รีวิวสกินแคร์ที่ใช้ดีจนเพื่อนทัก ไปทำอะไรมาหน้าใสขึ้น
Amdarlingz 58 14สวัสดีค่ะสาวๆจีบัน กระทู้นี้เกิดจากเราพึ่งได้กลับไปทำงานที่ออฟฟิศ
แล้วหลายๆคนทักว่า “หน้าใสอะ ใช้อะไรบ้างเนี่ย” พี่คนแรกทักไม่เท่าไหร่ เพื่อนที่ทำงานก็ทัก เลยอยากมารีวิวสกินแคร์ที่เราใช้ในช่วง work from home ให้ทุกคนในจีบันและเพื่อนๆในออฟฟิศมาอ่านกันค่ะ
นี่คือเหล่าสกินแคร์ที่เราใช้หลักๆในช่วงนี้ค่ะ
พึ่งเริ่มวัยทำงาน เลยยังไม่มีพวกสกินแคร์เยอะเท่าไหร่ค่ะ ค่อยๆเก็บค่อยใช้ไปเรื่อยๆ
มาเริ่มกันด้วยตัวแรกเป็น
คลีนซิ่งสำหรับทำความสะอาดเครื่องสำอาง
ซื้อมาตอนวัตสันลดราคาจำได้ว่าร้อยกว่าๆเท่านั้นเองค่ะ ดูจากส่วนผสมแล้วเค้าไม่มีพวกสารที่ทำให้ระคายเคืองผิว และก็เป็นแบรนด์สำหรับผิวแพ้ง่าย เป็นสิว เราเลยหยิบมาลองค่ะ ใช้แล้วรู้สึกว่าเค้าอ่อนโยนจริงๆ ไม่แสบหน้า ไม่แพ้ค่ะ ถ้าหมดขวดนี้ก็อยากลองสูตรอื่นๆต่อแน่นอน
คลีนซิ่งถือเป็นสิ่งที่จำเป็นที่เราจะย้ำทุกคนเสมอ
ต่อให้แต่งหรือไม่แต่งหน้าก็ตามนะคะ
เพราะตั้งแต่เราเริ่มใส่ใจกับขั้นตอนการล้างหน้าให้สะอาด สิวก็ไม่ค่อยบุกหรือมีปัญหาผิวอีกเลย ถ้าใครเป็นผิวที่แพ้ง่าย อาจจะเลือกจากแบรนด์ที่เค้าเหมาะกับผิวแพ้ง่ายดูนะคะ ไม่งั้นก็ทดสอบการแพ้ก่อน
ครีมกันแดด
ส่วนใหญ่คนรอบตัวเราจะละเลยขั้นตอนนี้กันเยอะเลยค่ะ เพราะบางคนก็มองว่ามีสารกันแดดในเครื่องสำอางอยู่แล้วเลยไม่ทา
สำหรับเราไม่ว่ายังไงก็ต้องทากันแดดก่อนออกจากบ้าน และต่อให้ช่วงWFH อยู่แค่ในบ้านเราก็ทากันแดดทุกเช้าค่ะ เพราะนอกจากกันแดดจะปกป้องผิวเราจากรังสีUVในแสงแดดแล้ว กันแดดตัวนี้ยังปกป้องผิวเราจากแสงรังสีอินฟราเรดในหน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือโทรศัพท์ด้วยค่ะ และที่เราเลือกมาเพราะเค้าปกป้องผิวจากฝุ่นควันและมลภาวะด้วย
อีกข้อนึงที่อยากพูดถึงคือ ทำไมSPFต้อง33? ตอนเห็นเราก็งงๆนิดหน่อยค่ะ เพราะปกติกันแดดไม่SPF30 ก็50ไปเลย
พอไปอ่านมาแล้วทางแบรนด์เค้าได้มาจากงานวิจัยว่า ค่าSPF33 เป็นค่าที่เหมาะสมที่สุดและมีประสิทธิภาพเพียงพอต่อการป้องกันแสงแดด พอลองใช้แล้วก็ค่อนข้างชอบตัวนี้ตรงที่กันแดดล่องหนสมชื่อ เพราะบางเบามาก แล้วกันแดดก็ไม่มีกลิ่นน้ำหอมฉุนๆด้วยค่ะ
ปล.เราว่าตัวนี้คุ้มสุดเท่าที่เคยใช้มา เพราะดูจากปริมาณที่ให้มาคือ60ml. ในราคา200กว่าบาทไม่เกิน300 คุ้ม
