ดูกันชัดๆ LANEIGE VS GRID ...Sleeping mask เด็ดและดี!!

7 1

ฮัลโหลสวัสดีจ้าเพื่อนๆ ทุกคน มาพบกันอีกแล้วนะจ๊ะ วันนี้มาในหัวข้อของ “Sleeping mask” กันหน่อยดีกว่า ช่วงนี้อากาศแห้งๆ เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว มลภาวะแวดล้อมมีฝุ่นควัน  แถมยังมีความเครียด นอนน้อยอีก.... ผิวก็ปรับตัวไม่ทันเหมือนกันนะ ยิ่งโดยเฉพาะเราเป็นคนผิวแห้งขาดน้ำ สิ่งที่เกิดตามมาคือผิวแห้ง ลอกเป็นขุยแต่งหน้าไม่ติด  เรียกได้ว่าหน้าแทบพังต้องพึ่งสกินแคร์ด่วนๆ!!


และไอเทมที่เราใช้ประจำสำหรับกู้หน้าก็คือ Sleeping mask นี่แหละทุกคน เมื่อก่อนไม่ค่อยใส่ใจดูแลเท่าไหร่ คิดว่าแค่สกินแคร์บำรุงผิวอย่างเดียวก็น่าจะพอ แต่ความจริงแล้วการมาส์กหน้าหรือใช้สลิปปิ้งมาส์กนั้นสำคัญมากโดยเฉพาะคนผิวแห้งต้องใช้เลยนะ เพราะเมื่อเวลาผิวแห้งหรือขาดน้ำ จะทำให้ผิวเราเสียสมดุลการทำงานของผิวก็จะเสียส่งผลมากมายตามที่เราบอกไว้ข้างต้น สุดท้ายถ้าไม่รีบดูแลหน้าก็พัง! ในที่สุด

เราเองก็เลยต้องใช้ตัวช่วยอย่างสลิปปิ้งมาส์กนี่แหละเพราะมันเวิร์คสุดแล้ว….ใช้มาก็หลายแบรนด์แต่ก็มาถูกใจเอา 2 แบรนด์นี้ คือ LANEIGE กับ GRID ซึ่งแบรนด์ทั้งสองก็เป็นของเกาหลีทั้งคู่เลย จริงๆ เค้าใช้ดีทั้งคู่แหละ แต่ก็มีความต่างกันบ้างในบางส่วนเอาเป็นว่าเรามารีวิวเปรียบเทียบให้ดูละกันเนอะ...พร้อมแล้วไปดูกันเลยจ้า 

Grid


มาเริ่มที่   “Grid” กันก่อนเลยนะ หลายคนน่าจะคุ้นชื่อเค้าดีเพราะแป้งเค้าดังมากเลยล่ะ แต่ตัวสลิปปิ้งมาส์กเค้าก็ดีไม่แพ้กันนะยูว์เพิ่งออกใหม่สดๆ ร้อนๆ เลยนะ ในหลอดนี้เค้ามีส่วนผสมของดีมากมายที่ผิวของเราต้องการ โดยเฉพาะคนที่ผิวแห้งหรือผิวขาดน้ำ(แบบเรา)เนี่ยรับรองเอาอยู่เลยล่ะ 

แพคเก็จเค้าทำมาดีเลยล่ะ มีฟรอยด์กันเอาไว้อีกชั้น ไม่ต้องกลัวผลิตภัณฑ์หกเลอะเทอะเลยนะ

ไม่ว่าจะเป็น Hyaluronic3% ที่ช่วยกักเก็บความชุ่มชื่นในผิว ทำให้น้ำในผิวสมดุล สารสกัดจากถั่วเหลืองช่วยในเรื่องของความนุ่มและยกกระชับผิว และกรดอะมิโนอาหารผิวมากถึง 16 ชนิดเพื่อพื้นฟูผิวให้แข็งแรง รวมไปถึง Lavender Oli ที่เข้ามาช่วยผ่อนคลายผิวด้วย นี่แค่บางส่วนที่เราหยิบยกมาบอกกันจริงๆ ยังมีอีกเยอะเลยล่ะ แต่บอกเลยว่าดีต่อผิวทั้งนั้น


อ้อ! เค้าไม่มีสารกันเสีย ไม่ผสมแอลกฮอล์ แถมยังอ่อนโยนต่อผิว ใครที่ผิวแพ้ง่ายใช้ได้สบาย และที่สำคัญเค้าไม่ผสมสารเร่งผลัดเซลล์ผิว ที่เป็น AHA, BHA, Retinol ด้วยนะ จึงทำให้เราสามารถใช้ได้ทุกเลยล่ะ

เนื้อผลิตภัณฑ์

เมื่อเกลี่ยลงผิวแล้วจะเป็นแบบนี้เลยจ้า

เนื้อผลิตภัณฑ์ : มาม่ะมาดูเนื้อของมาส์กเค้ากันนิดนึงนะ เนื้อเค้าจะเป็นลักษณะแบบนี้เลยนะ(เพื่อนๆ ดูตามภาพได้เลยจ้า) เป็นเจลสีขาวๆ มีความบางเบาไม่เหนียวเหนอะหนะ สัมผัสได้ถึงความเข้มข้น 


กลิ่น : หอมละมุน ไม่ฉุนเลย เราชอบนะกลิ่นประมาณนี้เวลาทาไปได้กลิ่นไปแล้วผ่อนคลายดี


