แชร์สกินแคร์สำหรับคุณแม่ที่มีลูกน้อย

49 10
สวัสดีค่ะสาวๆ กลับมาเจอกับบีกันอีกแล้วนะคะ และวันนี้บีก็กลับมาเม้ามอยในเรื่องสกินแคร์อีกแล้ว เพราะบีรู้สึกว่าการมีผิวสวย คือความสวยที่ยั่งยืนนั่นเอง
แต่ต้องออกตัวก่อนว่า บีไม่ได้ใช้สกินแคร์ด้วยขั้นตอนพิถีพิถันเลย เพราะบีเป็นคนที่ใช้ชีวิตคุ้มมาก บีชอบทำงานหลายๆ อย่าง ทำหลายๆ หน้าที่พร้อมกัน อย่างที่หลายคนทราบกันว่าตอนนี้บีเป็นคุณแม่ฟูลไทม์ และบีก็ยังเรียนต่อ และทำธุรกิจส่วนตัวไปด้วย ตารางหลายๆ อย่างก็เลยแน่นมาก ดังนั้นเวลาที่บีเลือกสกินแคร์ บีก็จะเลือกตัวที่ใช้ดี เห็นผลชัดเจน และช่วยลดขั้นตอนและลดเวลาต่างๆ ลงไปนั่นเอง
เอาล่ะ เดี๋ยวไปดูกันดีกว่านะคะ ว่ามีสกินแคร์ตัวไหนบ้าง ที่บีแนะนำสำหรับคุณแม่ที่มีลูกน้อย แล้วไม่ค่อยมีเวลาในชีวิตมากนักค่ะ!
เริ่มจากขั้นตอนแรกก่อนเลย ไม่ว่าวันนั้นบีจะมาสก์หน้าหรือจะทาสกินแคร์ปกติ บีก็จะใช้โทนเนอร์ก่อนเลย ซึ่งโทนเนอร์ที่บีชอบมากกก คือตัวนี้ค่ะ

Kiehl's Calendula Herbal Extract

Alcohol-Free Toner 

บีชอบโทนเนอร์ตัวนี้ตรงที่เค้าไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์เลย ทำให้ไม่แสบหน้า กลิ่นไม่ฉุนและเหมาะกับคนที่ผิวแพ้ง่าย ระคายเคืองง่ายมากๆ ค่ะ แล้วปกติเวลาใช้โทนเนอร์ตัวอื่นๆ บางทีมันจะมีฟิลว่าผิวหน้าแห้งตึง ไม่ก็รู้สึกว่าหน้ามันๆ แต่ตัวนี้ไม่เป็นเลยค่ะ โดยเค้าจะมี มีส่วนผสมหลักคือดอกคาเลนดูล่า ซึ่งนางมีสรรพคุณช่วยในเรื่องของการลดความระคายเคืองให้ผิว และช่วยลดสิวผด สิวผื่นๆ ต่างๆ ค่ะ
ตั้งแต่บีใช้มาก็พบว่าแทบไม่มีปัญหาสิวผดจริงๆ นอกจากบางครั้งบางคราวมีสิวอักเสบเด้งขึ้นมาเม็ด สองเม็ด ซึ่งก็นานๆ ทีมากๆ
ส่วนวิธีใช้ บีก็จะหยดใส่สำลี และทาย้อนรูขุมขนใบหน้าให้ทั่วหลังจากที่ล้างหน้าเสร็จค่ะ แล้วค่อยลงสกินแคร์หรือมาสก์หน้าต่อ
ซึ่งสำหรับบีขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนเตรียมผิวให้พร้อมบำรุงที่สำคัญมากๆ และใช้เวลาแค่ไม่กี่วินาทีเอง เพราะเนื้อโทนเนอร์เค้าซึมเร็วมากด้วยค่ะ ที่สำคัญนางบำรุงผิวไปในตัวด้วย ประหยัดเวลาลงสกินแคร์หลายๆ ขั้นตอนไปในตัวค่ะ

