Share - กิจกรรมเรียนเทคนิกลงรองพื้นให้ผิวละมุนกับ Burberry Matte Glow จากพี่ป้อม วินิจ
Na-nacha 58 28 JEBAN GIVEAWAY / ได้รางวัลจากจีบันนี่แหละ!
จากกิจกรรมของ Burberry เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เราได้เป็นหนึ่งในคนที่เข้าร่วม
กิจกรรมในครั้งนี้ ที่ทาง Jeban จัดขึ้นมา
ตอนที่ทางทีมงานโทรมาหา รู้สึกดีใจมากกกกกก
เราก็เลยอยากเอาเทคนิคที่พี่ป้อม วินิจ สาธิตให้ดูมาแชร์ให้เพื่อนๆ ได้ดูกัน
ปล. ของเราเข้าร่วมรอบที่ 2 พี่ป้อมบอกว่า
รอบที่ 1 กับรอบที่ 2 เทคนิคไม่เหมือนกันนะคะ
กิจกรรมในครั้งนี้ ที่ทาง Jeban จัดขึ้นมา
ตอนที่ทางทีมงานโทรมาหา รู้สึกดีใจมากกกกกก
เราก็เลยอยากเอาเทคนิคที่พี่ป้อม วินิจ สาธิตให้ดูมาแชร์ให้เพื่อนๆ ได้ดูกัน
ปล. ของเราเข้าร่วมรอบที่ 2 พี่ป้อมบอกว่า
รอบที่ 1 กับรอบที่ 2 เทคนิคไม่เหมือนกันนะคะ
ในส่วนของพาร์ทแรกนั้นจะเป็นงานผิว งานผิวรอบนี้จะเป็นการใช้
Foundation Brush ทั้งหมด เพื่อให้เห็นประสิทธิภาพของรองพื้น
ที่มีความง่ายในการเกลี่ย และไม่เป็นรอยแปรง
เริ่มจากการลง Fresh Glow Luminous Fluid Base เพื่อเป็นการเตรียมผิว ให้มีความชุ่มชื้น วิธีการคือปั้ม Base ลงบนหลังมือก่อน จากนั้นใช้แปรง Tap ผลิตภัณฑ์
แล้วจึงเกลี่ยลงบนผิวหน้า ตัวนี้เป็นเป็นตัวที่ช่วยให้ผิวหน้าเรามีการกระจายแสงที่ดี
ทำให้หน้าไม่ดู Flat และช่วยให้ผิวเราดูอิ่มน้ำตลอดทั้งวัน
Foundation Brush ทั้งหมด เพื่อให้เห็นประสิทธิภาพของรองพื้น
ที่มีความง่ายในการเกลี่ย และไม่เป็นรอยแปรง
เริ่มจากการลง Fresh Glow Luminous Fluid Base เพื่อเป็นการเตรียมผิว ให้มีความชุ่มชื้น วิธีการคือปั้ม Base ลงบนหลังมือก่อน จากนั้นใช้แปรง Tap ผลิตภัณฑ์
แล้วจึงเกลี่ยลงบนผิวหน้า ตัวนี้เป็นเป็นตัวที่ช่วยให้ผิวหน้าเรามีการกระจายแสงที่ดี
ทำให้หน้าไม่ดู Flat และช่วยให้ผิวเราดูอิ่มน้ำตลอดทั้งวัน
.. เทคนิคนี้ลองนำไปใช้เวลาที่ต้องแต่งหน้าแล้วต้องอยู่เช้าถึงมืดถึงค่ำดูก็ได้
มันจะไม่ทำให้หน้าดูฟี้บ ดูล้า ดูไม่สดชื่น ..
