สวัสดีค่า

วันนี้มาพร้อมกับส่วนหนึ่งของกรุรองพื้น ที่ช่วงนี้หยิบมาใช้บ่อยค่ะ
นั่นก็คืออออ 3 ทหารเสือนี้ค่ะ

ตัวแรกก็คือ

"Hourglass Vanish Seamless Foundation" คุณสมบัติของเจ้ารองพื้นตัวนี้ที่เคลมไว้ก็คือ เป็นรองพื้นที่ให้การปกปิดแบบ full-coverage ให้ผิวสวยเนียนไร้ที่ติโดยไม่จำเป็นต้องใช้ไพรเมอร์ อีกทั้งยังช่วยกระจายแสงให้ผิวกระจ่างใส เรียบเนียนแบบซอฟต์โฟกัสด้วย

ตัวที่สอง

"Giorgio Armani luminous silk foundation" มาตามคำเคลมที่ว่าเผยผิวเปล่งประกายจากภายใน ด้วยเทคโนโลยีอันเป็นเอกลักษณ์ของ Armani อย่าง Micro-fil technology ส่งเส้นใยเล็กถึงขีดสุดระดับไมโคร เข้ากระชับผิวหน้าและทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้นอย่างกลมกลืน และรองพื้นนี้ปรับระดับการปกปิดได้ตามต้องการ

ตัวสุดท้ายสำหรับวันนี้ก็คือ

"Urban Decay Stay naked weightless liquid foundation" รองพื้นแบบลิควิดที่ให้ความรู้สึกบางเบา เบาสบายผิวราวกับไม่ทาอะไรเลย แต่ด้วยสูตรกันน้ำ ติดทนนาน มาพร้อมกับเฉดสีมากมายที่ตรงกับสีผิวคุณอย่างแน่นอน!

สัมผัสแรกที่รู้สึกคือ hourglass จัดเป็นรองพื้นที่มีความเข้มข้นมากนะคะ pigment สีมีมากทีเดียว จากรูปจะเห็นได้ว่า hourglass มีความหนืดสูงที่สุด ส่วน armani และ urban decay มีความใสกว่ามาก ด้วยความที่เป็นเนื้อลิควิด แต่ urban decay จะหนืดน้อยกว่า armani แค่เล็กน้อยค่ะ

การเกลี่ยรองพื้น แน่นอนว่า hourglass มีความหนืดมากกว่า และเวลาลงรองพื้นจะมีความแห้งไว จึงอาจจะเกลี่ยยากกว่า อีกทั้งสองตัวเล็กน้อย แนะนำว่าอาจจะต้องปาดทีละครึ่งหน้านะคะ ถ้าแต้มไว้ทั่วหน้า อาจจะเกลี่ยไม่ทัน แต่จริงๆ ก็ไม่ถือว่าเป็นอุปสรรคต่อการแต่งหน้านะคะ โดยเฉพาะถ้าใช้ฟองน้ำช่วยเกลี่ยแล้ว ไม่มีปัญหาค่ะ ส่วน armani และ urban decay เกลี่ยง่ายมากๆ ค่ะ จะใช้นิ้วมือ หรือฟองน้ำ ก็สามารถทำได้ทั้งสองวิธี ระดับการปกปิด เจนเป็นคนที่ลงรองพื้นชั้นเดียวมาโดยตลอดนะคะ เลยขอทดสอบการปกปิดด้วยการดูจาการปกปิดร่องรอยของ eye liner แบบดินสอ สีดำเข้ม แทนจะดีกว่าน่าจะเห็นภาพมากกว่า

เจนปั๊มรองพื้นออกมาในปริมาณที่พอๆ กันนะคะ คือประมาณ ครึ่งปั๊ม จะเห็นว่าการปกปิดของ hourglass ให้ระดับสูงสุดเลย ได้เป็น full coverage รองลงมาคือ urban decay และสุดท้ายคือ armani ค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น รองพื้นสามารถ build ระดับปกปิดได้นะคะ แต่ก็อยู่ในระดับที่ไม่เกิน medium coverage ค่ะ

ทีนี้ขอใช้ foundations ทั้งสามตัวซักที ?