Mediheal Masking Layering 

Ampoule Hydra Shot

ตัวต่อมาที่บีชอบใช้ช่วงกู้ผิว ช่วงไม่มีเวลา แล้วต้องการลดขั้นตอนหลายๆ อย่าง ก็คือตัวนี้ค่ะ เค้าเป็นมาสก์หน้านะคะ แต่เป็นมาสก์แบบ Ampoule shot ที่เข้มข้นมาก ที่บีเลือกใช้แบบ Ampoule เพราะมันเข้มข้นกว่ามาสก์แบบอื่นๆ นั่นเองค่ะ
มาสก์ของ Mediheal เป็น Favorite items ของบีเลย ไม่ใช่เพราะสามี Hyubin ของบีเป็น Brand Ambassador นะ 555 แต่เพราะเค้าใช้ง่าย ประหยัดเวลา เหลือเวลาเล่นกับน้องเจคอปได้เยอะเลย และช่วยฟื้นฟูผิวได้ดีด้วย จริงๆ แล้วบีมี Favorite อยู่ 2 ตัวนะคะ คือ มาสก์สูตร N.M.F และ แอมพูล Hydra shot ตัวนี้นี่แหละ ที่ชอบมากก
แต่สำหรับคุณแม่ที่มีลูกน้อยขอแนะนำสูตรโปรดของบีตัว Hydra shot ค่ะ สูตรนี้เค้าจะมีส่วนผสมของ ไฮยาลูโรเนต, สารสกัดเห็ดหูหนูขาวและเซราไมด์ค่ะ ซึ่งเค้าจะช่วยเรื่องปัญหาผิวแห้ง ผิวขาดน้ำโดยเฉพาะเลย ทำให้ผิวอิ่มฟู ชุ่มชื้น และทำให้ผิวแข็งแรงขึ้นด้วย
ช่วงหลังมานี้บีอินกับอะไรที่มีเซราไมด์มาก เพราะมันช่วยลดปัญหาผิวเราทุกด้านจริงๆ โดยเฉพาะคนที่ผิวแพ้ง่าย ระคายเคืองเก่ง หรือกระทั่งติดสารสเตียรอยด์ พอเติมเซราไมด์ให้ผิวไป มันก็ช่วยแก้ไขและทำให้ผิวเราแข็งแรงขึ้นค่ะ และมาสก์ตัวนี้ยังมีส่วนผสมจากเกรปฟรุ๊ตด้วย ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวเรา ทำให้ผิวเรานุ่ม กระชับ ริ้วรอยลดลงค่ะ
และที่บีชอบมากคือเค้าไม่มีสารก่อการระคายเคืองต่างๆ ไม่ว่าจะน้ำหอม พาราเบน น้ำมันแร่ ฯลฯ และผ่านการทดสอบการระคายเคืองจากแพทย์ผิวหนังโดยเฉพาะด้วยค่ะ
จะเห็นว่าเนื้อเซรั่มเค้าจะใสๆ เหลวๆ และไม่มีสี ไม่มีกลิ่นใดๆ เลยค่ะ ดูภายนอกจะคล้ายน้ำเปล่าเลย แต่เค้าจะมีเท็กเจอร์ลื่นๆ เบาๆ ค่ะ
ตอนที่ทาเนี่ย จะรู้สึกสบายผิวมากเลยค่ะ เนื้อมาสก์ซึมเข้าผิวง่ายด้วย นวดเบาๆ ก็ซึมแล้วและหลังจากลงมาสก์ครบขั้นตอน บีก็ไม่รู้สึกเหนียวหรือเหนอะหนะหน้าเลยค่ะ ดีงามมาก แถมยังสะดวกสบายอีกด้วย สามารถเข้านอนได้เลยค่ะ เหลือเวลาอ่านนิทานให้ลูกฟังเยอะขึ้นอีก 555
บีรู้สึกว่าเค้าเห็นผลมากกก แบบ 10/10 คะแนนเลยค่ะ! จำได้ว่าตั้งแต่หลังใช้เสร็จครั้งแรก หน้าก็ชุ่มชื้นมากกก ซึ่งบีใช้ก่อนนอนนะคะ แต่พอตื่นมาตอนเช้า บีลงสกินแคร์แล้วแต่งหน้าปกติ ก็พบว่าเครื่องสำอางติดทน แล้วผิวดูสวยขึ้นมากเลย จากนั้นก็เลยใช้มาเรื่อยๆ เลย ซึ่งผิวมันก็ชุ่มชื้น อิ่มน้ำขึ้นจริงๆ ค่ะ
มีภาพก่อนและหลังใช้มาให้ดูด้วยค่ะ จะเห็นว่าผิวดูอิ่มน้ำ ฟูขึ้นเยอะเลย

