'ดาลัด'เป็นเมืองชิคๆ รูปสวย อากาศดี งบสบายกระเป๋า

23 4
ฮัลโหลลล สวัสดีค่าเพื่อนๆ มีรีวิวทริปท่องเที่ยวพร้อมรูปถ่ายอีกมากมายมาฝากกันอีกแล้วเด้อ
อากาศร้อนๆ แบบนี้จะหาสถานที่ไหนที่เราสามารถบินไปใส่เสื้อกันหนาวชิคๆ จิบชาร้อนสวยๆ ในงบประมาณแบบสบายกระเป๋าได้บ้าง
นอกจาก 'ดาลัด' Dalat ประเทศเวียดนาม ใกล้ๆเรานี่เองค่า
หลายๆ คนอาจจะเคยอ่านรีวิว หรือไปเที่ยวเมืองดาลัดมาแล้ว จากทริปทัวร์เวียดนามใต้แถบโฮจิมินห์ มุยเน่ ต่างๆ
แต่ในครั้งนี้ พวกเราเจาะจงไปเมืองดาลัดโดยเฉพาะ และอยู่ยาวถึง 5 วันกันเลยทีเดียว!
ซึ่งเป็น 5 วันที่ไม่ใช่แค่เดินสวยๆ ในเมืองผ่านๆ ทั้งสถานที่ กิจกรรมแอดเวนเจอร์ที่ไม่ค่อยมีให้เห็นในรีวิวของนักท่องเที่ยวไทยเท่าไหร่นัก
เป็น 5 วันที่คุ้มมากๆ จะมีที่ไหนน่าไปตามบ้าง เลื่อนอ่านกันได้เล้ยยยย




- PLAN -

- Day 1 : นั่งเครื่องบินจาก Bangkok - Dalat บินตรงของ Vietjet Air ไม่ต้องต่อเครื่องให้ยุ่งยาก ราคาไปกลับเราจองกระทันหันมากๆ ยังได้มาแค่ 3 พันนิดๆ (ถ้าแพลนดีๆ จองล่วงหน้าจะขนาดไหนคิดดู้ววว) ไปถึงเกือบๆ เย็น เดินเล่นในเมือง ไปเที่ยว Crazy house
- Day 2 : ซื้อทัวร์ไป Canyoning ไต่หน้าผา โดดน้ำตก ราคาประมาณคนละ 1,500 บาท
- Day 3 : เช่ารถมอเตอร์ไซค์ เที่ยวเก็บแลนด์มาร์คต่างๆ : ร้านขนมปังกำแพงเหลือง, ขึ้นเขา Langbiang, สถานีรถไฟเก่า, นั่งกระเช้าชมวิว
- Day 4 : เช่ารถมอเตอร์ไซค์ เที่ยว Dalat milk farm, Datanla waterfall, สวนไฮเดรนเยีย โบสถ์และมหาวิทยาลัยยอดฮิตต่างๆ
- Day 5 :  นั่งเครื่องบินจาก Dalat - Bangkok

- งบประมาณ : ค่าตั๋วเครื่องบิน 3,300 + เงินที่พกไปใช้และค่าที่พักทั้งหมด 5,000 เหลือๆ



DAY 1 : เดินเล่น เที่ยว Crazy house




เครื่องลงที่สนามบินดาลัด นั่งบัสต่อมาคนละประมาณ 60 บาท เช็คอินเสร็จฝนตกจ้า ต้อนรับอย่างดี ชะนีต้องซื้อเสื้อกันฝนกันอย่างไว 55555







เราเดินเล่นกันไปเรื่อยๆ จนมาหยุดถ่ายรูปกันที่โบสถ์ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากทะเลสาบกลางเมือง ใครหาไม่เจอเสิร์จ Dalat Cathedral เด้อ