จากนั้นก็จะเป็นการเริ่มลง Matte Glow Liquid Foundation
การเลือกสีรองพื้นสามารถเลือกให้สว่างกว่าหน้าได้ 1-2 Step
และสีผิวของหน้า คอ และไหปลาร้าควรมีความเท่ากัน
การลงรองพื้นจะปั้มใส่หลังมือตามเดิม แล้วจึงใช้ Foundation Brush
เป็นการลงรองพื้น เริ่มจากการลงบางๆ ให้ทั่วใบหน้าก่อน ตอนที่พี่ป้อมลง
คือดูง่ายมากกก เพราะเนื้อรองพื้นมีความยืดหยุ่นสูง ไม่ได้แห้งมากนัก
หลังจากนั้นก็จะเป็นการ Layer เพิ่มเฉพาะจุด โดยการค่อยๆ Tap แปรงลงบนผิว
(ตามรูปด้านบนเลยจ้าาา)
การเลือกสีรองพื้นสามารถเลือกให้สว่างกว่าหน้าได้ 1-2 Step
และสีผิวของหน้า คอ และไหปลาร้าควรมีความเท่ากัน
การลงรองพื้นจะปั้มใส่หลังมือตามเดิม แล้วจึงใช้ Foundation Brush
เป็นการลงรองพื้น เริ่มจากการลงบางๆ ให้ทั่วใบหน้าก่อน ตอนที่พี่ป้อมลง
คือดูง่ายมากกก เพราะเนื้อรองพื้นมีความยืดหยุ่นสูง ไม่ได้แห้งมากนัก
หลังจากนั้นก็จะเป็นการ Layer เพิ่มเฉพาะจุด โดยการค่อยๆ Tap แปรงลงบนผิว
(ตามรูปด้านบนเลยจ้าาา)
ต่อไปเป็นการลง Cashmere Concealer
(รุ่น Cashmere ให้ Finishing แบบ Soft Matte)
การเลือกสีที่สว่างขึ้นอีก 1 Step เนื่องจาก Concealer รุ่นนี้เป็นหัวฟองน้ำ
จึงสามารถลงที่ผิวได้เลย โดยลงบริเวณที่ต้องการปกปิด และบริเวณจุดที่
หน้าเรากระทบแสงเพื่อเป็นการ Highlight ไปด้วยลย
(รุ่น Cashmere ให้ Finishing แบบ Soft Matte)
การเลือกสีที่สว่างขึ้นอีก 1 Step เนื่องจาก Concealer รุ่นนี้เป็นหัวฟองน้ำ
จึงสามารถลงที่ผิวได้เลย โดยลงบริเวณที่ต้องการปกปิด และบริเวณจุดที่
หน้าเรากระทบแสงเพื่อเป็นการ Highlight ไปด้วยลย
.. ควรลง Concealer หลังจากลงรองพื้นเรียบร้อยแล้ว เพื่อที่เราจะสามารถ
เชคได้ว่าบริเวณที่เราจะปกปิดจะต้องเพิ่ม Concealer มากน้อยขนาดไหน ..
.. อย่างเวลาที่เราแต่งหน้าเสร็จ แล้วออกไปใช้ชีวิต คือกล้ามเนื้อหน้าเรา
มันมีการขยับไปมาทั้งวัน แต่บางทีผลิตภัณฑ์มันไม่ได้ขยับตามไปด้วย
มันเลยทำให้เกิดอาการตกร่อง ดังนั้นควรจะใช้ Concealer ในปริมาณที่น้อย
ไม่ใช้การโบกทับไป ..
.. วิธีการเก็บงานผิวหลังจากการใช้แปรงคือ การใช้นิ้วมือค่อยๆ Tap
เป็นการเก็บรายละเอียดทีละจุด ..
ต่อไปจะเริ่มเป็นการเติมสีสันบนใบหน้า
โดยการใช้ Lip Velvet Crush (เนื้อตัวนี้จะเป็นแบบ Matte ที่ยังคงความชุ่มชื้น
แต่จะ Matte กว่ารุ่น Liquid Lip Velvet)
ส่วนการลงแป้ง Matte Glow นั้น ถ้าใครผิวแห้งไม่จำเป็นต้องลงก็ได้
โดยการใช้ Lip Velvet Crush (เนื้อตัวนี้จะเป็นแบบ Matte ที่ยังคงความชุ่มชื้น
แต่จะ Matte กว่ารุ่น Liquid Lip Velvet)
.. Trend การแต่งหน้าในปัจจุบันนั้น ผู้คนแต่งหน้าเบาบางลง
และเน้นการโชว์ผิวมากขึ้น การเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่สามารถใช้ได้หลากหลายนั้น
จะสามารถตอบโจทย์ตรงนี้ได้ดี อย่าง Lip Velvet Crush สามารถลงได้
ทั้งแก้มและปากเลย ..
