Min ga lar par Ayutthaya 2 วัน 1 คืน กับเพื่อนสาวชาวพม่า :)))
MissionisPossible 16 6วันนี้มี model trip 2 วัน 1 คืนสำหรับเที่ยวอยุธยามาฝาก และในทริปนี้มีเพื่อนพม่ามาเที่ยวด้วย จริงอยู่ที่อตีด ไทยกับพม่าเป็นศัตรูกัน แต่ปัจจุบันเราเป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกันนะ :) เราปิ๊งไอเดียเที่ยวและแชร์วัฒนธรรมกันระหว่างกันไปด้วย เลยออกมาเป็นกระทู้เที่ยวควบเรียนรู้คำศัพท์ภาษาพม่าแบบกุบกิบ โดยได้รับเกียรติจากเพื่อนชาวพม่า นิกเนมของเธอคือ “แอเรียล” ที่ช่วยเราแปลภาษาและการออกเสียงคำภาษาพม่า เราจะพาแอเรียลและคุณไปเที่ยว ทำความรู้จักกับสถานที่โบราณต่างๆ กินของอร่อย ตบท้ายด้วยภาษาพม่าน่ารักวันละคำ *ประวัติสถานที่เป็นข้อมูลจาก wikipedia ไทย และเพิ่มเดิมเองบางส่วนนะคะ
วัดใหญ่ชัยมงคล
Day 1
ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ด้วยรถส่วนตัวตอน 8 โมงเช้า แค่ชั่วโมงเดียวก็ถึง “วัดใหญ่ชัยมงคล”วัดใหญ่ชัยมงคล เดิมชื่อ "วัดป่าแก้ว" หรือ "วัดเจ้าไท" จุดเด่นของวัด คือ เจดีย์องค์ใหญ่ที่เชื่อกันว่าได้รับการปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่ภายในได้มีการค้นพบชัยมงคลคาถาบรรจุอยู่ ภายในพระอุโบสถ เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธชัยมงคล พระประธานที่เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของวัด นอกจากนี้แล้ว ภายในวัดยังเป็นที่ประดิษฐานศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2544 อีกด้วย
บ้านฮอลันดา
แวะพักทานโกโก้เย็นและวอฟเฟิลสไตล์ดัตช์ที่ “บ้านฮอลันดา” พร้อมเดินชมนิทรรศการ เสียค่าเข้าชม 50 บาท/คน นะ เขาทำไว้ค่อนข้างดี ทั้งการจัดแสดงและระยะเวลาที่ใช้ เดินชมประมาณ 15-20 นาที ก็จบบ้านฮอลันดา หรือ หมู่บ้านของชาววิลันดา (ชาวฮอลันดาหรือดัตช์) ซึ่งถูกก่อตั้งขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาเมื่อปี พ.ศ. 2177 หรือ ปี ค.ศ. 1634 โดยตั้งอยู่บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา ติดกับอู่ต่อเรือขนาดใหญ่ ตำบลสวนพลู ในปัจจุบันได้มีการสร้างพิพิธภัณฑ์บ้านฮอลันดาขึ้นในบริเวณที่เป็นบ้านฮอลันดาเดิม มีเรือเก่าทิ้งไว้ให้เห็นหลายลำ และเป็นศูนย์ข้อมูลประวัติศาสตร์เพื่อการศึกษาและเรียนรู้เกี่ยวกับสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศไทยและประเทศเนเธอร์แลนด์
ก๋วยเตี๋ยวห้อยขา
