❤ ROSEHIP OIL : เหตุผลว่าทำไมถึงควรลองใช้น้ำมันโรสฮิป! : มันคืออะไร และมีดีอะไร ! ❤

สวัสดีค่ะ วันนี้แก้วกลับมาเขียนบทความอีกหนึ่งเรื่องค่ะ ซึ่งคราวนี้เป็นเรื่องของหนึ่งในน้ำมันที่เป็นที่นิยมมาก นั่นก็คือ “น้ำมันโรสฮิป (Rosehips) ค่ะ

    เชื่อว่าเพื่อนๆหลายคนอาจจะเคยเห็นผ่านตากันมาบ้างตามร้านสกินแคร์ ส่วนผสมในเครื่องสำอางอาหารเสริม หรือแม้แต่ในเวบไซต์ทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแวดวงนางแบบ หรือดาราฮอลลีวู้ด ที่นิยมใช้น้ำมันโรสฮิปเป็นตัวบำรุงผิวหน้าผิวตัวกันค่ะ

และแก้วก็เชื่อว่าความโด่งดังของน้ำมันโรสฮิปนั้น ทำให้เพื่อนๆหลายคนเกิดความสงสัยว่า น้ำมันโรสฮิปมีดีอะไร และควรลองหยิบมาใช้ดูบ้างดีมั้ยน้าซึ่งส่วนตัวแก้ว แก้วได้ทดลองใช้น้ำมันโรสฮิปมานาน(มาก) และเป็นอีกหนึ่งในน้ำมันลูกรักของแก้วไปแล้ว เพราะมันช่วยกู้หน้าแก้วกลับมาหลายรอบมากกก  แก้วก็เลยสนใจ และอยากทำการรวบรวมข้อมูลมาแชร์ให้เพื่อนๆอ่านกันค่ะ ซึ่งขอออกตัวก่อนเลยว่าแก้วตั้งใจทำมาแชร์เอง ทดลองใช้เอง ไม่ได้เป็นสปอนเซอร์ให้กับแบรนด์ใดค่ะ

และนี่คือข้อมูลน้ำมันโรสฮิปแบบย่อๆที่แก้วทำมาให้เพื่อนๆลองอ่านกันดูค่ะ

    เริ่มต้นจาก การมาทำความรู้จักกันก่อนว่าโรสฮิป (Rose hips) คืออะไร บั้นท้ายดอกกุหลาบหรอ อะไรอ่ะ งง อ่านผิดมั้ยเนียะ

อ่านถูกแล้วค่ะ R-O-S-E H-I-P-S

น้ำมันโรสฮิป เป็นน้ำมันที่ถูกสกัดมาจากผลของโรสฮิป ซึ่งอยู่ในสปีชีย์ Rosa แต่ไม่ใช่ดอกกุหลาบนะคะ (อย่าสับสน) ถูกนำมาใช้รักษาโรคต่างๆตั้งแต่สมัยก่อน ไม่ว่าจะเป็นโรคผิวหนังอักเสบ โรคตับ หรืออาการท้องเสีย เพราะเนื่องมาจากโรสฮิปมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ให้ความชุ่มชื้นดี และสามารถต้านอนุมูลอิสระได้  ปัจจุบันนี้จึงมีการศึกษาค้นคว้า และนำสรรพคุณที่มีในตัวโรสฮิปดังกล่าวมาใช้ในการบำรุงผิวมากขึ้นค่ะ และนี่คือสรรพคุณหลักๆที่แก้วรวบรวมสรุปมาค่ะ

    มาเป็นน้ำมันแบบนี้ ต้องให้ความชุ่มชื้นแน่นอนเลยใช่ม้า

    ใช่ค่ะ น้ำมันโรสฮิปให้ความชุ่มชื้นกับผิวของเราดีมากกก

น้ำมันโรสฮิปเป็นน้ำมันที่มีเนื้อสัมผัสเบา สามารถซึมลงสู่ผิวเราได้เร็ว และไม่หนักหน้าค่ะ เพราะเนื่องจากมีกรดไขมันที่มีโมเลกุลไม่ใหญ่