ผลลัพธ์ : เราใช้มาส์กก่อนนอนอาทิตย์ละ 3 วัน หลังใช้เรารู้สึกว่าหน้าดูอิ่มน้ำ มีความนุ่มชุ่มชื่นขึ้น รูขุมขนกระชับขึ้น เวลาเอามือลูบที่หน้าก็มีความลื่นละมุนไม่แห้งกร้าน ความมันตรงจมูกลดลง ริ้วรอยเล็กๆ ที่เรามีก็ดูจางลงเล็กน้อย(แต่ต้องใช้อย่างต่อเนื่องนะจ๊ะ)


 อ้อ! ข้อดีของสลิปปิ้งมาส์กของ Grid อีกอย่างก็คือ เค้าสามารถใช้เป็นครีมบำรุงได้ หรือจะใช้เป็นสลิปปิ้งมาส์กในตอนกลางคืนได้ดีงามแบบ 2in1 เลยทีเดียว


ราคา : 450 บาท ปริมาณ 50 ml

Laneige Water Sleeping Mask

อีกตัวที่เราก็ใช้เหมือนกันคือ "Laneige"นะ สลิปปิ้งมาส์กตัวดังที่หลายคนต้องเคยใช้กันแน่ๆ ในกระปุกนี้มีส่วนผสมของ Hunza Apricot Extract และ Evening Primrose Root Extract ช่วยให้ผิวเปล่งปลั่งและสดใสในตอนเช้า ภายหลังจากพักผ่อนอย่างเต็มที่ตลอดคืน คืนความชุ่มชื่นให้กับผิวเรา ทำให้ผิวพร้อมรับการบำรุงอย่างเต็มที่ แถมยังช่วยให้เมคอัพติดทนอีกด้วยจ้า

เนื้อผลิตภัณฑ์

เมื่อเกลี่ยลงผิวแล้วจะเป็นแบบนี้เลยจ้า

เนื้อผลิตภัณฑ์ : จะเป็นลักษณะเป็นเจลสีฟ้าใสๆ เกลี่ยง่าย ไม่หนักผิว ซึมลงผิวได้ดี


กลิ่น : กลิ่นหอมอ่อนๆ ละมุนดีนะ ไม่ฉุนจ้า


ผลลัพธ์ : หลังใช้แล้วสิ่งที่ได้คือความอิ่มฟูของผิว ที่มันดูโทรมๆ แห้งกร้านตัวนี้เอาอยู่นะเห็นผลชัดเจน คือได้ความชุ่มชื้นจริง หน้าดูเฟรชมากขึ้น ผิวนุ่มไม่แห้งไม่ลอกเหมือนเมื่อก่อน เวลาแต่งหน้ารู้สึกว่าติดทนมากขึ้นโดยเฉพาะเวลาทารองพื้นจะไม่ค่อยเป็นคราบแบบเมื่อก่อนแล้วดีงาม


ราคา : 1,100 บาท ปริมาณ 100 ml (ของเราเป็นขนาดทดลอง  129 บาท ขนาด 15 ml)

สรุป : เราจะมาสรุปให้ฟังคร่าวๆ นะ ระหว่าง LANEIGE และ GRID  ทั้งสองแบรนด์เค้าเป็น Sleeping mask ที่ช่วยเรื่องผิวแห้ง ผิวขาดน้ำได้ดี เติมเต็มความชุ่มชื่นในผิวได้ดีเห็นผลลัพธ์ในส่วนนี้ชัดเจน โดยเฉพาะ LANEIGE ได้ความชุ่มชื่นแบบเห็นได้ชัดเลยล่ะ ส่วน GRID  จะได้ทั้งความชุ่มชื่นและเรื่องของรูขุมขนที่กระชับขึ้นริ้วรอยดูจางลงด้วย (ส่วนตัวเราชอบกลิ่นของอันนี้หอมละมุนดี)


และที่สำคัญอีกอย่างคือเรื่องราคา ทั้งสองแบรนด์ค่อนข้างต่างกันในเรื่องของราคา แต่ส่วนตัวเราคิดว่าผลลัพธ์ใกล้เคียงกันพอสมควรเลยล่ะ เอาเป็นว่าเป็นที่ความพึงพอใจของแต่ละคนว่าจะเลือกอันไหนละกันเนอะ เราเองก็ใช้สลับๆ ไปตามงบประมาณแต่ละช่วง อิอิ

….ก็หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ นะ ใครที่มีปัญหาผิวเหมือนกันจะชอบ วันนี้ขอตัวลาไปก่อนคราวหน้ามีอะไรดีๆ มาฝากกันอีกอย่างลืมติดตามกันนะจ๊ะ บ้าย บายจ้า


Bababurin

Bababurin

Lifestyle by bear....เราชื่อป๋อมแป๋มนะจ๊ะ
ขอมาแชร์เรื่องราว ไลฟ์สไตล์ รีวิว ต่างๆ ในสไตล์แบบที่เข้าใจง่ายๆ เป็นกันเอง
.....ฝากติดตามกันด้วยนะคะ✌?
FB: Enjoywithbear
IG: Enjoywithbear
Blog: https://lifestylebybear.blogspot.com/
E mail: lifestylebybear@gmail.com

FULL PROFILE