เราเดินต่อไปเรื่อยๆ เพราะอากาศมันดีมากๆ ยิ่งฝนตกนี่หนาวจนตัวสั่น เลยทำให้เดินถึก เดินทนกันมากๆ เดินไปจนเจอ Crazy House เลยแวะสะหน่อยให้รู้ว่ามาแล้วนะ แต่ส่วนตัวเราเฉยๆกับสถานที่นี้นะ ไม่ได้รู้สึกว่าน่ากลัวอะไรนัก อาจจะเป็นเพราะเราไม่ได้สนใจในเรื่องของสถาปัตย์ การออกแบบอะไรเท่าไหร่นัก
เลยรู้สึกเฉยๆ เดินเบื่อๆ แปปเดียวก็ออกมาแล้ว แต่คนอื่นอาจจะชอบก็ได้ ต้องลองไปดูด้วยตัวเองเด้อค่า










เที่ยว Crazy House เสร็จก็มืดพอดี ทีนี้ก็เป็นในส่วนของงานตัวแตกแล้วค่ะ ตระเวณกินที่แท้ เพราะดาลัดเค้ามี Night Market ด้วย
ใครๆ ไปก็ต้องเจอเพราะอยู่ใจกลางเมืองย่านดาวน์ทาวน์เวอร์ แถมมีทุกคืน เราเองก็ไปทุกคืน แต่ไม่ได้เก็บภาพมาเด้อ รีบกินรีบน้อนผักผ่อนเพื่อ Canyoning วันต่อไปค่ะ
DAY 2 : Canyoning กิจกรรมแอดเวนเจอร์ชื่อดังของดาลัด




เช้าวันที่สองตื่นกันแต่เช้า หน้าสดลุคส์พร้อมลุย รอทัวร์มารับเวลา 9โมง ขึ้นรถตู้ของทัวร์เป็นกรุปแรก และแวะไปรับกลุ่มฝรั่งวัยรุ่นอีก 5 คน
ณ จุดนั้นบอกเลยว่าฟินมากกก คุ้มค่าตั๋วแล้วโว้ยยยย นึกภาพตามนะคะ กลุ่มฝรั่งชายฉกรรจ์ วัยแบบเพิ่งจบไฮสคูล ขบเผาะมากลูก หลายตัวแน่นมาก
กล้ามแน่นม๊ากกก ทางเรามีวิดีโอมาด้วย ตัดต่อเสร็จจะอัพลงให้ฟินถ้วนหน้า




แต่ก็เท่านั้นแหละค่ะ เลื่อนขึ้นไปดูหน้าเราสองศรีพี่น้องในวันนี้สิคะ สดกว่าปลาในตลาดไปอีก ทำได้แค่ส่อง และเมคเฟรนด์จ่ะจบแยก!













กิจกรรมในวันนี้ก็คือ เมื่อไปถึงจะมีไกด์ 3 คนคอยช่วยเหลือพวกเรา เริ่มด้วยการเปลี่ยนชุด และติดอุปกรณ์ต่างๆ เสร็จแล้วไกด์จะพาเราไปฝึกใช้อุปกรณ์
เราก็ไต่ผาครั้งแรกเหมือนกัน กลัวมากกก แล้วเป็นคนกลัวความสูงด้วย เอาตัวเองมาลำบากแท้ๆ แต่ไกด์ก็จะสอนจนกว่าทุกคนจะโอเคนะคะ
เมื่อทุกคนพอจะเริ่มทำได้แล้ว เราก็ออกเดินทางไปที่ของจริงกัน
ใครจะตามรอยแนะนำให้กินข้าวเช้าไป และทำใจดีๆ เพราะนอกจากเราจะต้องเดินขึ้นน้ำตกแบบทางลาดชัน ลงน้ำมั่ง ปีนหินมั่ง ไปถึงแล้วยังต้องไต่ผาลงมาด้วยเชือกที่ผูกตัวเราไว้ ใช้แรงเยอะมากๆ ลงมาโดนน้ำพัดอีกต่างหาก คือเหนื่อยอ่ะ เหนื่อยแบบอยากกลับบ้าน แต่สนุกมากๆ คิดว่าครั้งนึงในชีวิต
ได้ทำอะไรแบบนี้มันก็หายเหนื่อยแล้วอ่ะ ใครจะไปดาลัดไปลองได้ ฝรั่งเด็ดๆเยอะ และร่างแตกแน่นอน!




