Review: La Mer The Concentrate บอกเลยตัวนี้เทพสกินแคร์ของจริง กรี๊ดดดดดด

17 5

ฮาโหลลลลล โหลลล สวัสดีจ้า วันนี้ได้ฤกษ์งามยามดี มารีวิวสกินแคร์สักที หลังจากเราห่างหายไปนานมากจากการรีวิวสกินแคร์ เพราะช่วงที่ผ่านมาติดสอบนั่นนี่ ไหนจะหางานใหม่หลังเรียนจบอีก ไม่มีเวลามาเขียนกระทู้เลย เอ่าล่ะ ต่อไปนี้จะเริ่มทยอยรีวิวสกินแคร์ที่เราใช้ช่วงที่ผ่านมาเด้ออ บอกเลยแต่ละตัวเด็ดทั้งนั้นๆ ประกอบกับเราใช้แต่ละตัวมาค่อนข้างจะเป็นเวลานานพอสมควร ก็เลยมั่นใจได้ว่า แต่ละตัวที่เอามารีวิว แนะนำเพื่อนคือ คัด มา แล้ว จริงๆ ไม่มีสปอนเซอร์ ไม่ได้รับเงินจากแบรนด์ จบนะ ซื้อเอง ใช้เอง นักเลงพอ!!!!!!

โอเค วันนี้ขอเริ่มจากสกินแคร์ในตำนาน La Mer The Concentrate ตัวนี้โด่งดังมานาน เราเพิ่งได้มีโอกาสซื้อมาใช้เพราะราคาสุดแสนจะแพง แถมกระแสรีวิวมากมายจากทั่วทุกมุมโลก ทั้งบล็อกเกอร์ไทย บล็อกเกอร์ฝรั่งก็วอแวกันอ่ะ แต่ก็นะ สิบปากว่าไม่เท่าลองเองกะตัว!!!!!!! ก็เลยเป็นที่มาว่าไหนๆก็ไหนๆแล้ว ก็ไปตำเจ้า La Mer The Concentrate ขนาด 15ml มาลองจ้า 

LA MER THE CONCENTRATE
 ทางแบรนด์ได้เคมไว้ว่า ตัวนี้เป็นเซรั่มปลอบประโลมผิวบอบบาง ด้วยคุณค่าการบำรุงจากท้องทะเล ออกแบบมาเพื่อปลอบประโลมผิวด้วยส่วนผสมของน้ำสกัดเข้มข้น Miracle Broth™ หัวใจหลักสำคัญในการช่วยฟื้นบำรุงผิวของเรา ช่วยเสริมการทำงานของกระบวนการฟื้นบำรุงผิวตามธรรมชาติ เหมาะสำหรับเตรียมผิวและดูแลผิวก่อนและภายหลังการทำทรีตเมนท์


ส่วนประกอบ 
Cyclopentasiloxane, Algae (Seaweed) Extract, Glycerin, Dimethicone, Polysilicone-11, Isononyl Isononanoate, Dimethicone/Peg-10/15 Crosspolymer, Sesamum Indicum (Sesame) Seed Oil, Medicago Sativa (Alfalfa) Seed Powder, Helianthus Annuus (Sunflower) Seedcake, Prunus Amygdalus Dulcis (Sweet Almond) Seed Meal, Eucalyptus Globulus (Eucalyptus) Leaf Oil, Sodium Gluconate, Copper Gluconate, Calcium Gluconate, Magnesium Gluconate, Zinc Gluconate, Tocopheryl Succinate, Niacin, Sesamum Indicum (Sesame) Seed Powder, Water\Aqua\Eau, Dimethicone Crosspolymer, Helichrysum Arenarium (Everlasting) Extract, Laminaria Ochroleuca Extract, Triticum Vulgare (Wheat) Flour Lipids, Citrus Aurantifolia (Lime) Peel Extract, Crithmum Maritimum Extract, Alteromonas Ferment Extract, Chlorella Vulgaris Extract, Yeast Extract\Faex\Extrait De Levure, Cholesterol, Linoleic Acid, Tetraacetylphytosphingosine, Caprylic/Capric Triglyceride, Rosmarinus Officinalis (Rosemary) Leaf Oil, Ocimum Basilicum (Basil) Oil, Lavandula Angustifolia (Lavender) Oil, Lavandula Hybrida (Lavandin) Oil, Dipropylene Glycol, Sodium Citrate, Limonene, Linalool, Phenoxyethanol

