เรื่องของคนดังที่ต้องติด #ชีวิต(เกือบ)เป๋เพราะชาวเน็ตและโลกออนไลน์ Part1📱💻😓

44 4
สวัสดีค่ะ บทความนี้อยากจะใช้คำหยาบนะ แต่เกรงว่าจะโดนแบนจากเจ้าของเว็บ
โลกโซเชียลก็เหมือนเป็นเหรียญ2ด้าน ดาบ2คม มีประโยชน์และมีโทษปะปนกันไป
ดารานักร้องต่างประเทศที่เราหยิบมายกตัวอย่างนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการโดนชาวเน็ตใช้ถ้อยคำประทุษร้าย(Hate Speech)และการกลั่นแกล้ง(Cyberbully)ในโลกโซเชียล ซึ่งเป็นเคสที่เห็นได้บ่อยที่สุด จะมีใครบ้าง ไปดูกันเลย
1.แค่สนับสนุนตำรวจฮ่องกง ก็บานปลายถึงเรื่องการเมือง
ผู้โชคร้าย:Liu YifeiและDonnie Yen
เรื่องมีอยู่ว่า:ตั้งแต่ปี2019กับการเมืองฮ่องกงที่ไม่รู้ว่าจะจบลงที่ตรงไหน หลังจากJoshua Wongและเพื่อนที่ร่วมก่อตั้งกลุ่มนักเคลื่อนไหวทางการเมืองฮ่องกง2คน ต่างขอลาออกเพื่อชดใช้กรรม แต่เหล่าสมาชิกที่เหลือก็จะยืนหยัดต่อสู้ต่อไป ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ทำได้ แต่ถ้ามากไป ก็ไม่ดี ซึ่งกรณีนี้เกิดขึ้นกับ2นักแสดงจากภาพยนตร์เรื่องMulanที่จะเข้าฉายในเดือนสิงหาคมนี้ โดนชาวเน็ต"คลั่งการเมือง"ด่ายับ
ตั้งแต่พี่Liu Yifeiโพสต์สนับสนุนตำรวจฮ่องกงจนแฟนคลับที่มีแอคเคาท์ทวีตเตอร์ต้องมาแก้ต่างให้(รวมถึงเรา)ก็แย่เกินพอ แต่ก็มีแอคเคาท์@PhilosophyNook ก็มาจุดเชื้อไฟให้ลุกโชนอีกด้วยการ...ทวีตพาดพิงถึงคุณDonnie Yen
โดยเจ้าตัวทวีตว่า คุณDonnie Yenได้รับเชิญในงานครบรอบที่ปักกิ่ง ก็ถูกกล่าวหาว่าสนับสนุนการใช้ความรุนแรงกับฮ่องกง(ว่าไปนั่น)
สำหรับเรานั้นมองในมุมกลับกัน ทั้งพี่Liu YifeiและคุณDonnie Yen ต่างตกเป็น"เหยื่อ"ทางการเมืองระหว่างจีนกับฮ่องกง เพราะจริงๆแล้วชาวฮ่องกงที่ไม่พอใจมีแค่"ส่วนหนึ่ง"ของจำนวนประชากรเท่านั้น และตำรวจฮ่องกงที่พี่หลิวสนับสนุนนั้น ส่วนมากทำเพื่อประชาชน มีแค่ส่วนน้อยที่ใช้ความรุนแรง ซึ่งสรุปแล้ว ทั้งคู่ต่างโดนHate Speechและการสื่อสารที่คลาดเคลื่อน
เรามาซัพพอร์ตทั้งพี่Liu YifeiกับคุณDonnie Yen ด้วยการติด#SupportMulan,#ทวงความยุติธรรมให้หลิวอี้เฟย,#ทวงความยุติธรรมให้ดอนนี่เยน ทางทวิตเตอร์กันนะคะ อย่าให้เรื่องนี้มันเงียบค่ะ?
