วันนี้มีผลิตภัณฑ์แบรนด์นึงที่อยากมาบอกต่อมากก ซึ่งนั่นก็คือ Klaire นั่นเอง

กุ๊กได้ใช้ไลน์ Radiance เป็นกลุ่มที่เน้นเรื่องความกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ 

และเรื่อง anti-pollution ของ Klaire มาซักพัก บอกได้เลยว่า “ประทับใจมาก”เกินความคาดหวังไปมาก หลายๆคนคงเคยเห็นผ่านตามาบ้าง จาก Day and night skincare routine เพราะกุ๊กจะใช้เสมอทั้งเช้า-เย็น 

คือต้องติด favorite products of the year แน่นอน

ขอเริ่มที่ตัวแรกก่อนเลย นั่นก็คือ

เนื้อผลิตภัณฑ์จะเป็นในลักษณะชุ่มชื้นกว่า essence ทั่วไป โดยจะเป็นน้ำหมักหรือสารสกัดจากยีสต์ที่ได้จากการสกัดผ่านการใช้เทคโนโลยีทางชีวภาพ โดยเลี้ยงจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์และค่อยสกัดสารออกมาใส่ในตัวผลิตภัณฑ์อีกที

Maca root หรือที่หลายๆคนรู้จักในชื่อ “Peruvian ginseng” หรือ “รากโสมเปรู” เป็นสารสกัดที่นำเข้าจากเปรู ช่วยผิวเราให้สามารถต่อสู้กับความชราอย่างได้ผล โดยงานวิจัยพบว่า Maca root สามารถช่วยลดริ้วรอยหรือตีนกาได้ ทั้งในเรื่องของบริเวณที่แคบลง ริ้วรอยที่ตื้นขึ้น และจำนวนริ้วที่ลดลง ภายในการใช้อย่าต่อเนื่องใน 4 สัปดาห์ นอกจากนี้เจ้าตัวนี้ยังเด่นในเรื่องของปรับสีผิวให้สว่างขึ้นอีกด้วยแหละ

Arabian Cotton Stem Cells เป็นสารสกัดจากเซลล์เพราะเลี้ยงของฝ้ายชนิดหนึ่งที่ขึ้นในทะเลทรายแถวอาหรับ โดยจุดเด่นของเจ้าตัวนี้คือ นางมีสารพฤกษเคมีที่มีโครงสร้าง “ดูดกลืนรังสีได้” ดังนั้นจึงช่วยในเรื่องการปกป้องเซลล์ผิวหนังจากแสงแดด ทั้งรังสี UV ray, Infrered มลภาวะ และความเครียด ทั้งยังฟื้นฟูเซลล์ที่เสื่อมสภาพให้กลับคืนสู่สภาพที่ดี และยังเสริมสร้างเซลล์ผิวใหม่อีกด้วย

Schizosaccharomyces Pombe Extract ยีสต์จากองุ่นที่ผ่านการหมักบ่มที่อุณหภูมิต่ำเป็นพิเศษ (25 องศา) ซึ่งทำให้ได้สารอาหารออกมามากกว่าปกติ สารตัวนี่จะช่วยในเรื่องการกระตุ้นการแบ่งตัวของเซลล์ Fibroblast ที่เป็นเซลล์สร้างคอลลาเจน กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ช่วยให้ผิวยืดหยุ่น ชุ่มชื้น

ตัวแรกว้าวแล้ว ตัวต่อไปว้าวยิ่งกว่า ขึ้นแท่นเป็นลูกรักของกุ๊กเลย ขาดไม่ได้ต้องจบด้วยตัวนี้ทุกคืน

 

มาส์กเนื้อสำหรับเบาไม่เหนียวเหนอะนะ แต่สามารถบำรุงผิวได้อย่างล้ำลึกในชั่วข้ามคืน เสริมการปกป้องผิว และช่วยปรับสีผิวให้ดูสม่ำเสมอ กระจ่างใส สำหรับส่วนผสมมีความคล้ายกับตัว Essence แต่จะมีเพิ่มส่วนผสมที่น่าสนใจมากกก มาอีก 2 ตัว 