Biotherm Aquasource Hydration Gel 

Normal/Combination Skin 

แบรนด์นี้ก็เป็น 1 ใน My favorite เหมือนกันค่ะ ราคาไม่แรง ใช้แล้วเห็นผลจริง และหลายๆ ตัวก็เหมาะกับคนผิวแห้ง ผิวแพ้ง่าย แต่ตัวที่บีชอบสุดคือตัวน้ำตบ รีวิวบ่อยจนไม่รู้จะบ่อยยังไง555 วันนี้ก็เลยพาน้องอีกตัวในแบรนด์เค้ามาเล่าสู่กันฟังค่ะ
ตัวนี้บีชอบใช้เป็นเดย์ครีมในวันที่ต้องส่งลูกไปโรงเรียนมาก มันไม่มีเวลาพิถีพิถันจริงๆ 555 ทาตัวเดียวแล้วลงกันแดดเลย คือเนื้อเค้ามีความชุ่มชื้นดี เกลี่ยง่าย ซึมไว แล้วก็ไม่เหนอะหนะเกินไปด้วยค่ะ มันเลยทั้งให้ความชุ่มชื้นแบบเต็มที่โดยที่ไม่ต้องลงตัวใดๆ ต่อ และไม่ทำให้หน้าเรามันเยิ้มเกินไประหว่างวันด้วย และสำหรับบี บีคิดว่ามันเหมาะทั้งคนผิวมันและผิวแห้งเลยค่ะ อยู่ที่เราว่าจะปรับใช้ยังไงเลย
ตัวนี้มีส่วนผสมจากไลฟ์ แพลงตอนตามแบบฉบับของ Biotherm เค้า แต่นางผสมออร่าลีฟมาด้วย  ซึ่งออร่าลีฟเนี่ย เค้าจะมีวิตามินซีเข้มข้น น้ำมันแมคคาเดเมียและสควาเลน เป็นส่วนประกอบค่ะ ซึ่งมีสรรพคุณในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิวและกักเก็บความชุ่มชื้นนั่นเอง นอกจากนี้เค้ายังช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิวชั้นนอก ทำให้หน้าเราสดใสขึ้นด้วย
ตัวนี้เค้าจะมีกลิ่นหอม ที่หายากมากๆ ในแบรนด์หรือไลน์อื่นๆ ด้วย กลิ่นนางจะออกเป็นกลิ่นแนวสมุนไพรค่ะ กลิ่นเฟรชๆ ดีนะคะ เนื้อมีความเป็นเจลๆ แบบนี้ค่ะ
ส่วนน้องตัวสุดท้าย อันนี้เคยรีวิวคร่าวๆ ไปแล้วแต่อยากเอาน้องมาแนะนำละเอียดอีกที เพราะยิ่งใช้ไปนานๆ ก็ยิ่งชอบมากขึ้นเรื่อยๆ น้องเค้าคือ