    โดยกรดไขมันหลักๆในน้ำมันโรสฮิปนั้น จะเป็น Linoleic acid (n-6 PUFA) และ ɑ-Linolenic acid (n-3 PUFA) ค่ะ ซึ่งกรดไขมัน 2 ตัวนี้ เป็นกรดไขมันชนิดเดียวกันกับที่อยู่ในผิวชั้นบน (epidermis) ของเราอีกด้วย

   ซึ่งโดยปกติแล้วนั้น กรดไขมัน 2 ชนิดนี้ จะทำหน้าที่เสริมสร้างเกราะป้องกันผิว(skin barrier) ขอเรา ทำให้ผิวแข็งแรง ไม่แพ้ง่าย ช่วยลดปัญหาสิว หรือผิวอักเสบจากการแพ้ได้ และยังช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้ผิวได้ดียิ่งขึ้นค่ะ

    ดังนั้นการที่เราเติมกรดไขมัน 2 ตัวนี้สู่ผิวของเรา จึงเท่ากับเป็นการเสริมฤทธิ์ให้กรดไขมันสามารถทำหน้าที่ของมันได้มากขึ้น นั่นก็คือเสริมโครงสร้างผิว(skin barrier)ให้แข็งแรง และเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวค่ะ

    และนอกเหนือไปจากกรดไขมัน 2 ตัวนี้แล้วนั้น น้ำมันโรสฮิปยังมี Vitamin E มาช่วยเสริมให้ผิวชุ่มชื้นยิ่งขึ้นกว่าเดิมอีกด้วยค่ะดังนั้น ใครที่หน้าแห้ง หรือหน้ามันเพราะเกิดจากการที่ผิวขาดน้ำ อยู่ในห้องแอร์นานๆ หรือดื่มน้ำน้อยมาก การทาน้ำมันโรสฮิปเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยกู้ผิวเราให้กลับคืนสู่สมดุลได้ โดยไม่ทำให้เรากลายเป็นคนหน้ามันค่ะ ขอรับรอง

    เพราะการลงน้ำมันโรสฮิปที่ผิว จะเป็นการทำให้ผิวได้รับความชุ่มชื้นเพียงพอ ทำให้ผิวลดการสร้างไขมันออกมาเคลือบหน้าค่ะ ดังนั้นความมันส่วนเกินจะไม่ถูกสร้างขึ้นค่ะ ใครกลัวจะกลายเป็นคนหน้ามัน สบายใจได้ค่ะ

แก้วทดลองใช้ก่อนนอน ตื่นขึ้นมา หน้าจะนิ่มมาก ดูสุขภาพดีขึ้นและดูเต่งตึงมากขึ้นอีกด้วยค่ะ วะวะว้าว

ถือว่าเป็นสรรพคุณที่โดดเด่นมากกก ของน้ำมันโรสฮิป เพราะสามารถช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยได้ดีมาก

แต่ช้าก่อนค่ะ!  ก่อนที่เราจะพูดถึงโรสฮิป และฤทธิ์ชะลอริ้วรอยนั้น เราต้องมาเข้าใจกันก่อน ว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้เราเกิดริ้วรอยกัน

เพราะเราแก่ขึ้น? -- แหงล่ะ -- กาลเวลาเป็นปัจจัยที่ทำให้เราแก่ขึ้น มีริ้วรอยเพิ่มมาตามมุมปาก กับหน้าผาก อยู่แล้วล่ะ

-- แต่นอกจากนั้นล่ะ ? อะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้เรามีริ้วรอยเกิดขึ้นเร็วสุดๆ?

รังสี UV นั่นเองค่ะ !มลพิษนั่นเองค่ะ !ใช่เลยค่ะ เป็นอะไรที่เราเจออยู่ทุกวันใช่มั้ยคะ !

อย่างที่เรารู้ๆกันอยู่ว่าทุกวันนี้นั้น เรากำลังเผชิญกับสภาวะโลกร้อน ออกจากห้องทีเดียว รู้เรื่องเลย มาครบทั้งรังสี UV ทั้งมลพิษ จบวันนึง มาส่องกระจกดูอีกที อ่าวเฮ้ย !  ผิวหมอง  พอผ่านไปสักเดือนนึง อ่าวเฮ้ย! ตีนกา พอผ่านไปสักปีนึง อ่าวเฮ้ย! ทีมตีนกา