ครีมบำรุงตอนเช้า
เราเคยใช้ครีมอาบน้ำยี่ห้อนี้มาก่อน แล้วเห็นมีครีมซองขายในเซเว่นพอดีเลยหยิบมาลองค่ะ ใช้จะหมดแล้ว เค้าเคลมมาว่าใช้แล้วผิวจะโกลว์ ชุ่มชื้น ดูสุขภาพดี ซึ่งเรายังใช้ไม่นานมากเลยคิดว่าไม่เห็นผลเรื่องความโกลว์ค่ะ
สิ่งที่ชอบจากครีมตัวนี้คือ เค้าให้ความชุ่มชื้นกับผิวเราได้ดี แต่เนื้อครีมไม่หนักหน้าเท่าไหร่ด้วยค่ะ เนื้อครีมจะเด้งๆเหมือนพุดดิ้งสมกับชื่อเลย ตัวนี้ทาได้ทั้งเช้าและก่อนนอนเลยค่ะ มีกลิ่นหอมเหมือนผลไม้อ่อนๆ ไม่ฉุนจมูก นอกจากนี้เค้ายังเขียนว่ามีส่วนผสมจากธรรมชาติ 100% ด้วย
สลีปปิ้งมาส์ก
ตัวนี้เป็นมาส์กที่มีสารสกัดจากโสม ใช้แบบไม่ต้องล้างออก ช่วยให้ความชุ่มชื้นกับผิวได้ดีมาก ถ้าใครไม่รู้ว่าผิวอิ่มฟูเป็นยังไงอยากให้ลองตัวนี้ค่ะ เนื้อครีมข้นๆค่อนข้างหนักหน่อยแต่ไม่มาก ยังรับได้ และกลิ่นโสมที่ชัดเจน ซึ่งเราชอบมาก
ทาแล้วรู้สึกผ่อนคลาย ด้วยกลิ่นของเค้าด้วยแหละค่ะ
หลังจากทาครีมของ St.ives แล้วเราก็จะทาสลีปปิ้งมาส์กตัวนี้ต่อท้ายในบางวันที่รู้สึกว่าหน้าอ่อนล้า ขาดความชุ่มชื้น
เราใช้แค่ 2ครั้งต่อสัปดาห์เท่านั้นนะคะ ไม่ได้ใช้ทุกวันค่ะ
มาส์กแบบล้างออก
มาส์กที่มีสารสกัดจากดอกกุหลาบ ที่ช่วยรีเฟรชผิวให้สดใส และเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ตัวนี้กลิ่นน้ำหอมชันเจนเลยนะคะ ใครที่กลัวแพ้อาจจะต้องทดสอบการแพ้ก่อนลองใช้บนหน้า
แต่เท่าที่เราลองใช้แล้วไม่มีอาการแพ้เลย แถมถูกกับหน้าเราอีกด้วย เราชอบใช้ในวันที่ต้องออกไปไหนทั้งวัน กลับมาก็มาส์กหน้าตัวนี้โปะไว้สักพักค่อยล้างออก ผิวจะเฟรชและสดชื่นมากเลยค่ะ ยิ่งแช่ตู้เย็นด้วยก็ยิ่งฟินนน
ช่วงWFH นี่ทำงานไปก็นั่งมาส์กหน้าไปด้วยได้บ่อยๆเลยค่ะ
หลักๆที่เราอยากให้ทุกคนใส่ใจก็คือ
ขั้นตอนการล้างหน้าให้สะอาด และก็ขั้นตอนของกันแดดค่ะ
เพราะนอกจากการปกป้องไม่ให้ผิวหมองคล้ำจากแสงแดดแล้ว ครีมกันแดดยังป้องกันไม่ให้ผิวเราถูกแดดทำร้ายและไม่ทำให้ผิวไวต่อแดดนั่นเองค่ะ ซึ่งถ้าผิวเราไวต่อแดดก็อาจจะเกิดปัญหาผิวตามมาหลายๆอย่าง
กันแดดจึงเป็นขั้นตอนสำคัญมากในการปกป้องผิว ที่หลายๆคนอาจจะละเลย
ส่วนพวกครีมตัวอื่นๆ ทุกคนอาจจะปรับใช้ตามความชอบของทุกคนได้เลยนะคะ
ย้ำอีกทีว่าคลีนซิ่งกับกันแดดสำคัญมากนะ ถ้าอยากมีผิวที่ดีค่ะ