เบื้องหลังความสวยเริ่ดของBeth The Queen Of Gambit
candy 54 13
หนึ่งในซีรีส์กระแสแรงในนาทีนี้ขอยกให้ The Queen Of Gambit ทั้งๆที่คิดไม่ออกมาก่อนเลยว่า ดราม่าที่เกี่ยวกับการเล่นหมากรุกจะดึงดูดความสนใจได้เช่นไร แต่หลังจากที่เปิดชมไปได้เพียงไม่กี่นาทีแรกก็คาดเดาได้เลยว่า จะต้องเป็นผลงานประสบความสำเร็จขึ้นอันดับหนึ่งในบ้านเราได้แน่ๆ ทั้งๆที่ตัวผู้เขียนเองเคยเทซีรีส์มานักต่อนัก (หรือไม่ก็ชมแบบ skip ไปครึ่งค่อนเรื่อง) ก็ต้องนอนลืมตาโพลงในความมืดเพื่อติดตามให้ครบจนจบเจ็ดตอนรวด ไม่ได้ wow แบบนี้มาพักใหญ่ๆ ทั้งๆที่เล่นหมากรุกไม่เก่งนัก แต่ก็พยายามค้นคว้าเพิ่มเติมเพื่อทำความเข้าใจเพื่อให้อินกับเรื่องราวได้มากขึ้น
ความดีงามของซีรีส์เรื่องนี้ ทำให้เราจินตนาการถึงรางวัล Emmy และ Golden Globe ในมือนางเอกและทีมงานได้อย่างชัดเจน นอกเหนือจากบทที่ดูสมจริง การแสดงอันทรงพลัง แสงสีอันงดงาม และยังมี fashion & beauty ที่สร้างความตราตรึงใจจนต้องไปค้นหาเบื้องหลังการสร้าง Beth ให้เป็นตัวละครที่จับใจผู้คน และขอบอกเลยว่า กว่าจะมาสร้างลุคของตัวเอกสาวอัจฉริยะคนนี้ ผู้สร้างต้องผ่านการตกผลึกทางความคิดที่แสนละเอียดอ่อน ไม่ใช่แค่ความงามที่เปลือกนอก
มาติดตามกันเลยค่ะ
ความดีงามของซีรีส์เรื่องนี้ ทำให้เราจินตนาการถึงรางวัล Emmy และ Golden Globe ในมือนางเอกและทีมงานได้อย่างชัดเจน นอกเหนือจากบทที่ดูสมจริง การแสดงอันทรงพลัง แสงสีอันงดงาม และยังมี fashion & beauty ที่สร้างความตราตรึงใจจนต้องไปค้นหาเบื้องหลังการสร้าง Beth ให้เป็นตัวละครที่จับใจผู้คน และขอบอกเลยว่า กว่าจะมาสร้างลุคของตัวเอกสาวอัจฉริยะคนนี้ ผู้สร้างต้องผ่านการตกผลึกทางความคิดที่แสนละเอียดอ่อน ไม่ใช่แค่ความงามที่เปลือกนอก
มาติดตามกันเลยค่ะ
สาวน้อยผมแดงที่ภายในเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดและเปราะบาง
เมื่อได้อ่าน script Anya Taylor-Joy ก็มองภาพออกทันทีว่า Beth จะต้องมีผมสีแดงเพลิง และมันก็ตรงกับความคิดของผู้สร้าง Scott Frank และ Daniel Parker ผู้ทำหน้าที่ hair &makeup designer ไม่ว่าเธอจะอยู่ที่ไหนในฉากก็จะโดดเด่นเจิดจ้าจนไม่อาจละเลยไปได้
เริ่มต้นที่ผมบ็อบสั้น + ม้าเต่อที่ไม่เสมอกัน เป็นสัญลักษณ์ของเด็กกำพร้าที่ต้องตัดผมให้ง่ายต่อการดูแลดูคล้ายกันไปหมดทุกคน Beth ไว้ผมทรงนี้ไปจนถึงตอนที่เธอออกมาอาศัยกับแม่บุญธรรม ละเริ่มเข้าสู่วงการแข่งขันหมากรุก เธอยังเป็นสาววัยทีนที่ดูไม่ประสีประสา แต่มีความมุ่งมั่นเกินร้อย จากนั้นจึงค่อยๆเรียนรู้เรื่องความสวยความงามจนกลายเป็นสาวทรงเสน่ห์ในที่สุด
การเนรมิตลุคที่เป็นที่จดจำของ Beth ด้วยการร้อยเรียงพัฒนาการความงามให้สอดคล้องกับตัวตนของเธอจะขาด wig ผมแดงไปไม่ได้ เพราะจากข้อจำกัดเรื่องเวลาในการถ่ายทำ จำเป็นต้องเปลี่ยนทรงผมหลายครั้งในแต่ละวันAnya ต้องใส่ wig รูปแบบต่างๆ เพราะเธอเป็นสาวผมบลอนด์ธรรมชาติ ส่วนต้นแบบทรงผมของ Beth หนีไม่พ้นดาราผู้โด่งดังในยุค 50s และ 60s ตรงกับช่วงเวลาในเรื่องนั่นเองค่ะ
designer ได้บรรยายว่า ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบทรงผลของ Beth มาจากตำนานความงามอมตะอย่าง Grace Kelly และความ glam จาก Marilyn Monroe