ค่ะ ชีวิตมันก็เป็นแบบนี้แหละ

รังสี UV เป็นปัจจัยสำคัญที่สามารถบุกทำลายโครงสร้างผิวของเราได้ลึกถึงผิวชั้นใน ที่มีทั้งคอลลาเจน(Collagen) และอีลาสติน (Elastin) ทำให้โครงสร้างของผิวเสียหาย ขาดตัวเสริมสร้างให้ผิวแข็งแรงเต่งตึง และยืดหยุ่น  เปรียบเสมือนตึกที่ถล่มลงมาเพราะเสาค้ำจุนถูกทุบทำลาย

และเมื่อทุกอย่างพังลงมาเป็นกองซากปรักหักพังแล้ว เมื่อนั้นแหละค่ะ การอักเสบของผิว อนุมูลอิสระ ก็จะตามมา แล้วในที่สุด ตีนกา และรอยเหี่ยวย่นทั้งหลาย ก็จะเกิดขึ้น เพราะไม่มีคอลลาเจน และอีลาสติน มาทำหน้าที่เสริมผิวให้ดูแข็งแรงยืดหยุ่นเต่งตึงอีกแล้ว และมีการอักเสบกับสารอนูมลอิสระมาทำลายผิวเพิ่มขึ้นอีกด้วย

ดังนั้น การที่จะป้องกัน และชะลอ ให้ผิวไม่เกิดริ้วรอย จึงต้องป้องกันไม่ให้คอลลาเจนกับอีลาสตินถูกทำลาย ต้องป้องกันไม่ผิวจากการถูกรังสี UV ทำลาย ต้องต้านอนุมูลอิสระ และต้องช่วยลดการอักเสบที่เกิดขึ้นต่อผิวได้

และมันเด็ดตรงที่น้ำมันโรสฮิปสามารถตอบโจทย์ตรงนี้ได้ทุกข้อค่ะ

น้ำมันโรสฮิปมีสรรพคุณสามารถต้านอนุมูลอิสระได้สูง เนื่องจากมีสารจำพวก polyphenols อยู่มาก  ดังนั้น เมื่อผิวถูกรังสีUVทำลาย และเกิดสารอนุมูลอิสระขึ้น น้ำมันโรสฮิปจึงสามารถช่วยยับยั้งไม่ให้สารอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นมาทำลายเซลล์ผิวได้ คอลลาเจนและอีลาสตินจึงไม่ถูกทำลาย และสามารถค้ำจุนผิวให้แข็งแรงต่อไปได้ ไม่เกิดเป็นริ้วรอยเหี่ยวย่น

นอกจากนี้ กรดไขมัน 2 ชนิดที่พบมากในน้ำมันโรสฮิป อย่าง Linoleic acid (n-6 PUFA) และ ɑ-Linolenic acid (n-3 PUFA) ที่กล่าวไปข้างต้นนั้น นอกจากให้ความชุ่มชื้นกับผิวแล้ว ยังสามารถต้านการอักเสบให้กับผิวได้อีกด้วย เพราะเนื่องจากว่ากรดไขมันทั้งสองสามารถเพิ่มสารที่มีชื่อว่า Eicosanoids ได้ค่ะ

ซึ่ง Eicosanoids ตัวนี้นี่เอง จะทำหน้าที่เป็นตัวส่งสัญญาณไม่ให้เกิดกระบวนการอักเสบ จึงสามารถช่วยให้ผิวไม่อักเสบหลังจากถูกรังสีUV ลดปัจจัยกระตุ้นไม่ให้ผิวอักเสบ เสียหายเกิดเป็นริ้วรอยได้ค่ะ

    และนอกเหนือจากนี้ ยังพบว่าน้ำมันโรสฮิปมี Vitamin A และ Vitamin C อีกด้วยค่ะ ซึ่งถือว่าเป็นตัวสำคัญในการชะลอริ้วรอยมากกก เพราะทั้ง Vitamin A และ Vitamin C สามารถต้านอนุมูลอิสระได้ และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้กับผิวได้ค่ะ

    ดังนั้นแล้ว การที่บำรุงผิวด้วยน้ำมันโรสฮิปที่มีฤทธิ์ป้องกันผิวเสียหายจากรังสีUV ต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ และช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน จึงเป็นการบำรุงให้ผิวแข็งแรง ดูอ่อนเยาว์ และลดริ้วรอยเกิดขึ้นได้ดีมากค่ะ

