เซ็ตสกินแคร์ผิวยืดหยุ่น ลดริ้วรอย จาก Institut Esthederm อยากหน้าเด็กต้องไม่พลาด!
icecream_pb
55
16
JEBAN GIVEAWAY / ได้รางวัลจากจีบันนี่แหละ!
ถึงจะกักตัวอยู่แต่ในบ้าน แต่ผิวเราต้องไม่หยุดสวย!
จริงไหมคะทุกคน :)
เรื่องการบำรุงผิวเป็นอะไรที่ละเลยไม่ได้จริง ๆ ไม่ว่าจะสถานการณ์ไหน ๆ ก็ตาม
ยิ่งถ้าอายุมากขึ้นแล้วยิ่งรู้สึกได้ชัดเลยว่า การดูแลผิวให้ดีมีความสำคัญมากกกกก
เมื่อก่อนเราก็เป็นคนนึงที่ไม่ค่อยใส่ใจเรื่องสกินแคร์เท่าไรนัก
คิดแค่ว่าทาอะไรก็ได้ที่มีในบ้าน ยิ่งตอนเด็ก ๆ ยิ่งแล้วใหญ่
แม้แต่ครีมกันแดดก็ไม่ยอมทา
รู้ตัวอีกที ผิวเราก็ถูกทำลายไปแล้ว
ปัญหาต่าง ๆ ก็ตามมาเพียบ ทั้งความหมองคล้ำ ความชุ่มชื้นของผิว
ที่สำคัญคือ"ริ้วรอย" ก่อนวัย!
ถึงแม้จะเห็นความสำคัญของการบำรุงผิวช้าไป
แต่มาเริ่มดูแลตอนนี้ก็ยังไม่สายค่ะ
วันนี้เราก็มีไอเท็มเด็ด ที่อยากมารีวิวและแนะนำให้ทุกคนได้รู้จัก
พร้อมแบ่งปันความรู้และวิธีดูแลผิวเล็ก ๆ น้อย ๆ ค่ะ
พระเอกของเราวันนี้ นั่นก็คือสกินแคร์จาก
Institut Esthederm
ที่ตอบโจทย์ปัญหาเรื่องริ้วรอยและผิวขาดน้ำค่ะ
และนี่ก็คือสิ่งที่เราได้จากกิจกรรม Jeban x Institut Esthederm ประกอบไปด้วย
Cellular Water Mist 100 ml - 1,150 บาท
Cellular Water Melting Moisturising Cream 50 ml - 2,200 บาท
L'Osmoclean Gentle Deep Pore Cleanser 75 ml - 1,200 บาท
ซึ่งแต่ละตัวมีความโดดเด่นในการชะลอริ้วรอย และเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวเราได้เป็นอย่างดี
ก่อนจะไปทำความรู้จักกับแต่ละตัว มาดูสภาพผิวของเรากันก่อน
ตอนนี้เราก็อายุใกล้เลข 3 แล้วค่ะ 555 (เผลอแป๊บเดียวทำไมไวขนาดนั้น)
เป็นคนผิวผสม จะมีช่วงผิวมันมาก และแห้งบ้าง ตามสภาพอากาศค่ะ
มีรอยดำ รอยแดง จากสิวประปราย
ผิวค่อนข้างไม่แพ้ง่าย แต่เคยแพ้ PM2.5 และน้ำหอมในสกินแคร์บางแบรนด์
Cellular Water Mist
สเปรย์น้ำแร่สูตรคืนความอ่อนเยาว์ให้ผิว ที่มีส่วนผสมสำคัญสิทธิบัตรเฉพาะของ Institut Esthederm คือ สารแอนตี้ออกซิแดนซ์ (Anti-oxidant) ต่ออ้านอนุมูลอิสระ และยังช่วยเติมพลังงานให้ผิวกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ทั้งยังมี Hyaluronic acid โมเลกุลเล็ก เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ให้ริ้วรอยแลดูลดเลือน
สเปรย์น้ำแร่สูตรนี้มี 2 ขนาดนะคะ ไซส์เล็ก 30 ml ราคา 500 บาทค่ะ ขวดเล็กพกพาสะดวกเลยล่ะ
จุดเด่น
มี Hyaluron (โมเลกุลเล็ก) เข้มข้นกว่าเซรั่ม 25 เท่า ให้ความชุ่มชื้น และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
มี Broad Spectrum Anti-Oxidant ที่สามารถจับสารอนุมูลอิสระได้ 3 ชนิด (สารต้านอนุมูลอิสระโดยทั่วไปจะจับได้เพียงชนิดเดียว)
Biomimetic Water สร้างเลียนแบบน้ำในผิว ทำให้มีความเข้มข้นของเกลือแร่เท่าน้ำในเซลล์ผิว ไม่มากไปจนทำให้ผิวแห้ง สามารถสเปรย์ได้โดยไม่ต้องซับออก
