รีวิวสกินแคร์กู้ผิวพัง ช่วงCOVID #รีวิวเซรั่ม
DottieWittie 62 17
ช่วงสามสี่เดือนที่ผ่านมาของการกักตัวจากโรคCOVID คิดว่าคงมีคนเหมือนเราที่กินนอนตื่นไม่เป็นเวลา ร่างกายรวนผิวป่วง หน้าคือใช้อะไรไม่ได้เลย แสบ แดง คัน ระคายเคือง มาครบ จากที่ในคลังแสงคือมีทั้งครีมไวเทนนิ่ง aha วิตซี คือพักก่อน ต้องหยุดทั้งหมด ทนดื้อใช้ต่อไปไม่ไหวจริงๆ เพราะพื้นฐานผิวอ่อนแอมาก ใช้อะไรก็พังงง
เราต้องหยุดทุกอย่างปรับมาใช้regimen สำหรับคนผิวแพ้ง่ายก่อน โดยลองหาข้อมูลมาจากหลายๆ ที่ แล้วจัดเซ็ตครีมให้ตัวเองเลยค่ะ มีจุดประสงค์เดียวคือเพื่อลดอาการระคายเคืองแพ้ง่าย เพิ่มความแข็งแรงให้ผิวหน้า เพื่อให้หน้าคืนสู่สุขภาพปกตินั่นเองค่ะ
ลักษณะผิว: ผิวมัน แพ้ง่าย ระคายเคืองง่าย
Regimen ของเราจะประกอบไปด้วย
1.โทนเนอร์ 2.พรีเซรั่ม 3.เซรั่ม 4.ครีม
โดยทุกตัวที่เราใช้คือเช้าเย็นจะใช้เหมือนกันเพื่อให้ได้ผลเต็มที่ ไม่มีแบ่งตัวนี้เช้าตัวนี้เย็นค่ะ
ละนี่คือ regimen ที่ใช้ฟื้นฟูผิวในช่วงนี้ ขอรีวิวแบบง่ายๆ ไล่ทีละตัวเลยนะคะ
เราต้องหยุดทุกอย่างปรับมาใช้regimen สำหรับคนผิวแพ้ง่ายก่อน โดยลองหาข้อมูลมาจากหลายๆ ที่ แล้วจัดเซ็ตครีมให้ตัวเองเลยค่ะ มีจุดประสงค์เดียวคือเพื่อลดอาการระคายเคืองแพ้ง่าย เพิ่มความแข็งแรงให้ผิวหน้า เพื่อให้หน้าคืนสู่สุขภาพปกตินั่นเองค่ะ
ลักษณะผิว: ผิวมัน แพ้ง่าย ระคายเคืองง่าย
Regimen ของเราจะประกอบไปด้วย
1.โทนเนอร์ 2.พรีเซรั่ม 3.เซรั่ม 4.ครีม
โดยทุกตัวที่เราใช้คือเช้าเย็นจะใช้เหมือนกันเพื่อให้ได้ผลเต็มที่ ไม่มีแบ่งตัวนี้เช้าตัวนี้เย็นค่ะ
ละนี่คือ regimen ที่ใช้ฟื้นฟูผิวในช่วงนี้ ขอรีวิวแบบง่ายๆ ไล่ทีละตัวเลยนะคะ
1. Anua Heartleaf Soothing Toner
หรือที่รู้จักกันในหมู่เด็กๆ ว่า โทนเนอร์พี่จุน นั่นเองค่ะ จริงๆ ขั้นตอนโทนเนอร์เราไม่ค่อยซีเรียสอะไรมาก จะใช้อะไรก็ได้ แต่อยากได้ตัวที่อ่อนโยนมากๆ ช่วยปลอบประโลมผิวบ้าง เพราะหน้าพังมากจริงๆ ใช้อะไรก็แสบๆ หน้าไปหมด แล้วโทนเนอร์นี้คือฮิตกันมากในทวิต อ่านๆ คุณสมบัติแล้วคิดว่าพอเข้าท่าและราคาไม่แพงมาก ตัวโทนเนอร์เป็นน้ำใสๆ ตบเข้าที่หน้าแล้วซึมทันทีคล้ายๆ ตบน้ำเปล่า บางคนว่ามีกลิ่นเหมือนหญ้าปั่นแต่เราดมแล้วดมอีกก็ไม่เห็นได้กลิ่นอะไรเลย 555 ที่ชอบคือพอใช้เป็นขั้นตอนแรกหลังล้างหน้าแล้วรู้สึกมันช่วยsoothผิวจริงๆ ใช้แล้วสบายหน้า ผิวสงบลงระดับหนึ่งเลยค่ะแบรนด์โฆษณาว่าส่วนผสมทำมาจากใบHeartleaf (ต้นคาวตอง) ถึง 77% ซึ่งเอาจริงๆ เราก็ไม่รู้นะว่าส่วนผสมตัวชูโรงนี่มันช่วยจริงๆ หรือเปล่า ผลของการปลอบประโลมผิวอาจจะมาจาก Pathenol, Portulaca Oleracea Extract หรือ Centella Extract ในสูตรก็เป็นได้ แต่รวมๆ แล้วผลลัพธ์ออกมาดี ก็เลยใช้ต่อไปในวันที่ผิวอ่อนแอค่ะ
