เพราะอะไร นางเอกเกาหลีสายรุกจึงHotสุดๆ
candy 47 7ตลอดหลายปีที่วงการ K Drama สร้างปรากฏการณ์ใน Asia เราได้เห็นหลากหลาย chracter ของสาว strong ที่ไม่คอยต้องแอบซ่อนตัวตนและความปรารถนาในใจเมื่อได้พบกับชายหนุ่มโดนใจ แม้จะมีความเห็นที่ทิ่มแทงว่า นี่คือการแสดงตัวอย่างที่ไม่เหมาะสมเพราะที่ดู "ใจกล้าหน้าด้าน" หรือ แย่กว่านั้นคือเหยียดว่า "ง่าย" แต่ทุกวันนี้ กระแสตอบรับที่จากสังคมผู้ชมชาวAsian ไม่ได้เลวร้ายแต่อย่างใด ตรงกันข้าม หลายๆคนเริ่มอยากจะกล้าให้ได้แบบนางเอกซีรีส์ซะด้วยซ้ำ
เคยสงสัยกันรึเปล่าว่า เมื่อตัวละครหญิงจาก K Drama ก้าวเข้ามาสลับบทบาทกับเพศชายด้วยการแสดงภาพแบบ "สายรุก"(ผู้ชาย) หรือ "สายเปย์" จึงสร้างความฮือฮาจากผู้ชมถึงขั้นยกเป็นฮีโร่หญิงในดวงใจ จนน่าจะพูดได้ว่า นางเอกสายรุกอาจจะสร้างความนิยมไม่แพ้กับนางเอกเรียบร้อยแสนดี
เมื่อผู้หญิงในจอหันมานำเสนอบทบาทมาเป็นผู้ที่ "เลือกได้" ในสังคมชายเป็นใหญ่
บางครั้ง เมื่อคุณนำความจริงมาซ้อนทับเปรียบเทียบหาความแตกต่างกับเรื่องgender role ในเกาหลีใต้ ก็อาจจะทำให้เกิดความรู้สึกที่สับสนขัดแย้ง เพราะแม้จะมีการสนับสนุนความเท่าเทียมคล้ายคลึงกับประเทศพัฒนาแล้วในตะวันตก แต่แนวคิดชายเป็นใหญ่ที่ฝังรากหยั่งลึกแทบไม่มีที่สิ้นสุดนั้น ไม่ได้เอื้อให้ผู้หญิงสร้างทางเลือก ดั่งกรณีผู้ประกาศข่าวสาวที่ได้ตัดสินใจฝ่าฝืนวัฒนธรรมองค์กรด้วยการ "ใส่แว่นสายตาระหว่างรายงานข่าวTV" (แน่นอนว่าผู้ประกาศข่าวชายมีอิสระที่จะใส่แว่นหน้ากล้องโดยไม่ถูกกดดัน) และกลายมาเป็นประเด็นร้อนของสังคม ทำให้ทั่วโลกหันกลับมาจ้องมองเกาหลีใต้อย่างตกตะลึงกับข้อเท็จจริงที่ว่า วงการTV เกาหลีได้เจริญรุดหน้ามาพร้อมกับเศรษฐกิจ-สังคม แต่ผู้หญิงทำงานหน้ากล้องกลับไม่ได้รับอนุญาตให้ใส่แว่นจนล่วงเลยมาถึงปี2019! และเมื่อผู้ประกาศสาวตัดสินใจจะใส่แว่นระหว่างการทำงานเป็นครั้งแรก เธอก็ต้องบรรยายถึงความจำเป็นด้านสุขภาพดวงตาเพื่อชักจูงให้สังคมรับฟัง หาได้ใช่การประกาศว่า นี่คือการตัดสินใจตามสิทธิเสรีภาพที่เธอพึงมี
ที่จริงแล้ววงการ K Drama ได้นำเสนอภาพของผู้หญิงที่ต้องต่อสู้ดิ้นรนในสังคมชายเป็นใหญ่มาโดยตลอด สิ่งนี้เองที่ทำให้ผู้คนสัมผัสถึงความไม่เป็นธรรมในความเหลื่อมล้ำจนต้องรู้สึกขัดใจหลายต่อหลายครั้ง
- ความรู้สึกท้อแท้ของลูกสาวที่ต้องเห็นครอบครัวลำเอียงทุ่มเทให้กับลูกชาย และต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้หญิงจะถูกครอบครัวมองข้าม