ลักษณะเนื้อผลิตภัณฑ์ 


เนื้อเซรั่มมีลักษณะเป็นเนื้อเจล มีความหนืดเล็กน้อย สีขาวขุ่น มีกลิ่นหอมผ่อนคลาย สไตล์ลาแมร์ เนื้อเกลี่ยง่าย นุ่มลื่น เมื่อทาเซรั่มลงบนผิวแล้วจะเซตตัวเป็นฟิล์มบางๆเคลือบผิว ให้ความชุ่มชื้นปานกลาง ใครที่มีผิวแห้งมาก อาจจะต้องทาครีมอื่นควบคู่ไปด้วย (แอบกระซิบว่าให้ทาคู่กับตัว La mer soft lotion อ่ะ บอกเลยหน้านุ่ม ชุ่มชื้นสุดๆ ตื่นมาตอนเช้าคือ หน้าเด้งมากกกก) แต่ขอเตือนว่าตัวนี้มีส่วนผสม Cyclopentasiloxane เป็นซิลิโคนชนิดเบาสำหรับผสมในเครื่องสำอาง ซึ่งใส่มาเป็นอันดับแรกเลย ใครที่แพ้ซิลิโคน หรือใครที่มีผิวมันเป็นสิวง่าย ก็อาจจะต้องข้ามตัวนี้ไปนะจ๊ะ

วิธีใช้ 


สามารถทาได้ทั้งตอนเช้า และตอนเย็น แต่เนื่องจากเซรั่มตัวนี้เป็นไอเท็มที่บูสผิวเร่งด่วนไม่จำเป็นต้องใช้ทุกวันก็ได้นะคะ จะหยิบมาใช้ช่วงที่ผิวมีปัญหา หรือช่วงที่ต้องการบูสให้ผิวสวยข้ามคืน หรือใช้หลังไปทำเลเซอร์ ตอนผิวเป็นสิวอักเสบ บวม แดง หรือวันไหนตากแดดมาหน้าไหม้เกรียมสุดๆ โบกตัวนี้ไปเลย รับรองตื่นมาคือเหมือนผิวได้เกิดใหม่อ่ะ

ผลลัพธ์ที่ได้หลังจากการใช้เพียง 1 คืน !!!!!!


ตอนช่วงที่ทำการทดลองใช้ เรามีอักเสบสิวฮอร์โมนอยู่ตรงข้างแก้ม 1 เม็ดพอดี เนื่องจากเราเป็นคนผิวขาวมาก พอมีสิวอักเสบขึ้นมา จะมีรอยบวมแดงชัดมาก หลังจากที่เราทาเซรั่ม La Mer The Concentrate ทั่วหน้า และแต้มไปที่สิวอักเสบตอนกลางคืน หลังจากนั้นพอตื่นขึ้นมาก็พบว่า เฮ้ยยยยย อาการอักเสบของสิวมันดีขึ้นมากก รอยบวม แดง ลดลงอย่างเห็นได้ชัด แต่สิวไม่ได้หายไปนะ แค่อาการอักเสบมันบรรเทาลง เราพอใจกับผลลัพธ์ที่ได้มาก เซรั่มตัวนี้ช่วย healing ผิวได้ดีจริงๆ และที่สำคัญเราใช้ได้ ไม่มีอาการแพ้ สิวไม่ขึ้น หน้ามีความชุ่มชื้นขึ้นนิดนึงเนื่องจากเรามีผิวแห้งมาก เราต้องลง La mer soft lotion เพิ่มด้วย 