ส่วนการลงแป้ง Matte Glow นั้น ถ้าใครผิวแห้งไม่จำเป็นต้องลงก็ได้
ต่อกันที่การลง Contour (อันนี้เราไม่แน่ใจว่าเป็นรุ่นไหน)
และ Fresh Glow Highlighter
การลง Contour กับ Highlighter มันเหมือนเป็นการแก้ไขรูปหน้า
โดยเป็นการแก้ไขจุดกระจบแสงกับเงาที่จะเกิดขึ้นบนใบหน้า
การลง Highlighter บริเวณสันจมูก จะปัดเป็นตัวที เริ่มที่หัวคิ้วสองข้างจากนั้น
ก็ไล่ลงตามสันจมูกเลย ส่วนบริเวณหางคิ้วปัดเป็นตัวซี เริ่มจากหางคิ้ว
โค้งลงตามโหนกแก้ม
.. ถ้าอยากได้หน้ามีมิติเพิ่มมากขึ้น จะเป็นการปัด Highlighter ตัววี เริ่มจาก
โหนกแก้ม ผ่านแก้ม ช่วงมุมปาก ยาวลงมาถึงคาง วิธีนี้จะช่วยให้หน้ามีมิติมาขึ้น
เวลาถ่ายรูปหน้าตรง และมีแสงไฟส่องเข้าบริเวณหน้าตรงๆ ..
และ Fresh Glow Highlighter
การลง Contour กับ Highlighter มันเหมือนเป็นการแก้ไขรูปหน้า
โดยเป็นการแก้ไขจุดกระจบแสงกับเงาที่จะเกิดขึ้นบนใบหน้า
.. บางคนจะมีโหนกแก้มที่ใหญ่ อาจจะแก้ไขโดยการใช้ Contour ปัดทับ
บริเวณโหนกแก้มเลย หรือถ้าบางคนต้องการเพิ่มมิติบนหน้า ก็สามารถใช้
Highlighter ปัดที่บริเวณโหนกแก้มก็ได้เช่นกัน ..
.. คือถ้าเราอยากให้บริเวณไหนของใบหน้ามันลดลงก็ให้ใช้ Contour ปัดทับ
บริเวณนั้นๆ และถ้าอยากให้จุดไหนโดดเด่นขึ้นมา ก็จะเป็นการใช้ Highlighter
ปัดทับบริเวณนั้นๆ ..
บริเวณโหนกแก้มเลย หรือถ้าบางคนต้องการเพิ่มมิติบนหน้า ก็สามารถใช้
Highlighter ปัดที่บริเวณโหนกแก้มก็ได้เช่นกัน ..
.. คือถ้าเราอยากให้บริเวณไหนของใบหน้ามันลดลงก็ให้ใช้ Contour ปัดทับ
บริเวณนั้นๆ และถ้าอยากให้จุดไหนโดดเด่นขึ้นมา ก็จะเป็นการใช้ Highlighter
ปัดทับบริเวณนั้นๆ ..
การลง Highlighter บริเวณสันจมูก จะปัดเป็นตัวที เริ่มที่หัวคิ้วสองข้างจากนั้น
ก็ไล่ลงตามสันจมูกเลย ส่วนบริเวณหางคิ้วปัดเป็นตัวซี เริ่มจากหางคิ้ว
โค้งลงตามโหนกแก้ม
.. ถ้าอยากได้หน้ามีมิติเพิ่มมากขึ้น จะเป็นการปัด Highlighter ตัววี เริ่มจาก
โหนกแก้ม ผ่านแก้ม ช่วงมุมปาก ยาวลงมาถึงคาง วิธีนี้จะช่วยให้หน้ามีมิติมาขึ้น
เวลาถ่ายรูปหน้าตรง และมีแสงไฟส่องเข้าบริเวณหน้าตรงๆ ..
