[REVIEW] เทียบงานผิวสุดปังปุริเย่กับ Cushion ตัวใหม่ล่าสุดสองแบรนด์ในดวงใจอย่าง JUNG SAEM MOOL MASTERCLASS และ DIOR PRESTIGE !
orange332
25 ก.ย. 63
74
7
สวัสดีค่าคุณผู้ช๊ม ~~ วันนี้มาร์คมีของมาป้ายยาอีกแล้วค่ะคุณผู้ชม วันนี้มาในช่วง #รีวิวจ๊ะแม่ อีกแล้ว วันนี้หยิบยกลูกรักทั้งสองตัวช่วงนี้สำหรับสาย Cushion บอกได้เลยค่ะว่า รีวิวนี้ ทุกคนไม่ควรพลาด เพราะถ้าพลาด คุณจะคุยกับเขา ไม่รู้เรื่อง !!!!!! มาเริ่มกันเลยดีกว่าค่ะ ต้องแจ้งให้ทราบก่อนว่าช่วงนี้มาร์คได้คุชชั่นมาใหม่สองตัวหลังจากที่ห่างหายจากการใช้คุชชั่นไปนานโข พอสมควร คุชชั่นตัวที่ได้มาและจะมาพูดถึงในวันนี้ ตัวนึงเป็นตัวที่เคยรีวิวไปแล้วนั่นก็คือ
1. ‘DIOR PRESTIGE LE CUSHION TEINT DE ROSE SPF 50 PA +++ / LONG WEAR’ สี 020 ราคา 3400 บาท และอีกตัวที่จะนำมารีวิวเปรียบเทียบกันก็คือน้องผู้หายากที่สุดในสามโลกตอนนี้และเป็นตัวที่เป็นกระแสอยู่มากๆนั่นก็คือตัว 2. JUNG SAEM MOOL MASTERCLASS RADIANT CUSHION SPF 50 PA +++ สี N1 IVORY ราคา 1800 บาท ทั้งสองตัวที่มาร์คเลือกมาในวันนี้นั้นมีคุณสมบัติการปกปิดที่ค่อนข้างจะพอๆกันรวมไปถึงโทนสีที่เป็นสีที่ Under tone ออกไปทางชมพูทั้งคู่นะคะ แล้วก็ให้งานผิวที่เลิศ เลิศกว่านี้ก็คือไม่มีอีกแล้ว นี่คือสิ่งที่กะเทยตามหามาตลอด และมันอยู่กับฉันแล้วค่ะคุณผู้ชม !
โทนสีของเนื้อผลิตภัณฑ์ทั้งสองตัวจ้า
มาเริ่มกันที่ตัวแรกสำหรับน้อง DIOR
น้องคุชชั่นในไลน์ผลิตภัณฑ์ PRESTIGE ที่โดงดังของ DIOR นั่นเองค่ะ โดยเจ้าน้องคนนี้ผสมสารกันแดดที่ปังปุริเย่วาตานาเบ้ไอโกะมากๆ เพราะไม่ว่าคุณจะอยู่กล้างแจ้ง และมีมลภาวะขนาดไหน น้องก็สามารถปกป้องผิวของเราให้สวยได้ รวมถึงแบรนด์ยังเคลมว่ามีคุณสมบัติติดทนตลอดทั้งวัน และมีการใส่สารสะกัดจากดอกกุหลาบเพิ่มการบำรุงเข้าไปอีกขั้น ทำให้มีกลิ่นหอมอ่อนๆของดอกกุหลาบอีกด้วย สำหรับมาร์คเลย first impression สำหรับน้องคนนี้คือดีมากๆ เนื้อสัมผัสบางเบา ใช้เนื้อผลิตภัณฑ์น้อยๆก็ทั่วหน้าเกลี่ยง่ายแล้วก็ปกปิดเลย แต่ว่าการปกปิดท่ีแน่นๆอาจจะต้องทัชอัพเพิ่มสองถึงสามรอบ เพราะมาร์คลองปิดรอยแดงตรงใกล้ๆจมูกดูแล้วรอบเดียวเอาไม่อยู่ค่ะ ในส่วนของงานผิวพูดเลยว่า เนียนมากเอาดีดี ผิวมีความโกลว์ธรรมชาติไม่เยิ้มเป็นมันหมู ผิวดูสวยสุขภาพดี