Review || เปิดกรุสกินแคร์ กู้ผิวโทรม ฉบับผิวมันเป็นสิว ผิวขาดน้ำ 2020

65 18

สวัสดีค่า

เนื่องจากว่ามลภาวะ โรคภัยไข้เจ็บต่าง ความตึงเครียดต่างๆ ถาโถมเข้ามาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้ว่าจะอยู่ในช่วงกักตัว แต่เรายังคงต้องทำงาน ต้องใช้ชีวิตกันไป เช่นเดียวกับร่างกายและผิวหน้าของเรานั่นเอง วันนี้ก็เลยอยากจะมาแชร์สกินแคร์ที่ชอบใช้อยู่ในช่วงนี้ค่า


สภาพผิว 

เป็นคนผิวมัน เป็นสิวบ้าง เป็นมากหน่อยช่วงมีรอบเดือนค่ะ ช่วงหลังๆ มานี้จะเป็นสิวอุดตันบ่อยมาก เนื่องจากการใส่หน้ากากอนามัย ทั้งๆ ที่ไม่ค่อยได้แต่งหน้าแต่สิวก็ยังถามหา ถามว่าปกติแพ้ง่ายมั้ย ก็ไม่ขนาดนั้นนะคะ แต่เพิ่งรู้สึกว่าแพ้ง่ายขึ้นเพราะหน้ากากนี่ล่ะ บางครั้งก็รู้สึกได้ว่าผิวมันแบบขาดน้ำด้วย ฮื่อ


พฤติกรรม

Before

นอนดึก นอนน้อย ดื่มน้ำน้อยมาก ยิ่งพออยู่บ้าน นั่งทำงาน ก็จะเพลิน นั่งยาว ไม่ได้ลุกไปไหน ร่างกายไม่ค่อยได้ขยับตัว


After 

ยังไม่สามารถเลิกนอนดึกได้เลยค่ะ ฮือออ เป็นคนนอนดึกนะ แต่ว่าจะนอนให้พอ 7-8 ชั่วโมง ถือว่าไม่ได้นอนน้อย 555555 พยายามดื่มน้ำให้มากขึ้น วางน้ำไว้ข้างตัว นึกได้จิบ ทานผักมากขึ้น ขยับตัว ทำงานบ้าน เยอะขึ้นหน่อย ออกกำลังกายบ้าง

__________________________________________


ผลลัพธ์ที่ได้นอกจากตัวสกินแคร์ที่ใช้แล้ว พฤติกรรมการใช้ชีวิตก็มีส่วนช่วยให้ผิวเราดีขึ้นด้วยค่ะ หลังจากที่ใช้สกินแคร์เซ็ตนี้มา ก็รู้สึกว่าสิวขึ้นน้อยลง เหลือเพียงรอยสิวและจุดด่างดำต่างๆ ที่กวนใจ ช่วงนี้มีนเลยเน้นให้ความชุ่มชื้นผิว ทำให้ผิวแข็งแรง พร้อมกับผลัดเซลล์ผิวด้วย


โดยจะแบ่งเป็น 5 หมวดดังนี้นะคะ

  • Toner 

  • Serum 

  • Essence 

  • Oil 

  • Moisturizer

Toner

The Ordinary : Glycolic Acid 7% Toning Solution pH -3.6 

240 ml ราคา ~276 บาท 

ก่อนจะไปทำความรู้จักกับ The Ordinary ขอเกริ่นสั้นๆ เกี่ยวกับตัว Glycolic Acid สักเล็กน้อยนะคะ 


Glycolic Acid เป็นกรดในกลุ่ม AHA ที่สกัดมาจากอ้อย ช่วยในการผลัดเซลล์ผิว ช่วยให้เซลล์ผิวที่ตายแล้วหลุดออกจากชั้นผิวหนังได้อย่างปกติ แถมยังช่วยกระตุ้นผิว และฟื้นฟูสภาพผิวของเราให้ดีขึ้นด้วย 