โดดน้ำตก ทริปนี้สูง 7 เมตรเบาๆ




งานโรยตัวลงไปให้น้ำพัดเล่นก็มี อารมณ์แบบโดนปั่นในเครื่องซักผ้าเลย กว่าจะขึ้นมาหายใจได้ ทรม๊านนนน
หลังจากผ่านกิจกรรมทั้งหมด ทัวร์ก็มาส่งเราที่โรงแรมเวลาประมาณบ่าย 3 เราพักให้ร่างหายแตกแล้วออกไปเดินเล่น ถ่ายรูปชมเมืองดาลัดบริเวณรอบๆทะเลสากันต่อ




ถนนที่ดาลัดจะมีคาเฟ่ เยอะมากๆ แต่ละร้านตกแต่งสวย ข้างทางนี่ดอกไม้สวยๆขึ้นเต็มไปหมด คือเป็นเมืองที่มาเพื่อถ่ายรูปจริงๆ มาถ่ายพอร์ทเทรดที่นี่คือไม่ผิดหวังเลย เดินเย็นๆ ชิวๆ แต่งตัวสนุกอย่างกับไปเกาหลี













ส่วนคนมีคู่มาที่นี่คือนิพพาน บรรยากาศอะไรมันจะโรแมนติดขนาดเน้ 555555







พอฟ้าเริ่มมืดเราก็ไปทำกิจกรรมที่หลายๆ คนทำกันนั่นคือถีบเรือเป็ดนั่นเองค่า อากาศเย็นแบบถีบอย่างหนักหน่วงเหงื่อยังไม่ออกซักหยด
มองสีสันของไฟยามค่ำคืน ดีม๊ากกก




DAY 3 : ร้านขนมปังสีเหลือง ขับรถขึ้นเขา นั่งกระเช้าลอยฟ้า




เช้าวันที่ 3 เราตื่นกันสายกว่าที่คาดไว้นิดหน่อย เนื่องจากวันที่ 2 ใช้พลังงานของทั้งทริปไปหมดแล้ว
เราเช่ามอเตอร์ไซค์ของที่พัก คันละ 100,000 ดอง ก็ประมาณ 100กว่าบาท ถูกกว่าที่ไทยพอสมควร
ที่แรกที่เราจะไปกันคือ 'ร้านขนมปังสีเหลือง' คือเราไม่รู้ชื่อ อ่านไม่ออก 55555 แต่หาไม่ยากเลย เดินๆ ในเมืองหรือนั่งรถมันต้องผ่านกันบ้าง
เราเองก็เป็นคนนึงที่เจอร้านโดยบังเอิญตั้งแต่วันแรกที่ไปถึง แต่มาถ่ายรูปเอาวันนี้ เนื่องจากอยากให้ชุดมันตัดกับกำแพง (เรื่องรูปเราจริงจัง
เราต้องทำการบ้านค่ะสาวๆ เสียเงินไปถึงที่แล้ว มันต้องได้รูปที่ดี!)







ท่าโบกรถกับการทำหน้าแอ๊บแอ้ ให้เข้ากับการแต่งตัวของออนนี55555







ส่วนน้องหล้าขอเป็นแนวเหมือนโดนปาปาแอบถ่ายตอนไปเดทกับแฟน5555 การจะถ่ายรูปกับอีกำแพงนี้ไม่ง่ายเด้อ
ต้องต่อคิวนะจ๊ะ คนรอเยอะมากแม้ไปหน้าโลว์ซีซั่น คนถ่ายต้องอยู่อีกฟากถนน แล้วรถที่เวียดนาม ใครๆก็รู้ว่าขับกันโหดแค่ไหน
เราต้องรอจังหวะ รถไม่มีต้องรีบกดชัตเตอร์ไปรัวๆ กดไปก่อนมาเลือกรูปทีหลัง




