The Secret of Sahara Vs. The Secret of Chihuahua

63 14

The Secret of Sahara Vs. The Secret of Chihuahua
(ความลับแห่งซาฮาร่า Vs. ความลับแห่งชิวาวา) 


เนื่องจากช่วงนี้เราเห็นกระแสของผลิตภัณฑ์ Huxley ผ่านตาอยู่บ่อยมากๆ และไปสะดุดตากับคำว่า Secret of Sahara หรือความลับแห่งทะเลทรายซาฮาร่า ทำให้เรานึกถึงผลิตภัณฑ์ที่เราใช้อยู่เป็นประจำอยู่แล้วตัวนึงของแบรนด์ Eri Eden นั่นคือตัว Sleeping Mask ที่ก็มีการใช้ส่วนผสมหลักจากทะเลทรายเหมือนกัน เลยนึกสนุกอยากทำรีวิว ตัว Huxley SLEEP MASK ; GOOD NIGHT กับ Eri Eden Rejuvenating Sleeping Mask คู่กัน จึงตัดสินใจถอยน้อง Huxley มาจากร้าน Official ใน Lazada เพื่อจะเอามาลองใช้และรีวิวค่ะ

เนื่องจากในการเขียนรีวิวนี้เรา Test กัน 2 คน คือผิวเรากับผิวเพื่อนค่ะ แต่ละคนมีสภาพผิวตามนี้

สภาพผิวเรา : ผิวผสม ค่อนข้างไปทางแห้ง ผิวแพ้ง่าย ไม่มีปัญหาสิว เป็น Sebderm  แต่โดยรวมค่อนข้างคุมผื่นได้ดี หากนอนไม่ดึกและเลี่ยงการใช้ Skincare หรือ Makeup บางชนิด

สภาพผิวเพื่อน : ผิวผสม ค่อนข้างไปทางมัน รูขุมขนค่อนข้างชัดเจนกว่าเราแต่ก็ไม่ถึงกับกว้าง เป็นผดร้อนง่าย แต่ไม่เป็นสิว ผิวเริ่มสังเกตเห็นริ้วรอยเล็กช่วงหน้าผาก ความกังวัลผิวหลักๆ : กลัวผิวดูไม่สดใสจากการนอนดึก ป้องกันริ้วรอยก่อนวัน เพราะตอนนี้อายุขึ้นเลข 3 ทั้งคู่ กลัวน้องตีนกา กับร่องแก้มจะมาเยือน และในส่วนของเราต้องการเสริมความแข็งแรงผิวเพื่อไม่ให้ Sebderm กำเริบ


Disclaimers : ข้อมูลทั้งหมดนี้เกิดจากเราหาข้อมูลเพิ่มเติม ร่วมกับข้อมูลจากทางหน้าเว็ปของแบรนด์ทั้งสองนะคะ ส่วนผลลัพธ์เกิดจากการใช้ของเราและเพื่อน ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ย่อมแตกต่างกันไปตามสภาพผิวของแต่ละคนค่ะ


แหล่งที่มีของส่วนผสมหลักมาจากทะเลทรายเหมือนกัน แต่ไม่เหมือนกัน

Huxley : Prickly Pear หรือต้นกระบองเพชรจากทะเลทรายซาฮาราซึ่งครอบคลุมพื้นที่หลายประเทศอยู่ทางตอนเหนือของแอฟริกา เป็นพืชในตระกูลแคคตัส มีหลายสายพันธุ์ โดยใบของ Prickly Pear จะมีลักษณะเหมือนแผ่นอวบๆแบนๆ ซึ่งจะใช้ในการกักเก็บน้ำได้ดี ส่วนผลส่วนมากก็สามารถนำไปทานได้ค่ะ โดยน้ำมันที่สกัดได้จากเมล็ดของ Prickly Pear นี่มีการนำมาใช้ในการบำรุงผิวของชาวเบอเบอร์ในโมร็อกโกเพื่อใช้ปกป้องผิวจากแสงแดดและเก็บความชุ่มชื้นให้ผิวค่ะ

Eri Eden : Rose of Jericho หรือกุหลาบทะเลทรายจากทะเลทรายชิวาวา (ไม่ใช่ชื่อน้องหมานะคะ ^^) อยู่ในประเทศแม็กซิโก เป็นพืชในตระกูลเฟิร์น โดย Rose of Jericho นี้ได้รับฉายาให้เป็น Resurrection Plant หรือ "พืชคืนชีพ" ค่ะ เพราะว่าจากที่เห็นแห้งๆเหมือนจะตายในทะเลทรายแต่พอได้รับน้ำอีกครั้งแม้จะผ่านไปนานกว่า 50 ปี ก็จะกลับมาเขียวชอุ่ม มีชีวิตชีวาอีกครั้งเลยค่ะ (อันนี้เป็นจุดเริ่มต้นในการซื้อ Eri Eden ของเราเลยค่ะ ^^)  

