เที่ยวฝรั่งเศสเองหน้าหนาว (Paris-Normadie-Mauléon)
phaptawan
47
9
สวัสดีค่ะทุกคน
แพรว ภาพตะวัน เองค่ะ
วันนี้แพรวจะพามาเที่ยวฝรั่งเศสกันค่ะ
แพรวไปมาช่วงเดือน ธ.ค. ปี 62 ที่ผ่านมา
ไปทั้งหมดเป็นเวลา 3 สัปดาห์ด้วยกันค่ะ
ไปตั้งแต่ช่วงต้นเดือน กลับมาไทยก่อนปีใหม่ไม่กี่วัน
อยากไปเที่ยวช่วงหน้าหนาวเพราะว่าอยากใส่เสื้อกันหนาว555
แล้วก็อยากไปสัมผัสบรรยากาศความเย็น ความคริสต์มาส ไฟตกแต่งต่างๆ
แต่ช่วงที่ไปเรียกได้ว่าโชคร้ายมากค่ะ คนที่ฝรั่งเศสเค้าประท้วงกันพอดี
strike ไม่มีรถไฟ ไม่รถไฟใต้ดิน รถบัส ไม่มีขนส่งมวลชวนกันเป็นเดือนเลยค่ะ
จากตอนแรกที่ว่าจะได้เที่ยวเยอะกลับกลายเป็นอยู่บ้านเยอะแทนนะคะ
เพราะว่าจะไปไหนก็คือลำบากมาก ตั๋วรถไฟต้องดูกันวันต่อวัน
uber ก็คนแย่งกันมาก แถมแพงอีกต่างหาก
ผิดแผนหลายอย่างค่ะ เราก็เที่ยวเท่าที่เที่ยวได้
ขอบอกไว้ก่อน
*ทริปนี้เที่ยวเองไม่มีสปอนเซอร์นะคะ
*วิดีโอถ่ายเป็นแบบ vlog นะคะ พาไปดูด้วยกันว่าเราเห็นอะไรบ้าง ทำอะไรบ้าง
ก็จะเห็นหน้าเราพูดเยอะหน่อยนะคะ
*ต้องขออภัยล่วงหน้าหากมีรูปที่ยืมมาประกอบจาก google
เพราะว่าตอนเราไปช่วงหน้าหนาวมันมืดเร็วมากและอากาศเทามาก
ถ่ายรูปออกมาไม่สวยเลยไม่ค่อยได้ถ่ายมาค่ะ เน้นถ่าย vlog เอาค่ะ
ทริปนี้เราไปเที่ยวเอง เน้นเจอเพื่อน เจอญาติ
นอนบ้านญาติและบ้านเพื่อนเป็นหลักนะคะ
ประหยัดเงินไปได้มากเลยค่ะ ใช้เงินถือได้ว่าน้อยมากสำหรับ 3 สัปดาห์
เพราะกินอยู่กับเค้าหมดเลย555
ส่วนไหนที่แพรวแจกแจงเรื่องค่าใช้จ่ายได้แพรวจะใส่ให้นะคะ
พร้อมแล้วมาเริ่มกันเลยค่ะ
วิดีโอ
เพื่อความคมชัดกรุณารับชมแบบ HD
รายละเอียดการท่องเที่ยวและเดินทางแพรวจะเขียนไว้ให้อ่านด้านล่างนะคะ
ขออภัยหากรูปไม่ชัดเพราะว่าแคปฯมาจากวิดโออีกทีค่ะ
การเดินทาง
ทริปนี้แพรวแพลนล่วงหน้าประมาณ 3-4 เดือนค่ะ
ที่ว่าแพลนนี่คือแค่จองตั๋วเครื่องบินเลย
ไม่ได้ใส่รายละเอียดไว้มากว่าวันไหนๆจะต้องทำอะไร
แต่ที่รู้แน่ๆคือ อยากเที่ยวปารีส ประมาณ 5-7 วัน
แล้วที่เหลือจะทำอะไร ใครจะพาไปไหนก็ได้ ตามสบายเลยค่ะ555
ทริปนี้แพรวบินสายการบิน Etihad Airways ไปเปลี่ยนเครื่องที่อาบูดาบี
ตั๋วไป-กลับ ราคาอยู่ที่ 2 หมื่นนิดๆ
ปกติแพรวจะบินตรง นี่เป็นครั้งแรกที่ลองบินแบบเปลี่ยนเครื่อง
ถ้าบินตรงจะมี 2 สายการบินให้เลือก คือ การบินไทย และ Airfrance
บินตรงกลับเปลี่ยนเครื่องราคาก็จะต่างกันอยู่ราวๆหมื่นบาทค่ะ
นอกจากว่าจะซื้อตั๋วช่วงโปรฯได้นะคะ
แต่เวลานะ เร็วกว่ากันเยอะเลยค่ะ
บินตรงฮึ้บเดียว 11-12 ชม. แต่เปลี่ยนเครื่องจะอยู่ที่ 6 ชม. 2 ไฟล์ท