เข้ามาในร้านก็จะมีขนมปังต่างๆ ข้าวเหนียวหน้าหมู หน้าไก่ แซนวิสก็มีเด้อ แต่บอกตรงๆเลยว่าไม่ถูกปากเราเท่าไหร่นัก
ตัวขนมปังแข็ง แป้งไม่เหมือนที่กินบ่อยๆ รสชาติเฉยๆมาก แต่ร้านเกร๋ให้อภัย




ถึงจะอร่อยไม่อร่อยก็ต้องทำหน้าให้ดูว่าอร่อยจ่ะ เดี๋ยวรูปไม่สวยยย




เรานั่งกินกันที่ชั้นสองของร้าน ริมระเบียงเลย มองดูรถวิ่งสวยกัน บีบแตรกันสนั่นบรรยากาศดี๊ดี




เสร็จจากร้านขนมปังเราก็เปิดกูเกิลแมพไปที่ Langbiang ขี่รถขึ้นเขาไป ระหว่างทางเจอตรงไหนน่าแวะก็แวะเลย อันนี้คือตรงข้ามโบสถ์อะไรไม่รู้ บรรยากาศดีมากๆ




โดนไป 1 แชะแล้วแยกย้าย




เราใช้เวลานานมากๆ กว่าจะหา Langbiang เจอเนื่องจากแมพพาไปมั่วไปหมด พอมาเจอก็ต้องยืนงงๆ ในดงรถจี๊ป ต้องเสียเงินนั่งรถจี๊ปขึ้นเขาต่อไปอีก ยืนดูแผนที่ดูอะไรแล้วเหมือนข้างบนจะไม่มีอะไรมากนักเลยตัดสินใจกลับออกมา ขี่รถขึ้นเขาชมวิวเล่นดีกว่า




เราแวะถ่ายรูปกันระหว่างทาง ข้างทางเป็นป่าต้นสน แถมมีน้องม้าด้วย













หลังจากถ่ายรูปกันจนเบื่อเราก็ขี่รถลงเขา กลับเข้าเมืองเพื่อเก็บแลนด์มาร์คอื่นๆ ในเมืองกันต่อ แต่ทั้งนี้กองทัพต้องเดินด้วยท้อง
แถมดาลัดยังเป็นเมืองที่คาเฟ่สวยๆ เยอะมากๆ เราเลยเข้าคาเฟ่กันทุกวัน จิบชากันเป็นว่าเล่น แต่อย่าถามถึงชื่อร้านและพิกัด เพราะเราไม่ได้จำอะไรมาเลย 55555 แต่อยากให้ทุกคนลองไปเลือกเองมากกว่า แค่อยากแชร์ว่าคาเฟ่น่ารักๆ เยอะจริงๆ










คาเฟ่ที่ดาลัดจะไม่มีแอร์ และส่วนใหญ่จะ Open air และมีหลายชั้น ให้นั่งชมวิวเมือง รับลมธรรมชาติหนาวๆ
มีชาร้อนเสริฟให้ฟรี ชีวิตดีๆที่ดาลัด ไปค่ะ! ไปจองตั๋ว!!!!




หลังจากนั่งพักใช้ Wifi ร้านเค้าอัพรูปลงโซเชี่ยวเรียร้อย (เอ้อลืมบอกเราไม่ซื้อซิมส์นะคะ ไปกัน 3 คนไม่มีใครซื้อเลย และทุกครั้งที่เที่ยวก็ไม่เคยซื้อซิมส์ต่างประเทศใช้เลยด้วย ขนาดใช้ได้แค่ Wifi ยังติดมือถือกันขนาดนี้ ถ้ามีซิมส์อีกคงไม่ต้องโฟกัสที่การเที่ยวกันแล้วแหละ ใครไปลองดูน้า
คนเวียดนามไม่หวง Wifi ร้านข้าวข้างทาง ธรรมดาๆ ก็มีรหัสให้เด้อ ใครกลัวหลงก่อนไปโหลด Map ของเมืองที่จะไปไว้ใน
Googgle map แบบ Offline ได้เลย ส่วนเรื่องภาษาเราใช้ Google Translate โหลดภาษาเวียดนามแบบ Offline ไว้เช่นกัน)
เราเดินทางกันไปที่สถานีรถไฟดาลัด อารมณ์แบบอนุรักษณ์รถไฟเก่าให้คนเข้าไปเที่ยว
ตั๋วแบบนั่งรถไฟเที่ยวไป กลับก็มีน้า แต่เราเข้าไปดูเฉยๆ ส่วนตัวไม่ว้าวกับที่นี่มาก ถ้าเวลาเหลือก็มา แต่ไม่มาก็ได้ไรงี้