ต่อกันที่งานตา เป็น Complete Eye Palette
จะเป็นการใช้สีทีมีความเป็นธรรมชาติ ลงสีเกือบเข้มสุดเพื่อเป็น Base
ตามรูปทรงตาคล้ายๆ กับครึ่งวงรี หลังจากนั้นจึงค่อย Layer สีที่เข้มเพิ่มขึ้นมา
ที่บริเวณชั้นตา การลง Eye Shadow นั้นต้องให้มีความฟุ้ง
โดยการใช้สีที่เกือบสว่างสุดเป็นตัวเบรนออก
การลง Eyeliner เป็นตัว Effortless Kohl Eyeliner เนื้อผลิตภัณฑ์ค่อนข้างนิ่ม
เขียนง่าย ติดทน(พอเซ็ทตัวแล้ว จะเป็นเหมือนเนื้อเจล)
Eyeliner ที่เป็นเนื้อดินสอจะมีการกระจายแสงที่ดีทำให้โคนขนตาไม่ดู Flat
จะเป็นการใช้สีทีมีความเป็นธรรมชาติ ลงสีเกือบเข้มสุดเพื่อเป็น Base
ตามรูปทรงตาคล้ายๆ กับครึ่งวงรี หลังจากนั้นจึงค่อย Layer สีที่เข้มเพิ่มขึ้นมา
ที่บริเวณชั้นตา การลง Eye Shadow นั้นต้องให้มีความฟุ้ง
โดยการใช้สีที่เกือบสว่างสุดเป็นตัวเบรนออก
.. การแก้ปัญหาตาตก ให้ลง Eye Shadow สีเข้ม โดยการเพิ่ม Depth ที่บริเวณ
หางตา ส่วนถ้าอยากให้ตาดูยาวขึ้นให้ลง Eye Shadow ยาวออกจากปลายหางตา ..
การลง Eyeliner เป็นตัว Effortless Kohl Eyeliner เนื้อผลิตภัณฑ์ค่อนข้างนิ่ม
เขียนง่าย ติดทน(พอเซ็ทตัวแล้ว จะเป็นเหมือนเนื้อเจล)
Eyeliner ที่เป็นเนื้อดินสอจะมีการกระจายแสงที่ดีทำให้โคนขนตาไม่ดู Flat
.. การเขียน Eyeliner ช่วงหัวตาจนถึงกลางตาควรเขียนให้ชิดโคนขนตาที่สุด
เพื่อเป็นการสร้างโคนขนตาให้ดูชัดเจนมากขึ้น บริเวณกลางตาถึงหางตา
ควรเขียนแบบ Inner Liner และให้แปรงหัวตัดในการเบรนขอบให้ฟุ้ง
ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น ..
เพื่อเป็นการสร้างโคนขนตาให้ดูชัดเจนมากขึ้น บริเวณกลางตาถึงหางตา
ควรเขียนแบบ Inner Liner และให้แปรงหัวตัดในการเบรนขอบให้ฟุ้ง
ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น ..
งานคิ้วที่สวยต้องเริ่มจาก การมีขนคิ้วก่อน คือถ้าไม่มีเราก็ต้องสร้างมันขึ้นมาจ้าาา
ตัวที่พี่ป้อมแนะนำคือ Full Brows จ้าาา แล้วคือของหมดจ้าาาา.. มาอีกทีอาจจะ
ปีหน้า พี่ป้อมบอก ให้รีบไปลงชื่อจองไว้ แล้วก็ตุ้นไว้ซะ หมดบ่อย หมดเก่ง
คือตัวนี้มันจบได้ใน 1 แท่งเลยไง ทั้งเขียนเส้นขนคิ้ว และขึ้นโครงคิ้ว
ตัวที่พี่ป้อมแนะนำคือ Full Brows จ้าาา แล้วคือของหมดจ้าาาา.. มาอีกทีอาจจะ
ปีหน้า พี่ป้อมบอก ให้รีบไปลงชื่อจองไว้ แล้วก็ตุ้นไว้ซะ หมดบ่อย หมดเก่ง
คือตัวนี้มันจบได้ใน 1 แท่งเลยไง ทั้งเขียนเส้นขนคิ้ว และขึ้นโครงคิ้ว
เมื่อตัวแรกของหมด เลยต้องมาใช้ Effortless Eyebrow Definer
ตัวนี้คือตามรูปด้านบนเลย ค่อนข้างจบได้ในด้ามเดียวเช่นกัน
คืออย่างเรามีปัญหาตรงที่สีผมเราทำ Highlight ออกชมพู คือมันก็ไม่ใช่
การเขียนคิ้วสีน้ำตาลแดงอะไรแบบนั้น ควรเลือกเป็นสี Ash Brown มันก็จะโอเคกว่า
ตัวนี้คือตามรูปด้านบนเลย ค่อนข้างจบได้ในด้ามเดียวเช่นกัน
.. การเขียนคิ้ว สีคิ้วควรมีความสม่ำเสมอเท่ากันทั้งเส้นคิ้ว โดยหางคิ้วไม่ควรเกิน
แนวเส้นที่ลากจากมุมปากจนถึงหางตา ..
