เกิดมาทั้งที อยากมีคิ้วเป็นของตัวเองบ้าง

ขอออกตัวไว้ก่อนเลยว่าไม่เคยเขียนรีวิวมาก่อน หากมีความผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ

ก่อนอื่นต้องขอออกตัวก่อนว่า เป็นคนที่กลัวการทำอะไรกับหน้ามากๆ คือ แค่กดสิวเอง ยังพอทนไว้ แต่ถ้าฉีดสิวเมื่อไร นี่น้ำตามาเลยค่ะ เราเอง เป็นคนที่มีปัญหาเรื่องคิ้วค่ะ คือ มีคิ้วข้างซ้ายข้างเดียว ส่วนข้างขวาก็มีเหมือนกันนะ แต่มันไม่เท่ากันเลยเนี่ยสิ ซึ่งเราก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นปัญหาใหญ่ของชีวิตเท่าไร จนวันนึงพี่ชายมาบอกว่า ไปสักคิ้วก็ดีนะ มันเสริมเรื่องโง้วเฮงด้วย เราก็แบบหรือจะดีนะ เอาล่ะ ที่มาของเรื่องก็ประมาณนี้แหละค่ะ จุดเริ่มต้นของการไปสักคิ้ว

ไม่ต้องพูดมากันให้เสียเวลา มาเข้าเรื่องกันเลยเนอะ

เราไปที่คลินิกแห่งหนึ่ง ชื่อว่า อ.กุลริศาค่ะ (เราไม่รู้ว่าบอกชื่อได้ไหม ถ้าไม่ได้ จะมาลบออกนะคะ) ถ้าถามว่า รู้จักร้านนี้ได้ยังไง คงต้องบอกว่า อ่านพวกรีวิวมาล้วนๆ ค่ะ แล้วเห็นว่า ประวัติร้านนี้อยู่มานาน แล้วมีแบบของลูกค้าที่มาทำให้ดูเยอะมาก จึงรู้สึกว่า น่าสนใจมากค่ะ เลยค้นหาเฟสของทางร้าน แล้วก็ได้เริ่มคุยกับตัวอ.กุลริศาเองเลย (ตอนคุยไม่รู้หรอกนะคะ แต่มารู้ทีหลังตอนไปถึงร้านแล้ว) หลังจากสอบถามข้อมูลที่ตัวเองต้องการแล้ว ก็นัดวันทำค่ะ พอไปถึง อ.กุลริศา ก็มาพูดคุยถึงลักษณะคิ้วที่เราอยากให้เป็นและสิ่งที่เราคิดเอาไว้ แล้วก็ เริ่มจาก เช็ดหน้าเอาความมันและฝุ่นออกจากใบหน้าก่อนค่ะ แล้วอ.ก็เริ่มวาดแล้วให้เราส่องกระจกเลือกว่า ชอบไหม ชอบข้างไหนมากกว่ากัน อ.บอกว่า อ.ไม่ได้วาดคิ้วให้ดูสวยอย่างเดียวนะ มันต้องถูกโฉลกกับหน้าคนคนนั้นด้วย (ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ประดับเรามาก เพราะเรารู้สึกเนี่ยล่ะ คือความสำคัญของงานบริการแบบนี้ เพราะแต่ล่ะคนมีจุดเด่น จุดด้อยไม่เหมือนกัน ฉะนั้นคิ้วก็ไม่ควรจะเหมือนกันด้วย) หลังจาก วาดคิ้วไป กันคิ้วไป เช็คความสวยและถูกใจ ก็กินเวลาไปประมาณ 10 นาที เนื่องจากเราเป็นคนที่คิ้วไม่เท่ากันค่ะ และยิ่งเวลาพูดเราจะชอบเลิกคิ้วโดยที่ไม่รู้ตัวค่ะ ทำให้เวลาหลับตาและเวลาลืมตา ตำแหน่งของคิ้วจะไม่อยู่ที่เดิม( อ.เรียกว่า คิ้วดุ๊กดิ๊กค่ะ) อ.บอกว่า เคสของเรา เป็นเคสที่ยากมาก พอสมควร 

เนื่องจากคนปกติ จะไม่เลิกคิ้วเวลาลืมตา อ. จึงขอออกตัวทำเคสของเราเลย เพราะมีความท้าทายอยู่พอสมควรค่ะ อ๋อ ลืมบอกไปอย่าง ตอนแรกเราอยากทำ สไลด์คิ้วค่ะ เพราะเห็นว่า เป็นงานฝุ่น ถ้าเผื่อออกมาไม่ดี ยังสามารถแก้ไขได้ แต่พอให้คุยกับอ. มากขึ้นและได้เห็นวิธีการวาดคิ้วและกันคิ้วแล้ว บอกได้เลยค่ะว่า ความไว้ใจมาเต็มร้อย อ.บอกว่า เราเป็นคนที่ขนคิ้วตรงหัวคิ้วน้อยให้ใช้วิธีสักคิ้ว 6 มิติ ลงไปด้วยจะสวยกว่า เพราะว่า จะดูเหมือนจริงมากกว่าค่ะ