มี pH เหมือนน้ำในผิว อ่อนโยนไม่ระคายเคือง
ไม่มีน้ำหอม ไม่มีสารกันเสีย ผิวบอบบางแพ้ง่ายก็ใช้ได้
วิธีใช้
1.ใช้สเปรย์ก่อนลงสกินแคร์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบำรุงผิว
2.ใช้สเปรย์หลังแต่งหน้าเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและให้เครื่องสำอางติดทนขึ้น
3.ใช้สเปรย์ระหว่างวันเพิ่อเติมความชุ่มชื้นเสมือนได้ทาเซรั่มตลอดวัน
ส่วนประกอบ
AQUA/WATER/EAU*, PROPANEDIOL, SODIUM CITRATE, SODIUM CHLORIDE, HYDROLYZED HYALURONIC ACID, CITRIC ACID, AMINOETHANESULFINIC ACID, CARNOSINE, POTASSIUM CHLORIDE, SODIUM BICARBONATE, DISODIUM PHOSPHATE, MAGNESIUM SULFATE, POTASSIUM PHOSPHATE, CALCIUM CHLORIDE.
ความรู้สึกหลังใช้
สเปรย์ละอองละเอียดมาก ฉีดแล้วกระจายทั่วถึงทั้งหน้าแบบบางเบา ไม่กองเป็นจุดๆ
ไม่มีกลิ่นน้ำหอม ละอองเสปรย์ใสไม่มีสี ให้ความรู้สึกสดชื่นมาก เหมือนได้รีเฟรชผิวทุกครั้งที่ฉีด
และอย่างที่บอกไปว่าเค้ามีค่าความเข้มข้นของเกลือแร่เท่ากับเซลล์น้ำในผิว เวลาฉีดเลยจะรู้สึกเค็ม ๆ นิดหน่อย เหมือนน้ำเกลือ พอสเปรย์ซึมเข้าผิวไม่มีความเหนอะหนะเลย ทาสกินแคร์ต่อได้ทันที
Cellular Water Melting Moisturising Cream
ครีมบำรุงผิวสูตรเข้มข้น ด้วย Cellular Water เติมเต็มความชุ่มชื้นจากภายในและให้พลังงานแก่ผิว พร้อมช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะอันเป็นสาเหตุของริ้วรอย เหมาะสำหรับผิวแห้ง - แห้งมาก
จุดเด่น
มีสารแอนตี้ออกซิแดนซ์ (Anti-oxidant) ต่อต้านอนุมูลอิสระ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดริ้วรอย
มี Aquaporin patent เติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิวจากภายใน
มี Skin Notox technology เกราะปกป้องผิวจากมลภาวะด้วยการสร้างฟิล์มบาง ๆ เคลือบผิว
ส่วนประกอบ
AQUA/WATER/EAU, DIMETHICONE, METHYLSILANOL MANNURONATE, ETHYLHEXYL PALMITATE, GLYCERIN, PROPANEDIOL, DICAPRYLYL ETHER, HEXYLYDECANOL, STEARETH-2, BORON NITRIDE, STEARETH-21, BUTYLENE GLYCOL, CETYL ALCOHOL, PENTYLENE GLYCOL, METHYPROPANEDIOL, POLYACRYLAMIDE, DIMETHICONE/VINYL DIMETHICONE CROSSPOLYMER, ACRYLATES/C10-30 ALKYL ACRYLATE CROSSPOLYMER, BETA-STEROL, C13-14 ISOPARAFFIN, SODIUM CITRATE, 1,2-HEXANEDIOL, FRAGRANCE (PARFUME), CAPRYLYL GLYCOL, CARNOSINE, SODIUM CHLORIDE, LAURETH-7, CITRIC ACID, AMINOETHANESULFINIC ACID, CERAMIDE NP, PROPYLENE GLYCOL, ADENOSINE, POTASSIUM CHLORIDE, BIOSACCHARIDE GUM-4, SODIUM BICARBONATE, PYRUS MALUS (APPLE) SEED EXTRACT, BRASSICA CAMPESTRIS (RAPESEED) STEROLS, DISODIUM PHOSPHATE, MAGNESIUM SULFATE, POTASSIUM PHOSPHATE, TOCOPHEROL, DISODIUM ADENOSINE TRIPHOSPHATE, LAMINARIA DIGITATA EXTRACT, CALCIUM CHLORIDE.