บวกเวลาลำใยต้องรอเครื่องอีก 3-4 ชม.ที่อาบูดาบี รวมๆแล้ว 16 ชม.ได้
ไม่รวมเวลาต่อคิวตม.ที่ย๊าวยาวอีกนะคะ
ถึงปารีสก็ช่วงเช้าค่ะ
ที่สนามบิน CDG จากสนามบินจะเข้าปารีสหลักๆก็จะมีแท็กซี่
ซึ่งราคาจะอยู่ที่ประมาณ 60 euro แล้วก็ รถไฟ RER B (ราคาประมาณ 10 euro)
***ปารีส (รอบแรก)***
คือวันแรกที่มาถึงเราป่วยมาจากเมืองไทย ไอแบบเกรงใจคนบนเครื่องบิน
วันแรกไม่ได้ถ่ายวล็อกมาเพราะสภาพเราย่ำแย่มาก555
พอมาถึงฝรั่งเศสแพรวมาอยู่ปารีส 2 วันค่ะ
นอนบ้านญาติซึ่งอยู่แถว Belleville-Pyrenees (แบลวิล-ปีเรเน่)
แถวนั้นจะเป็นละแวกบ้านคน มีคนอยู่อาศัยเยอะ ร้นค้าก็เยอะค่ะ
แต่แถวนั้นจะเป็นปารีสที่ไม่หรูนะคะ เป็นแถบคนอยู่
ปารีสแบบในฝัน ใน postcard จะอยู่แถบลงมาใกล้แม่น้ำ Seine (แซน)
ซึ่งแพรวจะพาไปในลำดับถัดไปค่ะ
สถานที่ท่องเที่ยวหลักๆในละแวกนั้นก็จะมี
Buttes Chaumont (บุ๊ตโชมง)
เป็นสวนสาธารณะอยู่บนเนินเขาเตี้ยๆกลางปารีส
ตรงนั้นจะมีน้ำตก มีหน้าผา แล้วมีหออยู่ข้างบน
จากตรงนั้นจะมองเห็นปารีสได้ค่อนข้างไกลเลยค่ะ
สวนค่อนข้างใหญ่ คนก็จะไปเดินเล่น วิ่งออกกำลังกาย
ช่วงหน้าร้อนก็จะมีพวกนักเรียนนักศึกษา ครอบครัว ไปปิกนิค นอนอาบแดด
บางทีก็มีดีเจเปิดเพลงด้วย ได้อารมณ์ซัมเมอร์สุดๆ
แต่แพรวไปช่วงหน้าหนาวค่ะ มืดเร็วมาก
อากาศไม่ได้เป็นแบบในภาพประกอบนะคะ
มันหนาวและเทามากค่ะ ถ่ายรูปออกมาไม่ได้แบบนี้หรอกนะคะ
ร้านอาหารที่ไปแวะกินในละแวกนี้มี 2 ร้านค่ะ
อร่อยทั้งคู่เผื่อใครจะไปตามนะคะ
Le Sarrasin Belleville (เลอ ซาราซัง แบลวิล)
ร้านเครปแบบ bretonne (เบรอตอน) ที่มีทั้งเค็มและหวาน แนะนำให้ลองทั้งสองแบบ
แบบเค็มจะเรียกว่า galette au sarrasin (กาแล็ต โอ ซาราแซ็ง)
ก็จะมีแฮมมีชีสใส่ ราคาอยู่ที่ราวๆ 10 euro
แล้วก็แบบหวาน แนะนำให้ลองเครป caramel burre sale (คาราเมล เบอร์ ซาเล่)
อร่อยแบบฟินมาก จะอ้วนก็ยอมค่ะ5555
L' Artisan Libanais (ลาร์ติซอง ลิบาเน่)
ร้านอาหาร Lebanese ร้านนี้จะมีแบบ take away
แล้วก็นั่งกินในร้านค่ะ แบบ sandwich กลับบ้านก็ราว 6 euro
อาหารจานหลักทานในร้านก็ราว 13-20 euro
Laser Game Evolution Paris 11
แล้วแพรวก็นัดเพื่อนไปเล่น laser game กันค่ะ
เล่นกี่ทีก็สนุกค่ะ ตื่นเต้นและตลกมาก
ยิ่งเล่นกับเพื่อนด้วยยิ่งสนุก กรี๊ดคอแตกเลยค่ะ
ยิงเพื่อนได้เพราะนางตกในเสียงกรี๊ดเรา5555
***Normandie***
จากปารีสไป Normandie (นอร์มังดี) ก็ขับรถกันไปค่ะ
ใช้เวลาประมาณ 2 ชม.กว่าก็ถึงบ้านที่ Angiens (อองเจียง) ระยะประมาณ 200 กม.