ราคา: ประมาณ 5-600 บาท
2. Real Barrier Aqua Soothing Ampoule
ตัวที่สองคือขั้นตอนpre-serum ของเรา เพื่อปรับสภาพผิวก่อนจะใช้เซรั่มในขั้นตอนต่อไป ด้วยความที่ผิวอ่อนแอมาก คันหน้ายิบๆ ทั้งวัน หน้าแดงง่าย ใช้อะไรก็แสบ สิ่งสำคัญสำหรับพื้นฐานผิวที่แข็งแรงก็คือการใช้สกินแคร์ที่เสริมเกราะป้องกันผิว ถ้าพื้นฐานผิวตรงนี้ยังไม่แข็งแรงพอ ใช้อะไรก็จะไม่ค่อยเห็นผล ไม่นับว่าการที่เรามีปัญหา red, itchy, irritated skin ก็คงเป็นเพราะเราละเลยการเสริมชั้นผิวด้วยสกินแคร์มานาน เซรั่มที่เราเลือกใช้คือ Real Barrier ขวดสีฟ้า หนึ่งเพราะหาซื้อง่าย ราคาไม่แพง สองคือส่วนผสมคลีนมาก ไม่มีอะไรแฟนซีที่จะไปกวนผิวเราแน่ๆ และที่สำคัญมีสารที่เราหวังผลให้เสริมชั้นผิวให้แข็งแรง ก็คือสารMLE นั่นเองค่ะเซรั่มมีลักษณะใสๆ เหลวๆ ไม่มีกลิ่น ทาแล้วไม่แสบไม่คันไม่แดงแต่อย่างใด มีhyaluron และสารให้ความชุ่มชื้นอื่นๆ น่าจะช่วยผิวเรื่องความชุ่มชื้นประมาณนึง แต่ที่เราหวังก็ไม่ใช่เรื่องนั้นแต่คือเพื่อเสริมสร้างชั้นผิวให้แข็งแรงต่อเนื่องในระยะยาวมากกว่าค่ะ
ราคา: 3-400 บาท
3. Biotherm Life Plankton Elixir
ในช่วงเศรษฐกิจฝืดเคือง ตัวนี้ถือว่ากัดฟันซื้อมาใช้เลย T^T แต่คิดว่าน่าจะเป็นโปรดักที่จะมีส่วนสำคัญในการกอบกู้ผิวพังๆ ในregimen คนขี้แพ้อย่างเรา ตัวนี้คิดว่ามีกระแสในเมืองนอกน่าดูเลยเหมือนกันก่อนจะเข้าไทยมา ส่วนผสมสำคัญคือ Life Plankton 5% และสารBifida (เหมือนตัวEstee ANR) แบรนด์เคลมว่าช่วยให้ผิวแข็งแรง ปกป้องผิวจากสภาพแวดล้อม แน่นอนว่าเราหยิบมาใส่ในregimen เพราะหวังผลให้ช่วยลดผิวอักเสบ ระคายเคือง อาการคันของผิว ส่วนถ้ามันจะทำให้ผิวเราดูดีขึ้นในภาพรวม ก็ถือเป็นของแถมละกันค่ะตัวเซรั่มสีขาวเนื้อขุ่นๆ ทาแล้วซึมไม่ยากมาก แต่กลิ่นน้ำหอมแรงค่ะ และมีแอลกอฮอล์ด้วย (จริงๆ ส่วนตัวเป็นคนผิวแพ้ง่ายเลยค่อนข้างแหยงแอลกอฮอล์ แต่พอใช้ตัวนี้ผิวก็ไม่ได้แผลงฤทธิ์อะไร แค่รู้สึกแสบๆ หรือเย็นๆ นิดหน่อยตอนทาแว้บนึงแล้วหายไป)
ราคา: 30ml 2000บาทค่ะ (ดีนะเราได้มาช่วงโปรในราคา1500บาท เฮ้อ..)