โดยทั่วไปผิวของเราจะผลัดเซลล์ผิวเองทุกๆ 28 วัน แต่ด้วยปัจจัยต่างๆ ที่ทำให้การผลัดเซลล์ผิวช้าลง ส่งผลให้ผิวหมองคล้ำ ไม่สดใส เปล่งปลั่ง เจ้าตัว AHA จึงเข้ามาช่วยเรานั่นเอง สำหรับค่า pH ที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพในการผลัดเซลล์ผิวจะอยู่ที่ 2.5-4.0 และความเข้มข้นไม่เกิน 10%


มาถึงเจ้าตัว The Ordinary กันค่ะ ตัวนี้ถือเป็น AHA ตัวแรกที่มีนใช้เลย เพราะก่อนหน้านี่กลัวการใช้กรดต่างๆ มาก กลัวจะแพ้ กลัวหน้าจะไวต่อแสง และข้อกังวลอีกหลายๆ อย่าง แต่พอได้ศึกษาแล้วก็รู้สึกว่า เค้าไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดแหะ แถมช่วยแก้ปัญหาผิวของเราได้ด้วย ก็เลยลองเปิดใจใช้ดูค่ะ

แพคเกจ

มาเป็นขวดที่แถมฝาแบบเทมาให้ค่ะ ใช้ง่ายดี


เนื้อผลิตภัณฑ์ 

เป็นน้ำสีชา Texture เป็นน้ำหนึบๆ ลื่นๆ ผิวเล็กน้อย ไม่ได้มีกลิ่นน้ำหอม แต่จะมีกลิ่นของความกรดๆ เปรี้ยวๆ นิดหน่อยค่ะ


วิธีการใช้ 

เทผลิตภัณฑ์ลงบนสำลึ เช็ดให้ทั่วใบหน้าและคอ เลี่ยงบริเวณดวงตา ไม่ต้องล้างออก สามารถใช้ร่วมกับสกินแคร์ตัวอื่นๆ ตามได้ สามารถใช้ได้ทุกวัน แต่ควรใช้เฉพาะเวลากลางคืนและไม่ควรใช้บ่อยเกิน 1 ครั้งต่อวัน ที่สำคัญควรทากันแดดตอนกลางวันร่วมด้วยนะคะ


ความรู้สึกหลังใช้ 

หลังจากที่ใช้ครั้งแรกคือยิบๆๆๆ ที่หน้าเลย ใจไม่ค่อยดี 5555 แต่พอทิ้งไว้สักพักก็หายไปและสามารถใช้สกินแคร์ต่อได้เลย ช่วงแรกๆ จะใช้ 2-3 วันครั้ง จากนั้นก็ค่อยๆ ใช้บ่อยขึ้น ตัวนี้เค้าบอกว่าสามารถใช้ได้ทุกวันเลยค่ะ แต่ส่วนตัวไม่ได้ใช้ทุกวัน อย่างบ่อยสุดก็วันเว้นวันค่ะ หลังจากใช้มาตั้งแต่ต้นปี รู้สึกว่าผิวโกลว์ขึ้น เรียบเนียนขึ้น เรื่องรอยดำ มีนค่อนข้างคาดหวัง แต่ก็ยังไม่เห็นผลขนาดนั้นนะคะ อาจเป็นเพราะว่ารอยเก่าไม่ทันหาย รอยใหม่ก็ตามมาติดๆ

__________________________________________

Serum 

L’Occitane Immortelle Reset 

30 ml ราคา 2,600 บาท

หลายคนคงเคยเห็นตัวนี้กันแล้วแน่ๆ เลย มีนว่าเป็น Favorite ของใครหลายๆ คนนะ มีนใช้หมดไป 2 ขวดแล้ว ชอบหยิบเอามาใช้ช่วงที่ผิวห่อเหี่ยว 5555 ตื่นมาแล้วผิวนุ่มฟูขึ้นเลย ชอบมาก

แพคเกจ

มาในรูปแบบของขวดแก้วไล่สีน้ำเงินอมม่วง ฝาปั๊มใช้ง่าย ให้ผลิตภัณฑ์มากำลังดี มีนใช้ประมาณ 1-2 ปั๊ม ชอบที่ด้านในมีตัวล็อคให้อีกหนึ่งชั้น กันผลิตภัณฑ์หกเลอะเทอะ