เยื้องขึ้นไปทางตะวันตกเฉียงเหนือติดทะเล ตรงข้ามกันโซน Brighton ของอังกฤษค่ะ
แถวนั้นก็จะมีข้ามเรือเฟอร์รี่ไปอังกฤษได้ที่เมือง Dieppe (ดีเอป) ใกล้ๆกัน
โซนนี้ของ Normandie จะเป็นที่นิยมในช่วงหน้าร้อน
เพราะว่าติดทะเล แถวนี้ก็จะโด่งดังเรื่องความสวยของหน้าผาติดทะเล
ใน Veules-les-Roses (เวิล เล โรส) แล้วก็ Saint-Valery-en-Caux (แซง วาเลอรี ออง โก)
พื้นที่ก็จะเป็นเนินเขาเตี้ยๆ แล้วพอติดทะเลก็จะเป็นหน้าผา
แล้วก็ชายหาดก้อนหิน วิวก็จะสวยงาม
เค้าจะปลูกพืชเช่นพวก beetroot เพื่อทำน้ำตาลค่ะ
แต่แพรวไปหน้าหนาวค่ะ ไม่มีอะไรให้สวยงามทั้งนั้น555
หนาวและลมแรง ท้องฟ้าก็จะเทาๆ
กิจกรรมช่วงอยู่บ้านก็ไม่มีอะไรมากค่ะ เจอเพื่อน เจอญาติ
ทำกับข้าว อยู่บ้านเลี้ยงแมว555 ไม่มีอะไรให้ถ่ายมาเท่าไร
ที่พอจะน่าสนใจก็จะมีไปเดินซื้อของเข้าบ้านตามที่เห็นในวิดีโอ
แล้วก็ตกแต่งต้นคริสมาสต์ นิดหน่อยเท่านั้นเอง
แล้ว 1 สัปดาห์ก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วค่ะ
ไวน์ที่ฝรั่งเศสมีให้เลือกเยอะมากจริงๆค่ะ
แต่ที่คนชอบบอกว่าไวน์ที่ฝรั่งเศสถูกกว่าน้ำนี่ไม่จริงนะคะ
จากประสบการณ์ส่วนตัว ไวน์ที่รสชาติพอรับได้จะอยู่ที่ 10 euro ขึ้นไปค่ะ
แบบดีเลยก็จะอยู่ที่ราว 20 euro บวกลบแล้วแต่นะ
ถูกกว่านั้นตัวใครตัวมันนะคะ ไม่อร่อยก็ปลอบใจตัวเองว่า ตามราคาค่ะ555
ตกแต่งต้นคริสมาสต์ซักหน่อย บรรยากาศเทศกาลต้องมา
***ปารีส(รอบ 2)***
สัปดาห์ที่สองแพรวเข้ามาปารีสค่ะ
ด้วยความประท้วงนะคะ ขนส่งมวลชน strike คือ เดินทางลำบากมากๆ
รถไฟมีแบบ 1/5 ซื้อตั๋วล่วงหน้าไม่ได้ ต้องดูแบบคืนนี้แล้วพรุ่งนี้ไปเลย
เพราะว่ามันยกเลิกเยอะมากค่ะ
ขับรถจาก Angiens มาขึ้นรถไฟที่เมือง Yvetot (อีฟโต) ใช้เวลาประมาณ 2 ชม.เข้าปารีส
ผ่าน Rouen (รูออง) แล้วก็เข้าปารีสไปจอดที่สถานีรถไฟ Saint Lazare (แซง ลาซาร์)
ความผีเกิดเมื่อไม่มี metro ไม่มี bus ค่ะ
ทั้งปารีสมีรถไฟใต้ดินวิ่งอยู่ 2 สายคือ สาย 1 และ 14 ซึ่งเป็นสาย auto ไม่มีคนขับ
เราเคยได้ยินกันมาว่าคนที่ปารีสไม่ nice ใช่มั้ยคะ
เจอช่วงนี้ไปคูณไปเลย 4 เท่าค่ะ คนมันเครียดนะคะ
จะออกไปทำงานจากที่เคยใช้เวลา 30 นาที อาจเป็น 2 ชม.ได้
เพราะอาจต้องเดินเท้า ไม่ก็ scooter ไฟฟ้า ไม่ก็ Uber ไป ซึ่งแพงมากอยู่แล้ว
