Review : แป้งพัฟ 11 แบรนด์ หน้าร้อนนี้ เปลี่ยนหน้ามันเป็นน่าร้ากกกกกกกกกกกก
Waiidott 28 5
หน้าเนียนได้ในราคาหลักสิบ จำได้ว่าซื้อมาในราคา 50.- ถูกมากกกกกกกก ไม่สะทกสะท้านตังค์ในกระเป๋า สามคำง่ายๆค่ะสำหรับแป้งบูเต้ "แน่น เนียน กริ๊บ" คือสุดจริงอะไรจริง แต่ข้อเสียคือ packaging มันก๊องแก๊งอ่ะเธออออ พัฟนี้ก็แบบนะ ข้ามไปละกัน สมน้ำสมเนื้อกับราคาหลักสิบ และที่สำคัญคือ มันหนาค่าาาาา !! โบกมากไม่ดี ดูออกเลยค่ะว่าหนามาก คุมมันมากอะไรขนาดนั้นมั้ย ส่วนตัวคิดว่าระดับนึง เหมาะกับการเติมมั้ย บอกเลยว่า ไม่ค่ะ เพราะยิ่งโบกยิ่งหนา หน้าจะรู้สึกเหมือนขาดอากาศหายใจได้ 55555 ส่วนตัวอีชั้นคือเอาไว้ใช้ปิดตรงรอยสิว/รอยจุดด่างดำ แท๊บบางจุดที่ต้องการปกปิดจริงๆ อีชั้นให้คะแนน 6/10 ค่าาาา
Sasi เป็นแบรนด์น้องสาวของ Srichan ตอนนี้คือฮิตมากกกก เข้าถึงง่ายในกลุ่มวัยรุ่น/วัยเรียน Packaging น่ารักเว่ออออ หยิบออกมาซับหน้า เกร๋ๆนะเธอออออ ราคาก็น่าคบ เออเลิศศศศศศศ ราคา 129.- นะตัวเธอ ทางแบรนด์เคลมมาว่า "ไม่เยิ้ม ไม่มัน ติดผิวตลอดวัน" เมื่อลองใช้แล้ว เนื้อสัมผัสดีนะ โอเคเลยในราคาหลักร้อย พัฟนุ่มดีค่ะ ทาครั้งแรกก็กริบในระดับปานกลาง คือถ้าเป็นรอยสิว/จุดด่างดำหนักหนาสาหัส เอาไม่อยู่เด้ออ แป้งพัฟตัวนี้เราว่ามันเหมาะกับ everyday look ที่ไม่อยากโบ๊ะ ไม่อยากให้ดูหนา อยากได้ลุคใสใส ไร้เดียงสาจุบุจิบิ อะไรทำนองนั้นมากกว่า แต่ส่วนตัวคือชอบใช้แปรงปัดแป้งมากกว่าใช้พัฟ ในส่วนของการควบคุมความมัน สำหรับเราที่หน้ามันมากนั้น คุมมันในระดับกลางๆ ถ้าอยู่ในห้องแอร์มีมันบ้าง ซับๆก็โอเคแล้ว แต่ถ้าออกแดด outdoor แดดเปรี้ยงๆ ทำกิจกรรม บลาๆ ส่วนตัวคิดว่าไม่เวิค สำหรับแป้งพัฟแบรนด์ sasi โดยรวมถือว่าโอเค เหมาะสำหรับน้องๆวัยเรียน หรือคนที่เพิ่งเริ่มหัดแต่งหน้า คิดว่าโอเคเลยค่ะ คะแนน 8/10
สำหรับแป้งพัฟ cute press ในรูปนี้คือ เราซื้อขนาดไซส์เล็กมา ตลับเล็กน่ารักกรุบกริบพกพาง่าย และที่สำคัญคือ ผสมสารกันแดดมาด้วยนะเอออ พกพาเวลาไปไหนมาไหน ซึ่งมันสะดวกดี 5555 หลังจากใช้แล้วนั้นคือ เป็นลูกรักขึ้นมาทันที ทาปุ้บคือเนียน เบลอรูขุมขนพอสมควร คุมมันได้ดีเลยทีเดียว ถ้าหน้ามันมากอาจจะต้องมีซับหน้า แต่ถ้ามันมากแบบเอาอะไรก็ไม่อยู่ อันนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวแล้วนะจ๊ะตัวเธอ 555 หรือไม่ก็ทาไพรเมอร์ช่วยเอาอีกแรง ส่วนรอยสิว/จุดด่างดำคือ หายไปประมาณ 80-90% โบกมากไปก็หนาเหมือนกันนะคะ ส่วนตัวชอบใช้แปรง เพราะมันดูไม่หนา ให้ลุคที่เป็นธรรมชาติมากกว่าใช้พัฟ จะใช้พัฟทาเฉพาะที่เป็นรอยสิว โดยรวมคือ ดีค่ะ ราคาหลักร้อยประสิทธิภาพดีขนาดนี้ ซื้อซิคะ รออัลไลลลล 10/10