La Mer The Concentrate ที่มีส่วนผสมหลักจากน้ำสกัดเข้มข้น Miracle Broth ซึ่งเราคิดว่ามันคือสารสกัดจากสาหร่าย หรือ Algae (Seaweed) Extract ที่ทางลาแมร์นำไปหมักบ่มทางชีวภาพ ที่ในส่วนประกอบข้างกล่อง ใส่มาเป็นอันดับสองรองจาก Cyclopentasiloxane สามารถช่วยเยียวยาผิวที่เสียหายจากการอักเสบได้จริง เห็นผลภายใน 1 คืน รู้สึกว่าผิวแข็งแรงขึ้น เรียบเนียน นุ่มลื่นขึ้น ซึ่งอาจจะเป็นเพราะอิทธิฤทธิของเจ้า Miracle Broth นี่แหละ นอกจากนี้นางยังมีส่วนอีกหลายอย่างที่น่าสนใจมากๆ เช่น


Glycerin ที่ให้ความชุ่มชื้นทดแทนน้ำที่สูญเสียไปในผิว ,

Sesamum Indicum (Sesame) Seed Oil หรือน้ำมันงา ซึ่งมีคุณสมบัติเป็น anti-oxidant

Prunus Amygdalus Dulcis (Sweet Almond) Seed Extract หรือสารสกัดจากเมล็ดอัลมอน์ ช่วยฟื้นฟูผิวเปล่งปลั่งเป็นธรรมชาติ ช่วยปรับสมดุลสภาพผิว มีปริมาณกรดไขมันโอเลอิคและไลโนเลอิคสูง

tocopherol หรือวิตามินอีมีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ,

Niacin หรือวิตามินบี3 มีคุณสมบัติในการต้านการอักเสบของผิว ทำให้ผิวขาวกระจ่างใสได้ด้วย,

Alteromonas ferment extract หรือสารสกัดธรรมชาติ ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้ชั้นผิว ด้วยการกระตุ้นการสร้าง Hyaluronic Acid และ Lipid ในชั้นผิว ทั้งยังช่วยเติมความชุ่มชื่นบำรุงลึกถึงชั้นผิวด้านใน ช่วยให้ผิวกระชับ เต่งตึง

Chlorella Vulgaris Extract สารสกัดจากสาหร่าย Chlorella vulgaris มีฤทธิ์ช่วยกระตุ้นให้มีการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินที่ผิวหนังมากขึ้น

Laminaria Ochroleuca Extract สารสกัดจากสาหร่ายสีทอง ช่วยลดการอักเสบ เสริมการสร้างแอนติออซิแดนท์เอนไซม์ในเซลล์

Helichrysum Arenarium (Everlasting) Extract สารสกัดจากดอก Immortelleมีคุณสมบัติในการต้านการอักเสบ ปกป้องผิวจากความเสียหายของรังสี UV ต้านจุลชีพ และเสริมการเยียวยาฟื้นฟูบาดแผล

Yeast Extract สารสะกัดจากยีสต์ อุดมไปด้วยกรดอะมิโน ช่วยให้ผิวแข็งแรง

อุ๊ปส์ ส่วนผสมแต่ละตัวก็เด็ดน๊า


ส่วนเรื่องความขาวกระจ่างใส หรือเรื่องจุดด่างดำนั้น เรายังเห็นผลไม่ชัดเจน อาจจะต้องใช้ติดต่อกันเป็นเวลานานกว่านี้ และรู้สึกว่าผดผื่นจากการที่เราตากแดด หรือแพ้ฝุ่น pm 2.5 มันค่อยหายไป อันคือปลื้มมากกกก และที่สำคัญคือช่วงที่เป็นประจำเดือนสิวอักเสบขึ้นน้อยลงมาก ซึ่งเซรั่มตัวนี้จะช่วยป้องกันผิวอักเสบในอนาคตอีกด้วยหากเราใช้อย่างต่อเนื่อง 