สำหรับทั้งสองตัว เราว่าทางแบรนด์เองน่าจะได้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัวของพืชทั้งสองตัวนี้ที่สามารถปรับตัวอยู่ได้ท่ามกล่างสภาวะอากาศอันเลวร้ายในทะเลทรายที่อากาศแปรปรวน กลางวันร้อนจัด กลางคืนก็หนาวจัด แถมยังแห้งแล้ง เลยเกิดปิ๊งไอเดียกันว่าพืชเหล่านี้ต้องมีกลไกการเอาตัวรอดซ่อนอยู่แน่ๆ (เดาเองล้วนๆค่ะ)


วิเคราะห์ส่วนผสม

Huxley SLEEP MASK ; GOOD NIGHT

SC-Glucan : Beta-Glucan จากเห็ดแครง ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้ผิวทนต่อสภาพแวดล้อม

Centella Asiatica extract : สารสกัดจากใบบัวบก ลดการอักเสบ (Anti-inflammation) กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน

Natural Moisturizing Factor หรือ N.M.F : ช่วยเก็บกักน้ำไว้ในผิว ช่วยให้ผิวหนังชุ่มชื้น ผิวแข็งแรง จากใน ingredient list น่าจะมาจากตัว Ceramide, Sodium Hyaluronate, Capric Triglyceride, Trehalose แล้วก็ตัวน้ำมันสกัดจาก Prickly Pear ที่มีส่วนประกอบของ Fatty Acids อยู่มาก เป็นต้น

Plant Vitalizin : ตัวนี้เราไม่แน่ใจว่าทางแบรนด์หมายถึงสารตัวไหนใน ingredient list อาจจะเป็น Perilla Ocymoides Leaf Extract กับ Salvia Officinalis (Sage) Leaf Extract เพราะทั้งสองตัวนี้ช่วยในการ Antioxidant


จากส่วนประกอบด้านบนของ Huxley หากคาดหวังเรื่องความชุ่มชื้น และ Antioxidant น่าจะได้แน่นอน แต่ส่วนผิวกระจ่างใสอาจไม่ใช่ผลลัพธ์โดยตรง แต่ผลที่ได้จากความชุ่มชื้นของผิว เพราะเมื่อผิวของเราชุ่มชื้นอิ่มน้ำ ก็จะทำให้ผิวดูสว่างสดใสขึ้นด้วยค่ะ นอกจากนี้อาจได้ในส่วนของการ Anti-inflammation จาก Centella เพิ่มเข้ามาค่ะ แต่เรื่องการกระชับผิวตามที่แบรนด์เคลมน่าจะต้องดูยาวๆ


Eri Eden Rejuvenating Sleeping Mask

Rose of Jericho : =ช่วยเรื่องเติมน้ำให้ผิว เน้นไปที่ความชุ่มชื้น ช่วย Calming และ Healing ผิวที่เสียจากการโดนแสงแดด หรือมลภาวะ

Burdock Root : ช่วยในเรื่อง Antioxidant และ Anti-inflammation

Plankton Extract : ช่วยกระตุ้นการสร้าคอลลาเจน และซ่อมแซมผิวที่เสียจากรังสียูวี
Herbal Complex : ในส่วนนี่คือประกอบด้วยสารสกัดจากพืช 6 ตัวค่ะ Mulberry, Scutellaria, Peony, Saxifrage, Licorice และ Aloe Vera ซึ่งจะช่วยในเรื่องของการต่อต้านการสร้าง Melanin ช่วยปรับผิวให้กระจ่างใสขึ้น แต่มีตัวนึงที่เราว่าน่าสนใจคือ ตัว Scutellaria เพราะตัวนี้ช่วยในเรื่องของ Anti-inflammation ที่ดีมากๆตัวนึงเลย


เมื่อดูจากส่วนประกอบของ Eri Eden เราคิดว่าสามารถหวังผลได้โดยรวมทั้งเรื่องความชุ่มชื้น ความกระจ่างใส ส่วนเรื่องของ Antioxidant และ Anti-inflammation ก็น่าจะได้เช่นเดียวกัน