- ผู้หญิงที่ผ่านการหย่าร้างที่ถูกโยนความผิดให้แบกรับฝ่ายเดียว
- สถานะแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ยังถือเป็นตราบาปและหลายคนยังเลือกจะปกปิด
- ความรู้สึดอดสูที่ต้องฝืนทนกับ harassment ในที่ทำงานโดยยากจะลุกขึ้นมาเรียกร้องความเป็นธรรม
เมื่อได้เห็น storyline แบบนี้บ่อยๆ ก็ทำให้พวกเราอยากรู้เหมือนกันว่า ผู้หญิงที่สามารถกำหนดทางเดินชีวิตได้เอง จนสามารถเป็นสายรุกได้อย่างเป็นธรรมชาติ จะเป็นที่ยอมรับในสังคมเกาหลีได้จริงหรือไม่
Heroine สายรุกยุค 2000s ที่สร้างปรากฏการณ์ระดับ International
My Name Is Kim Sam Soon เป็นผลงานชิ้นสำคัญที่ทำให้กระแสเกาหลีสามารถสั่นสะเทือนไปทั่วภูมิภาค Asia ด้วยเรตติ้งที่พุ่งไปราวๆ 50% ในเกาหลีและสร้างกระแสความในนิยมในต่างประเทศ ภาพของนางเอกที่รูปร่างใหญ่กว่ามาตรฐานความงามปกติของวงการเกาหลี รวมไปถึงรูปลักษณ์ที่จงใจปรับให้ดู "มีเสน่ห์แบบพื้นๆ" ไม่ได้สวยจนต้องมองเหลียวหลัง อาจจะทำให้บางคนมองอย่างมีอคติว่า คิม ซัมซุนคือตัวละครที่ถูกสร้างมาปลอบใจให้กับผู้หญิงแอบเพ้อว่า แม้จะไม่ได้สวยเป๊ะแบบพิมพ์นิยม แต่สักวันอาจจะมีเจ้าชายทายาทธุรกิจใหญ่มาตกหลุมรักคนอย่างเราก็เป็นได้...
แต่ที่จริงแล้ว ความสำเร็จของ My Name Is Kim Sam Soon ยังมีมิติซับซ้อนกว่าเรื่อง romance ชวนเพ้อฝันธรรมดาๆ
แต่ที่จริงแล้ว ความสำเร็จของ My Name Is Kim Sam Soon ยังมีมิติซับซ้อนกว่าเรื่อง romance ชวนเพ้อฝันธรรมดาๆ
คิม ซัมซุน เป็นตัวแทนของผู้หญิงโสดวัยเหยียบสามสิบที่วนเวียนอยู่กับความหวังที่จะได้แต่งงานมีสามีดีๆ ด้วยการปลูกฝังความคิดที่ว่า ผู้หญิงมีเวลาจำกัดในการเลือกคู่ ก่อนที่จะเลยวัยเจริญพันธุ์ เธอเป็นสาวสู้ชีวิตในสไตล์เกาหลีแบบเป๊ะๆ มีทั้งภาระครอบครัวและฝ่าฟันอุปสรรคที่หนักหนาจนจิตตกสงสารชะตากรรมของตัวเองเป็นบางเวลา แต่สิ่งที่ทำให้คิม ซัมซุนโดดเด่นเป็นที่สุดคือ แม้ว่าเธอจะรู้สึกน้อยเหนือต่ำใจในชื่อแสนเชย และรูปลักษณ์ที่ไม่ได้สะสวย แต่เธอไม่มีเวลามากพอที่ไปคอยรู้สึกแย่กับตัวเอง ในเมื่อผิดหวังในความรัก ก็หาใหม่ซะสิ ทุ่มเททำงาน แสดงพรสวรรค์ให้โลกรู้ อ่อนแอได้ แต่อย่าเป็นตัวถ่วงให้กับชีวิตตัวเอง ถึงขนาดที่ พอเริ่มรู้ว่าชายหนุ่มที่เธอพึงใจเริ่มหันมาเห็นคุณค่าของเธอจนคอยมาตามตื๊อรัวๆ เธอก็ไม่ได้กระโดดเข้าหาอย่างไร้สติ แต่กลับคิดใคร่ครวญถึงผลกระทบต่างๆที่จะเข้ามาหา หากเธอเปิดใจยอมสร้างความสัมพันธ์กับผู้ชายที่มีพื้นเพต่างกันอย่างสุดขั้ว และต้องแน่ใจว่า เขาได้ตัดใจไปจากรักครั้งเก่าที่ยังพัวพันอย่างเด็ดขาดจริงๆ