แต่อย่างไรก็ดี เซรั่มตัวนี้อาจจะไม่เหมาะกับคนที่มีผิวแพ้ง่ายนะคะ เพราะเซรั่มตัวนี้ยังคงมีส่วนผสมของน้ำมันหอมระเหยอย่าง Eucalyptus Globulus (Eucalyptus) Leaf Oil, Rosmarinus Officinalis (Rosemary) Leaf Oil Ocimum Basilicum (Basil) Oil, Lavandula Angustifolia (Lavender) Oil, Lavandula Hybrida (Lavandin) Oil. และยังมีส่วนผสมของสารกันเสียอย่าง Phenoxyethanol อยู่ด้วย

เราขอสรุปเลย ว่าเซรั่มตัวนี้เหมาะเป็นไอเท็มที่บูสผิวเร่งด่วน สำหรับผิวที่มีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นผิวหมองคล้ำ เหนื่อยล้า ไม่สดใส ผิวอักเสบ ผิวไหม้จากการโดนแดดเผา สามารถใช้ตัวนี้บูสผิวให้ผิวกลับมาแข็งแรง สุขภาพดีได้ เห็นผลภายใน 1 คืน เสมือนเป็น SOS Treatment ให้กับผิว ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้ทุกวันก็ได้ สามารถใช้เฉพาะเวลาที่ผิวมีปัญหา หรือว่าใครมีงบถึง หรือเรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา ก็สามารถทาเซรั่มตัวนี้ได้ เช้า เย็นทุกวัน เพื่อเสริมสร้างให้ผิวแข็งแรง ป้องกันการอักเสบ หรือช่วยฟื้นฟูผิวจากมลภาวะที่เราต้องเจอทุกวันก็ได้


ยอมรับเลยว่า เจ้า La Mer The Concentrate ของเค้าเทพจริงๆ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมของเค้าขายดีตลอดกาล


คะแนนเต็ม 10 เราขอให้ 8 ละกัน หักตรงราคาค่าตัวนางแพงมาก ราคาเต็ม ขนาด 15ml ราคา 6,400 บาท และขนาด 50 ml ราคา 20,000 บาท และนางก็ยังมีส่วนผสมของซิลิโคน กับน้ำมันหอมระเหย ที่อาจจะทำให้เกิดอาการแพ้ในอนาคตได้ วันดีคืนดี หากลาแมร์เห็นรีวิวอันนี้ของเราแล้วไปปรับสูตรเอา ซิลิโคน กับพวกน้ำมันหอมระเหยออกไปล่ะก็ บอกเลยว่าเซรั่มตัวนี้ จะเป็นลูกรัก my holy grail ที่ขาดไม่ได้เลยอ่ะ

สุดท้ายนี้ เราก็หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อนที่กำลังมองหาเซรั่มซ่อมแซม เยียวยาผิว ให้ผิวแข็งแรง ลดการการอักเสบได้ หรือเป็นส่วนหนึ่งประกอบการตัดสินใจก่อนจะซื้อ La Mer The Concentrate ตัวนี้ เพราะราคานางสูงมาก ก็ต้องคิดให้ดีก่อนซื้ออ่าค่ะ สำหรับ La Mer The Concentrate ตัวนี้ สามารถหาซื้อได้ที่เคาร์เตอร์ La Mer ทุกสาขา หรือ La Mer Online ส่วนตัวเราก็ได้ตำมากจาก La Mer Online เนื่องจากตอนนั้นโปรโมชั่นออนไลน์แรงมาก ของแถมเยอะ 5555555 ใครสะดวกไปตำที่ไหนก็ไปตำกันได้จ้า สกินแคร์ตัวต่อไปที่เราจะมารีวิวคือตัวไหนน๊า  ก็มาลุ้นกันนะจ๊ะ สำหรับวันนี้ขอจบการรีวิวแค่นี้น๊าใครสงสัยอยากถามไรถามได้เลยจ้า  


#JebanXLamer #LamerTheConcentrate


HanSoHee

HanSoHee

FULL PROFILE