สวัสดีค่ะ 

เรามาเจอกันคราวนี้ด้วยหัวข้อ 

เคลียร์โต๊ะเครื่องแป้งต้อนรับปีใหม่ 

ด้วยเทคนิคง่ายๆ เพียง 4 ข้อ 

(สไตล์ Mini Meen) 

เปิดต้นปีมาหลายๆ คนก็คงจะแล้วก็ไล่เก็บบ้านมาตั้งแต่ปลายปีแล้วใช่มะะะะ

แต่สำหรับใครที่อยากเก็บ แต่ยังไม่ได้เริ่มซักที ลองอ่านเทคนิคง่ายๆ นี้ แล้วลองทำตามดูได้นะคะ ใช้เวลาไม่นานเลย ได้เคลียร์ของที่ไม่ใช้ ได้ทำความสะอาดฝุ่น แถมได้โอกาสเปลี่ยนหน้าตาโต๊ะเครื่องแป้งใหม่ด้วย 

• วิธีที่มีนเอามาใช้ได้รับอิทธิพลมาจากการจัดระเบียบบ้านแบบ Konmari (คมมาริ) ของคุณมาริเอะ คนโดะ เป็นศาสตร์ของการจัดระเบียบของทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเรา ซึ่งการจัดบ้านในวิธีนี้ เน้นไปที่การคัดแยกสิ่งของ เลือกของที่จะเก็บไว้และสิ่งที่ต้องการกำจัด พร้อมกับการฝึกวิธีคิด ทบทวนตนเอง และแก้พฤติกรรมที่เป็นปัญหาในการซื้อของ เก็บของ เพื่อให้เรามีความสุขมากขึ้น

โดยมีนได้ดูซีรีส์นี้มาจาก Netflix ค่ะ ชื่อเต็มๆ ของเค้าก็คือ “Tidying Up with Marie Kondo” จริงๆ คุณมาริเอะ เค้าเขียนหนังสือไว้ด้วยนะ มีแบบแปลไทยด้วย แต่ว่ายังไม่ได้มีโอกาสซื้อมาอ่านซักที ได้แต่ดูผ่าน Netflix แล้วจดลิสที่สำคัญๆ มาเพื่อเอาไว้ใช้ในการเก็บบ้าน มีนเริ่มใช้วิธีนี้กับการเก็บเสื้อผ้า ห้องน้ำ และห้องครัวแล้ว เรียกว่าได้ผลเลยทีเดียว ก็เลยคิดว่าจะมาทำกับเครื่องสำอางบ้าง 555555 

เทคนิคง่ายๆ แบ่งออกมาได้ประมาณ 4  ข้อค่ะ

 1. แบ่งหมวดหมู่ในการเก็บของ  

โดยคุณมาริเอะ ได้แบ่งไว้ทั้งหมด 5 หมวดได้แต่ 

Clothes (เสื้อผ้า) 

Books (หนังสือ)

Papers (กระดาษต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นจดหมาย บิล ฯลฯ)

Komono (ของจิปาถะต่างๆ) 

และสุดท้าย 

Sentimental items 

(ของที่มีผลต่อจิตใจของเรา อย่างรูปภาพ สมุด ตุ๊กตา ของสะสม) 

ซึ่งลำดับในการจัดก็คือ เรียงจากหมวดที่มีผลต่อใจน้อยที่สุดไปจนถึงของที่เรารักมากที่สุดนั่นเอง จากนั้นก็แยกหมวดหมู่ย่อยลงไปอีก เช่น หมวดเสื้อผ้า ก็จะมี เสื้อเชิ้ต เสื้อยืด เสื้อกล้าม กางเกงขาสั้น กางเกงขายาว ฯลฯ เป็นต้น

มีนปรับวิธีนี้มาเป็นการเรียงหมวดหมู่ของเครื่องสำอางเป็นส่วนๆ เช่น หมวดสกินแคร์ รองพื้น บลัชออน งานตา งานคิ้ว ผลิตภัณฑ์ดูแลผม ต่างๆ ออกเป็นกองๆ เพื่อให้ง่ายต่อการมองเห็นและการจัดเก็บ

 2. จัดให้เสร็จในคราวเดียว 

คุณมาริเอะ แนะนำให้เอาของหมวดนั้นมากองไว้ที่เดียวกลางบ้าน เพื่อให้เห็นว่าเรามีสิ่งนี้อยู่มากมายขนาดไหน 555555 ให้เอามาจากทุกห้อง ทุกซอกหลืบ จากนั้นก็มาคัดแยกกันค่ะว่าสิ่งไหนควรอยู่หรือควรไปต่อ โดยให้คิดว่าการจัดบ้านหรือการจัดของเป็นวาระพิเศษ เหมือนการเปลี่ยนบรรยากาศ และการสร้างความเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ ให้กับตัวเอง 

เหตุผลที่ต้องจัดให้เสร็จในคราวเดียวก็มาจากจิตวิทยาด้วยล่ะ เหมือนกับว่าเราจะได้เคลียร์ของไปทีละหมวดหูม่ แถมการที่ของอยู่กลางบ้าน ก็ทำให้เราปฏิเสธได้ยากถ้าจะกองทิ้งไว้แบบนั้นโดยไม่จัดการต่อ

