สวัสดีค่าาาาาา

วันนี้คิสมาพูดถึงสกินแคร์กลุ่มที่คิสเพิ่งได้ทำความรู้จักจากกิจกรรมของ Jeban x Naos (นาโอส) โดยได้เสนอแบรนด์ใหม่ในไทยอย่าง Institute Esthederm (aka IE อินสตตูว์ เอสเธอเดริม์)

ซึ่งแบรนดืนี้ไว้ใจได้ในเรื่องของ Lab หรือ R&D เนื่องจากเป็นแบรนด์เก่าแก่จากฝรั่งเศสในเครือเดียวกันกับ Bioderma ที่ทุกคนคุ้นเคยกันนั่นเองค่ะ

ก่อนหน้าที่เราจะรู้ว่าทำไมมันถึงดัง เรียกว่ามันถูกดึงนำมาใช้ทำการตลาดมาราวๆ 15 ปีได้แล้ว คิสเพิ่งจะมาอินก็ Hya ซึ่งเป็นชื่อย่อเรียกน้องในสายสกินแคร์ "ไฮย่า" เรียกคำนี้คือ universal term ใช้ได้หมดทั่วราชอาณาจักร

ก่อนที่เราจะมารีวิวกัน คิสขอมาตีแผ่ถึง "ความจำเป็น" ที่เราจะต้อง "ลงทุน" กับ Hya ว่าทำไมถึงได้มีราคาที่กว้างมากกกกก ตั้งแต่หลักร้อยกว่าบาท ไปจนถึงหลักหมื่น

มันจำเป็นต้องจ่ายขนาดไหน??

และทำไมทุกๆแบรนด์ถึงได้เคลมว่า "มี Hya 3 ขนาด"

คือยอมรับว่าตอนที่ฟังแล้วตื่นตาตื่นใจ โอโห้ ว้าวๆๆ แบบนี้ทำแบบนี้ แบบนั้น สุดท้ายทุกเจ้า สารพัดแบรนด์ก็เคลมว่าตัวเองมีโมเลกุล 3 ขนาดกันหมดค่ะ 

แต่ที่ต่างกันคือ "เกรด" "ประเภทของโมเลกุล Hya ที่แบรนด์นำมาใช้" "ส่วนสารละลาย" "เกรดสารกันเสีย" "ค่าแบรนด์ดิ้ง" "ส่วนผสมบำรุงผิวเพิ่มเติม" ฯลฯ

เพราะฉะนั้นก่อนเราจะสวยเราต้องศึกษากันด้วยเนอะว่าตัวไหน เหมาะกับใช้งานแบบไหนค่ะ คิสขออนุญาตยกคลิปของหมอเต้คนเดิมมาฝากสาวๆนะคะ ยาวและอาจจะฟังยากนิดๆสำหรับคนที่ไม่ชินกับสารเคมี แต่รับรองว่าฟังเกิน 3 รอบเข้าใจและยังคบได้แน่นอนค่ะ

คิสขออธิบายนอกเหนือจากส่วนที่หมอเต้ได้พูดไว้ในคลิป คือขอพูดถึง type ที่นอกเหนือจากแบบฉีด(ฟิลเลอร์) และ Hya แบบสกินแคร์ โดยเรียงจาก เนื้อจากเบา >> หลัก เป็นหลักค่ะ

- Water base ที่เราเห็นขายทั่วๆไปไม่ว่าจะแบบเคลมว่าหัวเชื้อ หรือโลชั่นแบบ Hada Labo

- Gel base อันนี้คิสใช้ของแบรนด์คุณหมออยู่และคงได้มาพูดแยกในโพสแยกออกไป ส่วนที่หมอเต้พูดถึงคือตัว Formulario ที่น่าใช้มากๆๆๆ เพราะมีส่วนผสมของ Ceramide* ที่คิสชอบเป็นการส่วนตัว

*คิสแอบดีใจที่หมอเต้พูดถึง Ceramide อย่างที่คิสเข้าใจว่ามันช่วยแก้ไขในกลุ่มคนที่เจอปัญหาผิวระคายเคืองทั้งหลาย คนที่เคยแพ้สเตียรอยด์มาก่อนนับว่าเป็นเพื่อนแท้ที่ช่วยชีวิตเราได้ในระยะยาว

- Emulsion/Cream base นี่คือตัวที่ทางแบรนด์ Institut Esthederm (IE) นำเสนอนั่นเองค่ะ ซึ่งตัวนี้มีการเพิ่มสารบำรุงผิว moisturizer เพื่อลดริ้วรอยไปด้วยในตัว ให้นึกถึงตัว Physiogel AI/Cerave PM แต่เนื้อเบากว่า สบายผิวมากกว่าค่ะ

Key หลักที่สุดที่หลายคนอาจจะยังไม่เข้าใจ หรือยังเข้าใจผิวเกี่ยวกับ Hya บริสุทธิ์ คิสย่อความจากหมอเต้มาให้แล้วค่ะ