.. การเลือกสีคิ้ว อาจจะเลือกตามสีขนตา หรือสีผมก็ได้ เช่น ถ้าสีผมเป็นโทนเย็น
ก็อาจจะเลือกสี Ash Brown เพื่อให้โทนสีไปในทิศทางเดียวกัน ..
การเขียนคิ้วสีน้ำตาลแดงอะไรแบบนั้น ควรเลือกเป็นสี Ash Brown มันก็จะโอเคกว่า
อันนี้เป็นการใช้สีน้ำตาลเข้มสุดจาก Complete Eye Palette มาย้ำโครง
บริเวณท้องคิ้ว ที่สำคัญคือ การให้แปรงตัวตัดเกลี่ยให้ปลายคิ้วมีความฟุ้ง
หน้าจะดูมีความละมุมขึ้นมานิดนึง สุดท้ายอาจจะใช้ Mascara คิ้ว
มาเซ็ทเพิ่มเพื่อให้ขนคิ้วตั้งขึ้นก็ได้
บริเวณท้องคิ้ว ที่สำคัญคือ การให้แปรงตัวตัดเกลี่ยให้ปลายคิ้วมีความฟุ้ง
หน้าจะดูมีความละมุมขึ้นมานิดนึง สุดท้ายอาจจะใช้ Mascara คิ้ว
มาเซ็ทเพิ่มเพื่อให้ขนคิ้วตั้งขึ้นก็ได้
ต่อที่การปัด Mascara (อันนี้เราไม่แน่ใจนะว่าเป็นรุ่นไหน)
เริ่มที่การดัดขนตาตามปกติเลย แต่การปัดมาสคาร่านั้นจะเป็นการปัดแบบ
ดันยกขนตาขึ้นด้านบน วิธีนี้จะช่วยให้ขนตาไม่ตกลง
ส่วนขนตาล่างถ้าใครไม่มีขนตาให้ใช้ ปลายแปรง Mascara
(ของ Burberry มันจะเป็นแฉกๆ) ค่อยๆ แตะลงบริเวณโคนขนตาล่าง
เพื่อเป็นการสร้างโคนขนตาขึ้นมา
เริ่มที่การดัดขนตาตามปกติเลย แต่การปัดมาสคาร่านั้นจะเป็นการปัดแบบ
ดันยกขนตาขึ้นด้านบน วิธีนี้จะช่วยให้ขนตาไม่ตกลง
ส่วนขนตาล่างถ้าใครไม่มีขนตาให้ใช้ ปลายแปรง Mascara
(ของ Burberry มันจะเป็นแฉกๆ) ค่อยๆ แตะลงบริเวณโคนขนตาล่าง
เพื่อเป็นการสร้างโคนขนตาขึ้นมา
หรือจะเป็นการใช้ Lip Colour Contour โดยการลงสีอ่อนเป็น Base
แล้วค่อยเติมอีกทีที่เข้มขึ้นมากก็ได้
แล้วค่อยเติมอีกทีที่เข้มขึ้นมากก็ได้
Look นี้ Complete โดยการใช้ Fresh Glow Luminous Fluid Base
ลงทับในจุดที่มีการกระทบแสงเพื่อให้ผิวหน้ามีความ Glow ผิวสวย
บวกกับการใช้ Lip Colour Contour ที่เป็น Nude Colour
เพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
ลงทับในจุดที่มีการกระทบแสงเพื่อให้ผิวหน้ามีความ Glow ผิวสวย
บวกกับการใช้ Lip Colour Contour ที่เป็น Nude Colour
เพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
ปล. เดี๋ยวจะลองใช้ผลิตภัณฑ์ของ Burberry ที่ซื้อมาซักพักก่อน
แล้วเดี๋ยวจะมาบอกว่าตัวไหนน่าโดน อิอิ (ป้ายยาแป๊ปปป)
แล้วเดี๋ยวจะมาบอกว่าตัวไหนน่าโดน อิอิ (ป้ายยาแป๊ปปป)