4. Eucerin Repair Gel Cream
ตัวนี้ยูเซอรีนกำลังโปรโมตและลดราคาด้วยนิดหน่อย มี 2 รูปแบบคือเจลครีมและครีมปกติ เราผิวมันและตั้งใจจะใช้เช้าเย็น เลยเลือกแบบเจลครีมมาค่ะ ตัวนี้ใส่มาเป็นขั้นตอนครีมปิดท้าย เพื่อช่วยลดอาการระคายเคือง ผิวแดงง่ายคันง่าย เสริมให้ผิวแข็งแรง บีเอถึงกับเคลมตอนเราไปเดินซื้อว่ามีผลเทียบเท่าสเตียรอยอ่อนๆ เลยนะคะตัวนี้ (จริงดิ!) สติกเกอร์แปะข้างกล่องว่าทำให้ผิวหายคันได้ใน20นาทีหรือ2ชม.อะไรเนี่ยแหละ ก็ว่ากันไปเนื้อเจลครีมสีขาวๆ ไม่มีน้ำหอม ใช้ไม่เยอะเกลี่ยง่าย ไม่ทำให้หน้าเยิ้มมากใช้ตอนเช้าได้ เอาจริงตัวนี้คือทำให้รู้สึกค่อนข้างว้าวนะ คือมันได้ผลตามคำเคลมจริงอะ คือความรู้สึกหลังทาก็ไม่ได้อะไรนะ แต่พอปล่อยไปสัก 5-10 นาที เออผิวมันสงบลงจริง หายคัน เหมือนเราเป็นผีร้ายแล้วได้น้ำมนต์มาสาดไล่ดับร้อน 555 ถือเป็นตัวลูกรักที่จะมีติดบ้านต่อไปเลย ถ้าเกิดผิวแหกผิวพังจะได้หยุดทุกอย่างละเอาตัวนี้โปะๆ พอ
ราคา: ประมาณ 900กว่าๆ (ช่วงโปร)
5. Kamedis Topic Skin Face&Body Cream
ตัวนี้ขอเรียกว่าเป็น itemลับ ของสายผิวพังปังไม่หยุดฉุดไม่อยู่ คุณูปการจากเพจสายสกินแคร์อย่างเพจมาดามเกรียนที่ได้กรุณาแนะนำมา เราก็ไม่ค่อยรู้เรื่องส่วนผสมมาก แต่เท่าที่รู้คือมันช่วยลดอาการระคายเคือง คันคะเยอยิบๆ แสบแดงแพ้ง่ายแบบครอบคลุมทุกกลไก ครบถ้วนในหลอดเดียว และยังช่วยป้องกันผิวเสียจากฝุ่นมลภาวะ เสริมชั้นผิวอีกด้วยเนื้อครีมสีน้ำตาลคล้ายๆ รองพื้น เนื้อลื่นๆ มันๆ ข้นๆ ตอนก่อนนอนเราจะแอดลงไปเป็นเลเยอร์สุดท้ายหลังลงครีมยูเซอรีน คิดซะว่ามันเป็นสลิปปิ้งมาสก์หรืออะไรแบบนั้น แต่ใช้ปริมาณไม่เยอะมากเพราะเนื้อครีมค่อนข้างมัน แบบทาแล้วต้องนอนเล่นให้มันซึมก่อนกลัวไปติดหมอนหมด 555 แน่นอนว่าทาตอนเช้าไม่ได้แน่สำหรับผิวมัน ไม่งั้นหน้าคงเยิ้มเหมียนกะทะทอดไข่ดาว
ถึงสัมผัสตอนใช้จะไม่ค่อยฟีลกู๊ดมาก กลิ่นก้อแหม่งๆ แต่มันคือสุดยอดอาวุธลับของผิวพังๆ เราคิดว่าอาการผิวอ่อนแอแพ้ง่ายของเราจะไม่ทุเลาเร็วขนาดนี้เลยถ้าไม่มีเจ้าตัวนี้ อาการหนักมากจริงๆ ควรมีไว้ในครอบครองค่ะ
ราคา: ไม่มีขายในไทย ตามร้านพรีร้านหิ้วประมาณ 900-1000บาท
สรุปผลการใช้: ทำตาม regimen นี้มา 2 วีค รู้สึกเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ค่ะ อาการคัน ระคายเคืองง่ายคือหายไปเกือบหมด ไม่มีแล้วอาการอิ๊อ๊ะแบบแค่ผมโดนหน้าก็คันคะเยอออ ใส่แมสก์แล้วผิวยิบๆๆ คือยังหายไปไม่หมดซะทีเดียว แต่ผิวแข็งแรงขึ้นมาก แต่จะให้รีวิวว่าตัวไหนช่วยมากที่สุดคงไม่ได้ เพราะผิวที่ดีขึ้นเราคิดว่ามาจากสกินแคร์ทั้งเซ็ตที่ได้ใช้ค่ะ
regimen นี้เราจะใช้ต่อเนื่องไปสักเดือนหรือสองเดือนเป็นการฟื้นฟูและเสริมสร้างผิว ก่อนที่จะใช้สกินแคร์แก้ปัญหาด้านอื่นๆ ต่อไปค่ะ :-)
regimen นี้เราจะใช้ต่อเนื่องไปสักเดือนหรือสองเดือนเป็นการฟื้นฟูและเสริมสร้างผิว ก่อนที่จะใช้สกินแคร์แก้ปัญหาด้านอื่นๆ ต่อไปค่ะ :-)