bus ก็มีแบบไม่กี่คันค่ะ แน่นเป็นปลากระป๋องทุกคันแถมต้องรอรถนานอีกต่างหาก
เอาเป็นว่าในท้องถนนนั้น คนเกรี้ยวกราดค่ะ ขับรถก็เกรี้ยวกราด
บีบแตรกันอย่างเปิดเผยให้รู้เลยว่าตรูอารมณ์ไม่ดี น่ากลัวค่ะ555
แพรวก็โดนผลกระทบไปด้วยค่ะ แผนพัง ได้ทำสิ่งที่อยากทำแบบ 1/5 เท่านั้นเองค่ะ
อยากไปทำอะไรหลายอย่างก็ไม่ได้ทำ
จากที่จะไปเจอเพื่อนสมัยเรียน จากที่ว่าจะไปปาร์ตี้ ไม่ได้เจอและไม่ได้ไป
เพราะว่าเดินทางลำบากและรวมตัวกันลำบากนั่นเองค่ะ
คราวหน้าไปคงต้องนัดเพื่อนมาซ่อม555
บ้านที่พักก็นอนบ้านเพื่อนค่ะ
จะอยู่ที่ Boulevard Saint-Marcel (บูเลอวาร์ แซง มาร์แซล)
เป็นรอยต่อระหว่าเขต 5 กับเขต 13
ก็ถือว่าได้ทำเลดีเลย ค่อนข้างกลางเมือง
แถวนั้นจะมีสวนสาธารณะที่เป็นสวนสัตว์และพิพิธภัณฑ์สัตว์ด้วย
ตั้งอยู่ใน Jardin des Plantes (จาร์ดัง เด ปลองต์)
โซนนี้จะค่อนข้างสงบและปลอดภัยค่ะ
จริงๆปารีสเป็นเมืองที่เดินได้นะคะ
เพราะว่าอากาศไม่ร้อน แต่มีกับไม่มีเมโทรแล้ว
ความไกลขอสถานที่จู่ๆก็ต่างกันขึ้นมาอย่างมีนัยสำคัญ555
แพรวนัดเพื่อนๆไปกินข้าว เค้าจองร้านไว้ที่แถว Chateau d'Eau (ชาโต โด)
พอต้องไปจาก Boulevard Saint-Marcel แบบไม่มีรถไฟใต้ดินเท่านั้นแหละค่ะ
เดินนนนนนนน555 1 ชม.กว่า แบบเดินเร็วแล้ว รถลืมไปได้เลย รถติดมากค่ะ
ร้านอาหารที่แพรวเดินไปกินก็คือร้านนี้ค่ะ
Grand Café d'Athènes (กรอง คาเฟ่ ดาแทน)
ร้านอาหารกรีก ข้างในตกแต่งน่ารัก
(วันที่ไปกินพนง.ก็น่ารักด้วยค่ะ กรุบกริบมาก555)
อาหารอร่อยด้วยค่ะ
Château d'Eau / Strasbourg Saint-Denis / Gare du Nord
(ชาโต้ โด/ สตราสบูร์ก แซง เดอนี/ การ์ ดู นอร์ด)
ย่านนี้เอาจริงๆแพรวไม่ค่อยอยากแนะนำให้คนที่เป็นนักท่องเที่ยวมาเท่าไรค่ะ
ตอนแพรวเรียนหนังสือเองก็หลีกเลี่ยง กลางวันไม่เท่าไร แต่กลางคืนนี่ต้องระวังค่ะ
เพราะว่าแถวนี้ไม่น่าไว้วางใจ คือ จะพูดยังไงดี
เอาเป็นว่ามันมีโอกาสจะเจอคนไม่ดีหรือน่ากลัวตามท้องถนนและข้างทางที่เราเดิน
มากกว่าเขตอื่นๆที่เป็นเขตสวยงามหรือหรูหราของปารีสค่ะ แบบนี้พอเข้าใจนะคะ
แต่จริงๆก็มีคนอยู่เยอะค่ะ บ้านคนธรรมดาแบบเราๆก็เยอะ
แต่ว่าเอาเป็นว่าอย่างที่แพรวบอกค่ะ
ถ้าจะไปก็เป็นโซนหนึ่งที่ไปแล้วต้องระวังตัวหน่อยนะคะ
ร้าน Ayothaya
ร้านอาหารไทย อยู่เขต 15 โซนหอไอเฟล