ความรู้สึกหลังใช้
เนื้อครีมสีขาวนวล สัมผัสเนียนนุ่ม เข้มข้น แต่ไม่หนักผิว สูตรนี้เหมาะสำหรับผิวแห้ง - แห้งมาก ซึ่งเค้ามีอีกสูตรเป็นเนื้อเจลเหมาะกับคนผิวผสม - ผิวมัน โดยเนื้อเจลเราลองเล่นที่งานแล้ว สัมผัสดีมากเหมือนกัน ชุ่มชื้นแน่นอนค่ะ
จริง ๆ แล้ว เรามีผิวผสม แต่ช่วงหลังมานี้รู้สึกว่าผิวแห้งลงไปมาก บริเวณหน้าแก้ม ผิวใกล้ดวงตาก็คือแห้งอย่างเห็นได้ชัด เลยเลือกสูตรครีมมาลองใช้ดู อยากบอกว่าสามารถใช้ได้ดีเลยค่ะ เราทาทั้งกลางวันและกลางคืนเลย ตอนกลางวันระหว่างวันอาจจะมีความมันบนใบหน้านิดหน่อย แต่ว่าไม่ได้เยิ้มขนาดนั้น แต่ตอนกลางคืนคือชุ่มชื้นมาก ทาแล้วหน้านิ่ม ยิ่งคนนอนห้องแอร์ต้องชอบมาก เพราะตื่นมาผิวยังชุ่มชื้นอยู่เลย
ข้อควรระวัง!
สำหรับครีมตัวนี้ "มีน้ำหอม" ค่ะ กลิ่นหอมชัดมาก ซึ่งถ้าใครมีผิวแพ้ง่ายมาก ๆ อาจต้องทดสอบก่อนซื้อมาใช้นะคะ แต่โชคดีเราใช้แล้วไม่แพ้ค่ะ
อย่าทาเยอะ หรือโบกครีมหนา ๆ จนเกินไป เข้าใจว่าอยากให้ผิวเราชุ่มชื้น แต่ใครผิวเป็นสิวง่ายก็เสี่ยงต่อการเป็นสิวอยู่นะคะ เพราะเราลองทาหนา ๆ แล้วสิวขึ้นค่ะ เหมือนว่าผิวไม่ได้หายใจ เจอฝุ่นมาเกาะก็สิวขึ้นให้เห็นกันทันทีเลยค่ะ 555 ทาบาง ๆ เอาแค่พอดี ๆ ก็พอแล้วค่ะ
L'Osmoclean Gentle Deep Pore Cleanser
ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวอย่างล้ำลึก ด้วยเนื้อครีมเข้มข้นสูตรเฉพาะของ Institut Esthederm ช่วยดึงสิ่งสกปรกในรูขุมขนได้หมดจด แต่ไม่ทำให้ผิวแห้งตึง เผยผิวใสสะอาดพร้อมรับการบำรุง
จุดเด่น
มีสารแอนตี้ออกซิแดนซ์ (Anti-oxidant) ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ และยังช่วยเติมพลังงานให้ผิว
High tolerance cleansing base ทำความสะอาดผิวอย่างอ่อนโยน ไม่ทำร้ายปราการตามธรรมชาติของผิว
Skin Balance System ดูแลสมดุลแบคทีเรียบนผิว
ส่วนประกอบ
AQUA/WATER/EAU*, PROPYLENE GLYCOL STEARATE SE, DISODIUM LAURETH SULFOSUCCINATE, BUTYLENE GLYCOL, CETYL ALCOHOL, LAURETH-2, C12-14 PARETH-3, SODIUM LAUROYL OAT AMINO ACIDS, FRAGRANCE (PARFUM), FRUCTOOLIGOSACCHARIDES, CHLORPHENESIN, DISODIUM EDTA, PHENOXYETHANOL, GLYCERYL OLEATE, SODIUM BENZOATE, POTASSIUM SORBATE, PROPYLENE GLYCOL, GLYCERIN, LAURETH-3, LAURYL GLUCOSIDE, PEUMUS BOLDUS LEAF EXTRACT, PENTYLENE GLYCOL, CARNOSINE, 1,2-HEXANEDIOL, CAPRYLYL GLYCOL, ALGAE EXTRACT, DISODIUM ADENOSINE TRIPHOSPHATE, ETHYLHEXYLGLYCERIN, XANTHAN GUM, SODIUM HYDROXIDE, LECITHIN, ASCORBYL PALMITATE, TOCOPHEROL, HYDROGENATED, PALM GLYCERIDES CITRATE.
