ดีจนต้องร้องกรี๊ด! ไอเท็มเด็ดของเรา ที่ไม่ผิดหวังที่ซื้อมา

กรี๊ดดดดด!!! มากรี๊ดเปิดหัวกระทู้กันหน่อยจ้า

เพราะขอ สกินแคร์ที่เราจะนำมารีวิวในวันนี้นั้น มันดีจนต้องร้องกรี๊ดดดดด

ไม่ขอพูดไรมาก เจ็บคอ ฮ่าๆๆ (นางเขียนป่าวคะ? ไม่ได้พูด)

ไปดูกันดีกว่าว่ามีชิ้นไหนบ้าง 

แล้วแต่ละชิ้นคุณน้องแต่ละคนเค้าดียังไง ทำไมต้อง กรี๊ดดดด 

ก่อนการลงเซรั่มใดๆ เราจะเปิดผิวด้วย 

น้องคนนี้เป็นสกินแคร์จากฝั่งเกาหลีที่มีส่วนประกอบเด่นๆ ก็คือสมุนไพรโสม 

สาวๆ ที่สนใจเรื่องสกินแคร์หรือชอบอ่านและดูรีวิวบิวตี้ต้องรู้จักแน่นอน 

จุดเด่นแรกที่เราสัมผัสได้เลยก็คือกลิ่นค่ะ น้องเค้ามีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์มากๆ

 พูดง่ายๆ ว่าคือกลิ่นโสมที่รู้สึกแพง แล้วก็สดชื่นสุดๆ

 เราจะใช้แค่ปั๊มเดียวพอ มันเปลือง 555 จากนั้นก็ถูๆให้ฝ่ามืออุ่น 

แล้วค่อยๆ กดลงบนผิวหน้า เนื้อพรีเซรั่มเป็นสีอำพัน ซึมง่ายไม่เหนียวเหนอะหนะ 

ผลลัพธ์หลังใช้คือ ผิวแข็งแรงขึ้นมาก เหมือนได้รับการกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต

ซารางเฮโย <3

สำหรับขวดนี้เป็นเซรั่มตัวดังที่สาวๆ หลายคนน่าจะคุ้นหน้าค่าตาเช่นกัน 

คือเราเป็นคนที่มีจุดด่างดำค่อนข้างเยอะ ซึ่งตัวนี้ก็ตอบโจทย์มากๆ 

เพราะชื่อน้องเค้าก็บอกอยู่แล้วว่า Dark Spot Solution 

เนื้อเซรั่มจะเป็นน้ำใสๆ บางเบา แต่ไม่ถึงกับเป็นน้ำเปล่านะ

 มองผ่านๆ นี่คือไม่มีสีและกลิ่นเลย เวลาใช้ก็ดรอปลงบนผิวประมาณ 3-4 ปั๊ม

แล้วทาให้ทั่วใบหน้า เราจะเน้นนวดวนๆ ตรงจุดด่างดำนานหน่อย

 ที่ชอบอีกอย่างหนึ่งคือเนื้อเซรั่มซึมผิวดีมากกก

 ปาดทีเดียวก็หายไปผิวแล้วจ้า ผลลัพธ์หลังใช้เราว่าพวกรอยดำจางลงจริงๆ 

ต่อกันที่สกินแคร์น้องใหม่ล่าสุดจากฝั่งญี่ปุ่นกันบ้างจ้า

 ใครเป็นสาย Japan Beauty น่าจะคุ้นเคยน้องเค้าดี เพราะ d program 

ที่ว่านั้นเป็นแบรนด์ลูกของ Shiseido แล้วก็โด่งดังมากสำหรับสาวญี่ปุ่น

จนได้รับรางวัล Cosme มาแล้วด้วยนะ ซึ่งตอนนี้น้องเค้าก็มีขายในไทยแล้วจ้า 

ดังนั้นมีหรือที่เราจะพลาด โดยจุดเด่นของ  d program ก็คือเป็นสกินแคร์สำหรับผิวแพ้ง่าย อ่อนโยน ไม่ทำร้ายผิว แล้วก็มีให้เลือกสำหรับทุกปัญหาผิวเลย 