ร้านนี้แพรวมากินบ่อยตั้งแต่สมัยเรียน
อาหารไทยรถชาติถูกต้องเหมือนกินอยู่เมืองไทยเลยค่ะ
คุณป้าเจ้าของร้านเป็นคนอยุธยาเหมือนกันด้วย
จุดเด่นของร้านนี้นอกจากอาหารอร่อยแล้วก็อยู่ที่อยู่ "ใกล้หอไอเฟล"
ในระยะที่เดินได้ แบบเดินย่อยอาหารกำลังดี
ทุกครั้งที่มา ถ้าไม่ดึกมากหรือเหนื่อยมากก็จะเดินย่อยหลังกินเสร็จไปหอไอเฟลค่ะ
ขอให้ทำตามแล้วจะฟินมากนะ แนะนำค่ะ555
หอไอเฟล Tour Eiffel (ตูร์ ไอเฟล)
ที่สุดของ landmark ใครมาปารีสไม่มาหอไอเฟลจะเรียกว่ามาไม่ถึงปารีสก็ได้ค่ะ
จริงๆแพรวก็ไม่ได้ตั้งใจจะมาแต่ว่าด้วยความที่มันใกล้กับร้านอาหาร
ที่เราไปกินก่อนหน้าก็เลยเดินมาซักหน่อย
ถ้าเรามาตรงเวลาครบขึ้นชม.ใหม่ เช่น 20:00, 21:00 หอไอเฟลก็จะมีไฟกระพริบ
แพรวมาทัน 5 ทุ่มตรง ก็ได้ดูพอดีเลยค่ะ สวยมาก
มากี่ทีก็ประทับใจ
วันนั้นแพรวเดินเลาะแม่น้ำจากหอไอเฟลเดินมาเรื่อย
จนถึงหน้า Quai d'Orsay (เก ดอร์เซ่) ที่มีพิพิธภัณฑ์ Musée d'Orsay (มิวเซ่ ดอร์เซ่)
ที่แสดงศิลปะแบบ impressionist
แล้วค่อยเรียก Uber กลับบ้านที่ Boulevard Saint-Marcel ค่ะ
Rue Mouffetard (รู มูฟตาร์)
นี่เป็นหนึ่งในไฮไลท์ของทริปปารีส5555 ไม่ใช่อะไรหรอกค่ะ
มันเป็นถนนที่แพรวเคยอยู่ตอนเรียน คราวที่แล้วที่มาปารีสก็ไม่มีเวลามา
คิดถึง คราวนี้เลยต้องมาให้ได้
Rue Mouffetard เองจริงๆก็มีชื่อเสียงค่ะ
เพราะว่าเป็นปารีสที่น่ารัก ไม่เหมือนปารีส ซอยจะเล็กๆ แล้วก็จะมีร้านต่างๆเยอะ
ขนาดของร้านก็น่ารัก ดูแล้วคล้ายอยู่ในหมู่บ้าน มากกว่าอยู่ในปารีสค่ะ
ที่ตั้งต้นซอยก็อยู่ไม่ไกลจาก Sorbonne (ซอร์บอนน์) ก็จะมีพวก บาร์ ราคาไม่แพง
คืนวันศุกร์นักศึกษาก็จะมาเยอะอยู่ค่ะ
ร้านค้าก็จะมีหลากหลาย ร้านอาหาร ร้านเสื้อผ้า ร้านขายของที่ระลึก
ร้านไอติม ร้านช็อกโกแลต โฮสเทล ร้านขายยา ฯลฯ
แต่ที่แพรวอยากมาที่สุดก็จะเป็นร้านเครปร้านี้เลยค่ะ
Au P'tit Grec (โอ ปตี เกร็ก)
ร้านเครปแบบฝรั่งเศสเนี่ยแหละค่ะ แต่เจ้าของร้านเป็นคนกรีก
ก็มีทั้งเครปแบบเค็มและแบบหวาน
ร้านนี้ดัง ช่วงหน้าร้อนคนจะมาต่อแถวเยอะมาก
แพรวเองก็มากินร้านนี้บ่อย อร่อย ให้เยอะ
เมนูโปรดที่แพรวสั่งจะเป็น Coppa + Mozzarella ค่ะ
ไม่แพงด้วย ในวิดีโอ สั่งเป็นเมนู เครป 2 อัน เครื่องดื่ม 2 อัน 15 euro อิ่มมาก