เมื่อนำออร่าความสง่างามของ Grace Kelly และความเย้ายวนใจแบบ Marilyn Monroe มารวมกัน ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ตอบโจทย์ความเป็น Beth ได้อย่างเต็มที่ แรงบันดาลใจหลักของ designer คือ Natalie Wood สาวมั่นแห่ง Hollywood ยุคทอง เธอมีบุคคลิกแบบสาวมั่นดูใกล้เคียงกับ Beth สายตาที่ดูแน่วแน่และท่าทางที่ดูไม่แคร์ใครทำให้เธอโดดเด่นขึ้นมาจากกลุ่มหญิงสาวที่เต็มไปด้วยจริตจก้าน Wood เป็นนางเอกที่ลุกขึ้นมาต่อสู้กับเหล่าชายทรงอิทธิพลในวงการสร้างหนังเพื่อข้อเสนอและบทที่เธอต้องการ ไม่ต่างจาก Beth ที่พงาดขึ้นมาในวงการหมากรุกที่ไม่ปล่อยให้ผู้หญิงได้เชิดหน้าชูตาได้ง่ายๆ
ดวงตาสะกดใจของเซียนหมากรุกสาว
ผู้ชมหลายคนน่าจะเห็นพ้องต้องกันว่า แม้ Anya จะมาในลุคของสาวใสที่ไร้การแต่งเติม เธอก็มีความสวยน่ารักสะดุดตาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เธอมีดวงตากลมโตและโครงหน้าโดยรวมที่โฉบเฉี่ยวเหมือนนางแบบ high fashion ซึ่งเราเชื่อว่า ดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยพลังทำให้เธอเหมาะสมกับบท Beth มากยิ่งนัก โดยเฉพาะฉากแข่งหมากกรุกในบรรยากาศที่เงียบงัน ไม่ได้สื่ออารมณ์จากการเอื้อนเอ่ยคำพูด แต่เป็นการถ่ายทอดอารมณ์จากสีหน้าเพื่อจะให้ผู้ชมดื่มด่ำไปกับการแสดง ไม่ว่าจะเป็นการแสดงความดื้อรั้นถือดี ท้าทาย โมโห หรือหวาดกลัวความเก่งกาจของคู่ต่อสู้ แน่นอนว่า makeup เป็นเครื่องมือที่ทำให้ Beth สื่อสารมาถึงผู้ชมได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
สิ่งหนึ่งที่นางเอกของเราตรงกับบทประพันธ์คือดวงตาสีน้ำตาล และมันเป็นดวงตาที่ดึงดูดใจมากที่สุดตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง ดวงตาของ Anya ทำให้เราต้องตกอยู่ในความงงงันว่า การเล่นหมากรุกมันดู sexy ได้ขนาดนี้เชียวหรือ
ภาพของ Beth ที่ค่อยๆเติบโคจากเด็กสาวไร้ประสบการณ์มาเป็นผู้หญิงที่มีชื่อเสียงเรื่องความ glamourous จากยุค 50- 60s แม้ในช่วงแรกๆที่เธอถูกรับอุปการะจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าก็ยังมีความอัตคัตขาดแคลน ต้องใส่เสื้อผ้ารองเท้าหลวมๆราคาถูกเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย และใบหน้าก็ยังไร้การแต่งเติม แต่นั่นไม่ได้ทำให้ความสนใจเรื่องความงามของเธอลดน้อยลงไป เมื่อไขว่คว้าหาโอกาสที่จะแต่งเสริมเติมสวยได้ เธอก็กลายมาเป็นสาวสุด popular ในระยะเวลาเพียงไม่นาน
และดวงตาคู่งามของเธอจะขาดขนตาปลอมไปไม่ได้เลย ในเรื่องนี้ designer จะใช้ขนตาจาก Shu Uemura ให้เชื่อมโยงกับ character ที่เปลี่ยนแปลงของ Beth และแน่นอนว่า เธอจะขาดการกรีด winged eyeliner ไปไม่ได้เลย เพราะนี่คือ trendที่ mass สุดๆของยุคนี้ มันคือ trademark ของผู้นำ fashion อย่าง Audrey Hepburn ,Sophia Loren, Brigitte Bardot ,Twiggy และอีกหลายคน
และดวงตาคู่งามของเธอจะขาดขนตาปลอมไปไม่ได้เลย ในเรื่องนี้ designer จะใช้ขนตาจาก Shu Uemura ให้เชื่อมโยงกับ character ที่เปลี่ยนแปลงของ Beth และแน่นอนว่า เธอจะขาดการกรีด winged eyeliner ไปไม่ได้เลย เพราะนี่คือ trendที่ mass สุดๆของยุคนี้ มันคือ trademark ของผู้นำ fashion อย่าง Audrey Hepburn ,Sophia Loren, Brigitte Bardot ,Twiggy และอีกหลายคน
Iconic Look ที่ไม่ได้ตั้งใจแต่งให้สวย แต่ที่จริงมาจากความเฟล!