Hya ไม่ได้ช่วยกันความสูญเสียน้ำจากผิว ลดเลือนริ้วรอย อันนี้ไม่ใช่และทำไม่ได้ด้วย แต่เป็นสารในแต่ละโมเลกุล มีทั้งแบบที่ซึมเข้าลงสู่ชั้นผิวได้และทำได้แค่เคลือบผิว หน้าที่หลักคือ "กักเก็บความชุ่มชื้น" ในผิวชั้นล่างและผิวชั้นนอก ในระยะเวลาภายใน 24 ชม. ไม่มีผลการกระตุ้นต่อผิวในระยะยาว หยุดใช้คือไม่มีผล automate ต่อผิวค่ะ

ในขณะที่ทำหน้าที่ Moisturizer ก็ต้องขึ้นอยู่กับแต่ละตัวของ Hya นั้นๆว่ามีส่วนผสมของสารบำรุงที่ให้ความชุ่มชื้นหรือไม่ และมีความเข้มข้นที่เหมาะสมรึป่าว(สูงไม่ได้แปลว่าดี) การนำพาของการใช้งาน Hya ที่ดีที่สุดคือการใช้ร่วมกับสกินแคร์ที่มีส่วนผสมของ "น้ำ" เพื่อให้นำพา Hya เข้าสู่ผิวได้ดีที่สุดค่ะ

ทริคสำคัญที่คิสชอบ Hyaluronic Acid มากที่สุด

ก่อนหน้านี้คิสมีคำถามที่ถามแพทย์ผิวหนังที่รู้จัก 3 คน(บางคนก็เพื่อนคิสเอง) ว่า Hya นั้นใช้ช่วงไหน เข้าจังหวะไหนดีที่สุด ต้องใช้ตรงไหน ครีมอื่นๆที่คิสทาไปถึงทำงานได้ดี ไม่ทำให้ครีมอื่นๆเสื่อมสภาพ คำตอบที่ได้คือ "ใช้ได้ทุกจังหวะ" แต่ก็สอดคล้องกับหมอเต้คือการใช้ร่วมกับสกินแคร์ที่เป็น water base ร่วมด้วย เพราะฉะนั้น การลง "หลัง Essence/Lotion/ Emulsion" จึงเป็นคำตอบที่น่าจะใกล้เคียงคำแนะนำของหมอมากที่สุด แต่ถ้าใครอยากจะเอาไปเข้าจังหวะอื่น ทาตอนไหนก็ตามสะดวกค่ะ เพราะหมอบอกคิสว่า เอาไปผสมกับ night cream/sleeping mask ทาปิดท้ายก่อนนอนยังได้เลย

ขั้นตอนการลงก็ง่าย ไม่ว่าจะทาแบบ Layer หรือแบบผสม แทบจะตามใจเจ้าของทรัพย์สินทุกประการ ใคร่ใช้จังหวะไหนใช้ ยังไม่พอค่ะ ตัวนี้นับเป็น "ตัวช่วยชีวิต" ที่ดีมากๆสำหรับสกินแคร์ที่ "มีแอลกอฮอล์" ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม Serum/ Sunscreen ที่มีแอลกอฮอล์ หาย panic กันได้แล้วค่ะเมื่อเรามี Hya ปาดลงไป แล้วสิริมงคลก็จะตามมาเอง

สำหรับการรีวิวของคิสอันนี้ ขออนุญาต disclaimer ในการใช้งานว่าทำไมของคิสปริมาณถึงลดไปนิดเดียว เดี๋ยวจะเข้าใจว่าคิสใช้ไม่กี่ครั้งรึป่าว 55

- คิสใช้วันละครั้ง ตอนเช้าเท่านั้น เพราะเคยใช้ตอนกลางคืน สิวอักเสบขึ้นค่ะ ลองหลายรอบแล้ว ขึ้นทุกรอบ จนคิดว่าอาจจะแพ้รึป่าว เลิกใช้ไปราวๆ 1 เดือน กลับมาใช้ใหม่ เพราะจะเทสร่วมกับการใช้แบบเจลควบคู่กัน กลายเป็นว่าใช้งานตอนเช้าไม่มีปัญหาเลย

- ปริมาณที่ใช้ คิสใช้ 1 ปั๊มต่อครั้งเท่านั้น โดยใช้แบบผสมกับ KANEBO illuminating serum ที่รีวิวไปก่อนหน้านี้อีก 1 ปั๊ม ซึ่งเป็น combination ที่ปริมาณการใช้งานแล้ว พอดีกับการใช้งาน ไม่ต้องใช้มากไปกว่านี้

- คิสมีได้แบบหลอดไซส์จิ๋วๆมาด้วยอีก 3 หลอดซึ่งเนื้อดีมากกก(เป็นเนื้อแบบ Hya ของยี่ห้อเดียวกันแต่เป็นรุ่นแบบกระปุก) เนื้อหนักกว่า แต่คิสก็ชอบมาก ทำให้ยืดช่วงเวลาการใช้งานก่อนไปแบบขวดปั๊มนี้ด้วยค่ะ

