หรือ J.K. Rowling จะถูก Cancel ?
candy 60 4
เธอคือหนึ่งในสตรีที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในแวดวงวรรณกรรม ด้วยผลงานระดับตำนานที่ครองใจผู้คนมากมากทั่วโลก พวกเราเคยคุ้นชินกับภาพของ JK Rowling ที่มีเด็กๆล้อมหน้าล้อมหลังด้วยความชื่นชม แต่ถึงวันนี้ ภาพพจน์อันดีงามของผู้สร้าง Harry Potter กลับถูกตั้งข้อสงสัย เธอต้องเข้าไปพัวพันกับ cancel culture ไม่ต่างจากดารา Hollywood หนึ่งในข่าวฉาวที่ทำให้ถูกโจมตีมากที่สุดคือ แนวคิดต่อต้านชาว transgender นั่นเอง
ในช่วงเริ่มแรกที่เริ่มมีคนตั้งข้อสังเกตว่า JK Rowling ไม่สนับสนุนสิทธิคนข้ามเพศ
JK Rowling เป็นพวกแอนตี้ชาว transจริงหรือ ? เพราะเหตุใด ชาวเน็ทจำนวนมากจึงเชื่อว่า เธอกำลังใช้อิทธิพลทางสังคมของตัวเองเพื่อกีดกันชาว trans ?
การแสดงความคิดเห็นทาง social media ของ JK สร้างดราม่าหลายเรื่องติดต่อกันภายในระยะเวลาไม่นาน อย่างการแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่า คนเราควรจะแบ่งแยกเพศตามลักษณะทางกายภาพที่มีมาตั้งแต่เกิด และสร้างความไม่พอใจให้กับชุมชนชาวtrans รวมถึงชาวเน็ทกลุ่มต่างๆ ที่ทวงถาม "การเปิดใจยอมรับความแตกต่าง" จาก JK และยิ่งปะติดปะต่อความเคลื่อนไหวทางการแสดงความคิดเห็นของเธอบนสังคมออนไลน์ ก็ทำให้มีคนปักใจเชื่อว่า นี่คืออคติกับ transgender ซึ่งสวนทางกับการประกาศตัวสนับสนุนอุดมการณ์ทางการเมืองแบบ liberal ของเธอ
ความหมายของ Transphobia (หรือTransphobic)
การแสดงความคิดและการแสดงออกในด้านลบต่อคนข้ามเพศที่ครอบคลุม
- ความเกลียดกลัว รังเกียจ
- ความคิดต่อต้าน ไม่ยอมรับในเพศสภาพนั้น
- การใช้คำพูดเหยียดหยามและใช้ความรุนแรง
ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้เป็นสิ่งที่ชาว trans เคยผ่านประสบการณ์ มาแล้วทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้ห้องสุขาแล้วพบกับสายตาและคำพูดที่มีอคติ ไปจนถึงการถูกทำร้ายร่างกาย ชุมชนชาว trans จำนวนได้ยึดมั่นว่า สิ่งเหล่านี้ได้เกิดขึ้นเพราะมีจุดเริ่มต้นจากความไม่ยอมรับในเอกลักษณ์ทางเพศของพวกเค้านั่นเอง และเมื่อนักประพันธ์ที่สร้างผลงานอันเป็นที่รักของคนทั้งโลกได้แสดงความเห็นในทำนองที่ว่า " ผู้หญิงข้ามเพศ ไม่ใช่ผู้หญิง" จึงสร้างความตกตะลึงกันไปทั่ว
แน่ล่ะค่ะ เธอไม่ได้ประกาศตัวว่าโกรธเกลียดtrans แต่ยืนยันว่ามีแสดงความคิดเห็นอย่างบริสุทธิ์ใจด้วยความรักความเข้าใจในตัวพวกเค้า แต่เธอไม่หยุด tweet ข้อความที่รบกวนจิตใจชุมชนชาว trans และเลือกกด like ข้อความที่วิจารณ์ trans อย่างเผ็ดร้อน