    ซึ่งแน่นอนว่าไม่เห็นผลภายในวันสองวันค่ะ แต่หลังจากใช้ไปประมาณหนึ่งเดือน จะเริ่มเห็นผลว่าริ้วรอยดูลดลงจริงๆ และผิวดูกระชับเต่งตึงมากค่ะ

    ใครที่คิดว่าตัวเองยังอายุไม่เยอะ ยังไม่จำเป็นต้องใช้ตัวบำรุงริ้วรอยก่อนวัย -- ลองคิดดูใหม่ค่ะ-- และใครที่อยากลองตัวบำรุงริ้วรอย แก้วแนะนำน้ำมันโรสฮิปเลยค่ะ ได้ผลจริง

มาถึงปัญหาโลกแตกของผิว 

รอยดำ!!!

ถ้าพูดให้ชัดกว่านั้นก็คือ “รอยดำสิวววว” -- ใช่มั้ยคะ

ดูเหมือนรอยดำจะเป็นปัญหาสำหรับคนทุกคน โดยเฉพาะหลังเป็นสิวอักเสบ หรือเป็นแผลมาก่อน เพราะเราทุกคนเรียนรู้จากความเจ็บปวดมาแล้ว ว่ารอยดำที่เกิดขึ้นนั้น จะใช้เวลานานมากกก กว่าจะหายไป -- บางครั้งก็ทำให้เรารู้สึกว่ามันจะอยู่ตลอดไปด้วยซ้ำ

สาเหตุที่รอยดำเกิดขึ้นนั้น เป็นเพราะหลังจากที่มีกระบวนการอักเสบเกิดขึ้นแล้ว จะมีการกระตุ้นการทำงานเซลล์เม็ดสีเมลานิน (Melanin)ตามไปด้วย จึงทำให้เม็ดสีถูกสร้างขึ้น เกิดเป็นรอยดำขึ้นมา และกว่ารอยดำนั้นจะหายไป ก็ใช้เวลาอย่างน้อย 1 เดือน เพราะกว่าเซลล์ผิวจะผลัดทิ้งรอยดำไปได้ ก็ใช้เวลาประมาณ 28 วันเข้าไปแล้ว 

แต่ทุกวันนี้มีการศึกษาที่ค้นพบวิธีอื่นที่สามารถลดรอยดำได้ และหนึ่งในนั้นก็คือการใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมที่สามารถยับยั้งเอนไซม์ Tyrosinase  ซึ่งเป็นเอนไซม์สำคัญในการสร้างเม็ดเมลานิน เมื่อถูกยับยั้งแล้ว เม็ดสีก็จะไม่ถูกสร้างขึ้น รอยดำก็จะไม่เกิดขึ้นค่ะ

และน้ำมันโรสฮิป ก็มีสารสำคัญชื่อ Quercetin ที่สามารถยับยั้งเอนไซม์ Tyrosinase ตัวนี้ได้ ทำให้รอยดำที่เกิดจากสิว หรือแผล สามารถจางหายไปได้เร็วขึ้น หรือป้องกันไม่ให้เกิดรอยดำหลังเป็นแผลอักเสบได้ค่ะ

ซึ่งอาจจะใช้เวลานาน เป็นเดือน หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน  

ซึ่งจากประสบการณ์ส่วนตัวที่แก้วทดลองใช้มาเป็นเดือนๆ รอยดำและรอยแดงจางหายไปได้เร็วขึ้นจริงๆค่ะ 

    เนื่องจากเป็นน้ำมัน เพราะฉะนั้นขั้นตอนในการลงบำรุงต้องดูกันนิดนึงค่ะ ว่าสกินแคร์ที่เราใช้อยู่นั้นมีอะไรบ้าง

    เรียงลำดับการใช้จากหนืดน้อย ไปหาหนืดมากค่ะ

    โทนเนอร์ >>> เซรั่ม >>> น้ำมันโรสฮิป >>> ครีม ค่ะ

    สาเหตุที่ลงครีมหลังสุดนั้น ก็เพราะครีมจะทำหน้าที่เสมือนเป็นปราการด่านสุดท้ายบนผิว ที่ช่วยปิดผนึกทุกอย่างให้ดูดซึมลงสู่ผิวไปได้อย่างล้ำลึกที่สุดค่ะ (เหมือนช่วย seal ปิดผนึกให้ผิว)