Hada Labo Hydrating Lotion

จริงๆ แบรนด์ Hada เป็นแบรนด์ที่ดังมากในญี่ปุ่น แล้วก็ขายดีติดอันดับในร้านขายยาที่นู่นด้วย อาจเพราะราคาประหยัดมาก แถมใช้แล้วนางก็ช่วยให้ผิวดีจริง
เค้ามีน้ำตบหลายสูตรเลยนะคะ แต่ส่วนตัวรู้สึกว่าบีชอบสีนี้ที่สุด ไม่แพ้ ไม่ระคายเคือง และผิวก็เรียบเนียนขึ้นจริงในระยะยาว
ตัวนี้เค้ามีส่วนผสมหลักๆ คือไฮยาลูโรนิค แอซิด โดยมี 4 ชนิดเลย (Large-size Hyaluronic Acid, Medium-size Hyaluronic Acid, Super Hyaluronic Acid และ Nano Hyaluronic Acid) ค่ะ ตัวนี้จะช่วยในเรื่องให้ความชุ่มชื้นกับผิวเราค่ะ ทำให้ผิวอิ่มน้ำสุขภาพดี และสร้างสมดุลให้ผิวเรา พอผิวเรามีสมดุลที่ดี ผิวเราก็จะไม่ค่อยระคายเคืองง่ายค่ะ
เนื้อเค้าจะใสๆ เบาๆ ทาแล้วไม่มีความเหนอะหนะเลยค่ะ แต่ตัวนี้ไม่สามารถลงเดี่ยวๆ ได้นะคะ มันมีไว้สำหรับการเตรียมผิวในการลงขั้นตอนอื่นต่อ ดังนั้นปกติรูทีนก่อนนอน บีก็จะลงตัวนี้ต่อจากโทนเนอร์ แล้วค่อยไปลงขั้นตอนอื่นๆ ต่อไปค่ะ  
ซึ่งหลายคนก็คอนเฟิร์มว่ามันช่วยบูธให้ผลิตภัณฑ์ตัวอื่น เห็นผลยิ่งขึ้น จากการที่บีใช้มาเนิ่นนานก็คอนเฟิร์มว่าจริง!
หลายคนบอกว่าตัวนี้เนี่ยทำหน้าที่เหมือน Biotherm Life Plankton Essence แต่ตัว Biotherm นางจะออกแบบมาให้คนผิวแห้ง เพราะเวลาทาไปแล้วจะทำให้เราหน้ามีความเยิ้มๆ ชุ่มๆ ส่วนตัว Hada Labo เหมือนเค้าสร้างมาให้คนผิวผสมหรือคนผิวมัน ซึ่งบีบอกตามตรงว่าเห็นด้วยค่ะ คนผิวมันมักจะเทใจให้ Hada Labo จริงๆ แต่เหนือสิ่งอื่นใด บีก็ใช้ทั้งสองตัวเลย เพราะบีเป็นคนหน้าค่อนข้างแห้ง ตัว Hada Labo ก็จะใช้ตอนเช้า ส่วนตัว Biotherm ก็จะใช้ก่อนนอนค่ะ
วันนี้ก็เอามารีวิวถึง 4 ตัวเลยทีเดียว โดยตัวที่บีเลือกมารีวิววันนี้ บีก็คัดมาจากตัวที่บีใช้แล้วไม่แพ้ ปลอดภัยและเห็นผลจริงแบบรวดเร็วด้วย
ซึ่งบีก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อคุณแม่และว่าที่คุณแม่หลายๆ ท่าน ที่มีชีวิตที่เร่งรีบ และต้องทำหลายๆ อย่างพร้อมกัน จนไม่มีเวลาพิถีพิถันกับการดูแลผิวค่ะ

ส่วนวันนี้บีต้องลาไปก่อน 

แล้วเจอกันใหม่ในกระทู้หน้านะคะ บ๊ายๆ ค่ะ


Bebe Kim

Bebe Kim

สวัสดีค่ะทุกคน
ชื่อ "บีบี" ค่ะ เป็นคนชอบเรื่องความสวยความงามมาก เรียกว่าเสพติดเลยดีกว่า
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผิว เรื่องแต่งหน้า บางทีก็ลามๆ เสียเงินไปเยอะค่ะ เขินนน 555
ตอนนี้บีอาศัยอยู่ที่ฮ่องกงค่ะ (แต่ก็กลับไทยทุกเดือน เพราะคิดถึงอาหารและเพื่อนๆ รวมถึงครอบครัวนั่นเอง แหะๆ) มีลูกชายตัวเล็กๆ 1 คน ชื่อน้องเจคอปค่ะ
ตอนนี้ก็เป็นคุณแม่มือใหม่ ใช้ชีวิตคูลๆ (ปนเหนื่อย) ไปวันๆ และถ้าวันไหนว่างๆ ก็จะมาเขียนกระทู้แชร์เรื่องราวต่างๆ ให้เพื่อนๆ Jebanista อ่านกันค่ะ

ถ้าใครอยากติดตามบีในรูปแบบวิดีโอ ก็สามารถไปที่ https://www.youtube.com/user/BebeSoonyata ได้นะคะ

ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนค่ะ ^^

FULL PROFILE