สื่อดังมากมายหลายเจ้าได้ฟาดฟันนักประพันธ์ผู้ทรงอิทธิพลว่าเป็นพวกเหยียด trans อย่างตรงไปตรงมา แต่ชาวเน็ทแสดงความสะพรึงมากขึ้นไปอีก เมื่อเธอเลือกจะขู่ฟ้องเว็บไซต์ The Day website เพื่อการศึกษาของเยาวชนที่ใช้คำพาดหัวที่ฟังดูร้อนแรงในการดึงดูดให้ให้ผู้อ่านได้ร่วมถกประเด็น tweet ของ JK
The Day ที่พาดหัวไว้ว่า "แฟนๆ Harry Potter cancel JK Rowling เพราะทวีทเหยียด trans" ได้แสดงเจตจำนงว่า พวกเค้าไม่ได้ปลุกปั่นให้ผู้คน boycott นักประพันธ์ผู้โด่งดัง และไม่ได้ฟันธงว่าเธอเป็นพวกเหยียด trans แต่ก็ยอมรับว่าการพาดหัวอาจจะชี้ให้คิดว่าเธอคิดร้ายต่อชุมชนชาว trans แต่มีเจตนาที่จะดึงดูดให้ผู้คนเข้ามาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นที่เปราะบางและขอรับผิดชอบต่อกการกระทำด้วยการแสดงคำขอโทษอย่างเป็นทางการและสนับสนุนเงินเพื่อ JK ได้นำไปใช้เพื่อการกุศล
แต่นั่นทำให้กระแสต่อต้านเธอยิ่งร้อนแรงขึ้น เมื่อบรรดาสื่อดังต่างก็ชี้ชัดว่า การแสดงความเห็นของ JK นั้นเข้าข่าย transphobic แต่เธอเลือกจะขู่ฟ้องwebsiteเพื่อ เยาวชน
ข่าวคราวเรื่องนี้มันอาจจะสร้างความข้องใจว่า เธอพูดถึงคนข้ามเพศได้ย่ำแย่มากเพียงใด เราขอย้อนให้ชมกันค่ะ ขอบอกไว้ก่อนว่า มันไม่ใช่การวิจารณ์โจมตี แต่เป็น "น้ำเสียง" ที่อาจจะทำให้หลายคนสัมผัสถึงความเย้ยหยัน ไม่ยอมรับจากไม่กี่ตัวอักษรเป็นtwitter ของเจ้าตัว
JK สนับสนุนผู้หญิงที่ใช้ twitter โจมตี trans ว่าในโลกนี้ควรมีเพียงสองเพศคือ หญิงและชาย และบรรยายเหตุผลที่ไม่ควรยอมรับอย่างยาวเหยียด เมื่อบริษัทที่เธอทำงานอยู่ได้รับการร้องเรียนจึงตัดสินสินใจไล่เธอออก เธอจึงลุกมาฟ้องร้องบริษัทเพื่อขอความเป็นธรรมจากศาล แต่แพ้คดีไปอย่างหมดรูปเพราะศาลตัดสินว่า tweet ที่ทำให้เธอสูญเสียการงานไปนั้นเป็นการดูหมิ่นศักดิ์ศรีของ trans จริงๆ
แต่ "โทนเสียง" ของJKในการประกาศแรงสนับสนุนผู้หญิงรายดังดล่าวนั้น ทำให้ชาวเน็ทหลายคนออกอาการรับไม่ได้
"จะแต่งตัวยังไงก็ทำไปตามที่ชอบเถอะ
จะเรียกตัวเองว่าอะไรก็ได้
จะหลับนอนกับใครที่ยอมสมัครใจมีอะไรด้วยก็ทำไปเลย
ใช้ชีวิตให้คุ้มค่าด้วยสันติและมีความปลอดภัย
แต่ถึงขนาดบีบให้ผู้หญิงออกจากงานเพียงเพราะเธอแสดงความเห็นว่ายึดมั่นเรื่องเพศสภาพตามความจริงเนี่ยนะ"
ปฎิเสธได้ยากว่า คำพูดนี้ฟังดูคล้ายกับการปรามเป็นนัยๆว่า อยากจะแต่งตัวหรือแสดงออกไม่ตรงกับเพศเดิมก็ทำไปเถอะ แต่อย่าได้บังอาจมาประกาศว่าตัวเองเป็นผู้หญิงจริงๆ
แต่ "โทนเสียง" ของJKในการประกาศแรงสนับสนุนผู้หญิงรายดังดล่าวนั้น ทำให้ชาวเน็ทหลายคนออกอาการรับไม่ได้
"จะแต่งตัวยังไงก็ทำไปตามที่ชอบเถอะ
จะเรียกตัวเองว่าอะไรก็ได้
จะหลับนอนกับใครที่ยอมสมัครใจมีอะไรด้วยก็ทำไปเลย
ใช้ชีวิตให้คุ้มค่าด้วยสันติและมีความปลอดภัย
แต่ถึงขนาดบีบให้ผู้หญิงออกจากงานเพียงเพราะเธอแสดงความเห็นว่ายึดมั่นเรื่องเพศสภาพตามความจริงเนี่ยนะ"