ประหนึ่งฉันเกิดมาแล้วผิวชั้นเป็นแบบนี้ สบายผิวผิวยังดูสามารถหายใจได้ แต่มาร์คก็กลัวเยิ้มยังมีใช้แป้งตรงทีโซนนิดหน่อย เพราะว่าเป็นคนผิวผสมค่ะ เคยใช้น้องคนนี้แต่งหน้าแล้วไปซ้อมเต้นบอกเลยว่า น้องทำได้ดีมาก ไม่เยิ้มขนาดแบบน่าเกลียดขนาดนั้นไม่เยิ้มแบบ หน้าฉันอีกนิดคือตั้งเตาทอดหมูกรอบได้เลย ไม่ใช่เลยค่ะ ซับนิดหน่อยคือกลับมาสวยปังได้เหมือนเดิม แล้วคือตลับปังมาก เลิศมากเอาดีดีแม่ กะเทยมาก ชอบ 5555
ตัวที่สองมาต่อกันที่ JUNG SAEM MOOL
คุชชั่นตัวใหม่ล่าสุดจาก จองแซมมุล ที่พึ่งวางขายได้ไม่นานมานี้ ดิฉันนั้นถึงขนาดต้องสั่งจองค่ะคุณผู้ชม มันแบบโอ้ยยยแม่เกินเบอร์มาก มันจะดีเลิศอะไรขนาดนั้นเลยเหรอคะเอาดีดีมันจะยิ่งใหญ่สมคำล่ำลือไหม ดิฉันต้องทดลอง เลยสั่ง พรีออเดอร์ไปเลยจ้า !! แล้วก็พึ่งได้ของมาเมื่อวันที่ 18 ที่ผ่านมานี่เองค่ะ (ไว้จะมาจัดเต็มรีวิวเจ้าน้องคนนี้อีกรอบ ขอแบบใช้ไปสัก 1 เดือนก่อน) โดยเจ้าน้องคนนี้นะคะผสมสารบำรุงที่ช่วยในเรื่องของความกระจ่างใส ลดริ้วรอย และปกป้องรังศี UV มาอย่างจัดเต็ม แถมยังใส่เจ้าตัวส่วนผสม Radiant MOOL Ampoule ™ ลิขสิทธิ์ เฉพาะของ JUNG SAEM MOOL มอบความชุ่มชื่นขั้นสุดให้ผิวแบบปังๆ !! เขาบอกว่ามันช่วยทำให้เมคอัพของเราติดทนถึง 24 ชม !โอ้วม่ายก็อต อะไรจะขนาดนั้นคะคุณผู้ชมม สัมผัสแรกของการลงน้องตัวนี้บอกเลยว่า เห้ยยยยยยยยยย คุชชั่นจริงปะเนี่ย เนื้อตึบมาก กดลงผิวปุ๊บคือแบบ ปิด รอยหายหมด โอ้ยยยยยยยยยยยยย ปกติตามประสบการณ์การใช้คุชชั่นมาดิฉันไม่เคยเจออะไรแบบนี้เลยค่ะคุณผู้ชม แล้วเกลี่ยง่ายมาก เกลี่ยง่ายจริง ขนาดเกลี่ยให้บางแล้วยังปกปิดดีอยู่เลยเอาดีดี ใครที่พึ่งเริ่มต้นแต่งหน้าแล้วจะใช้ตัวนี้ บอกเลยว่าโอเคเลยนะ ส่วนเรื่องความผิว เอาดีดี ต่อให้ปกปิดแบบตึบๆๆๆๆ ขนาดนี้ ผิวยังดูไม่เป็นแป้งไม่แบบหนาๆเลยอะเขาทำได้ไงนี่อยากรู้คือ ไม่ว่าจะเกลี่ยหนาหรือเกลี่ยบาง เป็นงานผิวที่แบบสวยจริงๆนะ อันนี้คือต้องยอม ส่วนเรื่องของความมันเยิ้ม แบรนด์นี้ก็ไม่ต้องห่วงว่ามันจะมันเยิ้ม ใช้ได้ทั้งผิวผสมแล้วก็ผิวมัน ผิวแห้ง ตัวเนื้อผลิตภัณฑ์มี Base เป็น Water Base แน่นอนค่ะว่า ใช้ได้ทุกสภาพผิว แต่ส่วนตัวมาร์คก็มีแอบเซ็ตแป้งตรงช่วงที่มันมันมากๆไว้ เราต้องกันไว้ดีกว่าแก้ค่ะ ถ้าเกิดไปเดทกับผู้ชายเดี๋ยวโป๊ะ ไม่ได้ !
