สวัสดีชาวจีบันทุกคนจ้า วันนี้มารีวิว Clinique Even Better Clinical™ Radical Dark Spot Corrector + Interrupter 

ซึ่งต้องขอบคุณทางจีบันมากๆที่ให้เราเป็นหนึ่งใน 25 ผู้โชคดีที่ได้ลองขนาดทดลอง 10 ml เราเป็นคนนึงที่เคยใช้สูตรและ packaging เก่ามาก่อน ซึ่งก็ชอบมากๆอยู่แล้ว แต่กับสูตรใหม่ยกเครื่องแรงกว่าเดิมขวดนี้ และเพิ่มเติมคือ packaging ที่ใช้ง่ายมากขึ้นจะเป็นยังไงกันนะ มา...หมดขวดแล้ววันนี้เราเลยจะมาเล่าให้ฟังจ้า

THEN / รุ่นเก่า

Even Better Clinical Dark Spot Corrector & Optimizer 

จุดเด่นอย่างแรกเลยคือ packaging ที่แยกเซรั่มออกเป็น 2 ฝั่ง เวลากดหัวปั๊มต้องสูดหายใจลึกๆและรวบรวมแรงกดพรวดเดียวให้แน่วแน่ว่าเซรั่มทั้ง 2 ฝั่งออกมาในปริมาณที่พอดีและเท่าๆกัน 555555555555 

สังเกตรูปเนื้อเซรั่มที่กดมานะ สีขาวทึบๆจะจากหลอดสีเขียว ส่วนเนื้อใสๆคือจากหลอดสีขาว บางทีก็กะลำบากนะถ้าจะให้เท่ากันเป๊ะๆอะ สูตรเก่่าเท่าที่เราใช้มาผลลัพธ์โดยรวมถือว่า "ดี" ตามที่เคลมไว้ คือช่วยให้จุดด่างดำจางลงได้จริงๆ ใช้แล้วผิวชุ่มชื่นขึ้น เนียนใสขึ้น 

NOW / รุ่นใหม่

Even Better Clinical™ Radical Dark Spot Corrector + Interrupter  

ความเปลี่ยนแปลงที่เห็นชัดๆอย่างแรกคือ ชื่อที่เปลี่ยนไป โดยเน้นใช้คำว่า "Radical" คือประสิทธิภาพที่ "เร็ว+แรง" แต่ยังอ่อนโยนชุ่มชื่น และเน้นการเป็น "Interrupter" นั่นคือนอกจากจะแก้ปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ จุดด่างดำ ความหยาบกร้านที่มีอยู่เดิมแล้ว ยังเน้น "ป้องกันปัญหาผิวในอนาคต" นั่นคือการเป็น Interrupter นั่นเอง

อีกอย่างที่เห็นได้ชัดคือ Packaging ที่สวยงาม และใช้งานได้ง่ายมากขึ้น จากเดิม 2 หัวปั๊มต้องกดไปลุ้นไป ตอนนี้เหลือหัวปั๊มเดียว กดง่ายจ้า ส่วนเรื่องสูตรและส่วนผสมเค้าก็ยกเครื่องใหม่ เบิ้ลเครื่องแรงเป็น 2 เท่า ทางแบรนด์ออกตัวแรงเลยว่าเป็น "สูตรที่ดีที่สุดในรอบ 10 ปีของ CLINIQUE" เลยทีเดียวเชียวล่ะเออออออ

ส่วนเนื้อเซรั่มรุ่นใหม่คราวนี้ไม่แยกเป็น 2 เนื้อแล้วจ้า กดออกมาเป็นเนื้อเดียวเลย (ไนรูปดูเหมือนมี 2 เนื้อเพราะแสงจาก Ring Light เด้อ)

ส่วนเนื้อสัมผัสยังคงเข้มข้น แต่ซึมลงผิวไว และให้สัมผัสที่เนียนสบายผิว ผิวชุ่มชื่นขึ้น พร้อมกลิ่นหอมสดชื่นอ่อนๆเหมือนเดิม สรุปใช้ง่ายขึ้นล่ะเออ

