[หนึ่งเดียวในดวงใจ] THREE Aiming Oil ดีแซงซ้ายจนรักหมดใจ

ชั้นเลือกแล้วและชั้นเลือกเลย THREE Aiming Facial Oil Essence

ขอยกให้ขวดนี้เป็นที่หนึ่งในดวงใจจริงๆ ตรง Topic แบบไม่ต้องแปลความต่อ เพราะเทสแค่คืนเดียวก็ต้องรีบโกยแนบกลับไปเคาทเตอร์ทันที ขอเหอะ ขอรับกลับบ้านมาอยู่ด้วยกัน

ในกรุสกินแคร์คิสที่มี คิสมั่นใจนะว่าที่เลือกๆมามันดีทุกตัวไม่งั้นคงไม่ใช้แต่แรก แต่นี่คือ "ตัวเดียวและตัวแรก" ที่ไม่ใช่ยาจากหมอแล้วทำให้คิสรู้สึกเลยว่าผิวดีขึ้นแบบข้ามคืน และจากที่ใช้มาแค่ 10 วันคือผิวคิสดีขึ้นทุกวัน...ย้ำ...ทุกทุกวัน ตื่นมาคือตื่นเต้นรอเลยว่าจะเป็นยังไง ผิวจะดีขึ้นได้อีกมั๊ย ถ้ามันจะหยุดก็ไม่แปลกใจนะ แต่ถ้ามันดีขึ้นได้ก็จะฟินมาก และคิสก็ฟินมาทุกวันจนถึงตอนนี้

สำหรับคนอื่นคิสไม่รู้นะว่าเวลาที่รู้สึกดีกับสกินแคร์นี่รู้สึกกันแบบไหน เพราะคิสมีปัญหาผิวมากกว่าคนอื่นก็อาจจะยิ่งเห็นผลชัด คิสมีรอยดำ รอยแดงเต็มหน้าไปหมด และหน้าโทรมเหมือนผิวไม่ได้ออกซิเจนมานานแล้วเพราะพอกรองพื้นเกือบทุกวันมาเกิน 13 ปี มีใครให้มากกว่านี้มั๊ย  -  -"

นับตั้งแต่เรียนปีหนึ่งจนถึงต้นเดือนปีนี้ คิสแทบจะไม่เคยออกนอกบ้านด้วยหน้าดิบๆสักวันเดียว ต่อให้เดินไปเซเว่นก็ต้องลงครีมกันแดดแบบมีสีไปด้วย คือน้อยที่สุดก็ขอ tinted moisturizer มาเยียวยา ไม่งั้นไม่ได้จริงๆ รู้ว่าสภาพหน้าไม่พร้อมเจอสังคม หรือสังคมไม่พร้อมเจอคิส มันต้องตรงไหนสักตรงแน่นวลลลล

คิสอยากจะรีวิว Aiming Oil  (คิสขอเรียกว่า AOE แทนนะ ยาวเกิ๊น)

แต่...ขอตัวไปตั้งสติก่อนสตาร์ทและทำออกมาให้ดีๆ เพราะเป็นสกินแคร์ตัวแรกที่คิสอยากจะทำรีวิวแบบดีที่สุดเท่าที่คิสจะทำได้ออกมาให้คนอื่นอ่าน

และคิสรู้ว่าคนที่มีปัญหาผิวมีความรู้สึกยังไง suffer ขนาดไหน มองกระจกแล้วรู้สึกยังไง และเวลาผิวเราดีขึ้น เราจะรู้สึกแบบไหน คิสรู้เรื่องนี้อย่างหมดจด ไม่เคยเลยสักนาทีที่ ภาวะบนหน้าจะเฉียดใกล้คำว่า "ผิวดี"

เอาว่ารีวิวแบบ In depth เจาะลึก คิสคงจะมาพูดถึงวันหลัง แต่ที่บอกได้ในวันนี้คือทำไมถึงรัก เพราะ....