วิธีใช้
1.หลังเช็ดคลีนซิ่งแล้ว แต้มเนื้อครีมเป็นจุดทั่วใบหน้าที่แห้งอยู่
2.นวดวนเป็นวงกลมโดยเริ่มจากคอ แล้วค่อยไล่มาบนใบหน้า เว้นบริเวณรอบดวงตา
3.นวดเบา ๆ จนเนื้อครีมมีลักษณะเป็นสีขาวข้น และมีความหนืดขึ้น
4.ล้างออกด้วยน้ำสะอาด
*ใช้ทำความสะอาดผิวสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง
ความรู้สึกหลังใช้
เนื้อครีมเข้มข้นมาก ๆ ระหว่างที่เรานวดผิวทำความสะอาดจะรู้สึกเหมือนได้ผ่อนคลายไปด้วย ตัวนี้ทำความสะอาดผิวได้ดีมาก รู้สึกว่าผิวสะอาด เบาสบาย พอล้างหน้าแล้วผิวนุ่มมาก ไม่แห้งตึงเลย ผิวจะลื่น ๆ เหมือนมีอะไรเคลือบผิวเราอยู่
ข้อควรระวัง!
อย่าใช้ครีมน้อยจนเกินไป เพราะเราต้องนวดเนื้อครีมลงบนผิว ถ้าเราใช้ในปริมาณที่น้อยแทนที่เราจะได้เอาตัวผลิตภัณฑ์ไปดึงดูดสิ่งสกปรกบนผิว จะกลายเป็นนิ้วมือเราไปนวดถูกับผิวเราแทนค่ะ อาจจะเกิดริ้วรอยตามมาได้
อันนี้เป็นเซรั่ม Hyaluronic ของ Institut Esthederm ที่เราได้มาจากงาน Jeban x NAOS รอบก่อนหน้านี้ ใช้อยู่แล้วชอบมาก ซึ่งมันมีคุณสมบัติในการเติมน้ำให้ผิวและช่วยลดเลือนริ้วรอยที่เกิดจากผิวขาดน้ำได้
เรารู้สึกว่าคุณสมบัติเค้าสามารถไปด้วยกันได้ดี ก็เลยนำมาใช้ควบคู่กันไปด้วย
เราเคยรีวิวไปแล้ว ลองไปอ่านเต็ม ๆ ได้จาก ที่นี่ นะคะ
และก่อนจากกันไป เราก็ขอมารีวิวขั้นตอนการทาสกินแคร์ของเราที่ทำเป็นประจำทุกวันในช่วงนี้ค่ะ
ขั้นตอนที่ 1
เราจะใช้คลีนซิ่งวอเตอร์ทำความสะอาดผิวก่อน แม้จะไม่ได้แต่งหน้า ทาแค่สกินแคร์และครีมกันแดด เราก็จะใช้คลีนซิ่งเช็ดหน้าทุกวันค่ะ
หลังจากนั้นจะใช้ L'Osmoclean Gentle Deep Pore Cleanser ทำความสะอาดอีกครั้งแทนโฟมล้างหน้า ประมาณ 2 ครั้งต่อสัปดาห์ค่ะ ส่วนวันที่ไม่ได้ใช้ตัวนี้ ก็จะใช้โฟมล้างหน้าปกติเลย
ขั้นตอนที่ 2
หลังล้างหน้าเสร็จ เราจะฉีดสเปรย์น้ำแร่ Cellular Water Mist ให้ทั่วหน้าแล้วปล่อยทิ้งไว้จนแห้งเอง แต่ก็จะใช้พัดลมตัวเล็ก ๆ ช่วยเป่าด้วยค่ะ เพราะบางทีก็รีบ ขี้เกียจรอ 555
ขั้นตอนที่ 3
จริง ๆ มีแอบทาน้ำตบด้วย ใช้ของ Vitamin C Rohto Melano CC ขวดสีเหลือง
แล้วก็จะทาเซรั่ม Intensive Hyaluronic ตามลงไป ค่อย ๆ กดเบา ๆ ใหซีมลงผิวทั้งหน้าและคอ
ขั้นตอนที่ 4