ส่วนประกอบอื่นๆ 

นอกจากส่วนประกอบข้างต้นทั้งสองแบรนด์ก็มีใส่ส่วนผสมอื่นๆ เข้ามาเสริมคุณสมบัติหลักของผลิตภัณฑ์ ซึ่งในส่วนนี้เราคงไม่ลงลึกนะคะ เพราะเราก็ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ แต่มีส่วนหนึ่งที่สังเกตได้คือ มีการใช้ซิลิโคนเพื่อเข้ามาช่วยในเรื่องเนื้อสัมผัสและช่วยในการนำพาสารสกัดเข้าสู่ผิวทั้งสองแบรนด์ (ซิลิโคนเลือกให้ดีก็มีประโยชน์นะคะ ^^ ไม่น่ากลัวเสมอไป)

โดยพบว่าของ Eri Eden มีการใส่มาเพียง 1 ตัว ซึ่งเป็นชนิดระเหยเร็ว จึงไม่น่ามีปัญหาเรื่องอุดตัน ส่วนของ Huxley ใส่มา 3 ตัวซึ่งมี Dimethicone เป็นซิลิโคนชนิดไม่ระเหยรวมอยู่ด้วย อันนี้เราว่าอาจมีความเสี่ยงให้เกิดการอุดตันได้สูงกว่าของ Eri Eden 

ทั้งสองแบรนด์ไม่มีส่วนผสมของพาราเบน ส่วนน้ำหอมและแอลกอฮอล์ยังคงมีอยู่ในส่วนผสมของ Huxley แต่ไม่มีใน Eri Eden ค่ะ

ดังนั้นหากผิวแพ้ง่าย หรือคนเป็นสิวเพื่อความปลอดภัย  Eri Eden อาจเป็นทางเลือกที่ Safe กว่า แต่ค่าตัวก็แอบสูงกว่า Huxley พอสมควรอยู่เหมือนกัน (Eri Eden 50 ml. 1,350 บาท, Huxley 120 ml. 925 บาท)



ลักษณะของผลิตภัณฑ์

Huxley : เนื้อเจลลื่นๆ สีออกส้มๆอ่อนๆ มีกลิ่นคล้ายๆกลิ่นมะลิ  เนื้อตอนบีบออกออกมาเหมือนจะมีความหนืดกว่าของ Eri Eden แต่ทาแล้วเกลี่ยง่ายไม่ฝืด ทาแล้วค่อนข้างซึมไวมาก ไม่เหนอะหน้า
Eri Eden : เนื้อเจลสีออกขาวขุ่น ไม่มีกลิ่น เนื้อค่อนข้างเบา ทาแล้วซึมได้ดีแต่ซึมช้ากว่า Huxley นิดหน่อย และมีความเคลือบผิวกว่า Huxley แต่ก็ไม่รู้สึกเหนอะหน้า ทาแล้วรู้สึกสบายผิว

ผลลัพธ์ที่ได้จากการทดลองใช้เป็นเวลา 1 เดือน

ในการทดลองนี้เราและเพื่อนจะทาทั้งสองตัวอย่างครึ่งหน้าเป็นเวลา 1 เดือน แต่ตัว Huxley เราใช้ไม่ครบ 1 เดือน เพราะระหว่างทดลองเรามีอาการเซบเดิร์มเห่อนิดๆ พอเราทา Huxley แล้วแอบมีแสบค่ะ TT  จึงจะมีเพื่อนเราคนเดียวที่ใช้ครบ 1 เดือน ดังนั้นผลการวัดความชุ่มชื้นผิวจะมาจากของเพื่อนเราคนเดียวนะคะ 

In Conclusion : สรุปผล 

Sleeping Mask ทั้งสองตัวถือว่าให้ความชุ่มชื้นกับผิวได้ดี โดยที่ไม่ทำให้ผิวรู้สึกเหนียวเหนอะหนะ ผิวดูเนียนละเอียดขึ้น ดูอิ่มฟู  จับผิวแล้วรู้สึกว่าผิวนุ่มใกล้เคียงกัน แต่ของ Eri Eden จะได้ความกระจ่างใสของผิวขึ้นมาด้วย

อย่างไรก็ตามจากราคาและปริมาณของ Huxley นั้นถือว่ามีความคุ้มค่าอยู่มากๆ เราคิดว่า 1 หลอดถ้าใช้ทุกวันอาจใช้ได้ประมาณครึ่งปีเลยค่ะ   แต่สำหรับใครที่ผิวแพ้ง่าย ผิวเสี่ยงต่อการระคายเคืองหรืออุดตันได้ง่าย Eri Eden ก็เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าแก่การลงทุน เพราะถึงราคาจะสูงกว่า แต่ปริมาณที่ได้มาก็ไม่น้อยอาจใช้ได้ถึง 3 เดือนในกรณีใช้ทุกวัน และส่วนผสมนั้นเป็นมิตรกับผิวแพ้ง่ายค่ะ


InMyView

InMyView

Thada
Age : 3x
Sensitive skin,sebderm

FULL PROFILE