ปฎิเสธได้ยากว่า คำพูดนี้ฟังดูคล้ายกับการปรามเป็นนัยๆว่า อยากจะแต่งตัวหรือแสดงออกไม่ตรงกับเพศเดิมก็ทำไปเถอะ แต่อย่าได้บังอาจมาประกาศว่าตัวเองเป็นผู้หญิงจริงๆ
เธอหยิบเอาบทความที่เกี่ยวกับการให้ความรู้ทางสุขภาพในการมีประจำเดือนในช่วงโรค COVID ระบาดมาโพสต์ด้วย "อารมณ์ขัน"ที่บ่งบอกถึงอะไรบางอย่างไว้ว่า " คำนิยามของผู้หญิงว่าต้องเป็นบุคคลที่สามารถมีประจำเดือนได้นั้นกลายเป็นอดีตไปแล้ว อะไรบางอย่างที่พูดถึงนั้นถูกตีความว่า เธอกำลังเย้ยหยันคนข้ามเพศที่ไม่มีประจำเดือน แต่ระบุเอกลักษณ์ทางเพศว่าเป็นผู้หญิง
ยิ่งถูกกระแสตีกลับมากเท่าไร JK ยิ่งพยายามหักล้างกับผู้สนับสนุนสิทธิชาวข้ามเพศว่า เธอศึกษาบทวิจัยและข้อมูลต่างๆที่จัดทำโดยคนข้ามเพศมาแล้วหลายชิ้น ดังนั้นอย่าได้เหมารวมว่าเธอไร้ความรู้ใดๆเกี่ยวกับหัวข้อนี้ เธอยืนยันว่า ทั้งให้ความรักและความเข้าใจในชาวข้ามเพศมาโดยตลอด และถ้าจะให้ร่วมเดินขบวนเรียกร้องความเป็นธรรมให้พวกเค้า เธอก็ยินดี แต่ถ้าจะให้ลบแนวคิดเรื่องเพศสภาพที่แท้จริงอออกไป ( เอกลักษณ์ทางเพศจะต้องตรงกับเพศที่ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิดเท่านั้น) แนวคิดเรื่องรักร่วมเพศจะต้องหายไปด้วยสิ หรือไม่เช่นนั้นความเป็นผู้หญิงก็จะถูกลบไปจากโลกด้วย
แต่เธอชี้แจงย้ำมากเท่าไรว่าเธอไม่ได้เป็นพวกแอนตี้ชาวข้ามเพศ สื่อและชาวเน็ทก็หาข้อสรุปได้พ้องกันว่า นักประพันธ์ Harry Potter คือ ผู้นิยมสิทธิสตรีหัวรุนแรงที่ต่อต้านบุคคลข้ามเพศ หรือที่เรียกกันว่า TERF (trans-exclusionary radical feminist)
บทความยาวเหยียดที่พยายามชี้แจงถึงความกังวลในความเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องสิทธิชาวtrans ของ JK ประกอบด้วย
- ผู้เยาว์ในยุคนี้อาจจะถูก social media ชักนำให้อยากจะแปลงเพศ ไม่ต่างจากรูปแบบของการระบาดทางสังคม และพยายามชี้ให้เห็นว่า เด็กสมัยนี้เข้าสู่กระบวนการแปลงเพศเพราะมันเป็น "เทรนด์" ไม่ใช่มาจิตใจที่แท้จริง
- เธอพยายามนำเอาตัวเลขของชาวข้ามเพศที่พยายามกลับไปเป็นเพศเดิมจากแรกเกิดมาหักล้างการสนับสนุนให้เด็กเข้าสู่กระบวนการแปลงเพศ โดยใช้คำว่า "เพิ่มขึ้นสูงอย่างเป็นปรากฏการณ์" ซึ่งมีคนนำสถิติมาโต้แย้งกับเธอแล้วว่า คนที่พยายามกลับไปเป็นเพศเดิมนั้นมีจำนสนไม่มากนัก และส่วนใหญ่จำใจทำเพราะถูกครอบครัวกดดัน และมีน้อยมากจริงๆที่บอกสาเหตุที่อยากกลับไปเป็นเหมือนเดิมว่า ตัดสินใจผิดเพราะค้นพบว่ามันไม่ใช่ตัวตนจริงๆของพวกเค้า