ปิดท้ายทุกอย่างด้วยครีม Cellular Water Melting Moisturising Cream จะทาบาง ๆ ในตอนเช้า และตอนกลางคืนก็จะทาเพิ่มขึ้นนิดหน่อย แต่ไม่ได้โบกหนาค่ะ
อันนี้เราได้ความรู้เพิ่มเติมจาก คุณจิน จินดารัตน์ หาญกิติวัธน์ เภสัชกรผู้เชี่ยวชาญของแบรนด์ Institut Esthederm เธอบอกว่า เราจำเป็นต้องทาครีมทุกครั้ง เพื่อเป็นตัวกักเก็บความชุ่มชื้นให้ผิว ป้องกันไม่ให้น้ำในผิวระเหยออกมาระหว่างวัน
เมื่อก่อนเราก็ไม่ได้ใส่ใจตรงนี้เลยค่ะ คิดว่าทาแค่เซรั่มพอ เพราะไม่อยากให้หน้ามัน แต่จริง ๆ คือ ผิวเราจะสูญเสียน้ำไปพอสมควรเลย เพราะไม่มีอะไรช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ ซึ่งนั่นก็เป็นสาเหตุให้ผิวของเราแห้งลง และเกิดริ้วรอยได้เช่นกันค่ะ
เพื่อน ๆ ลองสังเกต ผิวตัวเองดูได้นะคะ ว่าเราผิวแห้งลงเพราะไม่ได้ทาครีมหรือเปล่า ถ้าใช่ หลังจากนี้ก็ต้องทาครีมทุกวันแล้วล่ะค่ะ
ขั้นตอนที่ 5
ถ้าเป็นตอนเช้าเราก็จะทาครีมกันแดดทุกวันค่ะ ส่วนถ้าเป็นตอนกลางคืน ก็จบตั้งแต่ทาครีมเลย
สรุป
หลังจากที่เราลองปรับวิธีการบำรุงผิวมาได้ประมาณ 2 เดือน เรารู้สึกว่าผิวเราดีขึ้นกว่าเดิมมากเลยค่ะ อย่างแรกเลยคือผิวเรามีความยืดหยุ่นมากขึ้น พวกรอยข้างแก้มที่จะเห็นชัดเวลาแต่งหน้าตอนนี้ก็จางลง
ผิวชุ่มชื้นขึ้น ไม่แห้งมากเท่าเดิมแล้ว แม้ว่าอาจจะยังมีบางส่วนที่ยังแห้งอยู่ เพราะบางวันเราก็ขี้เกียจ ทาไม่ได้ครบทุกอย่าง แต่ก็พยายามทำให้ครบทุกขั้นตอนให้ได้เกือบทุกวันค่ะ
เราเชื่อว่าไม่มีสกินแคร์ตัวไหนที่จะมาช่วยกู้ผิวที่พังไปแล้วให้กลับมาสวยเด้งได้ขนาดนั้น เพราะทุกอย่างก็เป็นไปตามอายุ และการกระทำที่เราได้ทำไว้มาก่อนหน้านี้ จะไปหวังพึ่งสกินแคร์ให้มาช่วยแก้ปัญหาของเราอย่างเดียวก็คงไม่ถูก
สิ่งที่เราสามารถทำได้ คือช่วยดูแลและรักษาผิวและร่างกายของเราให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เช่น กางร่ม ใส่หมวก ป้องกันผิวจากแสงแดด ดื่มน้ำให้เพียงพอ ไม่นอนดึก ฯลฯ เพื่อช่วยให้สกินแคร์ที่เราได้บำรุงไปเค้าไม่ต้องทำงานหนักอยู่ลำพัง
คงไม่มีใครอยากให้ผิวร่วงโรย ดูแก่ก่อนวัน หรือมีสิว ฝ้า กระ เพราะถ้าหากมันหนักมากต่อให้ไปใช้วิทยาการต่าง ๆ แก้ไขจนดูดีขึ้น แต่สุดท้ายผิวเราก็จะกลับมาโทรมอยู่ดี เพราะเราไม่ใส่ดูแล
ดังนั้น ก็อยากฝากทุกคนให้ใส่ใจผิวและร่างกายของเราตั้งแต่วันนี้กันนะคะ :)