รถไฟดาลัดไม่ได้ทำให้สองพี่น้องสนใจได้เท่าทุ่งทานตะวันเล็กๆ ในสถานีรถไฟ!  ตื่นเต้นเหมือนไม่เคยเห็นทั้งที่เกิดและโตที่สระบุรีอ่ะงงตัวเองเว่อ




อันนี้คือตัวอย่างของท่าโพสต์ชี้นกชี้ไม้




หลังจากนั้นเราก็ไปขึ้น Cable Car หรือกระเช้าลอยฟ้ากันจำราคาไม่ได้ แต่ว่าไม่แพง และคุ้มค่ามากกก วิวข้างลนสวยจนไม่อยากลง







มองลงไปจะเห็นเมืองดาลัด




และภูเขาที่ต้นไม้ขึ้นแน่นทุกอณู! อุดมสมบูรณ์จนน่าอิจฉา




นั่งกระเช้ากันสวยๆ จนเกือบค่ำ ไม่มีอะไรทำและยังไม่อยากกลับห้องพัก เราเลยไปนั่งเล่นที่ลานกิจกรรมของดาลัด
ทุกคนที่ไปดาลัดจะต้องเห็นลานนี้ คนมาทำกิจกรรมมากมาย เล่นว่าว ลอลเลอร์เบลด บาลานซ์วีล ต่างๆ
เราเคยไปซาปามา มีลานแบบนี้เหมือนกันแต่เล็กกว่ามาก คนเวียดนามนี่ชอบมารวมตัวกันจริงๆ อยากให้ที่ไทยมีบ้าง แต่อากาศคงไม่อำนวย




โดนรูปดอกไม้นั่นข้างในเป็นคาเฟ่ แต่ไม่ได้เข้า










ลมเย็นมากกก เรานั่งมองผู้คนรับลมกันเพลินๆ ฝนก็เริ่มตก ยิ่งฝนตกอากาศยิ่งหนาว จึงต้องยอมแพ้ กลับโรงแรมไปหาอะไรที่อุ่นกว่านี้มาใส่
DAY 4 : ทุ่งไฮเดรนเยีย รถไฟเหาะลงน้ำตก บุกดาลัดฟาร์ม




เช้าวันที่ 4 หรือวันสุดท้ายที่จะได้เที่ยวดาลัด เราตั้งใจจะเก็บแลนด์มาร์คที่เหลือในเมือง และไปเที่ยวนอกเมืองอย่างน้ำตก Datanla
และ Dalat milk farm




เราเริ่มที่แรกกันด้วยทุ่งไฮเดรนเยียอันโด่งดังของดาลัด ถ้ามาเที่ยวดาลัดคือต้องได้รูปกับทุ่งดอกไม้นี่กลับไปทุกคน
จากตัวเมืองหรือบริเวณทะเลสาบ เราขี่รถขึ้นไปประมาณ 15-20 นาที กูเกิลแมพพางงอีกเช่นเคย
ต้องสังเกตป้ายข้างทาง (ที่ไม่มีป้ายไหนทำภาษาอังกฤษ อาศัยดูรูปเอา)