เนื้อผลิตภัณฑ์ 

เนื้อเซรั่มนุ่มลื่น เกลี่ยง่ายมาก โดยเนื้อเค้าจะมีสองส่วน คือน้ำมันหอมระเหยจากดอกอิมมอคแตล ที่ชะลอริ้วรอย และด้วยเทคโนโลยี encapsulate ที่บรรจุน้ำมันไว้ในฟองแคปซูลสีเหลืองทองกว่า 3,000 ฟอง รวมถึงสารกัดต่างจากดอก majoram ที่ช่วยให้ผิวเรียบเนียน พร้อมกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ที่มาในรูปแบบเซรั่มใส


ความรู้สึกหลังใช้ 

ผิวหน้าเหมือนได้รับการ Reset จริงๆ ค่ะ สัมผัสผิวคือนุ่มดีงาม รูขุมขนดูกระชับขึ้นเล็กน้อย เนื้อซึมไวดี ไม่มันเยิ้ม

__________________________________________

Innisfree Green Tea Seed Serum 

80 ml 1,000 บาท

Innisfree ได้คัดสรรและพัฒนาส่วนผสมจากชาเขียวในประเทศเกาหลี จนได้พบกับ beauty green tea ที่มอบความชุ่มชื้น พร้อมกรดอะมิโนหลากชนิด ที่ช่วยบำรุงผิว

แพคเกจ 

ขวดปั๊มขนาดกระทัดรัด มีฝาปิดเรียบร้อย เหมาะแก่การพกพาค่ะ 


เนื้อผลิตภัณฑ์ 

เนื้อเซรั่มสีใสขุ่นๆ เล็กน้อย เนื้อดีงาม เกลี่ยง่าย ซึมไว ไม่เหนียวเหนอะหนะเลยค่ะ เหมาะกับคนผิวมันมากๆ ตัวนี้จะมีกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ นะ ส่วนใครที่แพ้แอลกอฮอล์ควรทดลองก่อนน้า


ความรู้สึกหลังใช้ 

ชุ่มชื้นแต่ไม่ทำให้ผิวมัน ซึมเข้าผิวดีเลย ชอบใช้ตัวนี้เวลารีบๆ ค่ะ โดยเฉพาะตอนเช้าเพราะเค้าซึมเร็ว ไม่ทำให้เครื่องสำอางเป็นคราบ ใช้ร่วมกับกันแดดก็ไม่มีปัญหาด้วย ตัวนี้เหมาะกับคนผิวมันมากๆ เลย

__________________________________________

Essence

Plant Story : Bioganic Essence

100 ml ราคา 1,150 บาท

​​​มีนเคยทำรีวิวเต็มๆ ไว้แล้วนะคะ สามารถเข้าไปอ่านกันได้ที่นี่เลยค่า 

​Plant Story

แพคเกจ

ขวดสีขาวขุ่น จับถนัดมือดีค่ะ มาพร้อมกับหัวปั๊มที่มีตัวล็อคแบบ 2 ชั้นก็คือ สามารถหมุนเพื่อเปิดปิด และฝาครอบที่กันการกดหัวปั๊ม ไม่เลอะเทอะแน่นอน ส่วนตัวขวดสามารถนำไปรีไซเคิลได้ด้วยค่ะ ปริมาณการปั๊มออกมาแต่ละครั้งกำลังดี มีนใช้ประมาณ 2 ปั๊มก็ทั่วหน้าและลำคอแล้วค่ะ


เนื้อผลิตภัณฑ์ 

เนื้อเค้ามาในรูปแบบเอสเซนส์สีขาวขุ่น ที่สามารถแตกตัวเป็นเนื้อน้ำได้ ซึมไวบางเบา สบายผิวสุดๆ สามารถใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์อื่นๆ ได้ดี