เขต 5 Quartier Latin
(การ์ทีเย่ ลาตัง)
แถวนี้เค้าเรียกอีกชื่อว่า Quartier Latin
ย่านนี้จริงๆแล้วแพรวว่ามีความเป็น Parisian สูงเพราะนอกจากจะมีมหาวิทยลัย Sorbonne
ก็ยังมีสวน Luxembourg (ลุกซองบูกร์) ที่ๆคนจะมาวิ่งออกกำลังกาย ปิคนิก ในช่วงหน้าร้อน
รอบๆก็ยังมีคาเฟ่ ร้านอาหาร แล้วก็ร้านต่างๆ ให้ช็อปปิ้ง
ตั้งแต่ Boulevard Saint-Michel (บูเลอวาร์ แซง มิเชล)ไปเรื่อยถึง Odéon (โอ เด อง) นะคะ
ก็จะมีคนฝรั่งเศสเยอะ นักท่องเที่ยวก็เช่นกัน
เดินต่อมาเรื่อยๆก็ถึง แม่น้ำ Seine (แซน)
ก็โผล่มาเจออีกหนึง landmark ของปารีส
วิหาร Notre-Dame de Paris (โนเทรอดาม เดอ ปารี)
ก็ปิดซ่อมตั้งแต่ไฟไหม้ครั้งโน้นค่ะ น่าจะปิดอีกนานเพราะได้ยินมาว่าพังเสียหายค่อนข้างเยอะ
เดินผ่านเกาะ Île de la Cité (อิล เดอ ลา ซิเต้)ข้ามมาอีกฝั่งก็จะมาเจอศาลาว่าการเมืองปารีส
หรือที่เรียกว่า Hôtel de Ville (โอเตล เดอ วิล)
ตรงนี้ก็จะมีจัดไฟคริสต์มาสทุกปี มีม้าหมุน บางปีก็มีสเก็ตน้ำแข็ง
มีมุมให้ถ่ายรูปสวยๆด้วยค่ะ
ไหนๆก็ผ่านมาแถวนี้แล้วก็ต้องแวะกินไอติมที่ร้านนี้ Le Flore en l'Île (เลอ ฟลอร์ ออง ลิล)
ร้านนี้เค้าจะขายไอติมยี่ห้อ Berthillon (แบร์ตียง) ซึ่งอร่อยมาก ช่วงหน้าร้อนนี้คิวยาวมาก
ช่วงหน้าหนาวคนไม่ค่อยกินไอติมกัน แต่เค้าก็ยังขายนะคะ เราก็ไปกินค่ะ ชอบ
Oberkampf (โอแบร์กอมฟ์)
แพรวมาเข้าคลาสปั่นจักรยานที่ร้าน Dynamo สาขา Oberkampf ค่ะ
กินเยอะแล้วก็ขอมาเบิร์นออกซักหน่อย พอดีมีคนรู้จักทำงานที่นี่
เค้าก็ใช้สิทธิ์พนักงานมาให้เราปั่นฟรีไปอีก555 แต่คลาสก็ไม่แพงค่ะ
ดีไม่ดีราคาพอๆกับที่ไทยเลย
ย่านนี้ก็จะเป็นที่รู้จักว่าเป็นย่านเก๋ๆหน่อย ไม่แพงมาก
มีร้าน มีบาร์ มีคาเฟ่ให้มาชิลล์กันเยอะพอสมควรค่ะ
République (เรพูบลิก)
ถัดจาก Oberkampf ก็มาที่ République ค่ะ
ตรงนี้จะเป็นลานที่มีรูปปั้น Marrianne (มาริอาน) อยู่ตรงกลาง
เป็นสัญลักษณ์ของเสรีภาพ เสมอภาค ภราดรภาพ
ลานนี้ก็มักจะมีกิจกรรมอะไรเสมอ รวมไปถึงเป็นที่รวมตัวเวลามีการประท้วงด้วย
คนฝรั่งเศสเค้าจะอินกับการเมืองมากค่ะ คุยไปคุยมา เดี๋ยววกเข้าการเมืองอีกแล้ว555
แถวนี้จะมีร้านเยอะมาก เป็นเหมือนศูยน์รวมย่อมๆเพราะว่าตรงนี้มีรถไฟใต้ดินผ่านหลายสายด้วย
Marais (มาเร่)