การใช้ AOE มีผลกับชีวิตคิสใน 2 เรื่อง

1. เปลี่ยนจุดโฟกัสจากการแต่งหน้ามาดูแลผิวหน้า

2. รักตัวเองมากขึ้น

(ใครว่าเว่อร์ก็ต้องขอโทษด้วยนะคะ แต่ผิวที่ดีขึ้นมีผลกับคิสมากจริงๆ คิสมั่นใจตัวเองมากขึ้น กล้ามองกระจกมากขึ้น กล้ายิ้มมากขึ้น และรู้สึกว่ามองโลกในแง่ดีมากขึ้นไปด้วย คือมันเป็น domino effect จากแค่เรื่องผิวเปลี่ยนไปนี่ละ)

ปรกติคิสแทบจะไม่เคยลงทุนกับเรื่องการดูแลผิวหน้าเลย แต่กลับไปลงทุนกับพวกเครื่องสำอางดีๆแพงๆ รองพื้น เบส อะไรก็ตาม เกือบทุกชิ้นที่คิสใช้ คิสอ่านรีวิวเยอะมากๆ เพราะอยากได้ของที่ดีที่สุด หรืออย่างน้อยก็ดีกับตัวเองมากที่สุดเสมอ

คิสดูแลผิวนะ แต่คิสดูแลแบบไม่ได้ลงทุน ทุ่มเทอะไรกับมันแบบสุดๆเลยจริงๆ คือหลักๆแค่ดูแลให้สิวไม่ขึ้น ทำให้สิวยุบแบบไม่สนใจวิธีการ จนมาดูสภาพผิวหน้าตัวเองอีกที มันแย่ไปหมดแล้ว เหมือนเซลล์ผิวหน้ามันโดน polluted คิสอายุ 34 แต่ผิวหน้าเหมือนคนอายุ 40++ อยากจะแถมให้เป็น 50++ ด้วย เพราะโดนสารเคมีรุนแรงมาสารพัดสิ่งจริงๆ

ตอนนี้คิสเปลี่ยนจุดโฟกัสไปเลย พอผิวดีขึ้นได้จากการบำรุง คิสว่าคิสควรจะเปลี่ยนคิดใหม่ทำใหม่

ทำไมเราถึงไม่ดูแลผิวให้ดีที่สุด แล้วแต่งหน้าให้น้อยลงละ

คิสคงไม่เลิกแต่งหน้าแน่ๆ แต่คิสจะแต่งให้น้อยลงกว่าเดิม และคิสไม่ต้องรอแล้ว เพราะตอนนี้คิสทำมันได้แล้วจริงๆ

ใครที่ไม่เคยมีปัญหาผิวคงไม่เข้าใจ แต่คิสรู้สึกดีมากๆที่ไม่ต้องตื่นมาตาลีตาเหลือกค่อยๆประคบประหงมลงรองพื้นที่ละจุดนิดๆไปจนกว่าจะครบส่วนก็ชม.นึงพอดี

คนผิวดี ปาดๆแป่บเดียวก็ดูสวย แต่นั่นไม่ใช่กับคนผิวเสีย ลงไม่ดี แต่งออกมายิ่งน่าเกลียด รองพื้นเป็นรอยดวงๆด่างๆ ตกตามร่องผิว กลายเป็นแผนที่โลกอีก

ตอนนี้คือเปลี่ยนไปเลย คิสแต่งหน้าไวมากๆ เบสทาได้ก็ดี แต่ถ้าไม่ทาคิสก็ไม่ได้ panic กับการจะออกจากบ้านแล้ว เพราะผิวดู inner glow มันดีมาก ดีจนเกรงใจตัวเองแล้วเนี้ย มั่นหน้ามากขนาดนี้ก็แอบรู้สึกหมั่นไส้ตัวเองเหมือนกันนะ ^^"

คิสใช้ตัวนี้ได้ 3 วัน คิสกล้าออกจากบ้านแบบลงแค่กันแดด แล้วเขียนคิ้ว กรีดตา ทาปาก ไม่ต้องรองพื้นแล้ว ไม่ลงเบส ไม่ทาแป้งผสมรองพื้นอะไรเลยด้วย คือจะหน้าสดไม่เขียนคิ้วเลยคิสทำไม่ได้นะ 555555555 แต่งอ่อนๆเป็นสิ่งที่จำเป็นเสมอค่ะ

และคิสก็คิดว่า...ต่อไปเสาร์อาทิตย์ชีวิตคงจะง่ายแล้วละ ไม่ต้องเสียเวลาแล้ว

...
...
...


