REVIEW :: Lip Care Routine พร้อมวิธีดูแลปากให้เนียนนุ่ม บอกลาปากแตกไปได้เลยย

สวัสดีค่าา วันนี้ข้าวจะมารีวิว Lip Care Routine พร้อมผลิตภัณฑ์ที่ใช้อยู่ให้ทุกคนฟัง

(แต่ไม่ใช่ทั้งหมดที่ข้าวมีนะ ถ้าเปิดกรุลิปทั้งหมด อาจจะตามมาในภายหลัง)

คือมี Skincare Routine แล้ว ขอมี Lip Care Routine มั่ง 555

ต้นเหตุของกระทู้นี้ คือก่อนหน้านี้ ข้าวเริ่มสังเกตุว่า

เอ้อ เวลาข้าวแต่งหน้า แล้วทาลิปสติกทั้งวัน ปากไม่ค่อยแตกแล้ว !

ขุ่นพระ !! บอกเลยว่าปากข้าวแห้งมาก ปกติขาดลิปมันได้ไม่เกิน 3 ชม

ลิปแมททั้งหลายนี่ ไม่ต้องมาคุยกันเลยค่ะ

อยู่ด้วยกันได้แปบเดียว ปากก็เริ่มแตกแล้วค่ะ

แต่นี่ ! ปากข้าวสามารถมีชีวิตอยู่ได้โดยไม่ต้องทาลิปมันทั้งวัน !!

Oh My God

*พูดด้วยสำเนียงคุณแพร Vatanika*

มะ เลยอยากมาแชร์ผลิตภัณฑ์ที่กำลังใช้อยู่ให้ทุกๆคนฟัง

รวมถึงทริคเล็กๆน้อยๆในการดูแลริมฝีปากด้วยเน้อ

ไปดูเล้ยย ^0^

มาดูรวมๆก่อนเลยยย

มีทั้งลิปสครับ ลิปมัน ยันลิปสลีปปิ้งมาส์ก ไปเล้ยย

คือข้าวเป็นคนเยอะสิ่งกับเรื่องลิปมันมาก 555
ปากข้าวแตกง่ายม๊ากกก ไม่ว่าจะกินน้ำเยอะๆ หรือทาลิปมันทั้งวันทั้งคืน
พอหยุดทา มันก็กลับมาแตกเหมือนอยู่ดี
เลยมีความสรรหาไปเรื่อยๆอยู่ตลอดเวลามากกก

ข้าวจะพูดถึงของแต่ละ step ในการดูแลริมฝีปากของข้าวเลยละกันน

อย่างแรกกก

อะไรเอ่ย กระปุกหน้าตาพิลึกกึกกือ 555

ตัวนี้เป็นลิปสครับจากแบรนด์ Skinfood นะคะ

รุ่น Skinfood Avocado & Sugar Lip Scrub

ตัวนี้พรีมา บอกตรงๆว่าไม่รู้ว่าไทยมีขายมั้ย แต่ราคาไม่แรงนะ ประมาณ 100 กว่าบาท

แต่เอาจริงๆ ข้าวว่าในส่วนของสครับเนี่ย

ใช้เป็นวาสลีนผสมกับน้ำตาลเอาก็ได้ ข้าวก็เคยทำ

ก่อนจะขี้เกียจ และซื้อเป็นสครับสำเร็จรูปมาแทน 5555

ข้างในจะเป็นเนื้อสครับแบบนี้

ใช้มาตั้งนานละ ไม่พร่องเลย ข้าวปาดมาใช้ทีละนี้ดดดเดียว 555

เนื้อเขาจะเป็นน้ำตาลละเอียดๆอย่างนี้

รสชาติก็หวานๆ เวลาสครับแล้วก็เข้าปากไปหลายครั้งอยู่ 5555

พอเราสครับไป น้ำตาลก็จะละลายไปเรื่อยๆ

ก็ขัดๆไปเรื่อยๆ จนน้ำตาลละลายหมด หรือเกือบหมด

แล้วเอาสำลีชุบน้ำเช็ดออกเบาๆ

ถ้าปากกำลังมีขุยๆลอกๆ ไม่เรียบเนียน มันจะหายยยยไปหมดเลย

แล้วปากจะเนียนนุ่มมากกก

แถมสครับตัวนี้ พอล้างออกแล้วปากจะชุ่มชื่นๆ มันๆเลยนะ เหมือนทาลิปมันแล้ว

สาวๆทุกคน สครับหน้าแล้วก็สครับปากด้วย

อาทิตย์นึง เราควรสครับปากสักอาทิตย์ละครั้งเนาะ

เผื่อมีลิปมีอะไรที่ตกค้างอยู่บนปาก ก็จะได้สครับออกไป

แถมนอกจากจะกำจัดพวกขุยๆ สิ่งตกค้างบนปากแล้ว ยังช่วยให้ปากอมชมพูขึ้นด้วย

เวลาทาลิปจะได้บำรุงได้อย่างเต็มที่ !