ภาพที่ Beth ดูเหมือนเด็กวัยรุ่นที่เพิ่งหัดติดขนตาปลอมและลากเส้นใต้ขอบตาซึ่งเน้นให้ดวงตาที่โตมากอยู่แล้วให้ดูเบิกกว้างขึ้นอีก อาจจะทำให้หลายคนคิดว่า นี่เป็นการรับอิทธิพล Mod look มาจาก Twiggy นางแบบผู้เป็น Icon แห่งยุค 60s
แต่ที่จริงแล้ว เธอกำลังเลียนแบบลุคของผู้นำ fashion อีกคนหนึ่ง
Mariska Veres นักร้องนำวง Shocking Blue เจ้าของบทเพลงI'm Your Venus ที่คุณได้ยินในซีรีส์ เป็นต้นแบบให้กับลุคนี้ของ Beth และ glam team จะต้องจงใจแต่งให้ดูพลาด และมันทำให้พวกเค้าต้องฝืนความรู้สึกสุดๆค่ะ
ทางผู้ออกแบบลุคนี้ยืนยันว่าเป็นลุคที่เฟลจากต้นแบบ มันได้สะท้อนถึงช่วงเวลาที่ Beth ไม่สามารถควบคุมการใช้ชีวิตได้ สาวอัจฉริยะคนนี้ไม่ได้แตกต่างจากระเบิดเวลา จากโศกนาฎกรรมในชีวิตที่ทำให้กลายเป็นเด็กกำพร้า สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เธอมีความโกรธเกรี้ยวค้างคาใจมาทั้งชีวิต ทั้งยังถูก abuse ต่อเนื่องจากสถานเลี้ยงกำพร้าที่หยิบยื่นยากล่อมประสาทให้เด็กหญิงตัวจนกลายมาเป็นปัญหาเรื้อรังเมื่อเธอเติบโตเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว เมื่อต้องเผชิญกับมรสุมชีวิตอีกครั้ง เธอก็เปรียบเหมือนกับคนที่หลงทางจนไม่เหลือคราบของ "สมบัติแห่งชาติ" ที่ได้รับการชื่นชมมาตั้งแต่เป็นเด็กมัธยม สิ่งเหล่านั้นได้สะท้อนจาก makeup ที่ผิดพลาดของ Beth ได้ชัดเจน
จากเด็กกำพร้าที่ถูกหยามหยันเรื่อง style กลายมาเป็น fashionista สุดมั่น
สัจธรรมหนึ่งที่ยากจะหลีกเลี่ยง ไม่ว่าจะเป็นเมื่อ 60 - 70 ปีที่แล้วหรือในปัจจุบัน เมื่อผู้หญิงมักจะเปลี่ยนแปลงสไตล์จนดูเป๊ะผิดหูผิดตา เมื่อเธอเริ่มสร้างรายได้จนสามารถสนุกกับการ shop โดยไม่ต้องคอยกังวลถึงค่าใช้จ่ายที่จำเป็นอื่นๆ ผู้หญิงที่มีจิตใจเสรีอย่าง Beth ไม่ลังเลเรื่อง shopping เมื่อเธอหาเงินได้มากพอ แม้ว่าจะต้องคร่ำเคร่งกับการฝึกซ้อมและศึกษาการวางหมากวิธีต่างๆ วันละหลายชั่วโมง แต่เธอก็ไม่ทิ้งเรื่องความสวยความงาม และดูโดดเด่นขึ้นมาท่ามกลางผู้หญิงวัยเดียวกัน
