ผิวนัวที่ชอบกับโทนอัพที่ใช่ Clinique iD Tone-Up Gel

112 34
JEBAN GIVEAWAY / ได้รางวัลจากจีบันนี่แหละ!

ทักทายจีบันนิสต้าทู้กกโคนนค่าา 

มาเสิร์ฟรีวิวโทนอัพนัวๆแล้วจ้า :D


จากที่เราเคยพาชม Find Your Glow With Clinique ID "Tone-Up" ไปเมื่อเดือนที่แล้ว กระทู้นี้เลยเป็นการรวบตึงรีวิวโทนอัพสุดฮอต Clinique iD Tone-up Gel 
ในแบบของเราจากการใช้จริงเน้นๆไปเล้ยย 

✨  เผื่อใครอยากจะสัมผัสความนัวความโกลว์แบบเราบ้างค่ะ ?   

ขอแวะแนะนำตัวสักนิดก่อนนะคะ ^ ^



เราชื่อ ออฟ ค่ะ ปัจจุบันนี้อายุ 28 ปี สภาพผิวพื้นฐานของออฟคือ เป็นมนุษย์ผิวมัน รูขุมขนกว้าง มีสิวตั่งต่าง เช่น สิวเสี้ยนตรงจมูก สิวอักเสบ สิวอุดตัน ทั่วไปแบบปุถุชนเลยค่ะ 555 นอกจากนั้นปัญหาที่ตามติดเราเป็นเป็นเจ้ากรรมนายเวรก็ไม่ปานนั่นก็คือ รอยดำจากสิวเอย รอยแดงเอย ซึ่งทุกวันนี้ก็ต้องเสาะหาวิธีรักษารอยอยู่ค่ะ 
เลยเป็นที่มาว่าทำไมเราถึงเลือก เจ้าบูสเตอร์สีขาว 
สูตร Uneven Skin Tone : เพื่อผิวกระจ่างใส โทนสีผิวแลดูสม่ำเสมอ ไร้จุดด่างดำ 
จะได้ใสคูณสองยิ่งกว่าเหงือกของดิชั้นด้วยค่ะ555555 
(ก็เพื่อนชอบบอกว่าเหงือกใสอ่ะ ><)   

เลือกใช้สกินแคร์ที่ต้องไม่ใช่แค่หน้าตา


ต้องบอกก่อนเลยว่าเราเองนี่ชอบโทนสีชมพูพาสเทลเอามากๆ ซึ่งแว็บแรกที่เห็น Ads ของ Clinique อันนี้บอกเลยว่าสะดุดตาแบบปิ๊งเข้าเลย เพราะสีเขามันเป็นน่าร้ากก คิดว่าถือแล้วต้องให้ฟีลแบบลูกคุณ นั่งทาครีมอยู่ในห้องสีขาว-ชมพู เปิดแอร์เบาๆ พร้อมกลิ่นเทียนหอมแบบฟรุ๊ตตี้แคนดี้ ><

แต่การใช้สกินแคร์ของเราไม่ได้มีแค่นี้ แค่แพ็คเกจจิ้งเป็นส่วนนึงที่ชวนให้ใช้ด้วยค่ะ ขวดที่ดีไซน์เหมือนรุ่น iD แรกๆ ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงไรนัก กับฝาปั๊มที่ทำมาแข็งแรง อันนี้ชื่นชมเลยค่ะ ไม่กิ๊กก๊อก คือให้ความมั่นใจได้เลยว่า เราสามารถคอนโทรลปริมาณมอยเจอร์ได้ ^ ^ ฉะนั้นบูสเตอร์สีขาวจะหมดไล่ๆกับตัวมอยเจอร์ค่ะ จะห่างกันประมาณ 4 วัน อันนี้ที่ได้เคยสอบถามกับบีเอของเขามาโดยตรงนะจ๊ะ

เจาะลึกการใช้ Clinique iD Tone-Up Gel


เอาล่ะมาเข้าเรื่องการใช้กัน อย่างแรกที่เราอาจจะไม่ชินคือ ต้องใส่บูสเตอร์ลงไปในขวด แต่ก็ทำตามคำแนะนำได้ไม่ยากค่ะ วันแรกที่ใช้เราทาลงไปเดี่ยวๆเลยค่ะ โดยไม่ได้วอร์มเนื้อก่อน ไม่รู้ว่าต้องวอร์ม 5555 แต่ก็ลองสอบถามเพื่อนๆดูค่ะ ได้คำแนะนำมาเพียบเลย ^ ^