ถึงเวลาอาหารเที่ยงพอดี มื้อแรกที่อยุธยาเรากิน “ก๋วยเตี๋ยวห้อยขา” ที่จุดเด่นคือร้านเจาะช่องบนพื้นไม้ของบ้านทรงไทยยกพื้นให้เราห้อยขาลงไปพร้อมกับชมแม่น้ำเจ้าพระยาได้ เจ้านี้ฮิตมากเพราะโลเคชั่นดี เรียกว่ามีคนมาต่อคิวเพื่อนั่งโต๊ะติดริมน้ำตลอดเวลา ก๋วยเตี๋ยวที่นี่มีทั้งเรือและลูกชื้นต้มยำ แบบโอเวอร์ไซส์กิน 5 คนก็มี นอกจากนี้ยังมีเมนูฟิวชั่น บิงซูสายไหม ที่เรียกว่าผสมเอาเทรนด์เกาเข้ากับของดั้งเดิมได้อย่างยอดเยี่ยม
ที่พัก บ้านอู่ทอง
เช็คอินเข้าที่พักหลบแดดบ่ายกันหน่อย ครั้งนี้เราพักกันที่ “บ้านอู่ทอง” เป็นทั้งที่พักและร้านอาหารริมเจ้าพระยา ราคาพอเหมาะ ติดริมน้ำ 1,200 บาท/ห้อง/คืน แบบไม่ติดริมน้ำ 900 บาท/ห้อง/คืน เราจองจาก booking.com แบบจ่ายสดหน้างาน แค่กันเครดิตเราไว้ก่อนเข้าพัก ภาพรวมสภาพเตียง ทีวี น้ำอุ่น โอเคดี แต่สบู่กับแชมพูลงทุนน้อยไปหน่อย ประทับใจอาหารเช้า มีมัลเบอร์รี่สสดบนแพนเค้กด้่วย มันเริดตรงนี้
บ้านข้าวหนม
ต่อกันที่ “บ้านข้าวหนม” คาเฟ่ห่างจากที่พักไปไม่ถึง 5 นาที มันฮิตมากค่ะคู้ณณ!!! ร้านเล็กขนาด 1 ห้องแถว คนแน่นขนัด แทบหาที่แทรกตัวลงนั่งไม่ได้ ก็พอเข้าใจ เพราะเขามีของดีเป็นเมนูขนมและเครื่องดื่มไทยประยุกต์เก๋ๆ ส่วนตัวคิดว่าแพ็จเกจจิ้งและวิธีนำเสนอผ่านแล้ว แต่รสชาติยังกลางๆ แนะนำให้ไปตั้งแต่ร้านเปิดคือ 8.00 เพื่อหลีกเลี่ยงผู้คน
วัดราชบูรณะ
“วัดราชบูรณะ” หรือเราเรียกกันเองง่ายๆว่า ถ้ำแบทแมน (แต่ไม่มีใครเค้าเรียกกันอย่างงี้นะ) เพราะลักษณะภายในพระปรางค์ประธานเป็นถ้ำที่มีบันไดวนเป็นชั้นๆ และกลวงเป็นปล่อง มองลงไปข้างล่างล่ะเสียวเลย วัดราชบูรณะ ตั้งอยู่ตำบลท่าวาสุกรี บริเวณเชิงสะพานป่าถ่าน ติดกับวัดมหาธาตุทางบริเวณทิศตะวันออก ห่างจากพระราชวังโบราณ เพียงเล็กน้อยจัดเป็นหนึ่งในวัดที่ใหญ่และมีความเก่าแก่มากที่สุดในพระนครศรีอยุธยา สร้างโดยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 หรือเจ้าสามพระยา ในปี พ.ศ. 1967 วัดราชบูรณะมีชื่อเสียงและความโด่งดังมากในเรื่องการถูกกลุ่มคนร้ายจำนวนหนึ่ง ลักลอบขุดกรุภายในพระปรางค์ประธาน (บ้างก็กล่าวว่าเป็นฝีมือของชาวพม่า แต่ใครเล่าจะพิสูจน์ได้ เพราะคนไทยกันเองก็ใช่ว่าไม่โลภนะจ๊ะ) ในปี พ.ศ. 2499 และช่วงชิงทรัพย์สมบัติจำนวนมากมายมหาศาลหลบหนีไป ต่อมากรมศิลปากรเข้าทำการบูรณะขุดแต่งต่อภายหลัง พบทรัพย์สมบัติที่หลงเหลือและเครื่องทองจำนวนมากมาย ปัจจุบันทรัพย์สมบัติภายในกรุถูกเก็บรักษาไว้ที่ห้องราชบูรณะ ภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา
วัดมหาธาตุ
"วัดมหาธาตุ" จุดเด่นที่ทุกคนจำได้คือเศียรพระบริเวณโคนต้นไม้วัดมหาธาตุ เป็นหนึ่งในวัดในเขตอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา วัดมหาธาตุเป็นวัดที่มีความสำคัญมากในสมัยกรุงศรีอยุธยา เพราะเป็นวัดที่ประดิษฐานพระบรมธาตุใจกลางพระนคร และเป็นที่พำนักของสมเด็จพระสังฆราช วัดแห่งนี้จึงได้รับการก่อสร้างและดูแลตลอดเวลา จนกระทั่งถูกทำลายลงหลังเสียกรุงครั้งที่ 2
ในสมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม พระปรางค์เคยพังลงมาเกือบครึ่งองค์ถึงชั้นครุฑ ปรางค์ของวัดเดิมสร้างด้วยศิลาแลง แต่จะด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่ทราบ เลยยังไม่ได้รับการซ่อมแซมในรัชกาลนั้น
แต่ได้รับการซ่อมในสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททองทรงบูรณะใหม่ แต่ก็ได้พังทลายลงมาอีกรอบในรัชสมัยรัชกาลที่ 5 ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงนำกำลังทหารไปช่วยกันสร้างยอดพระปรางค์ด้วยไม้สักและได้สถาปนาให้เป็นพระปรางค์ประจำชาติ และพระปรางค์วัดมหาธาตุก็ยังคงอยู่ที่นั้นตลอด (เรียกได้ว่าพังกันไปหลายรอบ)
ร้านอาหาร สายน้ำป้อมเพชร
และแล้วมื้อที่เรารอคอยก็มาถึง มื้อกุ้งเผา! จัดหนักกันที่ร้าน “สายน้ำป้อมเพชร” กุ้งราคาดีงาม กุ้งแม่น้ำตัวใหญ่ตัวละ 600 ส่วนที่ขายแบบเป็นกิโล 16 ตัว 850 บาท เม้ามอยเรื่องการเมือง เศรษฐกิจ สังคม โลกยุคโลกาภิวัฒน์และความน่าจะเป็นในอนาคตของไทยและของเรา (โห) บรรยากาศกระตุ้นบทสนทนามาก (อันนี้เรื่องจริง)
Day 2
เช้าแล้ว เช็คเอาท์ออกจากที่พัก ไปกิน “ก๋วยเตี๋ยวเรือลุงเล็ก” ที่ขายทั้งหมู เนื้อ และเครื่องใน (แต่เนื่องจากทุกคนหิวกันมาก - - จึงไม่มีรูปภาพประกอบ รู้ตัวอีกที หมดแล้วครับท่าน) ของตุ๋นที่นี่ดีงามมาก ไม่เปื่อยจนยุ่ย แต่ไม่เหนียว เครื่องในลวกเด้งกำลังดี จัดไปค่ะคนละ 3 ชาม ขนาดชามจะใหญ่กว่าเตี๋ยวเรือที่อนุสาวรีย์ฯ ราว 2 เท่า ก่อนกลับเราแวะอีก 1 วัดแนวฟิวชั่นที่สวยงามมาก
วัดนิเวศธรรมประวัติราชวรวิหาร
“วัดนิเวศธรรมประวัติราชวรวิหาร” เด่นที่เป็นวัดลูกครึ่งพุทธคริสต์ วัดนิเวศธรรมประวัติราชวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร ในสังกัดคณะสงฆ์ธรรมยุติกนิกาย ตั้งอยู่ที่ ตำบลบ้านเลน อำเภอบางปะอิน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อทรงใช้เป็นสถานที่สำหรับบำเพ็ญพระราชกุศล เมื่อเสด็จฯ แปรพระราชฐานมาประทับที่พระราชวังบางปะอิน (เป็นพระราชวังฤดูร้อน เอาไว้พักผ่อน) ใช้รูปแบบสถาปัตยกรรมกอทิกเลียนแบบโบสถ์คริสต์
สรุปค่าใช้จ่ายแบบไม่เขียม คอนเซ็ปเราคือเอาเที่ยวสนุก กินอิ่ม นอนสบาย budget จึงไม่ได้ถูกเวอร์เนอะ เพราะโนมาม่า และ โนดราม่า อิ
ขอขอบคุณเพื่อนร่วมทริปทุกท่านแล้วพบกันครั้งหน้า เฮ้!!
Many thanks to all of you guys. Let's go out and explore the world together in the very near future!
Special thank : Mhee Mathee and Stampu Nattaphat