INSTITUT ESTHEDERM

Instensize Hyaluronic Serum (Wrinkles - Fine Lines Intense dehydration)

Size: 30 ml (regular size)

Price: 2,800 THB

Made in France

Life time after opened: 6 months

Remark: วางขายผ่าน Official Website, offline Eveandboy Zpell ฟิวเจอร์ฯรังสิตและFashion Island (คิสไม่เคยไปเลยทั้ง 2 ที่มันอยู่พิกัดไหนหนอ ตั้งสาขาได้ทำร้ายหัวใจมาก) updated 15/3/20

PROs

- มีส่วนผสมของ Moisturizer มาให้แล้ว คือชื่อเป็นเซรั่ม แต่กลับให้ความชุ่มชื้นไปด้วย สำหรับสาวๆบ้านเรา สามารถใช้ตัวนี้เพื่อให้ความชุ่มชื้นได้ (ยิ่งตัวครีม ทาตัวเดียวเอาอยู่เลยจริงๆ) และ A Big Plus คือมีสารต่อต้านริ้วรอยมาให้แล้วในตัว

- แพคเกจดีมาก ชอบความดีงามที่สุดของการเป็นขวดปั๊มค่ะ กราบมากๆ เพราะ Hya มักจะออกมาในรูปแบบ Dropper แต่!! ข้อเสียเล็กๆคือตัว dispenser ทำออกมาลูกผีลูกคนเล็กน้อย คือมันควรจะมี stopper หรือที่เป็นตัวปิดครอบหัวปั๊มอีกทีค่ะ

- มีส่วนผสมที่เป็นสารบำรุงผิวที่ต่อต้านอนุมลอิสระ(Cellular Water Patent) ซึ่งเป็นสิทธิบัตรเฉพาะของแบรนด์ IE เลยค่ะ

CONs

- อายุการใช้งานค่อนข้างสั้น ระบุไว้คือ 6 เดือน ซึ่งส่วนตัวคิสก็ว่าตัวเองใช้หมดก่อน 6 เดือนแน่ๆ ถึงจะใช้ 1 ครั้งต่อวัน ทั้งนี้มันน่าแปลกใจ เพราะมีสารกลุ่มที่เป็นสารกันเสียหลากหลายตัว ทำไมถึงได้อายุสั้นแบบนี้ เศร้ามากแม่

- ส่วนตัวมากๆคือดันใช้แล้วมีปัญหาในการใช้งานตอนกลางคืน ซึ่ง crack ไม่ออกว่าเป็นเพราะสารตัวไหน ยังไงแนะนำให้เทสก่อนนะคะ แต่คิสก็เป็นคนแพ้ง่ายคนนึง ก็ just a note นะคะ

- คิสว่าหาซื้อยาก แต่คิสลองดูเวบออนไลน์ที่เป็น official website แล้ว ถ้าเป็นเวบแบบนี้คิสกล้าสั่งค่ะ ปกติเป็นคนพยายามหลีกเลี่ยงมากๆ ส่วน offline เข้าใจว่ากำลังขยายช่องทางขายเพิ่มเติมอยู่ ขอให้มีวางขายในสาขาใจกลางเมืองไวๆค่ะ รอซื้ออยู่ โดยเฉพาะสเปรย์น้ำแร่ เพราะมันเริ่ดมากจริงๆ ใช้สเปร์ยแล้วมั่นใจเลยว่าแบรนด์นี้งานคุณภาพ ทำได้ดีกว่า caudalie, avene อีก

ก่อนไป คิสต้องขอขอบคุณโอกาสที่ทาง Jeban x Naos ได้ให้คิสเข้าร่วมกิจกรรมดีๆในครั้งนี้นะคะ บอกเลยว่าเป็นครั้งแรกและอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่คิสได้ร่วมงานกับ Jeban Activity แบบนี้ เป็นกิจกรรมที่คิสประทับใจในทุกๆเรื่อง

คิสได้รับความรู้ที่ไม่รู้สึกอีดอัดเลย มีการ breaking ice ที่ทำให้คิสได้ทักทายกับสาวๆหลายคนที่คิสได้แต่แอบมองแอบปลื้มอยู่ แต่ไม่กล้าทัก ก็เป็นโอกาสที่ priceless มากๆและรู้สึกเลยว่างานนี้ สตาฟทุกคนตั้งใจจัดเป็นอย่างดี

มีความสุขมากๆค่ะกับสิ่งที่ได้รับจาก Jeban มาตลอด เป็นความทรงจำที่ดีค่ากับคิสมากๆค่ะ ช่วงนี้สถานการณ์ต่างๆไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ ทุกคนก็ดูแลสุขภาพกาย สุขภาพจิตตัวเองให้ดีกันด้วยนะคะ รักและคิดถึงสาวๆจีบันเหมือนเดิมค่ะ

^^