ตอนแรกแอบสังเกตุว่าตัวบูสเตอร์สีขาวออกมาจริงๆหรือเปล่านะ จนต้องหยิบขวดมาให้เพื่อนที่ออฟฟิสดู สรุปคือ น้องออกมากจริงๆ!5555

เราลองทั้งกับรองพื้นและตอนที่ไม่ได้ใช้รองพื้น พบว่า ถ้าลงกับรองพื้น แนะนำให้ใช้แต้มโทนอัพเฉพาะจุดเอานะคะ เกลี่ยให้ดี เกลี่ยให้ไว แล้วค่อยทารองพื้น แนะนำให้ลงด้วยนิ้วจะเวิร์คสุด(ถ้าใช้กับโทนอัพ) ผิวจะสว่างขึ้นมาอีกระดับเลย แล้วหน้าเล่นแสงดีค่ะ

ส่วนความคุมมันนั้น สำหรับผิวเราคิดว่า ไม่ได้คุมมันนะคะ แค่ไม่ทำให้ผิวเยิ้ม ยิ่งวันไหนอยู่ในห้องแอร์ทั้งคือผิวจะสวยมากๆ ลงแป้งฝุ่นก็สวยแล้วค่ะ แต่ถ้าแต่งหน้าแบบฟูลออฟชั่น ก็ยิ่งทำให้ผิวดีไปอีก 


มีหัวหน้าหลักแล้วต้องมีกองกำลังเป็นทัพเสริม


จากที่ลองถูกลองผิดกับโทนอัพ เราก็ได้ปรึกษาทั้งเพื่อนๆจีบัน และพี่บีเอ Clinique ได้ความว่าตัวโทนอัพนี้ควรใช้ตอนเช้า จะเวิร์คสุด จากตอน 3 วันแรก เราใช้กลางคืนด้วย เพราะต้องเทสต์ว่าแพ้หรือไม่ สรุปก็คือโทนอัพนี้สอบผ่านเรื่องแพ้ค่ะ ^^ คือตอนเช้าเราลงโทนอัพเดี่ยวๆ+กันแดดเลยค่ะ

ถ้างั้นกลางคืนเราจะใช้อะไรดีล่ะ? บอกก่อนว่าช่วงที่เราได้ลอง ก่อนหน้ามีสิวอักเสบอยู่แล้วนะคะ ด้วยความที่หน้ามันด้วย เลยต้องมีเซ็ทเสริมเพิ่มเข้ามาด้วย

  • ล้างหน้าด้วย Clinique Liquid Facial Soap Oily Skin Formula เจลล้างหน้าใส ไม่มีกลิ่นไม่สีใดๆ ทำความสะอาดล้างคราบมันได้ดี เราใช้เช้าเย็นเลยค่ะ
  • ปรับสภาพผิวด้วย Clinique Clarifying Lotion Twice A Day Exfoliator 3 โทนเนอร์สำหรับคนผิวผสม-ผิวมัน มีกลิ่นแอลกอฮฮลเล็กน้อยถ้าเทียบกับ ตัว Anti-Blemish Solutions โลชั่นสูตรสำหรับคนเป็นสิว เราจะใช้กลางคืนก่อนลงมอยเจอร์ค่ะ ซึ่งเราติดใจตัวนี้มาก ถึงแอลกอฮอล์จะแรง แต่ทำให้สิวเราแห้งไว และผิวไม่ลอก คิดว่าอันนี้ต้องมีไซส์จริงๆแล้วล่ะ  ^ ^
  • ตบท้ายด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์ตัวดังตัวฮิต Dramatically Different Moisturizing Gel เนื้อมีสีเหลืองอ่อน ไม่มีน้ำหอม ไม่มีกลิ่น ชอบความซึมไว และให้ความเคลือบผิว ตื่นมาคือหน้าเด้งดี คือถึงแม้เราจะหน้ามันแต่กลางคืนชอบให้หน้ายังชุ่มชื้น ไม่ชอบแห้งผากค่า

คำแนะนำจากใจที่ใช้โทนอัพ


  • ล้างมือให้สะอาดก่อนใส่บูสเตอร์ เพราะใส่แล้วใส่เลยค่ะ หมายความว่าถ้าก่อนหยิบมาใส่ มือเราไม่สะอาดพอ เชื้อโรคจะเข้าไปพร้อมอยู่ในขวดเลย