ไปถึงเราก็ไม่รอช้า ชะนีกับดอกไม้เป็นของคู่กันค่ะ จัดไปเอาให้เมมกล้องเต็ม




อ่ะๆ มุมหวานๆเราก็มีนะ5555



ดอกไฮเดรนเยียที่นี่บานตลอดปีนะคะ ไม่ว่าจะมาหน้าไหน ผิดหวังจากทุ่งดอกไม้ชมพูหรือที่อื่นๆในดาลัด แต่น้องไฮเดรนเยียจะปลอบใจค่ะ5555




เราไปต่อกันที่น้ำตก Datanla ที่เดียวกับที่ไปเล่น Canyonning แต่กลับมาอีกรอเพื่อนั่งรถไฟอันนี้แหละ




รถไฟนี่เราจะบังคับคันของเราเองนะคะ อยากไปไวไปช้าแล้วแต่เลย แต่อยากบอกว่าสนุกม๊ากกกก ต้องไปโดน!










จากน้ำตก เราต้องขี่รถลงเขาเพื่อไปยัง Dalat milk farm สถานที่ที่เราเกือบจะถอดใจไม่ไปมันแX่งละ! เพราะมันไกลมากกก
ระยะทางกว่า 30กิโลเมตร แล้วคือลงเขามาแดดแรง อากาศไม่ดีต่อใจเหมือนในดาลัด
เราเช่ารถคันเดียว นั่งอัด 3 กันไป แล้วไซส์ตัวเราก็ไม่ได้เล็กๆ นึกออกป้ะ สรุปคือเมื่อยก้นม๊ากกกก เกือบชั่วโมงกว่าจะไปถึง
และนี่คือภาพบรรยากาศที่เราได้จากความพยายามในครั้งนี้ค่ะ



















คือที่นี่จะเป็นฟาร์มขนาดไม่ใหญ่มาก มีวัวอยู่ 4 ตัวที่อยู่ไกลเกินกว่าจะเข้าไปแชะภาพได้ มีทุ่งดอกไม้เล็กๆ
กับร้านขายนม ที่นมทุกแบบหมดยกเว้นนมรสส้มอย่างเดียว




คือมันก็อร่อยแหละ แต่อุตส่าห์มาถึงฟาร์มมันก็คาดหวังจะลองหลายๆ อย่างมั้ยอ่ะ เสียใจจจจจ




ความพรีเซ็นเตอร์นี้ ดาลัดมิลค์ฟาร์มต้องซึ้งน้ำตาไหล! สรุปคือใครมีเวลาว่าง เบื่อเที่ยวในเมืองก็มาเถอะ มุมสวยๆเยอะ แต่นั่งแท็กซี่จะดีกว่ามาก




เราใช้เวลาอีกเกือบชั่วโมงเพื่อกลับเข้าเมือง จริงๆใกล้ๆ ดาลัดฟาร์มจะมี ออแกนิคฟาร์มอีกที่ ที่เราตั้งใจว่าเอ้อ ไหนๆไปตั้งไกลก็ได้เที่ยว 2 ที่นะ
แต่เค้าปิดจ่ะ เราฟังคนเวียดนามบอกก็งงๆ ว่าเปิดแค่เสาร์ อาทิตย์หรือว่าอะไรสักอย่างเนี่ยแหละ ลองหาข้อมูลเพิ่มเติมได้เด้อ
เรากลับเข้าเมืองเพื่อไปเที่ยวโบสถ์ยอดฮิตของดาลัด Domaine De Marie โบสถ์สีชมพูที่ถ่ายรูปสวยทุกมุม! แต่คนเยอะ!









แต่ถึงจะคนเยอะเป็นทัวร์จีนลงยังไง ก็ไม่เกินความสามารถในการหามุมสวยๆ หลบคนของเราสองพี่น้อง บอกเลยเรื่องรูปเราจริงจัง!




