[Review] ผิวเด้งชาตินี้เพราะพี่ให้มากับ Clinique MD!!
King of Eugenie 48 17 JEBAN GIVEAWAY / ได้รางวัลจากจีบันนี่แหละ!ฮายยยย ซิสสสส
หายหัวไปนานมากๆ น่าจะครึ่งเดือนได้ ติดธุระเรื่องงานอันใหญ่หลวงมากพี่น้อง
มาก็ทำรีวิวตัวนี้ก่อนเลยเพราะติดค้างเอาไว้นานมากจริงๆ นานจนคิสเกือบจะได้เงินจากแม่มณีอยู่แล้วเชียว 55555 หยอกๆ
ก่อนอื่นคิสต้องกราบขอบพระคุณ Jeban x Clinique ด้วยนะคะที่ให้โอกาสให้เราทั้ง 15 คนได้เป็นตัวแทนของผิวในแต่ละแบบและทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ตัวนี้แบบ Duo เลย
คิสว่าหลายคนคงได้เห็นรีวิวจากคนอื่นกันหมดแล้ว คิสน่าจะมาบ๊วยสุดละ
มาดูกันเนอะว่าผิว 35 สภาพผิวมัน+ริ้วรอย+ผิวแพ้ง่ายเป็นยังไงกันบ้าง
CLINIQUE
fresh pressed repair clinical MD
(คิสขอเรียกสั้นๆว่า MD ละกันนะคะ ไม่งั้นเกรงว่าแป้นพิมพ์คิสจะกระเด็นหนีไปก่อนจะรีวิวเสร็จ อิอิ)
ตัวนี้เป็นน้องใหม่ล่าสุดในตระกูล fresh pressed ที่คิสวอแวมาตั้งแต่ออกตัวเซรั่มสดขวดส้ม, ขวดม่วง มาจนตัวนี้ ซึ่งก็มี 2 สูตร
- สูตร Resculpt (สีม่วงอ่อน หรือสีขาว) ช่วยปรับรูปหน้าให้กระชับ
- สูตร Revolumize (สีม่วง) ช่วยเติมร่องผิวให้ตื้นขึ้น ฟูขึ้น
สำหรับใครที่รักพี่เสียดายน้อง clinique ก็เข้าใจปัญหานี้ดี ลังเลหรอ จัดมาให้เลยแบบ Duo ค่ะ ได้ครบในกระปุกเดียว
สำหรับคุณสมบัติหรือเทคโนโลยีของตัวครีมนั้น คิสขออนุญาตดึงเนื้อหาจากแบรนด์มาลงนะคะ เผื่อสาวๆคนไหนสนใจ
Who It's For
All Skin Types
What It Is
Two innovative moisturizers, one jar. An instant-tightening gel-cream and an instant plumping dense-cream that resculpts, revolumizes and reshapes your appearance.
What It Does
Morpho Technology + Custom Repair help you reshape your key areas: Lift the jawline, firm the neck and contour facial profile. All while targeting wrinkles, dullness and uneven tone.
Key Ingredients
RESCULPT:
Soybean Seed Extract: Rich in Lysophosphaditic Acid (LPA), this naturally derived extract helps skin achieve a tightening and lifting effect.
Sweet Almond Seed Extract: Works at the skin’s surface to form a film that allows an immediate blurring effect of fine lines and wrinkles.
Whey Protein: Rich in amino acids, it helps increase skin’s natural collagen, leaving it looking and feeling firmer and more resilient.
REVOLUMIZE:
Hyaluronic Acid: Hydration is the key to healthy, youthful skin. This effective humectant has skin-plumping effects—it can attract up to 1,000 times its weight in water.
Soybean Protein: This plant-derived ingredient helps provide a support system to plump up skin, filling in lines.
Yeast Extract: Helps skin hold onto moisture, providing a smoothing effect that minimizes roughness and plumps up wrinkles.
How To Use
For multiple concerns, apply Resculpt on the areas you’d like to contour and tighten and Revolumize on those areas you’d like to replump and resurface.