แป้งเจ้านาง เป็นแบรนด์ของคนไทย ที่รู้สึกว่าในบรรดาแป้งพัฟทั้งหมด undertone สีคือใช่เลยยย เหมาะกับผิวคนไทยจริงๆ เป็นเเป้งผสมรองพื้นเเละสารป้องกันเเสงเเดด ชอบมาก ประทับใจมาก ราคาอยู่ในหลักร้อย แต่คุณภาพหลักล้าน เอาซี๊ (เสียงสูงงง) ปกปิดและพรางรูขุมขน ได้ดีเลยทีเดียว อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าอีชั้นชอบใช้แปรงในการปัดมากกว่าใช้พัฟ ซึ่งขนาดว่าใช้แปรง ยังปกปิดได้ดีเลย ยิ่งใช้พัฟอีกคือเนียนและแน่นเว่ออออ ถ้าวันไหนออกงานหรืออีเว้นท์สำคัญๆ ให้นำพัฟจุ่มน้ำหมาดๆ ละกดๆๆๆๆๆๆๆ หน้าเนียนเว่ออออ รู้สึกว่าผิวยังหายใจหายคอได้อยู่ ไม่ได้แน่นเนืองเหมือนคอนกรีต คะแนน 10 10 10 10 !!! ไปเลยจร้าาาา
สำหรับแป้งพัฟ De Leaf Thanaka ตัวนี้บอกเลยว่ารักมากกกก ดูจากการใช้ก็รู้เลย ส่วนตัวคือทาไปทำงานทุกวันเลยค่ะ เพราะให้ลุคธรรมชาติ ไม่หนา ทาแล้วหน้าไม่ลอย ไม่วอก คุมมันได้ดีเลยทีเดียว แล้วที่สำคัญคือ ราคาย่อมเยา น่าคบบบบบอีหลีเด้ออออ คือมันดีอ่ะ ไม่รู้จะพูดยังไง เหมาะกับคนผิวแพ้ง่ายด้วยนะตัวเธอ ปกติแล้วอ่ะใช้แป้งแล้วหน้าจะเป็นสิว แต่ตัวนี้ใช้แล้วไม่เป็นเลย แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เป็นนะสาวๆ ถ้าเราล้างหน้าสะอาด ยังไงก็ไม่เป็นสิวจร้าาา ในเรื่องของการปกปิด ปกปิดได้ในระดับนึง ถ้าเป็นรอยสิว/จุดด่างดำแบบหนักหนาสาหัสมาก เอาไม่อยู่จร้า ยังเห็นรอยอยู่ แนะนำให้ใช้คอนซีลเลอร์ถ้าหนักขนาดนั้นอ่าเนอะ เอาไปเลย 8/10
มาต่อกันเลยค่ะซิสสสสสส สำหรับแป้งเจ้าตัวนี้ คือดังมากกก ละทนไม่ได้จริงๆถ้าไม่สอยมาเก็บไว้ในอ้อมอก ซึ่งมาแล้วก็ไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆค่ะ ตัวตลับคือน่ารักตะมุตะมิจุบุจิบิมากกกก พัฟก็นุ่มจับถนัดมือ มีตัวกั้นแยกระหว่างตัวแป้งกับพัฟด้วย ตัวนี้เด่นเรื่อง พรางรูขุมขนให้ดูเบลอๆ (เบลอว่ารักแถบ) 5555 ซึ่งก็ทำหน้าที่นี้ได้ดี ปรบมืออ !! แต่ถ้าถามเรื่องคุมมัน คุมมันได้ในระดับนึงไม่ได้คุมมันอะไรขนาดนั้นนะส่วนตัวคิดว่างี้ ความมันก็ยังคงออกมาตามทีโซน/บริเวณแก้มแหละ ซับๆแล้วก็ทัชอัพ ก็กลับมาเป๊ะเหมือนเดิมค่ะ และที่สำคัญคือ ปราศจากน้ำหอมและสารกันเสียพาราเบนค่าาา