  • ควรใช้ตอนเช้า เพราะด้วยความโทนอัพอะเนอะ ปรับผิวให้สว่างตอนเช้าดีที่สุด


  • หากใช้ร่วมกับสกินแคร์อื่นๆ แนะนำให้เป็นแบบของเหลวหรือเนื้อบางเบาจะดีที่สุด จากที่ได้ลองมา เพราะถ้าใช้เนื้อข้นๆหรือเนื้อเจลก็ตาม จะรบกวนตัวโทนอัพค่ะ 


  • ด้วยเนื้อที่ค่อนข้างเข้มข้น เวลาใช้ควรวอร์มก่อน แล้วใช้วิธีนวดๆลงผิว ให้ไวนิดนึง ไม่งั้นจะเกิดคราบขาวๆได้

  • คนที่มีขนเยอะ อาจจะเกิดขุยขาวเกาะตามแนวขนได้


  • หากใช้คู่กับรองพื้น ใช้วิธีแต้มเป็นจุดบางๆพอค่ะ แล้วลงรองพื้นต่อได้เลย ไม่ควรใช้นิ้วปาดๆนะจ๊ะ



สรุปผลการทดลองใช้


สำหรับ Clinique ID "Tone-Up" Gel นี้ออฟถือว่าเป็นมอยเจอร์ไรเซอร์ที่ออกแบบมาสำหรับคนเมืองนะ ที่ต้องใช้ชีวิตแข่งกับเวลา ต้องการอะไรที่มีความรวดเร็ว ไม่ต้องมีขั้นตอนไรเยอะ ซึ่งการใช้งานก็อัดแน่นมาในขวดเดียวเลย คือได้ทั้งการบำรุงและการปรับสีผิวให้ดูสว่างยิ่งขึ้น

ส่วนเรื่องรอยจุดด่างดำต่างๆคิดว่าต้องใช้เวลาค่ะ แต่เราไม่ได้ซีเรียสตรงนี้มากกับการมาใช้โทนอัพนี้ อย่างเดี๋ยวนี้คือเราชอบมาแต่งหน้าที่ออฟฟิส ฉะนั้น เช้ามาคือลงโทนอัพตามด้วยกันแดดแล้วออกจากบ้านได้เลย ไม่ต้องคิดไรเยอะ แล้วจะแต่งหน้าหรือไม่แต่งก็ไว้ว่ากัน 555 บางวันหน้าสดทั้งวันก็มีนะ จนคนรอบข้างชินไปแล้ว 555

หากใครมองหาการใช้สกินแคร์ที่บำรุงและต้องการผิวที่ไบร์ทขึ้น โทนอัพเจลเป็นตัวเลือกที่ดีนะคะ แม้การใช้งานแรกๆจะเป็นงงๆหน่อย แต่เดี๋ยวเราจะชินกับน้องเขาเองได้ไม่ยากค่ะ ^ ^ จะบอกว่าถ่ายรูปออกมาสวยด้วย ไม่ต้องพึ่งรองพื้นก็ไปได้ต่อค่ะ

สุดท้ายขอขอบคุณ Jeban และ Clinique ที่ให้เราเป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมดีๆแบบนี้ตลอด สัญญาจะใช้ให้หมดขวดเลยฮะ ^ ^


offochu

offochu

สวัสดีค่ะจีบันและเพื่อนๆ เราชื่อ ออฟ นะคะ ชอบสกินแคร์มากๆ ติดตามทุกอย่างเกี่ยวกับสกินแคร์ได้ก็เพราะจีบัน ส่วนเมคอัพนี่ของคู่กันค่ะ แต่งหน้าเป็นได้ก็เพราะจีบันนี่ละ อิๆ

นอกจากความสวยความงามแล้ว life style ที่ชอบคือ เรียนภาษา เป็นคลั่งเกาหลี สะสมต้นไม้

สภาพผิวหน้า : ผิวมันขาดน้ำ,รูขุมขนกว้าง,เป็นสิวบ่อย,มีรอยสิว,ริ้วรอยร่องแก้ม

สภาพผิวกาย : ผิวที่หลังค่อนข้างมัน เหงื่อออกง่าย มีสิว รอยสิวด้วย

สีผิว : NC 20-25

สภาพผม : ผมตรงเส้นเล็ก หนังศีรษะมันมาก ผมร่วง ผมทำสี

Contact Line: chutima_24

FULL PROFILE