สำหรับครีมตัวนี้มีข้อ precaution สำหรับการใช้งานคือไม่เหมาะกับสาวๆที่ทำพวกรอยไหม หรือฉีดโบท๊อกซ์ ฟิลเลอร์ผิวนะคะ เพราะเวลาใช้งานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดคือควรนวดครีมให้ซึมลงผิว
โดย 2 สูตรก็เหมาะกับการใช้งานในแต่ละจุดที่ต่างกันค่ะ คิสความจำสั้นมากก็จะมีปัญหาช่วงแรกๆนิดหน่อย จิ้มผิดจิ้มถูก ปาดไปงงไป 55 แต่พอปาดไปสักอาทิตย์ก็เริ่มลงตัวละ
เนื้อครีมจะต่างกันค่อนข้างมากค่ะ
สูตร Resculpt ตัวนี้คิสจะชอบเนื้อมากๆ เป็นเนื้อครีมกึ่งเจล ซึมค่อนข้างง่าย เหมือนจะหนักแต่ไม่หนักเลย ตัวนี้ใช้งานได้ทั้งเช้าเย็นค่ะ เวลาทา คิสจะไม่ได้นวดแบบที่ clinique แนะนำ แต่ใช้วิธีการกดครีมไปที่ผิว ปาดแบบ motion เดียวกับการนวด
สำหรับใครที่ชอบการนวดหน้าก็แนะนำให้นวดนะคะ แต่คิสเลี่ยงเพราะนวดเวลาล้างหน้าด้วยออยล์อยู่แล้ว นวดทุกวันวันละ 15 นาทีได้ ให้นวดมากกว่านี้กลัวหน้าจะแย่มากกว่าดี
ส่วนสูตร revolumize ตัวนี้เนื้อจะหนักกว่าค่ะ เกลี่ยค่อนข้างยากเลยละสำหรับคิสนะ แต่มันไม่มันค่ะ คือเนื้อค่อนข้างหนึบมาก ตัวนี้แบรนด์เคลมว่าอัดแน่นไปด้วยไฮยาลูรอนแบบเต็มแมกซ์ ใครที่ทาครีมแล้วนอนห้องแอร์ หรือว่าอยู่ในประเทศที่อากาศค่อนข้างแห้งมาก คิสแนะนำสูตรนี้ค่ะ เพราะช่วยอุ้มน้ำในผิวได้ดี และถ้ามีการใช้สกินแคร์อะไรที่ค่อนข้างแรงกับผิว Hyaluronic Acid สามารถช่วยทำให้ผิวยังมีความชุ่มชื้นได้ดี ทำให้ผิวไม่งอแงง่ายค่ะ
ถ้าถามว่าคิสชอบเนื้อครีมสูตรไหนมากกว่าก็จะบอกว่า Resculpt ค่ะ เพราะทาแล้วเหมือนฟรีซให้ผิวดูดีขึ้นเลยแบบ 911 สูตร Revolumize ก็เห็นผลทันทีเหมือนกันนะ เพราะด้วยเนื้อที่เหมือนลงไปเติมเต็มร่องผิวแบบทันทีก็รู้สึกผิวฟู แต่เนื้อมันเกลี่ยยากกว่า ยิ่งถ้าให้นวด คิสว่าอาจจะต้องควักปริมาณมากพอสมควร
เนื้อสูตร Revolumize คิสว่าที่จริงใช้ได้ทั้งเช้าและเย็นเหมือนกันค่ะ แต่ที่เลี่ยงไปใช้ช่วงเช้ามากกว่าเพราะรู้สึกว่ามันมี silicone ค่อนข้างเยอะ
ข้อดีของครีมทั้ง 2 ตัวใน MD ก็คือ "ใช้กับใต้ตาได้" ไม่ระคายเคืองเลย เรียกว่าหลังจากเทสเสร็จ คิสก็โยกย้ายหน้าที่มาเป็นอายครีมแล้วเรียบร้อย