ซึ่งเราเลือกสีม่วงมาค่า เป็นสูตร Vital Act ซึ่งจะช่วยเรื่องริ้วรอยค่ะ 

เวลาใช้เราจะใช้ Lotion ตบผิวก่อน จากนั้นก็ตามด้วย Emulsion 

ซึ่งเนื้อจะเข้มข้นกว่าจ้า ผลลัพธ์หลังใช้คือรู้สึกได้เลยว่าผิวหน้าระคายเคืองน้อยลง กระชับขึ้น แล้วก็นุ่ม เด้งชุ่มชื่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด บริเวณที่เคยลอกก็ลดลงด้วยจ้า ใครที่ใช้สกินแคร์อะไรก็แพ้ ลอง d program สิจ๊ะ แล้วจะกรี๊ดดด

ไอเท็มชวนกรี๊ดตัวต่อไป น้องเค้าเป็นน้องใหม่จาก ESTEELAUDER

ซึ่งถือว่าอยู่ในไลน์เดียวกับ ANR อันโด่งดังค่ะ 

ความพิเศษก็คือน้องเค้าเป็นเนื้อเจล ทำให้มีคุณสมบัติมอบความชุ่มชื่นบริเวณรอบดวงตาอย่างสมดุล นอกจากนี้ BA ยังบอกว่าตัวนี้ช่วยเรื่องปกป้องรอบดวงตาของเราจากแสงสีฟ้าที่มาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือมือถือซึ่งเป็นสาเหตุของความเหี่ยวย่นละริ้วรอยอีกด้วย ความจริงตัวนี้เราได้เป็นไซส์จิ๋วจากเคาน์เตอร์

 แต่ใช้ได้นานมากกกก ประทับใจตั้งแต่เนื้อเจลที่สบายผิว

 แล้วก็ผลลัพธ์หลังใช้ที่รู้สึกเลยว่ารอบดวงตาชุ่มชื่นขึ้น ส่วนในเรื่องเส้นรอยเล็กๆ ก็ค่อยๆ จางลงด้วยจ้า

อันดับต่อไปเป็นลิปสติกบำรุงริมฝีปากของ DHC ค่ะ 

ได้ยินความดีงามของน้องเค้ามานานมากกก พอไปญี่ปุ่นก็เลยช้อปมาหลายแท่งอยู่ เพราะที่นู้นราคาถูกมาก คือจำไม่ผิดน่าจะไม่ถึงแท่งละ 200 บาท

ความจริงน้องเค้ามีหลายรุ่นนะคะ แบบมีกลิ่นมีสีก็มี แต่เราเอาแบบ Pure มาเลยค่ะ คือไม่มีสีไม่มีกลิ่น แล้วโดยส่วนตัวคือลองใช้ลิปสติกบำรุงมาพอสมควร

 แต่น้องคนนี้คือเราชอบเนื้อมากที่สุดเลยอ่ะ คือพอทาลงบนปากมันเกาะหนึบไปกับผิว มอบความชุ่มชื่นแล้วก็ล็อกเอาไว้ แต่ก็ไม่ได้ทำให้เหนอะหนะหรือหนักปากแต่อย่างใด กลับมาที่ไทยก็ยังทาก่อนลงลิปสติกสีๆ แล้วก็ทาบำรุงก่อนนอนด้วย

อัดแน่นกับการบำรุงกันไปแล้ว มาปิดท้ายด้วยการทำความสะอาดกันบ้างดีกว่า 

โดยไอเท็มที่เรากรี๊ดมากตอนนี้ก็คือ MUJI CLEANSING OIL FOR SENSITIVE SKIN ความจริงเราชื่นชอบแบรนด์ MUJI มานานแล้ว

 แต่ก็ยังไม่เคยลองสกินแคร์ของเค้าเลย ประจวบเหมาะกับความที่เป็นคนชอบใช้ออยล์นวดล้างเมคอัพ พอยี่ห้อเก่าหมด ก็เลยขอลองของ MUJI บ้างดีกว่า

 เพราะน้องเค้าก็มีชื่อเสียงเรื่องความดีงามอยู่พอสมควร โดยตัวนี้ไม่มีสี ไม่มีน้ำหอม คนผิวแพ้ง่ายใช้ได้สบาย เวลาใช้ก็แค่ปั๊มออยล์ลงบนฝ่ามือแล้วนวดวนๆ 

 ออยล์ตัวนี้ไม่เปลี่ยนเป็นน้ำนมนะคะเป็นออยล์ล้วนๆ เลย  

ประทับใจมากกคือน้องเค้า Less is more จริงๆ