เมื่อได้เสพซีรีส์เกาหลีบ่อยๆ ก็อาจจะสัมผัสถึงแนวคิดที่ระดับของคนไว้ตาม profile หากเป็นสาวร่างอวบที่มีอาชีพเป็นเพียงลูกจ้าง ไม่ได้เป็นทายาทตระกูลดังหรือ CEOผู้เก่งฉกาจ ก็ควรเจียมเนื้อเจียมตัวไม่เผยอหน้าไปหาผู้ชาย perfect แต่คิม ซัมซุนไม่ได้เอาแต่สมเพชเวทนากับคุณสมบัติตัวเอง เธอมีวิธีการปลุกใจสร้าง self esteem ซึ่งเป็นสิ่งแสนสำคัญในการดำเนินชีวิตท่ามกลางสังคมที่ฉาบฉวยและแข่งขันสูง ไม่น่าแปลกใจเลยที่เธอได้กลายมาเป็นตัวละครในตำนานที่ตราตรึงจิตใจผู้คนมาถึงปัจจุบัน
ภาพของสาวสามสิบที่อยากมีคู่แล้วเลือกไปนัดบอดพูดจาเสียงสองกับชายหนุ่มแปลกหน้าไม่ได้ฟังดูแตกต่างกับชีวิตจริงของหลายคนเท่าใดนัก แต่เมื่อเริ่มรู้สึกรักใครสักคนจริงๆขึ้นมา เธอก็มั่นใจในความรู้สึกก็ไม่ลังเลที่จะบอกความรู้สึกไปตรงๆ และยืนกรานให้อีกฝ่ายให้คำตอบที่ชัดเจน แม้จะรู้ดีว่า มันจะไม่เป็นอย่างที่ใจหวัง ทำไมต้องรักษาฟอร์มไว้มากมายด้วยล่ะ ถ้ามัวแต่คิดว่าใครต้องเป็นฝ่ายแสดงความในใจก่อน ก็ไม่ได้เริ่มความสัมพันธ์สักที แต่ถ้าผู้ชายทำท่ายึกยักเล่นกับความรู้สึกกับเธอมากนักก็พร้อมจะตีจากเพราะให้ความสำคัญกับตัวเองมากเกินจะยอมเป็นของเล่นของผู้ชาย
คิม ซัมซุนได้กลายมาเป็นฮีโร่ของสาวๆ เพราะความชัดเจนในตัวตน ไม่ใช่เพราะเป็นการขายฝันให้กับผู้หญิงให้กระโจนหาหนุ่ม profile เริ่ด แต่ได้โน้มน้าวคนดูหันมาเชื่อมั่นในคุณค่าของตัวเอง คุณอาจจะไม่เป็นคนมี่มีคุณสมบัติเลิศเลอไปหมดทุกอย่าง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า จะต้องเจียมเนื้อเจียมตัว ยอมจำนนต่อคำพูดผู้อื่นแล้วไม่ไขว่คว้าโอกาสดีๆให้ตัวเอง
มันเป็นเรื่องแสนปกติที่ผู้หญิงก็มีแรงขับทางเพศเหมือนกัน ( ก็เป็นคนนะจ๊ะ)
"ฉันไม่ได้มี sex เป็นชาติแล้ว นี่ก็อยากจะร้องได้เหมือนกันนะ" ประโยคของซัมซุนที่กำลงผลัดผ่อนชายนุ่มสุดหล่อที่นอนร่วมเตียงให้อดใจรอไว้ให้เธอผอมซะก่อนจึงจะตกลงแซ่บกันได้นั้นเรียกเสียงฮาและโดนใจสาวๆที่ยังวิตกกังวลกับเรื่องรูปร่างจนต้องเลือกข่มอารมณ์ความต้องการของตัวเองไว้จนทรมาน เธอสามารถพูดออกไปได้หน้าตาเฉยและไม่สนใจกับการเล่นเกมเดาใจให้เหนื่อย แล้วตั้งหน้าตั้งตาออกกำลังกายเพื่อฟิตรูปร่างให้ผอมลงจะได้พร้อมเผด็จศึก!