ความรู้สึกหลังใช้ 

ผิวหน้าและรูขุมขนค่อนข้างกระชับขึ้นค่ะ ให้ความชุ่มชื้นดี เนื้อเกลี่ยง่าย ซึมไว มีความเคลือบผิวไว้เล็กน้อย หลังจากใช้มาจนจะหมดขวดแล้ว รู้สึกว่าผิวหน้าแข็งแรงขึ้นด้วยค่ะ ชอบบบบบบ มีนติดนิดเดียวตรงกลิ่นน้ำหอมที่ใส่มาเยอะไปหน่อย สำหรับผลิตภัณฑ์ที่เป็นธรรมชาติและอ่อนโยน 

__________________________________________

Clinique : Even Better Clinical Radical Dark Spot Corrector + Interrupter

30 ml 2,850 บาท

50 ml 4,100 บาท

เป็นผลิตภัณฑ์ลดรอยด่างดำ ผิวไม่สม่ำเสมอที่รักมากในตอนนี้ค่ะ 

รายละเอียดต่างๆ สามารถเข้าไปส่องได้ที่นี่น้า


Clinique : Even Better Clinical Radical Dark Spot Corrector + Interrupter


เนื้อผลิตภัณฑ์

เป็นเนื้อเซรั่มเข้มข้น สีขาวขุ่น อมเหลืองนิดๆ เนื้อค่อนข้างบางเบา เมื่อเกลี่ยไปแล้วซึมเข้าสู่ผิวได้เร็ว แต่ยังคงเหลือความชุ่มชื้นไว้ พร้อมกับเคลือบผิวไว้บางๆ ทิ้งไว้สักพักก็จะซึมเข้าสู่ผิว แม้จะมีความหนึบเล็กน้อย แต่ก็สบายผิวมากๆ ค่ะ ตัวนี้ไม่มีกลิ่นนะคะ 


ความรู้สึกหลังใช้ 

รู้สึกว่าเป็นอีกตัวที่เห็นผลมากๆ เลยนะ รอยสิวที่กังวลลดลงอย่างเห็นได้ชัดเลย ยิ่งใช้อย่างต่อเนื่องแล้วคือถูกใจมากกกก ตอนนี้ใช้หมดไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ยังไม่ได้ไปถอยอันใหม่มาเลยค่ะ เพราะยังมีสกินแคร์อีกหลายตัวที่ต้องรีบใช้ให้หมด 55555 


__________________________________________

Oil 

ช่วงนี้มีนอินกับ Oil มากๆ และคิดไม่ผิดที่กลับมาใช้ Oil ในการทาผิวหน้า เพราะน้ำมันจะช่วยปรับสมดุลให้กับผิว สำหรับใครที่ผิวมันมากๆ การใช้น้ำมันในปริมาณที่พอเหมาะในการบำรุงผิว จะช่วยให้ผิวผลิตน้ำมันน้อยลงค่ะ แต่ทั้งนี้ก็ต้องเลือกน้ำมันที่ถูกกับผิวของแต่ละคนด้วยนะ 


หลังจากที่ผิวดูอ่อนแอ งงๆ เป็นสิวแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และช่วงก่อนหน้านี้ ทดลองสกินแคร์เยอะมากๆ ใช้ตัวนู้นที่ตัวนี้ที พอกลับมาใช้ Oil แล้วผิวดูสมดุลดีขึ้นค่ะ


Biossance : 100% Squalane Oil 

100 ml ราคา 1,180 บาท

ตัวนี้เพิ่งได้มาประมาณ 1 เดือน หลงรักมากๆ ตอนแรกพอเห็นว่าเป็น Oil ก็สนใจขึ้นมา เลยไปหายรายละเอียดเพิ่มเติม โอ้ว ชอบมาก เพราะ Squalane เป็นน้ำมันที่ผิวหนังของเรามีอยู่แล้วตามธรรมชาติ ช่วยให้ความชุ่มชื้นกับส่วนต่างๆ ของร่างกาย ช่วยปกป้องผิวของเราให้เรียบเนียน ซึ่งก่อนหน้านี้ในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางจะใช้ Squalene จากฉลามมาสกัดเป็น Squalane แต่ในปัจจุบันเทคโนโลยีต่างๆ สามารถสกัดมาจากอ้อยได้แล้ว 


