ฟอร์มทีมสู้ กู้ผิวผสม!! (ฉบับผิวขาดน้ำ)
beautgreat 7 3สวัสดีค่ะสาวจีบันทุกคน ใครเจอปัญหาแบบเราบ้าง เมื่อก่อนเราก็มีผิวธรรมดา แต่พอเริ่มเข้ามหา’ลัยผิวก็เริ่มแห้ง เพราะนอนดึก+เครียด พอเริ่มทำงานก็เป็นสิว รักษาสิวจนเรารู้สึกว่าหน้าเราติดสารอะ แถมผิวยังแพ้ง่ายอีก ปัญหาไม่ได้มีแค่นี้นะ ช่วง 3-4 ปีหลัง เรารู้สึกว่าผิวหน้าจากที่เคยแห้งก็มันขึ้น ยิ่งช่วงจมูก หน้าผาก คาง มันแพลบเลย แต่ตอนช่วงหน้าหนาวไม่มันเท่าไร กลับแห้งมากโดยเฉพาะแก้ม แห้งจนลอกเป็นขุย บางทีหลังล้างหน้าเรารู้สึกว่าที่แก้มแห้งมากเป็นพิเศษกว่าส่วนอื่น ปกติเราเน้นผลิตภัณฑ์ที่ให้ความชุ่มชื้นอยู่แล้วนะ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมหน้าเราถึงเปลี่ยนสภาพได้ขนาดนี้อะ
เราเลยไปถามหมอว่าเกิดอะไรขึ้นกับผิว หมอก็บอกว่าเรามีผิวผสมนะ งงไปอี๊ก!?! ผิวผสมมายังไง?เราผิวแห้ง! หมอบอกว่า
"สาเหตุก็มีหลายอย่าง ทั้งสภาพอากาศ มลภาวะ ความเครียด อาหาร การใช้ชีวิต ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ และอื่นๆอีกมากมาย ก็เหมือนสิวจะเจาะจงไปเลยว่าเพราะอะไรคงยาก ถ้าปรับพฤติกรรมได้ก็ควรปรับและหาทางแก้ที่ถูกจริตกับเราดีกว่า"
เกร็ดการฟื้นฟูผิว
.เติมน้ำให้ผิว เพราะเมื่อผิวขาดน้ำ ผิวจะขาดสมดุลและผลิตน้ำมันส่วนเกินออกมา ส่วนที่แห้งก็กลายเป็นซาฮาร่า เลี้ยงอูฐได้เลย
.เลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง อาการแพ้ และอ่อนโยนต่อผิว ไม่ว่าจะมีผิวผสม ผิวแห้ง ผิวมัน การดูแลผิวอย่างอ่อนโยนคือสำคัญมาก! เพราะถ้าใช้ผลิตภัณฑ์ที่แรงเกินไปจะไปกวนต่อมไขมันทำให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมานมากเกินไป ยิ่งคนที่ชอบขัด นวดหน้า ชอบทำอะไรกับหน้าเยอะๆ นี่แหละสาเหตุของการเกิดผิวแพ้ง่าย ผิวบาง และสภาพผิวเปลี่ยน
เลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิวจริง อย่าหาผลิตภัณฑ์แรงๆ มาใช้ กัดผิว ลอกผิว หรือขัดหน้าบ่อย และควรเลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยน แต่สะอาด ใช้แล้วรู้สึกไม่ระคายเคือง ไม่คัน ไม่แห้ง และ PH balance เพื่อรักษาสมดุลของผิวให้ได้มากที่สุด และไม่ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่เข้มข้นมากหรือน้อยเกินไป เพราะมีผลต่อสภาพผิวได้เช่นกัน ถ้ามากไปผิวดูดซึมไม่หมดสิวก็ขึ้น น้อยไปก็ไม่พออีก