- เธอนำประสบการณ์ที่เคยเป็นเหยื่อความรุนแรงมาแจกแจงว่า ไม่อยากให้ผู้หญิงต้องรู้สึกไม่ปลอดภัย แม้ว่าเธอจะห่วงเรื่องความปลอดภัยของtrans เหมือนกัน แต่เมื่อผู้หญิต้องใช้ห้องน้ำหรือห้องเปลี่ยนชุดเดียวกับ "ผู้ชายที่เชื่อว่าหรือมีความรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้หญิง" ซึ่งการระบุเอกลักษณ์ทางเพศนั้นไม่จำเป็นต้องมีการผ่าตัดร่างกายหรือใช้ฮอร์โมนเพื่อให้ดูเหมือนผู้หญิง หมายความว่าการใช้ห้องน้ำร่วมกับ trans ก็จะทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยนั่นเอง
ข้อมูลและแนวคิดต่างๆที่ JK หยิบยกมาอ้างอิงเพื่ออธิบายเหตุผลที่ไม่เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวเพื่อสนับสนุนสิทธิชาว transดังกล่าง ทั้งองค์กรผู้สนับสนุน LGBTQ นักวิชาการ นักจิตวิทยา และจิตแพทย์ที่เชียวชาญสุขภาพจิตเยาวชนข้ามเพศได้แสดงหลักฐานและการวิจัยผ่านสื่อเพื่อหักล้างว่า บทความของเธอมีความผิดพลาดและนำเสนอแนวคิดที่อันตรายต่อเด็กๆที่มีภาวะความไม่พอใจในเพศสภาพของตนเอง
และเราขอยืนยันว่า ข้อถกเถียงเรื่อง JK เหยียด trans หรือไม่ ไม่ได้จำกัดแค่ในวง "นักเลงคีย์บอร์ด" แต่เซเลบที่ให้ความเคารพนับถือในตัวเธอต้องออกมาแสดงจุดยืนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกันหลายคน และมีแรงกดดันไปถึงผู้บริหารค่าย Warner Bros อย่างหนักหน่วงทีเดียว
คุณอาจจะไม่คิดมาก่อนว่า ทั้ง Daniel Rupert และ Emma จะออกมาแสดงจุดยืนที่ขัดแย้งกับนักประพันธ์ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้เปลี่ยนชีวิตของพวกเค้า โดยเฉพาะ Daniel ที่เป็นพระเอกหนุ่ม straight ผู้โลดแล่นในฐานะนักเคลื่อนไหวผู้สนับสนุนชาวเพศทางเลือกมาตลอดระยะเวลาหลายปี เขาได้เขียนข้อความอธิบายอย่างละเอียดว่า จากประสบการณ์ทำงานใน Trevor Project ชาวข้ามเพศต้องทนทุกข์จากการแบ่งแยกและผู้คนควรจะสนับสนุนพวกเค้าให้มากขึ้น มิใช่พยายามลบล้างการมีตัวตนของพวกเค้าออกไป และได้แสดงความเสียใจที่ความเห็น (ของ JK) ได้สร้างความเจ็บปวดให้กับหลายคน นี่คือส่วนหนึ่งของการแสดงความร้สึกของเค้าค่ะ
"ผู้หญิงข้ามเพศก็คือผู้หญิง การใช้ถ้อยคำเพื่อล้มล้างตัวตนและศักดิ์ศรีของคนข้ามเพศนั้นเป็นสิ่งที่สวนทางกับคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญทางสุขภาพผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในหัวข้อนี้มากกว่าทั้งตัวผมและเธอ (JK)"
เพราะนี่คือ topic ที่ถกเถียงกันมาโดยตลอด ยังมีคนจำนวนมากที่เห็นด้วยกับ JK และชี้ว่านี่คือเสรีภาพในแสดงความคิดเห็นส่วนตัว Daniel จึงไม่มีสิทธิ์มาขอโทษแทนเธอ
"ผู้หญิงข้ามเพศก็คือผู้หญิง การใช้ถ้อยคำเพื่อล้มล้างตัวตนและศักดิ์ศรีของคนข้ามเพศนั้นเป็นสิ่งที่สวนทางกับคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญทางสุขภาพผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในหัวข้อนี้มากกว่าทั้งตัวผมและเธอ (JK)"