ต่อมา ปกติตอนกลางคืน ข้าวจะทาตัวนี้ ถ้าไม่ขี้เกียจนะ 5555

ตัวนี้คือ The Sun Society Hyaluronic Acid

เป็นไฮยาลูรอนเข้มข้น ราคาที่ญี่ปุ่นอยู่ที่ขวดละ 150 บาท

ส่วนที่ไทย ถ้าซื้อตามร้านพรีต่างๆ ก็อาจจะมีบวกเพิ่มบ้าง แล้วแต่ร้าน

ข้าวเคยรีวิวไปแล้วในของที่ใช้หมดแล้ว

คือข้าวใช้หมดไปหลายยยยยขวดมากเว่อร์

เหมือนสกินแคร์สามัญประจำบ้านละ ทาหน้าทาปาก ทาอะไรก็ได้อะ

แน๊ หลายคนอาจจะไม่รู้ละสิ ว่านางเอามาทาปากได้ด้วย

ใช่แล้ววว นางเอามาทาปากได้นะทุกคนน

สำหรับตัวนี้ ถ้าทาติดต่อกัน ปากเราจะเรียบเนียน แล้วก็มีความชุ่มชื้นมากขึ้น

แต่นางเหมือนเน้นเติมความชุ่มชื้นภายในปาก

แบบ ไม่ได้ล๊อคไว้ หรือเคลือบไว้เลย

ทาปุ๊บ นางจะซึมหายไปหมดเลย แล้วก็รู้สึกปากแห้งๆอยู่ดี

เพราะงั้น ข้าวทาตัวนี้แล้ว ก็จะทาลิปมันตัวอื่นทับเพื่อล๊อคความชุ่มชื้นเอาไว้

อ้ออออ แล้วก็จริงๆ skincare บางตัวเราก็เอามาทาปากได้นะ

เช่น Sulwhasoo First Care Activating Serum

ปกติเวลาข้าวทาตัวนี้ ข้าวก็จะทาปากไปด้วยเลย

นางช่วยให้ปากนุ่ม แล้วก็ชุ่มชื้นขึ้นด้วยแหละ

ตัวถัดมาาา เป็น Shiseido Moilip

คือตัวนี้นางก็มีความดังอยู่แล้วนะ แต่ข้าวเพิ่งได้มาลอง

คือเพื่อนข้าวไปเที่ยวญี่ปุ่นใช่มะ แล้วข้าวก็ฝากนางซื้อลิป DHC มา

(จริงๆลิป DHC ก็ดีมากเหมือนกัน แต่ทิ้งไว้ที่ทำงาน 555)