ขอเกริ่นนิดนึงก่อนว่า เจนเป็นมนุษย์ผิวผสม มันเฉพาะช่วง T-zone นะคะ รูขุมขนตรงจมูกจะกว้าง นิสัยการแต่งหน้าคือ ลงบำรุง กันแดด และตามด้วยรองพื้นเลยค่ะ ไม่ใช้ primer หรือ base, tone up และไม่ลงแป้งฝุ่นทับด้วย ??? โดยผิวที่ถ่ายไว้ของทั้งสามผลิตภัณฑ์ คือ 1 ชั่วโมง, 6 ชั่วโมง, 8 ชั่วโมง และ 10 ชั่วโมง หลังแต่งหน้าตามลำดับจาก ซ้ายบน - ขวาบน - ซ้ายล่าง และ ขวาล่างนะคะ

มาเริ่มกันด้วย Hourglass

จะเห็นว่า รูปแรกมีความแมทที่สุดนะคะ จริงๆ ถ้าด้านความคุมมันแล้วรองพื้นตัวนี้ตอบโจทย์มากๆๆๆๆ สำหรับสาวผิวมัน เพราะผิวกว่าจะเริ่มมันที่จมูกให้เห็นคือ ผ่านไป 8 ชั่วโมงค่ะ ซับไปที่ 10 ชั่วโมงแล้วก็ยังได้ความมันออกมานิดเดียว ผิวยังสวยกริบเหมือนตอนแต่งหน้าใหม่ๆ ค่ะ สาวผิวแห้งอาจจะไม่เลิฟตัวนี้เท่าไร เพราะส่วนตัวเจนเองคือบริเวณที่เป็นผิวธรรมดา คือจะรู้สึกว่าแห้งไป ต้องคอยพ่นน้ำแร่ให้ผิว ? ในส่วนของงานผิว ตัวนี้จัดว่าเป็นงานผิวแน่นกริบนะคะ ไม่ใช่งานผิวใสๆ ถ้าใครชอบบางๆ ให้ผ่านตัวนี้ไปได้เลยจ้า

มาต่อที่ Giorgio Armani

สำหรับตัวนี้มีความบางเบา คงความเป็นผิวของตัวเองอยู่มากนะคะ แต่ปกปิดรูขุมขุนได้ค่อนข้างดี ออกจะไม่คุมมันเท่าไรค่ะ ในรูปอาจจะมองไม่ค่อยชัด แต่ตอนใช้ก็คือได้ความมันออกมาเกือบเต็มแผ่นค่ะ แต่ก็นะ ที่เวลาผ่านไปแล้วตั้งประมาณ 10 ชั่วโมง แต่ซับแล้วก็สวยเหมือนเดิม ส่วนตัวจะชอบใช้ตัวนี้ในวันที่ไม่ต้องสมบุกสมบันมากค่ะ อยู่ในห้องแอร์สวยๆ ? เพราะถ้าออกไปเผชิญโลกที่โหดร้าย อาจจะเอาไม่ค่อยอยู่ค่ะ สาวผิวมันอาจจะต้องเซตด้วยแป้ง เพื่อให้อยู่ได้นานขึ้นนะคะ

ตัวที่สามของวันนี้ Urban decay

ในบรรดารองพื้นทั้งสามตัว เจนหยิบตัวนี้มาใช้บ่อยสุดเลยยย แม้น้องเค้าจะเพิ่งออกมาไม่นาน แต่ครองใจแม่ได้ ?? ด้วยความที่เนื้อเบา แต่ปกปิด เบลอรูขุมขนได้ค่อนข้างดี ยิ่งเหงื่อออกยิ่งดูเป็น glass skin ค่ะ เลยรู้สึกว่าไม่ต้องซับหน้า 5555 ระดับความคุมมัน จริงๆ ก็ทำได้ดีนะคะ เริ่มมีความมันให้เห็นที่ประมาณ 6 ชั่วโมงหลังแต่งหน้า ใช้กระดาษซับที่ 10 ชั่วโมง ก็ได้ความมันประมาณเกือบ 1 แผ่นเช่นกัน แต่แปลกที่ตอนดูกระจกจะไม่ได้รู้สึกว่าหน้ามัน (งงไหม ?)

วันนี้ไปก่อนนะคะสาวๆ หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์บ้างน้า

XOXO ?