เพราะนี่คือ topic ที่ถกเถียงกันมาโดยตลอด ยังมีคนจำนวนมากที่เห็นด้วยกับ JK และชี้ว่านี่คือเสรีภาพในแสดงความคิดเห็นส่วนตัว Daniel จึงไม่มีสิทธิ์มาขอโทษแทนเธอ
Jonathan Van Ness ( hairdresser ชื่อดังแห่ง Queer Eye)
" ผู้หญิงข้ามเพศก็คือผู้หญิง ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงข้ามเพศผิวดำหรือสีผิวใดก็ตาม พวกเธอได้รับการปฏิบัติอย่างแบ่งแยกกีดกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน และต้องทนทุกข์มากมากแล้ว เราต่างพยายามต่อสู้เพื่อคนดำและคนข้ามเพศ แต่คุณกลับพูดจาแบบนี้เนี่ยนะ"
Halsey
"ลองนึกภาพถึงคนที่สร้างบทประพันธ์เกี่ยวกับคนรุ่นเยาว์ที่สามารถโค่นปีศาจร้ายจอมเผด็จการที่ยึดมั่นแนวคิดเลือดบริสุทธิ์ แต่ในเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อแบบนี้กลับมาทำแบบว่า อืมม์ เอางี้สิ ชั้นขอล้มล้างคนข้ามเพศดีกว่า "
Steven Canals ผู้สร้างซีรีส์ Pose ที่มีนักแสดง trans มากที่สุดในประวัติศาสตร์ได้แนะนำJK ไว้ว่า
"คำพูดของเธอมีอันตรายก่อให้เกิดความเสียหายโดยไม่ใช่เรื่องแท้ๆ"
" ปัญหาก็คือ เธอขาดการรับรู้เข้าใจว่า เธอใช้อภิสิทธิ์เหนือคนอื่นในการแสดงความคิดเห็นนี้ ในฐานะของคนเป็นที่เป็นcisgender ( คนที่มีเพศตรกับเพศที่มีมาตั้งแต่เกิด) ผมอยากจะบอกเธอที่เป็นcisgender เหมือนกันว่า การสร้างพันธมิตรที่แท้จริงจะเกิดขึ้นเมื่อคุณยอมถอยและรับฟังว่า ชุมชนชาว trans ต้องการสิ่งใดจากคุณ มันคือการเป็นผู้ฟังที่ดีครับ"
Jammidodger ยูทูบเบอร์ที่อธิบายได้อย่างชัดเจนหมดจดว่า เหตุใดผู้ชายข้ามเพศอย่างเขาและชุมชนชาวทรานส์จึงรู้สึกเจ็บปวดกับคำพูดของนักประพันธ์ผู้ทรงอิทธิพล และสิ่งนี้เป็นอันตรายต่อทรานส์ได้อย่างไร
สำหรับคนจำนวนมากมาย นี่คือสิ่งที่ยากจะปล่อยผ่าน เพราะ platform ของ JK มีอิทธิพลต่อสูงต่อผู้ที่ติดตามให้ความสนใจ รวมไปถึงกลุ่มคนที่ยังไม่เข้าใจหรือกลุ่ม transphobic ที่จะถือโอกาสใช้คำพูดของเธอมาเป็นแรงสนับสนุนการโจมตีชาวข้ามเพศ โดยไม่คำนึงต่อความเสียหายทางจิตใจของพวกเค้าเพราะนอกจากจะไม่เป็นที่ยอมรับ ยังได้รับการปฏิบัติที่เต็มไปด้วยอคติ
แต่ในขณะเดียวกัน ก็ยังมีผู้สนับสนุนความคิดของ JK โดยเฉพาะมุมมองว่า trans คือผู้ชายที่ใส่เดรสแล้วประกาศว่าตัวเองคือผู้หญิง (โดยเฉพาะ trans ที่ยังไม่ได้ผ่าตัดและมีรูปลักษณ์ที่เป็นผู้ชาย) และไม่สมควรได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้หญิงจริงๆ
ดราม่านี้ได้สร้างความตื่นตัวในเรื่องการเผยแพร่ความรู้เรื่องบุคคลข้ามเพศและน่าจะเป็นที่กล่าวขวัญกันอีกนาน แล้วคุณล่ะคะ เห็นด้วยหรือเห็นต่างจาก JK Rowling ?
The End