คุณสมบัติที่ชอบมากๆ เลยคือเค้าช่วยล็อคความชุ่มชื้น ชะลอริ้วรอย ปลอบประโลมผิว และมีอยู่ในร่างกายเราอยู่แล้ว การเพิ่มน้ำมันตัวนี้เข้าไปบนผิวก็จะช่วยให้ผิวมีสมดุลมากขึ้นด้วยค่า สามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิวเลย

แพคเกจ

มาในรูปแบบหัวปั๊ม ที่ให้ปริมาณน้ำมันออกมาเพียงพอต่อการใช้ 1 ครั้ง ทั่วใบหน้าและลำคอ


เนื้อผลิตภัณฑ์ 

เป็น Squalane 100% น้ำมันเนื้อบางเบา สีใส ไม่มีกลิ่นใดๆ ทาลงไปบนผิวแล้วซึมซาบไวดี ทิ้งความมันไว้เล็กน้อยพอเคลือบผิว สามารถใช้ผสมกับน้ำมันตัวอื่นๆ ได้ เช่น น้ำมันมะรุม น้ำมันซีบัคธอร์น


ความรู้สึกหลังใช้ 

เป็นน้ำมันที่ชอบสุดๆ เบาสบายผิวมาก มีนใช้ทั้งเช้าและเย็นเลยค่ะ ไม่มีปัญหาเลย ผิวมีความชุ่มชื้น นุ่ม แข็งแรงขึ้นเลย ไม่อุดตันผิวใดๆ เป็น Oil ที่รักมากในตอนนี้เลย

__________________________________________ 

ภูตะวัน : 100% Organic Moringa Oil

30 ml ราคา 450 บาท

Moringa Oil หรือที่รู้จักกันแบบบ้านๆ ก็คือน้ำมันมะรุมค่ะ ที่เลือกใช้ตัวนี้ก็เพราะว่า เค้าช่วยเรื่องปัญหาสิว รอยสิว และจุดด่างดำได้ดีนั่นเอง

แพคเกจ

มาในขวดแก้วสีชา พร้อมกับ Dropper ส่วนตัวมีนไม่ค่อยชอบ Dropper เท่าไหร่ เพราะใช้งานยากและเลอะเทอะ 55555


เนื้อผลิตภัณฑ์

น้ำมันมะรุมสีเหลืองทอง มีความข้นพอประมาณ เนื้อค่อนข้างหนา หนัก ใช้เดี่ยวๆ อาจจะหนึบๆ ได้ มีนเลยผสมกับตัว Squalane ทำให้ใช้ง่ายขึ้นค่ะ ซึมไวขึ้น 


ความรู้สึกหลังใช้ 

เค้าค่อยๆ ช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้น และลดรอยดำต่างๆ ลงได้ดีประมาณนึงเลย มีนใช้มาประมาณ 2 อาทิตย์แล้ว ก็โอเคนะ ไม่อุดตัน ด้วยความที่เป็นธรรมชาติ ผลลัพธ์ที่ได้ โดยเฉพาะรอยดำต่างๆ อาจจะเห็นผลช้า มีนก็เลยอยากจะทดลองใช้ตัวนี้ไปเรื่อยๆ ว่าจะได้ผลลัพธ์เป็นยังไงบ้างค่ะ แต่เบื้องต้นถือว่าเป็นอีกตัวที่ขาดไม่ได้ในช่วงนี้ 

__________________________________________ 

Moisturizer 

แม้ว่าจะเป็นคนผิวมัน แต่ก็เชื่อว่าการให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวนำไปสู่การมีผิวที่ดีและแข็งแรงได้ มีนเลยลองหันมาดูบำรุงที่ให้ความชุ่มชื้นกับผิวมากขึ้นในช่วงปีนี้


Dr. Roebuck’s : No Worries Hydrating Face Moisturizer 

50 ml ราคา 1,340 บาท 

ตัวนี้มีนได้ไซส์เล็กมาจากการแลกแต้มจาก Sephora เพราะอย่างที่บอกไปว่าอยากเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวมากๆ ตัวนี้เน้นเรื่องความชุ่มชื้น พร้อมทั้งต่อต้านริ้วรอยด้วย  