มาเดี๋ยวกุ๊กจะเล่าให้ฟัง

เริ่มด้วยสารสกัดทีเป็นตัวชูโรงของ OVM เลย ก็คือ 

Sweetone ซึ่งนางคือ “เบอร์รี่ 5 รส” (Schizandra Berry หรือ Wu Wei Zi) เป็นตัวที่ใช้ในตำรับยาสมุนไพรจีน มีรสชาติ 5 รสในตัวเดียวกัน คือ เค็ม หวาน เปรี้ยว เผ็ด ขม แค่อ่านก็น่าสนใจแล้วใช่มั้ยล่ะ ทางแบรนด์เอาตัวนี้ไปสกัดโดยไบโอเทคโนโลยีอีกที แล้วจึงใส่เข้ามาในตัว OVM ซึ่งตัวSweetone จะมีคุณสมบัติในการปรับผิวให้กระจ่างใส โดยได้รับการวิจัยแล้วว่าสามารถยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานินได้ และยังยั้ง PGE2 ซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่ก่อให้เกิดการอักเสบ ทิ้งรอยแดง รอยดำไว้บนผิว ทำให้ผิวเราไม่เนียนใสนอกจากนี้ นางยังสามารถลดสารและเซลล์ที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบของผิวเราได้ถึง 6 ชนิดเลยทีเดียว

โดยสรุป Sweetone จะเด่นในเรื่องช่วยให้ผิวกระจ่างใส โดยสามารถลดรอยดำ รอยแดงสิว เสริมผิวให้แข็งแรงทนทานต่อการแพ้ต่างๆ ดังนั้นใครแพ้ง่ายแบบกุ๊กคือ พลาดไม่ได้จริงๆ และขอแอบบอกว่าเจ้าตัว Sweetone นี้มีใส่ในผลิตภัณฑ์หลายๆตัวบนเคาเตอร์แบรนด์ด้วยแหละ ไม่ธรรมดา บอกเลยย

HyaCross สารสำคัญอีกตัวที่ถูกใส่เข้ามา โดยใช้เทคโนโลยี “3D Breathable” เป็นพอลิเมอร์ที่เชื่อมต่อกันของกรดไฮยาลูโรนิกธรรมชาติ (HA) เจ้าสารตัวนี้จะเด่นในเรื่องเพิ่มและเก็บกักความชุ่มชื้นในผิวได้ดี และยังช่วยป้องกันผิวจากปัจจัยภายนอกต่างๆ ในขณะที่ช่วยให้เนื้อผลิตภัณฑ์มี texture ที่บางเบาเกลี่ยง่าย ไม่หนักผิว ไม่เหนอะหนะ

สำหรับตัว OVM นี่ต้องบอกว่าคุณภาพเกินราคาไปมาก ปกติกุ๊กเอาก้านสำลีตักมานิดเดียวคือทาได้ทั้งหน้า ตื่นมาหน้าชุ่มแบบ fresh มาก จำได้ว่าคืนแรกที่ใช้ ตื่นเช้ามาล้างหน้าแล้วแบบ เห้ย! ทำไมแก้มนุ่มนิ่มจัง เลยนึกย้อนกลับไปว่าเมื่อคืนใช้อะไรหว่า ก็อ๋ออออ มีเพิ่ม OVM นี่เองที่เพิ่งใช้ใหม่สดๆร้อนๆเลย ส่วน step ก่อนหน้า OVM ก็ใช้แบบเดิมเพื่อที่อยากทดสอบว่าเจ้าตัวนี้ตัวเดียวสามารถเปลี่ยนแปลงผิวชั่วข้ามคืนแบบที่แบรนด์เคลมได้ไหม สรุป... ได้แบบมากกว่าที่เคลมอีก!

 

โดยสรุป ไลน์ Radiance ของ Klaire ทำออกมาได้ดีมาก คุ้มค่าเกินราคาจริงๆ นอกจากจะเด่นในเรื่องให้ความชุ่มชื้นฟื้นฟูผิว ลดริ้วรอย ชะลอวัย ป้องกันแสงแดด และ PM2.5 ยังสามารถปรับผิวให้สว่างใสขึ้นได้อีกด้วย