มาถึงขั้นต่อการทำเลยนะคะ เริ่มจาก บล๊อกคิ้วที่ได้แล้ว แล้วติดสติกเกอร์เอาไว้ หลังจากนั้นก้อเอายาชามาป้ายค่ะ อ.บอกว่า อ.ใช้ยาชาอย่างดี เป็นตัวเดียวกับที่เอาไว้ใช้กับ ดัดขนตาถาวรเลยค่ะ หลังจากนั้นก็รอประมาณ 30 นาที เพื่อให้ยาชาออกฤทธิ์ เมื่อครบกำหนดก็ขึ้นเตียง เตรียมการสักคิ้วได้เลยค่ะ เราไม่รู้ว่า อ.ทำอะไรบ้าง เพราะว่าหลับตาอยู่ตลอดเลย ได้ยินแต่เสียงเครื่องมือและรู้สึกว่ามีอะไรมีอยู่ที่คิ้ว ความรู้สึกช่วงแรกๆ คือ รู้สึกเหมือนมีอะไรมานวดๆ สบายมากเลย หลังจากนั้นได้ยินเสียง คืด คืด เหมือนมีอะไรมีขีดๆ ตรงคิ้วเรา บอกตรงๆ ว่า ช่วงแรกไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไร แต่เสียงที่ได้ยิน ทำให้เรารู้สึกกลัวไปเอง แต่มีช่วงหลังๆ ที่ทำแล้วเริ่มเจ็บ นั้นเป็นเพราะยาชาเริ่มหมดฤทธิ์ ซึ่งอ.เคยบอกก่อนหน้านี้แล้วว่า ถ้าเริ่มเจ็บให้บอกได้เลย เพราะจะได้ทายาชาเพิ่มให้ ระหว่างสักคิ้ว อ.ก็เติมยาชาให้เรื่อยๆ ค่ะ ความเจ็บก็มีมาบ้างเป็นพักๆ พอทำเสร็จแล้ว อ.ก็ให้เราดูว่า ทรงที่ออกมาจะเป็นแบบนี้นะ คือเหมือนกับที่วาดคิ้วตอนช่วงแรกเลย พอเราดูจนพอให้แล้ว อ.ก็จะลงสีที่เป็น เพื่อให้จุดที่สักลงไป มีสีติดทนนานมากขึ้น ระหว่างก็ลุกขึ้นมาพูดคุย เม้าส์หมอยกันใหญ่อยู่ประมาณ 20 นาทีค่ะ 

พอครบเวลา ก็ต้องเช็ดออก เป็นการเสร็จการทำ สักคิ้ว 6 มิติ + สไลด์คิ้วค่ะ หลังจากออกมา อ.ก็ให้วาสลีนมา บอกว่า ให้เอาไว้ทา ทาได้ตลอดเวลาเลย เพราะการสักเหมือนมันเป็นการเปิดผิวหนัง ทำให้ผิวเราเป็นแผล เราจึงต้องทายาเอาไว้ด้วย

 ช่วงสามวันแรก สามารถโดนน้ำได้ แต่ถ้าจะให้ดี อย่าเพิ่งโดนดีกว่า เพราะสีจะหลุดออก

การสักคิ้วของเราก็มีเท่านี้ค่ะ ที่มาเขียนรีวิวไว้ นี้ไม่ได้ค่าจ่ายแต่อย่าใดนะคะ แต่เป็นเพราะไหนๆ เราก็เป็นคนนึงที่กลัวการสักคิ้ว แล้วก็ได้ตัดสินใจ เพราะคิดว่าจะให้ชีวิตดีขึ้นค่ะ เลยอยากจะทำไว้ เป็นไดอารี่และอยากที่จะเป็นกำลังใจให้กับคนที่มีความคิดที่จะตัดสินใจทำแล้วยังคิดไม่ตก เผื่ออ่านรีวิวของเราแล้ว จะทำให้เกิดความกล้าในการตัดสินใจขึ้นมาได้ค่ะ

ปล. ผู้หญิงอย่าหยุดสวย เพราะผู้ชายและเกย์จะสวยกว่านะคะ ^o^

หลังจากนี้ เราคิดเอาไว้ว่า จะมีอัพรูปคิ้วของตัวทุกวันเพื่อดูวิวัฒนาการค่ะ