เหมาะกับสาวๆที่มีผิวแพ้ง่าย ส่วนตัวคือจะพกติดตัวไปตลอด หยิบมาทัชอัพค่อนข้างบ่อย เพราะว่าตลับมีขนาดเล็ก พกพาง่าย ทาแล้วไม่วอก ไม่หนา ทัชอัพแล้วไม่เป็นคราบ ไม่แคร๊กกี้ 5555 ราคาหลักร้อย ซึ่งสวนทางกับคุณภาพมากจริงๆ ต้องให้เค้านะท่านผู้ชม เอาเรื่องเกินเบอร์ ไม่มีไม่ได้ค่ะ พุ่งเดี๋ยวนี้เลยค่าาาา คะแนน 10/10
แป้งพัฟตัวนี้เป็นแบรนด์ของบิวตี้บล๊อกเกอร์ชื่อว่า Pony ตลับดูเรียบหรูดูแพงมาก สวยมากกก คือเจ้าตัวนี้ไปเห็นในทวิตเตอร์เค้ารีวิวกัน ก็เลยอยากตามหามาลองใช้ดูว่ามีอนุภาพสมชื่อดั่งคำล่ำลือรึเปล่า ในที่สุดก็จัดมา ไป pre order มาค่ะ ซื้อมาในราคา 280.- เท่าน้านนนนน อย่างแรกเลย Packaging คือดีมากอย่างที่บอกเลย ถือละดูสวย (หรอ 5555) ชั้นแรกเป็นแป้ง ชั้นล่างเป็นที่เก็บพัฟ พัฟนุ่มมาก ชอบบบ แต่ที่ไม่ชอบเลย คือ สีของแป้ง สั่งสี Nude beige มา ซึ่งเป็นสีที่เข้มที่สุดแล้ว แต่ความรู้สึกคือมันก็ยังขาวอ่ะ ถ้าใช้พัฟทาหน้าจะดูวอกมาก ลอยมาก แต่ถ้าใช้แปรง ก็ยังขาวนะแต่ขาวในระดับที่รับได้ ฟีลแบบหน้ากระจ่างใสไปทำอะไรมาอ่ะเธ๊อออ ประมาณนั้น 5555 ในเรื่องของการปกปิด คือไม่ได้ปกปิดอะไรขนาดนั้น กลางๆอ่ะ แต่เด่นเรื่องควบคุมความมัน ทำได้ดีเลยทีเดียว แล้วก็พรางรูปขุมขนได้ดี ทาแล้วรู้สึกไม่หนักหน้าด้วยค่ะ คะแนน 9/10 หักเรื่องสีแป้ง เฟลลลลลนิดนุงงง
แป้งพัฟตัวนี้คือ จิ๊กของแม่มาใช้ค่ะ 55555 เห็นแล้วแบบอยากรู้ไงว่า เอ๊ ใช้ดีรึเปล่าน้าาา หยิบสิคะ รออะไร 55555 แป้งพัฟของ bsc packaging เรียบๆดูแพงตามสไตล์นาตาลี 5555 รุ่นนี้เป็นแป้งผสมรองพื้นเนื้อเนียน ทาแล้วเนียนค่ะ และก็หนามากถ้าจะทาเพิ่ม คือรู้สึกว่ามันหนาอยู่แล้วไม่ต้องไปเพิ่มหรือบิ๊วอะไรอีก แต่ก็โอเคสำหรับคนไม่ทารองพื้น อาจจะช่วยปกปิดมากขึ้น ทางแบรนด์ระบุไว้ว่า มี Oil Capturing Network ช่วยดูดซับความมันส่วนเกิน ซึ่งหลังจากที่ลองใช้แล้ว คุณแม่ของอีชั้น นางบอกว่า เลิศสำหรับนาง นางโอเค นางชอบ (สภาพผิวของคุณแม่ ผิวผสมค่อนไปทางแห้ง) แต่ส่วนตัวเราคือผิวมันมาก ควบคุมความมันในระดับปานกลางนะ มีบ้างที่ทะลุหน้าออกมาให้ซับ แต่ไม่ใช้เอามาทัชอัพ คิดว่าไม่เวิคแน่ๆ เพราะตัวแป้งมันหนาอยู่แล้ว ถ้าทาทับลงไปอีกน่าจะเป็นคราบ ตกร่องแน่ๆ แต่ชอบกระจกที่เค้าให้มา ส่องสะใจดีค่ะ 5555 คะแนน 8/10