โบสถ์ยังมีด้านใน และด้านหลังให้เดินเที่ยวด้วยนะคะ แต่คนกระจุกกันอยู่ข้างหน้าหมด













แลนด์มาร์คสุดท้ายในเมืองที่เราได้มีโอกาศไปคือวิทยาลัยของดาลัด อันนี้สารภาพว่าลืมชื่อ แต่หาไม่ยากค่ะ
เป็นตึกสีส้มยาวๆ เด่นๆ คนไปเยอะเหมือนเดิม เราเลยไปได้ภาพมานิดหน่อย แล้วใช้เวลานั่งมองผู้คนรับลมเย็นๆแทน







รีวิวมาจนจะจบล้าว ขอเล่าถึงที่พัก อาหารการกินต่างๆมั่งดีกว่าเนาะ




เริ่มกันที่ที่พักนะคะ ทั้ง 4 คืนเราพักที่ The local house ตามไปจองได้ที่ลิ้งค์ด้านล่างนี้น้า
https://www.booking.com/hotel/vn/the-local-da-lat.th.html










ไม่ได้ถ่ายภาพในห้องมา ยืมรูปมาจาก Booking นะคะ สภาพห้องตามรูปเลย เหมือนจะเพิ่งเปิดไม่นาน ยังใหม่อยู่
สะอาด ทำเลดี พนักงานน่ารักมากๆ พูดภาษาอังกฤษไม่เก่งมากแต่พยายามช่วยเหลือเราทุกครั้ง
ที่สำคัญเป็นที่พักชิคๆ ที่ราคาน่าคบมาก นี่ไปกัน 4 คืน 3 คน ราคาทั้งหมด 2,700 ถูกมากกกกกก




L'ANG FARM นี่มีให้เห็นทั่วดาลัด ขายของจากฟาร์มพวกแยม น้ำผลไม้ ชาต่างๆ แต่สาขาตรง Night Market เป็นบุฟเฟ่ต์ขนมหวาน!!!
ราคาแค่คนละไม่เกิน  70 บาท ไอศครีมมีหลายรสมากกกก อร่อยมากกก คนเยอะแต่ถือว่าโอเคมาก ชี้ทางสว่างให้แล้ว
ต่อไปร้านนี้คนไทยแน่นแน่นอน ตอนเราไปนี่เป็นต่างชาติกรุ๊ปเดียวในร้านเลย




บรรยากาศจะวุ่นวายหน่อย แต่คุ้มมาก มีของคาวด้วยนิดหน่อยน้า ไปกินแทนมื้อเย็นได้เล้ย




ชาเมลอน ได้รสแค่ความหวานอย่างเดียว ไหนกลิ่นเมลอนหรอ













คาเฟ่น่ารักๆ เยอะมากกกก อาจจะไม่ได้บอกพิกัดนะคะ ไปเดินเลือกตามจริตส่วนตัวได้เลยเด้อ

รีวิวกันมาจนจบทริป ขอย้ำอีกทีว่าดาลัดเป็นเมืองชิคๆ ไปเพื่อนั่งจิบชาร้อนสวยๆก็คุ้มค่าตั๋วล้าววววว






แนบรูปเผื่อใครไม่เก็ตคำว่า 'จิบชาสวยๆ' 555555 ขอบคุณทุกคนที่ตามอ่านจนจบน้า ไว้มีทริปอะไรอีกจะเอามาเล่าอีกนะคะ


carahalloween

carahalloween

เราเป็นชะนีน้อย (แต่ตัวใหญ่ ขัดแย้งแมะ) ที่ชอบเที่ยว ชอบทะเล รักภูเขา รักน้ำ รักปลา รักซากุระ (ไม่ใช่ละ5555) เราเที่ยวบ่อย เที่ยวจนไม่มีเงินเก็บ เที่ยวจนเรื่องราวมันล้น จนต้องเอามาเล่าให้คนอื่นฟัง ลองมาอ่านเรื่องราวของสถานที่ต่างๆผ่านมุมมองของเรากันนะ และนอกจากชอบเที่ยวแล้ว เรายังรักแฟชั่นและการแต่งหน้า (บ้าๆบอๆ) เอามากๆ ใครที่ชอบสไตล์เดียวกับเราคือยินดีด้วยเด้อ เธอมีเพื่อนแล้วจ้า มาบ้าไปด้วยกันนะ <3

FULL PROFILE