2.เป็นFeminist แล้วมันผิดด้วยหรือ
ผู้โชคร้าย:Brie Larson
เรื่องมีอยู่ว่า:หลังจากที่พี่Larsonได้คว้ารางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากภาพยนตร์เรื่องRoomเมื่อปี2016 แต่พี่Larsonกลับถูกจับจ้องไปในทางที่ไม่ดี เมื่อในงานประกาศรางวัลออสการ์เมื่อปี2017 พี่Larsonได้ขึ้นประกาศรางวัลสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ซึ่งคุณCasey Affleck(น้องชายของคุณBen Affleck)คว้ารางวัลนี้ไป แต่ในขณะที่คุณAffleckขึ้นรับรางวัลนั้น พี่Larsonก็แสดงสีหน้าไม่สบอารมณ์ทันที
หลังจากจบงานออสการ์ พี่Larsonก็ให้สัมภาษณ์ว่า"คุณCasey Affleck เคยก่อคดีล่วงละเมิดทางเพศ"
จากเหตุการณ์นั้นกลายเป็นที่พูดถึงต่อทัศนคติเรื่องFeministและการพูดจาแบบตรงไปตรงมาของพี่Larson
ตอนงานรอบปฐมทัศน์ของภาพยนตร์เรื่องCaptain Marvel พี่Larsonให้คนที่จะมาสัมภาษณ์เธอเป็นคนผิวสี เท่านั้นแหละ ทัวร์ลงมายังเว็บRotten Tomatoes ที่ให้คะแนนภาพยนตร์ที่กำลังจะเข้าฉายโดยการกด"อยากดูเรื่องนี้มั้ย" คนเข้ามารีวิวบอมบ์กันมากมาย
แต่เรื่องจริงก็เปิดเผย เมื่อต้องไปดูคลิปการสัมภาษณ์ของพี่Larsonอีกสัก2-3รอบ ก็พบว่า...เจ้าตัวไม่ได้รังเกียจผู้ชายผิวขาวเลย ที่ให้คนผิวสีสัมภาษณ์ก็อยากให้"โอกาส"พวกเขา(จบ)
และดราม่าเรื่องนี้ก็ทำอะไรพี่Larsonไม่ได้ เพราะภาพยนตร์เรื่องCaptain Marvel ทำรายได้ทั่วโลกไปกว่า1,128ล้านดอลลาร์ จากทุนสร้างเกือบ200ล้านดอลลาร์
สำหรับเรา ไปดูเรื่องนี้กับพ่อแม่ในโรงหนัง สนุกใช้ได้ เอาไป7เต็ม10
จริงๆแล้ว พี่Larsonเป็นคนที่อัธยาศัยดี สนิทกับนักแสดงในกองถ่ายภาพยนตร์เรื่องAvengers:EndGame เกือบทุกคน
นอกจากนี้ พี่Larsonชอบเล่นเกมAnimal Crossingมากๆ ในช่วงที่เกมAnimal Crossing:New Horizon วางจำหน่ายใหม่ๆ พี่Larson ก็ไม่พลาด ซื้อDay-1เลย
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อย่ามองคนๆหนึ่งแค่เพียงด้านเดียว
3.เรื่องความรัก คนนอกอย่าก้าวก่าย
ผู้โชคร้าย:Florence Pugh
เรื่องมีอยู่ว่า:น้องPughแจ้งเกิดจากภาพยนตร์สยองขวัญเรื่องMidsommor(2019) เมื่อต้นปี น้องPughเพิ่งได้เข้าชิงออสการ์สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมจากภาพยนตร์เรื่องLittle Womenฉบับปี2019 และได้แสดงภาพยนตร์เรื่องBlack Widowซึ่งจะเข้าฉายปลายปีนี้ แต่ก็มีดราม่าเบาๆ เมื่อน้องPughโดนชาวเน็ตแซะเรื่องความรัก
น้องPughคบหาดูใจกับคุณZach Braff ผู้กำกับและผู้เขียนบทภาพยนตร์ที่อายุห่างกันถึง21ปี
เมื่อวันที่6เมษายน น้องPughใช้Instagramเพื่อโพสต์อวยพรวันเกิดคุณBraff อยู่ๆก็มีชาวเน็ตหลายคนเข้ามาคอมเมนท์เชิงอิจฉาและกลั่นแกล้งว่า"เธอมีแฟนแก่คราวพ่อ" น้องPughเลยตัดสินใจปิดคอมเมนท์ทำนองนี้เสีย
เพียงไม่กี่วัน น้องPughก็ถ่ายคลิปลงIG ระบายความรู้สึกออกมาว่า...