style หลักของช่วง 50s คือการโชว์ความ feminine ด้วยโตรงสร้างของชุดที่ทำให้ส่วนเว้าส่วนโค้งเด่นสะดุดตา ชุด A line ที่เน้นให้เอวดูเล็กเป็นสิ่งที่ผู้หญิงนิยมใส่ตั้งแต่เริ่มเป็นวัยรุ่น ในหลายลุค เสื้อผ้าจะดูหนาหนักและไม่เปิดเผยเนื้อหนังมากมายเท่ากับเทรนด์ดังในยุคโมเดิร์น แต่ก็มีเสน่ห์ทางเพศไปอีกแบบ
ภาพที่เป็นสัญลักษณ์ของ Beth ส่วนใหญ่จะมีแค่ช่วงบนตอนที่เธอกำลังนั่งพิจารณาการวางหมากและจ้องตาฟาดฟันกับคู่แข่งด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย ฝ่าย costume จะต้องทำการบ้านอย่างเต็มที่ว่า เสื้อผ้าแบบใดที่ทำให้เธอดูดีที่สุดแม้จะเห็นเพียงแค่ครึ่งตัว neckline จึงเป็นสิ่งที่สำคัญสุดๆ เมื่อรวมกับท่าทางการเล่นหมากรุกที่กรีดกรายนิดๆ ทั้งการการพริ้มตาจดบันทึกการเคลื่อนไหวของหมาก วิธีใช้นิ้วแตะริมฝีปากและเท้าคางที่ดูท้าทายฝ่ายตรงข้าม ยิ่งสะกดให้เราจ้องมองอย่างไม่มีเบื่อ
minidress สีเขียวมินท์อ่อนดูไม่แตกต่างจาก mod dress ที่เป็นที่นิยมมากมายในยุค 60s มากนัก แต่ฝ่าย costume ได้ตั้งใจออกแบบชุดนี้ให้เข้ากับอารมณ์ของ Beth ที่ทำผิดพลาดครั้งใหญ่หลวง แม้ Beth ในลุคนี้จะดูน่ารัก แต่ก็ให้ความรู้สึกที่แตกต่างความมาดมั่นแน่วแน่ที่ผ่านมา เธอกลายร่างเป็นผู้หญิงที่ดูเปราะบางมาราวกับว่า หากแตะต้องเพียงนิดเดียวก็อาจจะแตกเป็นเสี่ยง เนื้อผ้าที่บางและสีอ่อนซีดกว่าปกติได้สะท้อนด้านที่อ่อนแอของ Beth แม้จะมีปัญหาเรื่องการใช้ยามาก่อนแล้ว แต่เธอก็มุ่งมั่นกับการแข่งขันไม่ออกนอกลู่นอกทางเสมอมา เมื่อต้องพบกับความ "พัง"เพราะประมาทเลินเล่อ ก็ยิ่งคับแค้นใจขึ้นไปอีก
ทีม costume ได้แสดงความไหลลื่นจากเปลี่ยนแปลง stage เด็กกำพร้าผู้น่าสงสารมาเป็นสาวน้อยมหัศจรรย์ และก้าวเข้าสู่ความเป็นหญิงสาวที่มั่นใจจนเกือบๆจะโอหังในบางโอกาส ถึงจะอย่างนั้น คนรอบข้างก็อดปลาบปลื้มเธอไม่ได้อยู่ดี
The Queen Of Gambit ได้ตอกย้ำว่าเราชื่นชอบ beauty&fashion จากยุค50sและ60s มากขนาดไหน ที่สำคัญ คุณสามารถนำมาประยุกต์กับstyleในยุคปัจจุบัน โดยไม่ต้องกังวลว่ามันดูเฉิ่มเชย นั่นเป็นเพราะความ timeless ของมันนั่นเอง
หากใครยังไม่ได้กดเข้าไปชม The Queen Of Gambit เชียร์กันตรงๆเลยว่า อย่าได้ลังเลใจ ไม่มีประสบการณ์เล่นหมากรุกก็ยัง enjoy ได้ ส่วน fashion & beauty ก็งานดีขนาดนี้ 7 ตอนรวดเลยเป็นไงคะ ^ ^
The End