เดินจาก République ถัดไปอีกนิดก็จะเป็น Marais ย่านสุดเก๋คูลและ LGBT friendly
แถวนี้จะมี boutique เยอะมาก เป็นร้านเก๋ๆ เสื้อผ้าเยอะ จะว่าเป็นแหล่งช็อปปิ้งก็ได้
ของจะไม่ได้เป็นหรูหราแบรนด์เนมมากแต่มีคาแรคเตอร์
มีร้านโปรดที่แพรวชอบมาช็อปบ่อยๆหลายร้านค่ะ
แล้วก็มาแวะที่ร้านของกิน(อีกแล้ว)
จุดนี้ก็น่าจะเดาได้แล้วว่าเราชอบกินเครป5555
ร้าน Droguerie (โดรเกอรี) นี้ แนะนำให้ลองเครป caramel au beurre salé ค่ะ
ทางร้านทำเองและพูดเลยว่าอร่อยมากกกกกกกกกก
หวังว่าเค้าจะยังขายอยู่ เพราะตอนนั้นที่ไปคนขายเค้าเปรยๆอยู่ว่าจะเลิกขายไปทำอย่างอื่น
ถ้าเลิกไปก็น่าเสียดายเลยค่ะ เครปอร่อยมากจริงๆ
ถัดมาจากร้านนิดหน่อยก็จะเป็นร้านอาหารอิสราเอลชื่อดังของย่าน
L'As du Fallafel (ลาส ดู ฟาลาเฟล) ซึ่งวันที่แพรวไปร้านหยุดพอดี เลยไม่ได้กินค่ะ
แต่ถ้าใครได้ไปก็ควรแวะไปกินนะคะ อาหารก็จะเป็นพวกแซนวิชขนมปังพิตต้า Shawarma, Fallafel
แบบอาหารตะวันออกกลางทำนองนี้ อร่อยค่ะ และร้านเค้าดัง
ถ้าไปช่วงคนเยอะต้องยืนต่อแถวหน้าร้านเลยค่ะกว่าจะได้กิน
Champs-Élysées - Clemenceau/ Concorde/ Tuileries
(ชองเซลิเซ่-เคลมองโซ่/ กงกอร์ด/ ตุยเลอรี)
เป้าหมายของเราคือจะไป Marché de Noël (มาร์เช่ เดอ โนแอล)
เราก็นั่งรถไฟใต้ดินจาก Saint-Paul (แซง โปล) ที่ Marais มาออกที่ Champs-Élysées - Clemenceau
ด้วยความมั่นใจมาก เพราะที่เราจำได้คือมันจะมีร้าน Christmas Market อยู่ตรงนั้นเยอะมาก
พอขึ้นมา อ้าว ไม่มีเลยซักร้านจ้า เป็นงงต้อง google หากันใหญ่
สรุปว่าเค้าย้ายไปจัดในสวน Tuileries มาหลายปีแล้ว
เราก็เดินค่ะ เดินย้อนกลับไปทิศทางที่เรามา555
Marché de Noël ตลาดคริสต์มาส
เรียกได้ว่าสีสันของหน้าหนาว
ส่วนตัวแพรวรู้สึกว่ามันให้ความอบอุ่น ให้อารมณ์ฤดูหนาวแบบที่บ้านเราให้ไม่ได้
ลักษณะก็จะว่าคล้ายงานวัดบ้านเราก็ได้ค่ะ ก็จะมีเครื่องเล่น อาหาร มีของขายต่างๆ
แล้วก็จะมีของกินที่มักจะหาได้เฉพาะในงานพวกนี้ เช่น Vin chaud (วัง โช) หรือไวน์ร้อน
เป็นอะไรที่ต้องลองค่ะ มันดื่มง่ายกว่าไวน์ธรรมดาเพราะว่าเค้าใส่น้ำผลไม้ลงไปและแอลกอฮอล์ในไลน์ก็ระเหยออกไปบางส่วนนั่นเองค่ะ
ร้าน Sanukiya
ไหนๆก็มาแถวนี้แล้วก็เลยต้องมาแวะร้านอูด้งร้านนี้ค่ะ
เวลาไปอยู่ต่างบ้านต่างเมืองแล้วมันคิดถึงความเป็นเอเชียน