แล้วเพื่อนก็บอกว่า แกรรร ลิปชิตัวนี้มันดีย์มากกกเลยนะ ควรลองงง

ข้าวก็ โอเคค่ะ เอาด้วยก็ได้ค่ะ 555

ราคาประมาณ 200 กว่าบาทได้

ตอนแรกที่เพื่อนเอามาให้ แล้วข้าวลองใช้คืนแรก

เกลียดมากกก ปาทิ้งงงงง 555

คือทาแล้ว ตื่นเช้ามาปากแห้งงง

เหมือนนางหายไปไหนหมดก็ไม่รู้ แล้วปากข้าวก็แตก

นี่ก็บ่นไปกับเพื่อนจ้า แกกรรรร ชั้นใช้แล้วมันไม่เวิร์คเลยยยย

เพื่อนก็มีความปลอบใจว่า แกรรรร แต่ชั้นใช้แล้วมันเวิร์คนะ โบกไปหนาๆเลยตอนกลางคืน

อะ ลองใหม่

คราวนี้โบกแบบโบกกกเลย

เฮ้ยยย คราวนี้เวิร์คคค ตื่นมา ปากนุ่มชุ่มชื้นเลยยย

สรุปว่า เวลาใช้ต้องโบกหนาๆ อย่างกนะตัวนี้

แล้วจะบอกว่า ข้าวลองใช้คู่กับตัวไฮยาลูรอนข้างบนแล้วเวิร์คมากกก

ทาไฮยาลูรอนไป โบกตัวนี้ตาม แล้วไปนอนข่ะ

ตื่นมาปากจะชุ่มชื้นมากกก แถมชุ่มชื้นไปทั้งวัน

ขนาดที่ทาลิปทั้งวัน ปากยังไม่แตกอะ

ปกติคือแบบ เยินตั้งแต่ 3 ชมแรก ถ้าไม่เติมกลอส หรือลิปมัน

ยังคงอยู่ในส่วนของการบำรุงตอนกลางคืนนะคะ

ตัวถัดไปเป็นลิปสลีปปิ้งมาส์กของ innisfree

ตัวนี้คือทาตัวเดียวจบ โบกไปก่อนนอน ตื่นมาปากนุ่มนิ่ม ฟินมากกก

ถ้าเทียบกับชิด้านบน ข้าวว่าชิเหมือนไปเคลือบปากไว้ให้ชุ่มชื้นยาวนาน

ระหว่างวัน ถ้าตอนกลางคืนทาชิ วันนั้นปากจะทนต่อการแตกได้นานกว่า 555

ส่วนตัวนี้จะเน้นบำรุงให้ปากนุ่มมากกว่า

เนื้อลิปสีขาวอมเหลือง

กลิ่นหอมน่ากินมากก กลิ่นคล้ายๆน้ำผึ้งเลย

ใช้จะหมดละ กระปุกนึงใช้ได้นานมากกก ราคาประมาณ 2-3 ร้อยบาท

มาถึงลิปที่ข้าวใช้บำรุงในช่วงเช้ามั่ง

ตัวแรก คือทุกคนน่าจะรู้จักอะ 555

หรือลิปนีเวียสีน้ำเงิน สูตรโครต original ของเขานี่เอง

ราคา 79 บาท ชอบซื้อตอน 1 แถม 1

เนื้อลิปเป็นสีขาว แล้วเนื้อแบบหนามากกกก

ทาแล้วปากมันเหมือนไปกินไก่มา 5555

แต่ข้าวชอบทาตอนเช้านะ แบบตื่นเช้ามาอาบน้ำเสร็จ ระหว่างทาครีมก็โบกตัวนี้ลงไปเลย

แล้วก็แต่งหน้า แต่งตัวไป ทีนี้ ปากเราก็จะพร้อมสำหรับการทาลิปพอดี

คือถ้าเป็นไปได้ ก่อนทาลิปสติก ระหว่างเราแต่งส่วนอื่น

ควรจะลงลิปมันไว้ก่อนน้า จะได้เตรียมปากของเราให้แบบ เหมือนได้รับการบำรุงก่อน

ถ้าอยากทาลิปแมท ก็ค่อยซับๆนางออกก่อน

แต่ส่วนใหญ่ข้าวก็ทาทับไปเลย เปลี่ยนทุกลิป ให้เป็นลิปครีม 5555

ตัวสุดท้ายที่ข้าวจะพูดถึงแล้ว เย้

น้อง Flow Fushi Lip 38 ˚C ที่ได้จากจีบันนี่เองงง

ตัวนี้ข้าวจะใช้เติมระหว่างวัน ปกติเวลาไปทำงาน ข้าวไม่ได้แต่งหน้าอะไร

ก็ทาเป็นลิปกลอส ลิปมันมีสีอะไรไปเรื่อยเปื่อย

นอกจากตัวนี้ก็ใช้ทั้ง Fresh DHC แล้วก็ตัวอื่นๆสลับๆกันไป

แต่มารีวิวถึงน้องเขาดีกว่า น้องเขามาเป็นกลอสใสๆ

จริงๆถ้าดูสีจากในหลอดจะสีเขียวๆ ตอนควักออกมาทาก็ออกเขียวๆนะ 555

แต่เกลี่ยๆไปแล้วจะกลายเป็นกลอสใสๆ ไม่ได้ออกสีอะไร

ทำให้ปากดูฉ่ำๆ แต่ไม่เหนียวเลยยยยย

เนื้อเบาม๊ากกก แต่ให้ความชุ่มชื้นได้ดีมากกกกก

ชอบมากกกก

ทาบำรุงก็ได้ ทา top ลิปสติกก็ดี love ข่ะ !!

จบแล้วววว กับ lip care routine ของข้าว 555

ดูแลหน้าแล้ว อย่าลืมดูแลปากด้วยนะทุกคนนน

ไว้วันหลังจะมาเปิดกรุ lip care ของตัวเอง

เป็นคนบ้าซื้อลิปมันมากกก 5555

แต่วันนี้ไปล้าววว

ใครมีอะไรสงสัยก็เม้นท์ถามด้านล่างได้เลยน้าา

บ้ายบายยย เจอกันใหม่กระทู้หน้าจ้า <3