ป่าวเลยจ้า ล่าสุดคือคิสสามารถทำแบบนี้ได้กับวัน weekday ไปแล้ววววว

คือมั่นใจแล้วละว่าชั้นจะไม่เป็นที่ครหาของสังคม 55

อย่างที่บอกว่ามันเกิน 13 ปีแล้วที่คิสต้องรองพื้นเกือบทุกวัน โป๊วสีกลบผิวหน้าตัวเองทุกวัน คิสไม่เคยคิดว่าแต่งหน้าเพื่อคนอื่น ไม่เคยคิดว่าแต่งเพื่อให้ตัวเองสวย ซึ่งแบบ....สวย?? ชีวิตคิสไม่ต้องคิดถึงคำนี้หรอก เรียกว่าเอาให้สังคมไม่เดือดร้อนจะดีกว่า คิสกลัวคนมองหน้าแล้วไม่สบายตา กลัวคนล้อผิวหน้าคิส ฯลฯ

คิสไม่รู้สังคมคนอื่น แต่คิสโดนมาแล้วจริงๆ คิสไม่เคยโกรธเลยด้วย สักครั้งก็ไม่โกรธ แต่คิสเสียใจ ร้องไห้กับเรื่องผิวคือเป็น chapter นึงของชีวิต ใครไม่โดนกับตัวไม่มีทางเข้าใจ

(ไม่ใช่ไม่อยากจะสวนกลับนะ แต่มันคิดไม่ทัน แค่ได้ยินก็เสียใจจนไม่รู้จะเอาหน้าไปปักดินไปตรงไหนดี ได้แต่ยิ้มเขินๆ แต่อยากบอกไปมากๆว่าหยุดพูดแบบนี้เถอะ ไม่กี่วินาทีที่คุณแค่พูดทำร้ายคนอื่นแบบไม่ตั้งใจ มันติดเป็นแผลเป็นกับคนๆนึงได้ไปตลอดชีวิตเลยนะ อย่าพูดเลยค่ะ ถ้าเค้าไม่ได้ขอให้คุณช่วยวิจารณ์ หรือคุณไม่ได้ทำให้ชีวิตเค้าดีขึ้นได้ เก็บความเป็นห่วงเอาไว้ก่อน สงสารพวกเราบ้าง)

แต่คิสจะไม่กลับไปวงจรเดิมแล้วอะ แล้วคิสก็จะไม่กลบผิวหน้าตัวเองทุกๆวันแล้วด้วย วันไหนคิสอยากแต่งก็จะแต่ง จะจัดเต็มก็จะทำ ไม่อยากก็ไม่ต้องทำ คิสตามใจตัวเองได้เต็มที่

คิสรู้เลยว่ามันคืออาการรักตัวเอง

อาจจะมีเส้นคั่นบางๆระหว่างหลงตัวเองกับรักตัวเองนะ

แต่คิสมั่นใจว่าคิสไม่ได้หลงตัวเอง คิสไม่ไดัคิดว่าตัวเองสวย ไม่ได้คิดว่าตัวเองดีกว่าใคร ไม่มีความคิดนี้ในหัวกะบาลคิส คิสค่อนข้างจะคิดติดลบกับตัวเองประหนึ่งชะมีมีปมด้วยซ้ำ

คิสแค่รู้สึกว่าคิสมีดีให้ตัวเองหวงแหนมากขึ้นบ้าง ถึงมันจะเริ่มมาจากเรื่องนอกกาย แต่ถามว่า...ถ้าเรื่องนอกกายแล้วมันส่งผลกับจิตใจคิส คิสก็ขอแคร์เรื่องนอกกายละกัน

จะเข้าสู่ Phrase ธรรมะธัมโมอีกแล้วจ้า 55555555555