"ฉันอายุ 24 ปี ฉันเริ่มทำงานตั้งแต่อายุ 17 ปี ฉันเริ่มเป็นนักแสดงตอนอายุ 18 ปีและจ่ายภาษีเอง
ฉันขอขีดเส้นใต้คำว่า ‘ฉันอายุ 24 ปี’ นะ
ฉันไม่จำเป็นต้องให้คุณมาบอกว่าฉันควรหรือไม่ควรจะรักใคร
ในชีวิตฉันไม่เคย ไม่เคยแม้แต่ไปไล่บอก
คนอื่นว่าคุณสามารถรักหรือห้ามรักใครเลย
นี่ไม่ใช่พื้นที่ของคุณ ถ้ามีอะไรที่คุณไม่ชอบงั้นขอให้อันฟอลโลว์ฉันไป
เพราะคำบูลลี่ที่คุณพูดใส่เขา มันก็เหมือนพูดใส่ฉันด้วย ฉันไม่ต้องการฟอลโลว์เวอร์ที่เป็นแบบนั้น
ฉันไม่อยากต้องมาปิดคอมเมนต์ทุกครั้งที่ฉันลงรูปเขา…”
แฟนๆที่ดูคลิปที่น้องPughระบายความในใจก็แห่คอมเมนท์ให้กำลังใจเพียบ
อยากฝากบอกว่า คนเราจะมีสิทธิ์ชอบคนดัง สนับสนุนผลงานของเขา แต่อย่าไปก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวของเขาซึ่งมีชื่อเสียง เพราะอาจจะไปทำให้ยิ่งรู้สึกอึดอัดใจ โดยเฉพาะเรื่อง"ความรัก"
4.โดนทัวร์ลงเพราะ"ขี้เหร่"และ"น่ารำคาญ"
ผู้โชคร้าย:Kelly Marie Tran
เรื่องมีอยู่ว่า:Star Wars:The Last Jedi เป็นภาพยนตร์ที่ว่ากันว่า"เสียงแตก"มากที่สุด และส่วนหนึ่งมาจากการด่าทอพี่Kelly Marie Tran นักแสดงร่างเล็กเชื้อสายเวียดนามผู้รับบทเป็นRose Ticoและเป็นนักแสดงเชื้อสายเอเชีย-อเมริกัน คนแรกที่ร่วมแสดงในภาพยนตร์ชุดStar Wars
ซึ่งดราม่านี้เกิดขึ้นเพราะ หลังจากที่ภาพยนตร์เรื่องStar Wars:The Last Jediเข้าฉาย คอมเมนท์ด่ากราดในInstagramของพี่Tranหลั่งไหลเป็นจำนวนมาก เช่น
  • "เป็นตัวละครที่น่ารำคาญพอๆกับJar Jar Binks"
  • "ไม่มีตัวละครนี้ก็ไม่มีผลต่อเนื้อเรื่องนะ"
  • "ขี้เหร่ แถมยังอ้วนอีก"
จนเจ้าตัวต้องลบรูปในIGจนเกลี้ยง
จนมีคนเข้ามาเห็นใจและให้กำลังใจพี่Tran เช่น ลุงMark Hamill,พี่John Boyega เป็นต้น
รวมไปถึงศิลปินชาวTwitterหลายคนก็โพสรูปFanArtโดยติด #FANARTFORROSE
จากเหตุการณ์นั้นทำให้พี่Tran มีสติและรับมือกับเรื่องราวร้ายๆได้ และเราเชื่อว่าพี่Tranคงจะมีอนาคตในวงการที่สดใสในเร็วๆนี้ค่ะ
แต่ที่แน่นอนที่สุดคือ ทิศทางของแฟรนไชน์Star Wars ต่อจากนี้ เริ่มไม่มั่นคงเพราะ"แฟนคลับ"
5.ตลกไม่ออก โดนแฟนๆภาพยนตร์ฉบับดั้งเดิมถล่มยับ
ผู้โชคร้าย:Leslie Jones
เรื่องมีอยู่ว่า:คุณLeslie Jones เป็นนักแสดงและพิธีกรสายฮา ที่สร้างเสียงหัวเราะให้กับแฟนๆมาแล้ว
แต่กลับตลกไม่ออก เมื่อได้แสดงภาพยนตร์เรื่องGhostbusters ฉบับรีบู้ตที่กลุ่มตัวเอกเป็นผู้หญิงล้วน เข้าฉายเมื่อปี2016 แต่ก่อนที่ภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าฉายนั้น คุณJonesก็ต้องมาเจอคอมเมนท์ด่าทอจากชาวTwitter
เรื่องราวเกิดขึ้นหลังจากเทรลเลอร์แรกของภาพยนตร์เรื่องGhostbustersฉบับรีบู้ต เผยแพร่ออกทางYoutube ก็มีจำนวนDislikeมากกว่า5แสนครั้ง ซึ่งหนึ่งในจำนวนนั้นคือ...เหล่าแฟนคลับภาพยนตร์Ghostbustersฉบับดั้งเดิมค่ะ
โดยแฟนๆที่ชื่นชอบภาพยนตร์Ghostbustersฉบับดั้งเดิมได้มาต่อว่าฉบับรีบู้ตไว้ ดังนี้
  1. ตัดตัวละครฉบับดั้งเดิมทิ้ง(แต่ดันมีในฉบับรีบู้ท เอ๊ะ!ยังไง)
  2. เสียงSoundtrackค่อนข้างย่ำแย่
  3. ฉบับรีบู้ตเหมือนเอาใจผู้หญิงเกินไป
โดยคนที่โดนมากที่สุดคงหนีไม่พ้นคุณJonesค่ะ เมื่อเจ้าตัวทวีตต่อว่าแฟนคลับGhostbustersฉบับดั้งเดิมว่าแบบนี้(ข้อความที่คุณJonesทวีตติดเรต18+มาก)
ทำให้หลายคนไม่พอใจ เข้ามาถล่มทวิตของคุณJonesจนเจ้าตัวทนไม่ไหว หยุดเล่นTwitterไปเกือบ1เดือน
และเมื่อปี2019 หลังจากทางSony Pictureไฟเขียวสร้างภาพยนตร์เรื่องGhostbusters:Afterlife ภาคต่อ(ที่แท้จริง)ของGhostbusters:IIที่เข้าฉายเมื่อปี1989นั้น ทางคุณJones ก็ทวีตด้วยความรู้สึกไม่พอใจว่า...