 3. Spark Joy มั้ย 

คำนี้เป็นคำที่หลายๆ คนน่าจะคุ้นหูกันอยู่บ้าง วิธีการเก็บบ้านแบบคุณมาริเอะ แฝงไปด้วยวิธีคิดแบบญี่ปุ๊น ญี่ปุ่น คือการหยิบสิ่งของนั้นๆ แล้วขอบคุณของแต่ละชิ้นที่ได้ทำประโยชน์ให้กับเรา จากนั้นก็พิจารณาต่อว่าสิ่งของนั้นๆ เรายังต้องการเค้าอยู่มั้ย ยังใช้งานได้อยู่มั้ย ยัง Spark Joy อยู่หรือเปล่า 

* Spark Joy ก็คือ ความรู้สึกตื่นเต้น ยินดี วิ้งวับ กับของชิ้นนั้นๆ *

ตอนที่ทำกับเสื้อผ้าคือยากมากเหมือนกันค่ะ รู้สึกว่าตัวนั้นตัวนี้ต้องใช้ แต่ก็ค่อยๆ เปลี่ยนวิธีคิดไปว่า ถ้าเอาไปบริจาคก็คงจะมีประโยชน์กว่ากองอยู่ในตู้ มาว่ากันต่อที่การจัดโต๊ะเครื่องแป้ง เรารู้สึกว่าตัดใจได้ง่ายกว่าเสื้อผ้าเยอะเลย 5555 เพราะอย่างน้อยเค้ามีวันหมดอายุ อันไหนที่หมดแล้ว ก็ลงถังไป 

อันไหนที่พอใช้ได้แต่ไม่ Spark Joy แล้วก็แยกไว้สำหรับเอาไว้บริจาค ส่วนอันที่แพคเกจแบบ limited ถ้าสวยงามอยู่ ก็อาจจะเก็บไว้อีกกองนึง เผื่อวันไหนไม่ Spark Joy แล้วก็ค่อยโบกมือลา

 4. ถึงเวลาจัดของ 

หลังจากที่เราเลือกแล้วว่าอันไหนจะทิ้ง อันไหนจะเอา ก็ถึงเวลาจัดของกันค่ะ

มีนเริ่มจากการปรับปรุงพื้นที่ในการวางของก่อนเลย โดยเอากระดาษมารองด้านล้าง พร้อมทั้งติดผ้าตกแต่งใหม่เล็กน้อย เอาดอกไม้มาวาง รวมถึงทำความสะอาดพื้นที่รอบๆ ให้เรียบร้อย !

วิธีที่เราชอบมากๆ เลยคือ คุณมาริเอะ จะชอบเอากล่องขนาดต่างๆ มาทุกครั้งเวลาจะไปให้คำแนะนำใคร วิธีก็คือ ให้เราหากล่องหรือหาอะไรก็ได้มาเพื่อช่วยให้จัดของได้อย่างเป็นหมวดหมู่และเป็นระเบียบ หยิบจับได้ง่าย ที่สำคัญเวลาจัดของควรจะให้เรามองเห็นได้อย่างชัดเจน ไม่ใช่เรียงกองสุมๆ เพราะถ้าเรามองไม่เห็น ก็จะมีโอกาสที่เราจะหยิบเค้ามาใช้น้อยและสุดท้ายก็ไม่ได้ใช้ จนน่าเสียดายค่ะ

มีนก็เลยไปหาเอาของต่างๆ ที่อยู่ในบ้าน ทั้งตะกร้า กล่องจากพัสดุ กล่องจากแบรนด์ต่างๆ มาใช้ในการจัด มีทั้งไซส์เล็ก ไซส์กลาง ไซส์ใหญ่ เพื่อใส่ของขนาดที่แตกต่างกัน

สิ่งสำคัญอีกอย่างที่ใช้ก็คือ มีนเลือกจัดให้ของที่ใช้บ่อยๆ อยู่ใกล้มือ เช่น สกินแคร์ หวี และเครื่องสำอางที่ชอบใช้บ่อยๆ ในแต่ละช่วงอยู่บนชั้นด้านบน ส่วนพวกผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับผม รวมถึงพวกครีมทาผิวให้อยู่บนโต๊ะด้านล่าง และเครื่องสำอางที่ไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่ ก็เอาไว้ในชั้นข้างๆ โต๊ะเครื่องแป้งแทน

+2

แค่นี้ล่ะค่ะ สำหรับเทคนิคที่อยากจะเอามาแชร์

แม้ว่ามีนจะไม่ได้จัดบ้านในคราวเดียวทั้งหลังตามวิธีของคุณมาริเอะ แต่ก็จะใช้ไอเดียนี้กับหลายๆ อย่างในบ้าน เป็นวิธีที่แนะนำเลยนะคะ ถ้าใครยังไม่รู้จะเริ่มยังไงดี 

จริงๆ วิธีนี้อาจจะไม่ใช่ตาม Konmari เป๊ะๆ 

แต่คิดว่าเราก็สามารถนำมาปรับใช้ให้เข้ากับชีวิตประจำวันเราได้ค่ะ 

แม้ว่าในชีวิตจริง เราใช้ของไปสักพักก็อาจจะรกไปบ้าง 5555

แต่ถ้ามีเวลาก็จะกลับมาใช้วิธีนี้เสมอๆ ค่ะ 

ลองทำดูกันนะคะ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกคนค่ะ 

#เคลียร์โต๊ะเครื่องแป้ง