สรุปความแตกต่างและเปรียบเทียบ 1 เรื่องการปกปิดทาง JSM ทำได้แบบตามคำเคลมอย่างแท้จริงแบบ ตึบ ไม่หนา ธรรมชาติแบบปกปิด แต่งแบบไม่แต่ง ผิวสวยจริง อันนี้ให้ กะเทยเลิฟมาก ส่วนของ DIOR ก็ปกปิดเช่นกันค่ะ แต่ต้องเพิ่มทัชอัพเข้าไปนิดหน่อย ถึงจะได้การปกปิดที่เท่ากับ JSM แต่ผิวก็ยังไม่ดูหนาค่ะ ได้งานผิวที่ทรงคุณค่าเหมือนกัน 2 ตลับทั้งสองแบรนด์ทำมาได้อย่างหรูหราหมาเห่ามาก ถือขึ้นมาคือดูแพง คุณแพรวทานิกาต้องหลบ เพราะเราแพงกว่า 555 3 โทนของทั้งสองแบรนด์ค่อนข้างทำสีออกมาต่างกันเล็กน้อย DIOR มาร์คใช้ 020 ถ้าเทียบกับ JSM จะเป็น Medium แต่ Medium ของ JSM ตัวมาสเตอร์คราสนี้ ค่อนข้างเข้มกว่า 020 ของดีออร์มาร์คเลยเลือก N01 ที่เป็นเบอร์ขาวสุดมา ส่วนดีออร์ใช้ Medium 020 แต่ Under tone ทำมาได้สวยและตรงผิวทั้งสองแบรนด์ค่ะสวยมากจริง 4 คุมมันได้ดีทั้งสองตัว ไม่เยิ้ม ถ้ารู้สึกว่ากำลังจะเยิ้ม ซับนิดหน่อยแล้วเอาอยู่เลยค่ะ ผิวกลับมาสวย สวยเหมือนคนใช้เลยค่ะ 5555 5 เนื้อผลิตภัณฑ์ เป็น Water Base สบายหน้าแล้วก็เกาะผิวดีทั้งสองตัว 6 Dior จะมีกลิ่นกุหลาบที่เตะจมูกสบายมากเวลาแต่งหน้า แต่ JSM จะมีความกลิ่นหอมอ่อนๆ ไม่ฉุน กลิ่นผู้ดีสไตล์เกาหลี อันนีก็เลิศนะแม่ต้องบอกก่อนว่า ทั้งสองตัวที่หยิบยกมาพูดในวันนี้มาร์คได้ลองใช้ใน Everyday look แล้วอย่างสม่ำเสมอซึ่งค่อนข้างเป็นที่พอใจในระดับมากๆๆๆๆ แต่น้องสองคนนี้ก็จะมีความแต่งต่างกันเล็กน้อยซึ่งทุกคนสามารถไปเลือกเอาแบบที่ชอบได้เลยค่ะ จบไปแล้วกับรีวิว หวังว่าจะช่วยให้ทุกคนสามารถตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์ใหม่ๆได้ (ป้ายยาอะเนอะ) ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้นะคะ แล้วเจอกันรีวิวหน้าค่า #Youngjunmamark #รีวิวจ๊ะแม่