“เหมือนโดนดูถูก. เหมือนกับว่าช่างหัวพวกเรา พวกเราไม่ถูกนับ. มันเหมือนกับสิ่งที่ Trump จะทำเลย (ทำเสียง Trump): ‘เราจะทำโกสต์บัสเตอร์ใหม่ที่ดีกว่าด้วยเวอร์ชั่นผู้ชาย มันจะต้องปังแน่ๆ เวอร์ชั่นผู้หญิงนั่นมันไม่ใช่โกสต์บัสเตอร์’ ฮึ น่ารำคาญจริงๆ เป็นการเดินหน้าทำที่แย่มากๆ และฉันก็ไม่แคร์ที่ฉันได้พูดอะไรออกไป”
ก็ไม่รู้ว่าภาพยนตร์เรื่องGhostbusters:Afterlife จะได้ฟีดแบ็คไปในทางไหน ต้องรอจนถึงเดือนมีนาคม2021โน่น แต่ที่แน่ๆคือ แฟนคลับคุณJonesคงหายไปสักครึ่งนึง?
6.หน้าตาแบบนี้เนี่ยนะ เป็นนักร้องดัง และสารพัดความเห็นแง่ลบ
ผู้โชคร้าย:Ed Sheeran
เรื่องมีอยู่ว่า:ช่วงที่พี่Ed Sheeranประสบความสำเร็จในผลงานสตูดิโออัลบั้มชุดแรก สิ่งที่มาพร้อมกับความดังก็คือ...การโดนแซะเรื่องหน้าตาค่ะ และเรื่องสุดร้ายแรงก็คือ คอมเมนท์แง่ลบ จนพี่Sheeranต้องบอกลาโลกโซเชียล
เริ่มจากมีชาวเน็ตบางคนวิจารณ์พี่Sheeranเรื่องหน้าตาที่ไม่หล่อเหมือนนักร้องชายคนอื่นๆ ซึ่งค่อนข้างปกติ แต่ก็มีเรื่องที่ทำให้พี่Sheeran เหลืออดเหลือทนจนต้องลบTwitter
นั่นก็คือ การที่พี่Sheeranมาเป็นนักแสดงรับเชิญให้กับซีรีส์Game of Throne ซีซั่น7 เท่านั้นแหละ ชาวเน็ตแห่มาถล่มแอคเคาท์Twitterของพี่Sheeranกันยกใหญ่
จริงๆแล้ว สาเหตุที่พี่Sheeranมาแสดงเป็นตัวละครรับเชิญในซีรีส์เรื่องนี้ เพราะว่าน้องMaisie Williams ซึ่งเป็นแฟนคลับพี่Sheeranอยู่แล้วเป็นคนชักชวน
แต่เมื่อพี่Sheeranเจอความคิดเห็นด้านลบในแอคเคาท์ เจ้าตัวจึงตัดสินใจลบแอคเคาท์Twitterทิ้ง
ตอนนี้พี่Sheeranขอพักจากโลกโซเชียลเพื่อหาแรงบันดาลใจในการทำเพลงชุดต่อไป
ส่วนรายละเอียดอื่นๆ เกี่ยวกับการโดนCyberbullyของพี่Sheeran ขอแนะนำให้ไปอ่านบทความของเจ๊Candyก็แล้วกัน
https://www.jeban.com/topic/275168
ยังมีต่อจ้า


Panchud Thammachat

Panchud Thammachat

ป่านค่ะ ผู้ประสบปัญหาหน้ามันเป็นสิวซ้ำซากค่ะ ใครมีเคล็คลับอะไรดีๆ ช่วยแชร์ให้เราด้วยนะคะ
และยังมีบทความของดาราจากทั่วโลก แต่ไม่เน้นพวกบทความGossip ไม่มีการเหยียดสีผิว ไม่มีการเหยียดเชื้อชาติใดๆทั้งสิ้น

FULL PROFILE