ทางแบรนด์มีบอกไว้ว่าไม่ควรใช้ทั้ง 2 สูตรในบริเวณเดียวกัน คือทา 2 สูตรทับซ้อนกัน นี่ไม่แนะนำนะคะ แต่คิสก็ใช้ทั้ง 2 ตัวกับใต้ตา (อ้าวววว บักคิสสสส) คิสแยกการใช้งานเป็นสูตร Reculpt สำหรับตอนก่อนนอน และ Revolumize สำหรับตอนเช้า
แบรนด์อาจจะไม่แนะนำ แต่คิสใช้อยู่ค่ะ 55 ชอบมากกกก ปลื้ม
โดย 2 สูตรก็เหมาะกับการใช้งานในแต่ละจุดที่ต่างกันค่ะ คิสความจำสั้นมากก็จะมีปัญหาช่วงแรกๆนิดหน่อย จิ้มผิดจิ้มถูก ปาดไปงงไป 55 แต่พอปาดไปสักอาทิตย์ก็เริ่มลงตัวละ
เนื้อครีมจะต่างกันค่อนข้างมากค่ะ
สูตร Resculpt ตัวนี้คิสจะชอบเนื้อมากๆ เป็นเนื้อครีมกึ่งเจล ซึมค่อนข้างง่าย เหมือนจะหนักแต่ไม่หนักเลย ตัวนี้ใช้งานได้ทั้งเช้าเย็นค่ะ เวลาทา คิสจะไม่ได้นวดแบบที่ clinique แนะนำ แต่ใช้วิธีการกดครีมไปที่ผิว ปาดแบบ motion เดียวกับการนวด
สำหรับใครที่ชอบการนวดหน้าก็แนะนำให้นวดนะคะ แต่คิสเลี่ยงเพราะนวดเวลาล้างหน้าด้วยออยล์อยู่แล้ว นวดทุกวันวันละ 15 นาทีได้ ให้นวดมากกว่านี้กลัวหน้าจะแย่มากกว่าดี
ส่วนสูตร revolumize ตัวนี้เนื้อจะหนักกว่าค่ะ เกลี่ยค่อนข้างยากเลยละสำหรับคิสนะ แต่มันไม่มันค่ะ คือเนื้อค่อนข้างหนึบมาก ตัวนี้แบรนด์เคลมว่าอัดแน่นไปด้วยไฮยาลูรอนแบบเต็มแมกซ์ ใครที่ทาครีมแล้วนอนห้องแอร์ หรือว่าอยู่ในประเทศที่อากาศค่อนข้างแห้งมาก คิสแนะนำสูตรนี้ค่ะ เพราะช่วยอุ้มน้ำในผิวได้ดี และถ้ามีการใช้สกินแคร์อะไรที่ค่อนข้างแรงกับผิว Hyaluronic Acid สามารถช่วยทำให้ผิวยังมีความชุ่มชื้นได้ดี ทำให้ผิวไม่งอแงง่ายค่ะ
ถ้าถามว่าคิสชอบเนื้อครีมสูตรไหนมากกว่าก็จะบอกว่า Resculpt ค่ะ เพราะทาแล้วเหมือนฟรีซให้ผิวดูดีขึ้นเลยแบบ 911 สูตร Revolumize ก็เห็นผลทันทีเหมือนกันนะ เพราะด้วยเนื้อที่เหมือนลงไปเติมเต็มร่องผิวแบบทันทีก็รู้สึกผิวฟู แต่เนื้อมันเกลี่ยยากกว่า ยิ่งถ้าให้นวด คิสว่าอาจจะต้องควักปริมาณมากพอสมควร
เนื้อสูตร Revolumize คิสว่าที่จริงใช้ได้ทั้งเช้าและเย็นเหมือนกันค่ะ แต่ที่เลี่ยงไปใช้ช่วงเช้ามากกว่าเพราะรู้สึกว่ามันมี silicone ค่อนข้างเยอะ
ข้อดีของครีมทั้ง 2 ตัวใน MD ก็คือ "ใช้กับใต้ตาได้" ไม่ระคายเคืองเลย เรียกว่าหลังจากเทสเสร็จ คิสก็โยกย้ายหน้าที่มาเป็นอายครีมแล้วเรียบร้อย
