราคาอาจจะแพงไปหน่อย ก้อนนึง 90- 100 บาทแน่ะ แต่ผมเคยใช้สบู่ก้อนละ 250 บาท อันนี้ซื้อที่ไทย เป็นของไทยเลย เป็นสบู่ธรรมชาติ ส่วนผสมดี แพ็คเก็จจิ้งดีมาก ดูทันสมัย คอนเซ็ปดี ธรรมชาติ ออแกนิคส์ อะไร ๆ เทือก ๆ นี้ ให้ความรู้สึกเหมือน ใช้แม็ค เข้าสตาร์บั๊ค ซื้อของซุปเปอร์ที่ wholefoods อะไรแบบนี้ และสบู่นี้ีส่งขายที่เมืองนอกด้วย และก็รู้สึกว่ากระแสตอบรับดีด้วยสิ ผมก็กัดฟันยอมซิ้อมาที่ราคา 250 บาท สรุปใช้แล้วก็เฉย ๆ คือดีกว่าสบู่โซดาไฟ + ไขมัน ทั่ว ๆ ไปน่ะแหล่ะ แต่ไม่ได้ว้าวอะไรขนาดนั้น หลังจากนั้นผมเลยเลิกซื้อสบู่แพง ๆ ใช้เลย แต่พอมาเจอสบู่ Marseillais อันนี้ ผมเลยซื้อมาตุนไว้อีก 2 ก้อนเลย คือชอบมาก ใช้ดีจริง ๆ

ผลการใช้

ฟองเยอะ + ล้างออกง่าย + หลังล้างรู้สึกถึงความสะอาด + หลังล้างผิวไม่แห้ง + แต่ผิวกลับมีความสมดุลแทน และที่สำคัญคือปกติผมเป็นคนคันง่ายมาก แต่พอใช้อันนี้แล้วผื่นคันไม่ค่อยมีเลย

9. L'occitane Almond shower oil

ขนาด 250 + 500 มล

ราคา 33.60 ยูโร

ของแถม sample 3 อัน ผมเลือก Divine เพราะดูแล้วแพงหน่อย และก็มีน้ำหอมกลิ่นใหม่หลอดเล็ก ๆ แถมมาอีกอันนึง

บอกเลยอันนี้เป็นที่อาบน้ำที่แพงที่สุดเท่าที่เคยซื้อมา ตอนซื้อนี่ผมคิดแล้วคิดอีก เดินย้อนไปย้อนมา ซื้อดีไม่ซื้อดี แต่สุดท้ายก็ทนกิเลสไม่ไหว ซื้อมาลอง คิดว่า เอาว๊ะ อย่างน้อยก็ลองใช้สักครั้งในชีวิต

ผลการใช้

ทำความสะอาดผิวได้ดี หลังอาบน้ำแล้วผิวนุ่มมากครับ กลิ่นหอมติดผิวเลย ปกติผมไม่ชอบอะไรที่กลิ่นเยอะ ๆ แต่อันนี้เรียกว่าข้อยกเว้นก็ได้มั๊ง อันนี้ไม่ต้องทาครีมหลังอาบน้ำ ผิวก็ยังชุ่มชื่น ผมลองเอาลิ้นเลียผิวดู รสชาติก็ขม ๆ เหมือนกัน

เสียดายอย่างเดียวที่ใส่ parfume มา

ถามว่าชอบไหม บอกเลยว่าชอบครับ แต่คงไม่ซื้อต่อเพราะแพงครับ อันนี้ซื้อเพื่อสนองกิเลสเฉย ๆ ซื้อเพื่อให้รู้ว่าเออเคยใช้แล้วนะ ดีด้วย ชอบด้วย แต่คงไม่ซื้อต่อ ผมไปใช้ Marseillais ก็ได้ครับ หรือกกเลี้ยง หรือสบุ่ โซดาไฟ + น้ำมัน ยี่ห้ออื่น

  

และนี่ก็คือของแถมที่ได้มา

ปิดท้ายกระทู้นี้ด้วยเรื่องที่ผมไม่เข้าใจ

ผมซื้อ LRP , bioderma , Eucerin อะไรพวกนี้ที่ร้านขายยาในฝรั่งเศส (ร้านค้าปลีกด้วยนะเออ ไม่ใช่ร้านขายส่ง) ได้ในราคาประมาณ 300 กว่าบาท ซึ่งบางอย่างอาจราคาสูงกว่านี้ แต่โดยเฉลี่ย ๆ ก็ราคาประมาณ 300 กว่าบาท

ในความคิดของผมนะ สินค้ายี่ห้อที่ขายตามร้านขายยาพวกนี้ก็น่าจะเป็นสินค้าดีมีคุณภาพ ถ้าเป็นครีมกันแดด ค่า SPF ก็คงไม่ต่างจากที่ติดระบุไว้ที่ฉลาก และที่สำคัญการแจ้งส่วนประกอบของสินค้าที่ฝรั่งเศส ถ้าผมเข้าใจไม่ผิดต้องแจ้ง 100% นะจ๊ะ ส่วนที่เมกาถ้าผมเข้าใจไม่ผิด ทางผลิตภัณฑ์สามารถแจ้งแค่ 99% ได้ (ถ้าผมเข้าใจผิดต้องขอโทษไว้ ณ.ที่นี้ด้วยนะครับ และขอบคุณผู้รู้ไว้ล่วงหน้าเลยนะครับ ถ้าจะมาชี้แจงข้อมูลที่ถูกต้อง) เพราะฉะนั้นผมเลยมองว่า ทั้ง ๆ ที่ค่าครองชีพเค้าสูงกว่าบ้านเรา ภาษีเค้าก็สูง ไหนจะค่าเช่าที่ ไหนจะค่าพนักงาน ไหนจะกำไรที่ต้องบวกเข้าไป เค้ายังขายราคานี้ได้

เพราะฉะนั้นสินค้าคุณภาพของบ้านเราที่วางขายในบ้านเราก็ไม่น่าจะตั้งราคาสูงไปกว่าสินค้าฝรั่งเศสที่ขายในฝรั่งเศส (แต่สินค้าฝรั่งเศสที่ขายในไทยผมเข้าใจนะที่ราคาสูง เพราะมันมีเรื่องภาษี เรื่องขนส่ง เรื่องกำไรที่ต้องบวกเข้ามาอีก)

ถ้าใครพอรู้ว่าทำไมสินค้าไทยที่ขายในไทย ถึงมีราคาสูงกว่า สินค้าฝรั่งเศสที่ขายในฝรั่งเศส รบกวนบอกผมหน่อยได้ไหมครับ ผมอยากรู้เพื่อจะได้มีความเข้าใจที่ถูกต้อง ขอบคุณล่วงหน้านะครับ


ดูดูได้

ดูดูได้

FULL PROFILE