พฤติกรรมอื่นๆ เลี่ยงได้เลี่ยง เช่น อาหารรสจัด มัน เค็ม แอลกอฮอล์ และควรดื่มน้ำเยอะๆ ในปริมาณที่ร่างกายต้องการ และควรให้เวลาผิวฟื้นฟูนิดนึงนะจ๊ะ
1.Bifesta Cleansing Lotion สูตร Acne care (บีเฟสต้า คลีนซิ่ง โลชั่น สูตร แอคเน่ แคร์)
คลีนซิ่งตัวนี้ฮีโร่ประจำตัวเราเลย เพราะเรามีปัญหาสิวด้วยเลยเลือกสูตรนี้ ส่วนตัวโอเค สะอาด ไม่ระคายเคือง ไม่เหนอะหนะ ผิวไม่แห้งชุ่มชื่นดี ยังรู้สึกเป็นผิวอยู่ เหมือนเช็ดด้วยน้ำเปล่า(แต่บางทีน้ำเปล่าก็ทำให้ผิวแห้ง -.-) ถ้าวันไหนแต่งหน้ามีเมคอัพกันน้ำเราจะใช้ Makeup Remover เช็ดตากับปากก่อน บางทีก็เช็ดรองพื้นออกก่อนด้วย แล้วตามด้วยคลีนซิ่งอีกที เนื้อคลีนซิ่งเป็นน้ำใสๆ บางเบา ไม่เหนียวเหนอะ ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่มีน้ำหอม ไม่มีแอลกอฮอล์ ไม่มีพาราเบน สิวยุบ ไม่มีเมคอัพตกค้าง ดูแลผิวเป็นสิวได้โอเคเลย สำหรับผิวผสมก็โอเคเหมือนกัน คือผิวที่มันไม่เหลือความมัน ให้ความชุ่มชื้นกับผิว ส่วนที่แห้งไม่ตึงผิว ไม่แสบ ไม่คัน อ่อนโยน ชุ่มชื้น เราว่าผิวแพ้ง่ายใช้ได้เลย แต่สำหรับผิวมันเราว่าสูตรสำหรับผิวมันน่าจะเหมาะกว่า
2.Premier Sof Foam PH5.5 (พรีเมียร์ ซอฟ โฟม พีเฮช 5.5)
ต่อมาเป็นฮีโร่ในวัยรุ่น เพราะเคยใช้ตอนที่โฟมตัวนี้เปิดตัวใหม่ๆ เลย(นานมาก) ใช้แล้วรู้สึกโอเคมาก ผิวสะอาด หน้าเนียนนุ่มลื่นมาก แต่สำหรับนักเรียนเราว่าแอบแพงอยู่เลยเปลี่ยน(-.-“) สาเหตุที่กลับมาใช้โฟมตัวนี้เพราะอยากได้โฟมที่มีค่า PH Balance เพื่อช่วยรักษาความสมดุลของผิว ที่เลือกสีฟ้าเพราะว่าเป็นสูตรสำหรับสิว ไม่มีน้ำหอม เนื้อโฟมบางเบา นุ่มละเอียด ถูวนเบาๆ เพื่อไม่ทำร้ายผิวมากเกินไป ตอนล้างออกยังรู้สึกมีอะไรลื่นๆเคลือบหน้าอยู่นิดหน่อย ไม่เยอะ หน้าไม่แห้ง ชุ่มชื่นดี ส่วนที่มันก็สะอาดไม่แห้งตึง ส่วนที่แห้งก็ชุ่มชื้น ผิวจะนุ่มๆ ลื่นๆ หลังจากเช็ดหน้าแล้วลองเชคอีกทีคือ ผิวปกติเหมือนผิวธรรมดา ไม่มีส่วนมันหรือแห้ง แต่โดยส่วนตัวรู้สึกไม่ค่อยช่วยเรื่องคุมมันนะ
3.Aesop In Two Minds Toner (เอสอป อินทู มายด์ โทนเนอร์)