ร้านนี้แพรวก็มากินกับเพื่อนคนเอเชียนบ่อยตอนเรียนอยู่
พนักงานในร้านเกือบทุกคนเป็นคนญี่ปุ่น (ถึงเป็นคนฝรั่งเศสก็พูดญี่ปุ่นได้ค่ะ)
ร้านเค้าจะเล็กๆนิดนึง แต่ว่าขายดี ถ้าไปตรงกับเวลามื้ออาหารของคนที่นี่
ก็ต้องรอคิว ต่อแถวกันไปตามระเบียบค่ะ
อูด้งรสชาติดีมาก ซุปกลมกล่อมละมุนนี แนะนำให้ลอง Miso tama udon
พร้อมกับ Agedashi tofu และ Tamago yaki ค่ะ
ที่นี่ไข่ Tamago yaki อร่อยมากที่สุดเท่าที่เคยกินที่ไหนมาเลยค่ะ
Rouen (รู ออง)
Rouen เป็นอีกหนึ่งเมืองใหญ่ในแถบ Normandie
วันที่ไปแพรวตั้งใจจะไปถ่ายรูปเต็มที่ เพราะว่าเมืองเค้าจะมีตึกสีสันสวยงามเหมือนในภาพด้านล่าง
เป็นสไตล์ typical ของ Normandie ค่ะ ที่จะมีไม้กับปูนสลับกันแบบนี้
ตอนที่ขับรถกันมาก็แดดดี ท้องฟ้าปลอดโปร่งค่ะ
พอจอดระเท่านั้นแหละ ฝนเริ่มตก และตกหนักขึ้นๆ เรื่อยๆ แล้วลมก็แรงมากเป็นพายุย่อมๆ
หมดกันค่ะแพลน ไม่ต้องไปไหนเลย ฝนตกจนมืดค่ะ เสียดายมาก
ก็กลับบ้านกันไปเซ็งๆเปียกๆนั่นแหละค่ะ ได้ดูเมืองนิดเดียวเอง
***Mauléon (โม เล อง)***
ส่วนตัวแพรวว่าเมื่องนี้ไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวอะไร ที่ต้องมาเพราะว่าเรามาฉลองคริสมาสต์ที่บ้านญาติ
เมืองก็จะอยู่แถบตะวันตกเฉียงใต้ เมืองใหญ่ที่ใกล้ๆก็จะเป็น Nantes นะคะ
ขับรถกันมาจาก Angiens ก็ 4 ชม.เบาๆ นั่งกันเมื่อยก้นพอสมควร
ที่นี่ก็จะมีสิ่งก่อสร้างเก่าๆราวช่วงยุคกลางเหลือให้ดูบ้าง
Emmaüs Peupins Mauléon
(เอมาอุ๊ส เปอปัง โม เล อง)
ร้านนี้แพรวก็เพิ่งเคยรู้จักค่ะ
เป็นคล้ายๆร้านการกุศลที่เค้าจะรับบริจาคสิ่งของที่คนไม่ใช้แล้ว
เอามาคัดแจกจัดหมวดหมู่ แล้วก็เอามาขายเป็นของมือสอง
ให้คนเข้ามาซื้อกัน แล้วเงินที่ได้ก็จะเอาไปช่วยคนที่ต้องการความช่วยเหลือค่ะ
ร้านอยู่ที่ในเมืองพอดีก็เลยแวะมาดูซักหน่อย
ของก็จะมีหลายหมวดหมู่มากๆ
ยังมีหนังสือ เครื่องออกกำลังกาย กล้องถ่ายรูป ฯลฯ เยอะมากๆค่ะ
ถ้าใครชอบของมือสองแล้วมีโอกาสได้ผ่านไปโซนนี้
ก็ลองแวะดูนะคะ เผื่อได้อะไรติดไม้ติดมือมาในราคาน่ารักค่ะ
------------------------------------------
จบแล้ว
หวังว่าเพื่อนๆจะชอบนะคะ
หากมีคำถามหรือติชมตรงไหนบอกได้เลยนะคะ
ยินดีรับฟังจะได้นำไปปรับปรุงสำหรับโอกาสหน้าต่อไปค่ะ
แล้วพบกันใหม่ค่ะ
สวัสดี