ทางแบรนด์มีบอกไว้ว่าไม่ควรใช้ทั้ง 2 สูตรในบริเวณเดียวกัน คือทา 2 สูตรทับซ้อนกัน นี่ไม่แนะนำนะคะ แต่คิสก็ใช้ทั้ง 2 ตัวกับใต้ตา (อ้าวววว บักคิสสสส) คิสแยกการใช้งานเป็นสูตร Reculpt สำหรับตอนก่อนนอน และ Revolumize สำหรับตอนเช้า
แบรนด์อาจจะไม่แนะนำ แต่คิสใช้อยู่ค่ะ 55 ชอบมากกกก ปลื้ม
สำหรับภาพผลการใช้งานก็ต้องขออภัยพี่น้องทุกคนด้วยที่คิสเก็บรูปจากกล้องมือถือถั่วงอกของคิสนะฮะ
ภาพอาจจะเก็บอะไรไม่ได้ชัดเจน แต่คิสเห็นผลชัดที่สุดคือบริเวณใต้ตาและรอยเหี่ยวๆของแก้มคิส ที่รู้สึกว่าผิวมันกระชับขึ้น ย้วยน้อยลง
คิสดูรูปตัวเองแล้วก็มีงงๆนิดหน่อยว่าทำไมหน้าเดี๋ยวบานเดี๋ยวตอบ ไม่รู้ว่าเป็นกล้องหรือมุม หรืออะไร ได้โทษตัวเองที่เก็บภาพไม่ได้ชัดเจนเหมือนสาวๆคนอื่นเค้า
ส่วนที่ยังไม่เห็นผล(แม้กระทั่งในตอนนี้) คือบริเวณรอยย่นระหว่างคิ้ว ที่เป็นปัญหาใหญ่ของคิสมากๆ ผิวบริเวณนี้จะเป็นร่องริ้วรอยลึก เหมือนผิวมันบุ่มลงไป ไม่รู้จะแก้ไขยังไงดี
แต่ก็ถือว่าผลโดยรวมพอใจมากๆค่ะ โดยเฉพาะบริเวณใต้ตา คิสไม่ได้มีปัญหา puffy eyes เท่าไหร่ จะมีคือหนังตาตก เพราะคิสปัดมาสคาร่าและล้างด้วยการเช็ดรุนแรงมาเป็นสิบปี มันเลยย้วยหนัก อันนี้คงแก้ได้ด้วยการศัลยกรรมอย่างเดียวแล้ว
ภาพอาจจะเก็บอะไรไม่ได้ชัดเจน แต่คิสเห็นผลชัดที่สุดคือบริเวณใต้ตาและรอยเหี่ยวๆของแก้มคิส ที่รู้สึกว่าผิวมันกระชับขึ้น ย้วยน้อยลง
คิสดูรูปตัวเองแล้วก็มีงงๆนิดหน่อยว่าทำไมหน้าเดี๋ยวบานเดี๋ยวตอบ ไม่รู้ว่าเป็นกล้องหรือมุม หรืออะไร ได้โทษตัวเองที่เก็บภาพไม่ได้ชัดเจนเหมือนสาวๆคนอื่นเค้า
ส่วนที่ยังไม่เห็นผล(แม้กระทั่งในตอนนี้) คือบริเวณรอยย่นระหว่างคิ้ว ที่เป็นปัญหาใหญ่ของคิสมากๆ ผิวบริเวณนี้จะเป็นร่องริ้วรอยลึก เหมือนผิวมันบุ่มลงไป ไม่รู้จะแก้ไขยังไงดี
แต่ก็ถือว่าผลโดยรวมพอใจมากๆค่ะ โดยเฉพาะบริเวณใต้ตา คิสไม่ได้มีปัญหา puffy eyes เท่าไหร่ จะมีคือหนังตาตก เพราะคิสปัดมาสคาร่าและล้างด้วยการเช็ดรุนแรงมาเป็นสิบปี มันเลยย้วยหนัก อันนี้คงแก้ได้ด้วยการศัลยกรรมอย่างเดียวแล้ว