    สำหรับคนหน้าแห้ง หรือผิวขาดน้ำ สามารถลงบำรุงได้ทั้งกลางวัน และก่อนนอนค่ะ

    แต่สำหรับคนหน้ามัน หรือผิวผสม แก้วแนะนำว่าลงบำรุงเฉพาะตอนก่อนนอนค่ะ เพราะอากาศบ้านเรามันร้อน ลงตอนเช้า หน้าจะมันย่องเกินไปค่ะ

    ควรเลือกใช้เป็นสกัดเย็นบริสุทธิ์ (Virgin/ Cold pressd) ค่ะ เพราะเนื้อน้ำมันที่ได้จะไม่หนืดมาก (ยังหนืดตามแบบฉบับน้ำมันอยู่ แต่แค่เล็กน้อยค่ะ) สารสำคัญยังคงอยู่ครบ และจะไม่มีสารปนเปื้อนค่ะ

    และจากการที่แก้วทดลองใช้แต่ละแบรนด์มา ก็ไม่เหมือนกันซะทีเดียวค่ะ เพราะฉะนั้น ลองเลือกใช้กันดูว่าชอบเนื้อสัมผัสแบบแบรนด์ไหนค่ะ

    ซึ่งส่วนตัว ปัจจุบันนี้ แก้วใช้ของแบรนด์ The ordinary อยู่ค่ะ ชอบมากที่สุดในบรรดาทุกแบรนด์ที่แก้วเคยลองมาค่ะ เนื้อสัมผัสไม่หนัก ดูดซึมสู่ผิวไวมาก ไม่ให้ความรู้สึกเหนอะหน้า และได้ผลดีมากๆค่ะ! หน้าใสขึ้น กระชับเต่งตึงขึ้น รอยดำจากสิวจางลง (อันนี้ขอบคุณมาก เพราะหน้าเพิ่งฟื้นจากสมรภูมิสิวบุกมา T^T)

แก้วไม่ได้โปรโมทแบรนด์นี้เพราะมีผลประโยชน์ได้เสียอะไรนะคะ แต่ชอบจริงจัง เลยอยากบอก ฮ่าาา แนะนำเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ให้ลองค่ะ

   

    ล้างหน้า และล้างมือให้สะอาดสุดๆค่ะ

    เพราะถ้าล้างไม่ดี สิ่งสกปรกตามมือและผิว อาจจะทำให้เกิดเป็นสิวอุดตันได้ค่ะ

และเนื่องจากประสิทธิภาพของการใช้น้ำมันนั้นขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคนอีกที ดังนั้นต้องสังเกตผิวตัวเองกันนิดนึงค่ะ  ถ้าหากลองใช้แล้วรู้สึกผิวแพ้ ผื่นขึ้น หรือเริ่มมีสิวอุดตัน (ทั้งๆที่ดูแลความสะอาดดีแล้ว) หยุดใช้ค่ะ!

และอีกประเด็นก็คือ กลิ่นตุ่ยค่ะ ฮ่าาาา  มันเป็นกลิ่นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของน้ำมันโรสฮิปค่ะ จะออกตุ่ยนิดๆ แก้วก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน แต่ตุ่ยมาก ตุ่ยน้อย ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละยี่ห้ออีกทีนะคะ

    และนี่ก็คือข้อมูลสรุปแบบย่อๆของน้ำมันโรสฮิป ที่แก้วตั้งใจรวบรวมมาแชร์ให้กับเพื่อนๆค้า  หลังจากทดลองใช้มานานค่ะ คันมืออยากสรุปมาแชร์อยู่นานแล้ว เพราะน้ำมันโรสฮิปเป็นน้ำมันที่ดีมากๆและบำรุงผิวได้ดีมากๆจริงๆ มาครบทั้งความชุ่มชื้น อ่อนเยาว์ ชะลอริ้วรอย และลดรอยดำ ปลื้มมากกก

หวังว่าเพื่อนๆจะได้ประโยชน์ไปไม่มากก็น้อยนะค้า

ขอบคุณมากๆค่ะที่แวะมาอ่านกัน แล้วไว้เจอกันใหม่ค้า

Discussion (4)

ขอบคุณ คะ ข้อมูลดีมาก


โรสฮิปนี่ใช้ดีจริงๆคะ