เนื้อผลิตภัณฑ์

เนื้อสีขาวเข้มข้น เนื้อสัมผัสไม่หนาหนัก เกลี่ยง่าย ซึมไว แต่ยังคงเคลือบๆ ผิวไว้ด้วย ตัวนี้ให้ความชุ่มชื้นดีงามมาก มีส่วนผสมจากวิตามินอี Rosehip Oil Maccadamia Oil และ Hyaluronic Acid สำหรับผิวมันอาจจะใช้ปริมาณที่น้อยหน่อยค่ะ


ความรู้สึกหลังใช้ 

ชอบอะ ผิวอิ่มน้ำดีงาม เนื้อเค้าดีนะ ซึมง่ายดี มีนใช้ทั้งกลางวันและกลางคืนก็โอเคไม่มีปัญหา แต่ว่าชอบโบกตอนกลางคืนมากกว่า กึ่งๆ แทน Sleeping Mask ไปเลย ในวันที่อยากได้ความชุ่มชื้นขั้นสุด

__________________________________________

Cetaphil Moisturizing Lotion

200 ml ราคา ~600 บาท

เป็นโลชั่นบำรุงผิวที่ชุ่มชื้นมากๆ อีกตัวค่ะ ปกติมีนใช้ Cetaphil อยู่แล้วในการทำความสะอาดผิวหน้า พอได้ลองตัวบำรงแล้วก็ติดใจ ให้ความชุ่มชื้นดีงามสุดๆ

แพคเกจ

มีนได้มาเป็นขนาดทดลองเมื่อซื้อคู่กับตัว Cleanser อันนี้ก็มาเป็นขวดเล็กๆ ค่ะ เนื้อผลิตภัณฑ์ เนื้อสีขาวค่อนข้างเข้มข้น แต่เกลี่ยง่าย ซึมซาบไวดี มีส่วนผสมจากน้ำมันอโวคาโด อ่อนโยน ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม


ความรู้สึกหลังใช้ 

ใช้แล้วผิวชุ่มชื้นดีงาม นุ่มลื่น ตัวนี้เหมาะกับวันรีบๆ ขี้เกียจๆ เพราะสามารถลงตัวเดียวได้ หรือจะใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์อื่นๆ เพื่อช่วยล็อคความชุ่มชื้นก็ได้ ใช้ได้ทั้งเช้าเย็นเลย

__________________________________________

นั่นก็คือสกินแคร์ทั้งหมดที่ใช้ในการกู้หน้าโทรม ที่มาพร้อมกับรอยสิว และผิวที่ไม่ค่อยสม่ำเสมอแถมขาดน้ำไปอีก 


ยังไงก็ตาม นี่เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของมีนล้วนๆ นะคะ ยังไงก็ศึกษาข้อมูลต่างๆ ประกอบการตัดสินใจกันด้วยล่ะ ว่าในส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ต่างๆ นี้มีอะไรบ้าง แพ้ส่วนผสมตัวไหนกันบ้างมั้ย เพราะผลลัพธ์ในเรื่องการใช้สกินแคร์นี่เป็นเรื่องที่แตกต่างกันของแต่ละคนเลย อ้อ และที่สำคัญอย่าลืมพักผ่อนให้เพียงพอนะคะ ไม่ว่าจะสกินแคร์ดีแค่ไหนถ้าไม่นอนเลย สกินแคร์ก็ช่วยไม่ได้น้าาาาาา 5555555


วันนี้ก็ขอลาไปก่อนน้า หวังว่าจะเป็นอีกทางเลือกของทุกคนนะคะ   


รักษาสุขภาพกันด้วยนะค้าาาาา


บัยสสสสสสสส์


Mini_Meen

Mini_Meen

☀ SKINCARE
☀ BEAUTY STUFFS ☀ -----

☁ MUSIC ALCHEMIST & LECTURER
☁ PHOTOGRAPHY LOVER
☁ ART ADMIRER ☁ -----

☾ NICE TO MEET YOU ALL ☾

FULL PROFILE