ผิวผสมต้องการฟื้นฟูความสมดุลสูง และจะจบการทำความสะอาดที่สมบูรณ์ต้องจบด้วยโทนเนอร์ อันนี้เพิ่งออกมาใหม่ แต่เกิดมาเพื่อผิวผสมที่แท้ทรูเลยไปสอยมา ตอนแรกลองดมกลิ่นดู กลิ่นออกจะฉุนๆ แบบกลิ่นสมุนไพรฝรั่ง ไม่ใช่พวกดอกไม้ หรือน้ำหอมด้วยนะ แต่พอลองเช็ดบนหน้าคือชอบ โทนเนอร์จะเย็นๆ สบายผิว (อารมณ์แบบเมนทอลอะ) แล้วกลิ่นสมุนไพรนี่แหละ ทำให้รู้สึกอโรมา เวลาสูดเข้าไป รู้สึกหายใจโล่งจมูกดี สีของโทนเนอร์เป็นสีน้ำตาลแบบสมุนไพรจริงๆ ตัวน้ำเหลวและใส ไม่หนืด ตอนเช็ดรู้สึกลื่นๆดี ไม่แสบหรือคันเลย หรือถ้าใครชอบใช้ตบๆ ก็ได้นะ หลังจากเช็ดโทนเนอร์แล้วเรารู้สึกว่า บริเวณผิวที่มันชุ่มชื้นขึ้น แต่ส่วนที่แห้งอะอิ่มน้ำกว่า มันจะเด้งๆ เหมือนลงโลชั่น พร้อมสำหรับขั้นตอนการบำรุงต่อไป ราคาสูงหน่อยแต่เราว่าคุ้มนะ4.Aesop In Two Minds Hydrator (เอสอป อินทู มายด์ ไฮเดรเตอร์)
ตามมาติดๆ หลังเช็ดโทนเนอร์ต่อด้วยไฮเดรเตอร์(ชื่อดูเป็นซุปเปอร์ฮีโร่จริงๆ 555) เดี๋ยวนี้หลายยี่ห้อทำไฮเดรเตอร์ออกมา ตัวนี้เป็นเนื้อแบบฟลูอิดรู้สึกได้ว่าเข้มข้นเหมือนเซรั่มแต่บางเบามาก ชุ่มชื้น เกลี่ยๆแป๊บเดียวก็ซึมลงผิวแล้ว ให้ความรู้สึกเย็นๆ เหมือนตัวโทนเนอร์กลิ่นก็คล้ายๆ กัน ส่วนผสมเป็นน้ำมันสมุนไพรหลายชนิด ผ่อนคลายดี เคยใช้เดี่ยวๆ ไม่มีสกินแคร์ตัวอื่น ไม่แต่งหน้า อยากลองประสิทธิภาพ คือพอทาลงไปแล้ว ไฮเดรเตอร์ทำงานเร็วมาก คือผิวชุ่มชื่นทันที แต่ไม่มัน ไม่วาวแมทไปกับผิวช่วยสมานผิวพวกรอยแดงๆ หรือที่เคยแสบๆ ผิว ระคายผิวก็จาง ผิวเนียนนุ่ม คุมมันได้หลายชั่วโมงอยู่ช่วงแก้มรอบดวงตาก็ชุ่มชื่น ผิวเด้ง แตะๆ ผิวใต้ตารู้สึกเด้งๆ ผิวฟูดี
5.Jurlique Herbal Recovery Advanced Serum (เจอร์ลีค เฮอร์เบิ้ล รีคัฟเวอรี่ แอดวานซ์ เซรั่ม)
เราไม่อยากลงสกินแคร์ในตอนเช้าเยอะ ขอแบบตรงจุดเกิดเหตุไปเลยดีกว่าฮีโร่ตัวต่อมาเป็นสายหวานเพราะนังมีส่วนผสมที่สกัดจากดอกไม้หลายชนิด ดมกลิ่นดูคือเป็นกลิ่นกุหลาบอะ สำหรับเซรั่มเราขอเน้นๆ เรื่องความชุ่มชื่นและริ้วรอย ที่สำคัญต้องอ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ เนื้อเซรั่มเป็นน้ำสีขาวขุ่น ค่อนข้างเหลว ช่วยเรื่องให้ความชุ่มชื่น อ่อนโยนลดความระคายเคือง ผิวแพ้ง่ายก็ใช้ได้ เสริมความแข็งแรงให้กับผิว ตัวเซรั่มบางเบามาก ซึมเร็ว แต่เนื้อเซรั่มที่เหลวทำให้เราเกลี่ยง่ายขึ้น ทำงานไว คือพอลงปุ๊บรู้สึกว่าผิวกระชับขึ้น ผิวเด้งชุ่มชื่น เรียบเนียน เรื่องริ้วรอยและความชุ่มชื่นดี แต่เรื่องคุมมันยังไม่เห็นผลเท่าไร ใช้ได้ทุกสภาพผิว รู้สึกผิวแข็งแรงขึ้นมาก
เกร็ดความรู้เรื่องน้ำมันธรรมชาติ
(Ref.https://www.thairath.co.th/content/497308)