สั้นๆเลยค่ะ ขนาดว่าซื้อรีฟีลมาลอง ยังเจ็บขนาดนี้ (ราคา 1,750.-) 555 ตังไม่พอเลยจอดอยู่ที่แค่แป้ง โนตลับค่าาา 55555 (ตลับราคา 550.-) วันนั้นพกตังมาแค่ 2,000 บัตรก็ไม่มีอี๊กก อารมณ์แบบมาเดินเล่นคงไม่สอยอะไร สรุปได้รีฟีลมาหนึ่ง หลายคนคงสงสัยว่า เอ๊ รุ่น moisture จะซื้อมาทำไม หน้ามันมากไม่ใช่หรอ โดยส่วนตัวผูกจิตผูกใจเป็นสมาชิกกับแบรนด์ Estee Lauder อยู่แล้ว เลยปรึกษากับพี่ BA ดูว่ามีอะไรให้ลองมั้ย ปรากฎว่าชีแนะนำให้ลองแป้งรุ่นนี้ดู ก็เลยเอาวะ สอยมาได้ 5555 ลองไปลองมารู้สึกว่าเออดีหวะ เนียนสมคำล่ำลือของเค้าแหละ texture คือดีเลย ทาแล้วดูไม่หนามากนะสำหรับความเห็นส่วนตัว สีของแป้งคือ ถูกจริตกับสีผิวเราเลย พอทาไปซักพักรู้สึกว่าผิวมันยังดูหายใจได้อยู่นะ มันดูเบาๆ ผิวดูสบายๆอยู่ ถ้าถามว่ามันหนามั้ย หนานะแต่ไม่ได้หนาอะไรขนาดนั้น หนากำลังพอดี ทาแล้วรู้สึกผิวสวยอ่ะ ติดทนนะ แต่ถ้าออกกลางแจ้งแดดแรงๆเราว่ามีบ้างแหละที่ความมันมันพุ่งออกมา โดยรวมคือควบคุมความมันได้ดีเลย ปล.คราวหน้าจะสอยตลับละจร้าาา คะแนน 9/10 หักเพราะแพงจร้า
แป้งพัฟ lancome ตัวนี้คือลูกรักเลยค่าาา ขาดเธอไม่ด้ายยย หัวใจขอสารภาพพพ 5555 ท่านผู้ชมดูซิคะ ดูความหรูหราปาทังกี้ปาทังก้าของตลับมาพร้อมกับซองกำมะหยี่ เหมาะมากกับการพกพาไปเติม อารมณ์แบบหยิบขึ้นมาก็ดูสวยอ่ะ 555 เข้าเรื่องเลยดีกว่า Packaging มันเลิศ กระจกที่ให้มาใหญ่สะใจมากเว่อ ชอบค่ะ ด้านในตลับ คือมีพัฟให้ พัฟนุ่มค่ะ และมีฝาปั้มลายดอกกุหลายสำหรับปิดตัวแป้งด้วย เออวิลิศมาหรา แต่ราคานี่สิ เจ็บแต่จบ ! 555 รีฟีล ราคา 1,950.- ส่วนตลับราคา 750.- (Estee Lauder ถูกไปเลยจร้าาา ถ้าเทียบราคาทั้งรีฟีลและตลับ) อย่างแรกเลย เฉดสีของแป้งคือสีผิวหน้าเราเลย ทาแล้วเนียน แน่น กริบอย่าบอกใคร จริงๆ ไม่ได้โม้ หนาในระดับนึง ส่วนตัวคือทารอบเดียวจบ ขึ้นเวรับมง 5555 ในรูปสีแป้งดูเข้มๆ แต่พอทาจริงๆแล้ว หน้าดูสว่างขึ้นมาหนึ่งเฉดเลยนะคะ เพราะว่ามันเป็นรุ่น brightening สามารถกลบรอยสิว/จุดด่างดำได้ดีเลยค่ะ ความติดทนสำหรับเราอยู่ที่ประมาณ 6-8 ชม. (สำหรับเรา) ทนมากค่ะ เลยเป็นลูกรักของเราไปเลย มีบ้างตามจุดที่มันๆ ไม่ได้หลุดน่าเกลียดหรืออะไร แค่ซับๆก็กลับมาเหมือนเดิมแล้วค่ะ แป้งตัวนี้มีกลิ่นน้ำหอมด้วยนะคะ ถ้าใครแพ้อาจจะไม่ถูกจริตกันเท่าไหร่ แต่ส่วนตัวคือโนแคร์โนสนเรื่องกลิ่นค่ะ หลายคนคงสงสัยว่า ระหว่างวันสีจะดรอปมั้ย อันนี้แล้วแต่คนนะ แต่ส่วนตัวคือไม่เป็นค่ะ ก่อนออกจากบ้านเป็นไง ระหว่างวันจนถึงกลับบ้านก็เป็นแบบนั้น คะแนน 10 10 10 10 !!!!