BEFORE 

Shot on 27-Feb-2020

หน้าสดๆ ถ่ายตอนดึกๆวันที่ 27 กพ 2020 จ้า สภาพหน้าในตอนนั้นก็มีกระ หลุมสิว สิวอุดตัน และสิวอักเสบที่คาง หน้ามันและรูขุมขนกว้าง

AFTER

Shot on 19-Mar-2020

หลังใช้เท่าที่ซูมดูผิว และสาดไฟ Ring Light เพื่อให้เห็นสภาพผิวชัดๆ อย่างแรกที่สังเกตได้คือผิวขาว เนียนละเอียดขึ้น ส่วนเรื่องกระและจุดด่างดำนั้น สีจางลงแต่จำนวนไม่ค่อยลดลงเท่าไหร่ ผิวชุ่มชื่นขึ้น บางจุดที่แห้งๆลอกๆจากการรักษาสิวก็หายลอก (ในรูปที่คางกำลังมาสก์รักษาสิว ใช้ของ VERDURA จ้า)

What a Surprising Result!!

Shot on 19-Mar-2020

แต่ผลลัพธ์ที่ทำให้เรา "ตกใจ" มากที่สุดคือ "หน้าขาวขึ้นกว่าคอไปเกือบๆ 2 Shade" เดิมทีเราหน้าขาวกว่าคออยู่แล้ว เพราะปกติไม่ชอบทาสกินแคร์ที่คอเนื่องจากรู้สึกว่าเวลาเหงื่อออกแล้วมันลื่นๆ 

ส่วนคราวนี้ตอนลองใช้ Clinique EBCRI (ขอย่อแบบนี้แล้วกันนะ) ด้วยความงกก็เลยใช้ทาแค่ที่หน้า ซึ่งจริงๆจะบอกว่าขนาดจิ๋วๆ 10 ml แบบนี้ แต่ใช้จริงๆใช้ได้เกือบเดือนนึงเลยนะ รู้อย่างนี้ไม่น่างกเลยอะ หน้าลอยเชียว ตอนนี้กลายเป็นว่าหน้าขาว เนียนใส แต่ปัญหาใหญ่คือจะเลือกรองพื้นยังไงล่ะเนี่ย 555555555555555555555

อะเทียบเรื่องกระ และจุดด่างดำให้ดูชัดๆ คือมันดูจางลงนะ แต่จำนวนไม่ได้ลดลงเท่าไหร่ แต่อันนี้บอกตามตรงไม่ซีเรียสเลย เรารู้ว่ากระรักษายากมากๆจริงๆ ขนาดเคยไปทำทรีทเม้นท์ที่คลินิกก็ยังไม่หายสนิทเลย

หวังว่ารีวิวของเราจะตอบโจทย์ และมีประโยชน์กับคนที่มีปัญหาผิวเหมือนเรา คนที่มองหาตัวช่วยเรื่องผิวเนียน ขาวใส หรือคนที่สนใจผลิตภัณฑ์ตัวนี้อยู่นะจ๊ะ

สุดท้ายขอขอบคุณ Jeban และ Clinique มากๆที่มีกิจกรรมและผลิตภัณฑ์มาให้ User ได้ทดลองใช้ตลอดๆเลย

ใครสนใจก็พุ่งไปเลยเด้อ ซื้อออนไลน์ก็ได้น้า โปร Lazada 27/3 รออยู่ อิอิ
จากที่เราเคยใช้มา ขวด 50 มล ใช้ได้ 6-7 เดือนเลยอะ

1. ขนาด 30 มล. ราคา 2,850 บาท 
2. ขนาด 50 มล. ราคา 4,100 บาท 

ขอบคุณทุกคนที่แวะมาอ่านกระทู้ และคอมเม้นท์ หรือกด ♥ ให้รู้ว่าคุณแวะมานะ

เจอกันใหม่กระทู้หน้า สวัสดีจ้า

ปล. พูดคุย-ติดต่อ-ติดตาม เราได้ง่ายๆ แค่ Search @poongnamnom ทุกช่องทาง Social Media จ้า