ไม่ว่าจะมาจากชนชั้นไหน หรือได้รับการอบรมมาอย่างไร ผู้หญิงก็มีความต้องการทางเพศ ไม่ต่างจากเพศตรงข้าม ในขณะที่ในประเทศหนึ่ง มีพระเอกออกมาตักเตือนบรรดาคุณผู้หญิงว่า "อย่าทำตัวง่ายกับผู้ชายจนมีความสัมพันธ์เพียงข้ามคืน" (ทั้งๆที่ตัวเองเป็นชายผ่านประสบการณ์แบบนี้มาไม่น้อย) แต่ในเกาหลีใต้ที่มีอัตราท้องไม่พร้อมและการติดไวรัส HIV ที่น้อยกว่า กลับสื่อให้เห็นว่า การมีความสัมพันธ์ทางเพศต้องอาศัยความมีวุฒิภาวะมากพอเพื่อตระหนักถึงความสำคัญในการป้องกัน แรงขับทางเพศของผู้หญิงไม่ใช่เรื่องที่ถูกประนาม แต่เป็นแต่ธรรมชาติที่เราสามารถเลือกรับมือได้อย่างเหมาะสม ที่สำคัญ เราแทบไม่ได้ยินการตีตราคุณค่าผู้หญิงด้วยเยื่อพรหมจรรย์ เพียงแต่ว่า ควรจะอดทนรอให้ถึงวัยอันสมควรที่สามารถดุแลรับปิดชอบตัวเองได้
การถ่ายทอดอารมณ์ของผู้หญิง ในlove scene ใน My Name Is Kim Samsoon จึงไม่ต้องมีดราม่าเรื่องslut - shaming แต่อย่างใด
(นี่เป็นซีรีส์ที่ดังยิ่งกว่าคำว่าถล่มทลาย แต่เรารู้สึกงอนนิดๆที่ตัวนางเอกและคนอื่นย้ำนักหนาว่าเธออ้วนเป็นตุ่ม มีพุงเป็นชั้นๆ ทั้งอ้วนทั้งแก่ แต่ซัมซุนในสายตาเราไม่ได้อวบอะไรขนาดนั้น เธอดูเป็นสาวโครงใหญ่ที่ดูสมส่วน แต่ถ้าจะวัดจากนักร้อง K Pop เป็นมาตรฐาน เธอก็คงจะอวบระยะสุดท้ายตามสายตาคนเกาหลีสินะ)
มันไม่เสียหายหากจะต้องสลับบทบาททางเพศที่ปลูกฝังกันมาตั้งแต่โบราณ
สังคมดูจะไร้ปัญหากับบทบาทผู้หญิงที่เป็นผู้ตาม และยกหน้าที่ในการตัดสินใจ และทำงานหาเลี้ยงครอบครัวให้กับผู้ชาย เพียงแค่เอ่ยคำว่า "ผู้นำครอบครัว" ผู้คนก็มักจินตนาการถึงคุณพ่อที่มีท่าทางจริงจังพึ่งพาได้ รวมไปถึงคอนเสปท์ของการหาคู่ที่คุณสามารถพบเจอในซีรีส์เกาหลีนับไม่ถ้วน นั่นคือความคาดหวังของครอบครัวที่จะได้เห็นลูกสาวออกเรือนไปกับสามีฐานะดีและมีชีวิตที่มั่นคงไม่ต้องคอยกังวลกับเรื่องการเงินไปตลอดชีวิต รวมไปถึงคนรวยที่ต้องมีคู่เป็นคนฐานะทัดเทียมกันและยิ่งต่อยอดความรวยเป็นสูตรสำเร็จ
เราต่างก็คุ้นเคยกับ storyline ของการแต่งงานการเมืองของตระกูลมหาเศรษฐี แต่ในระยะหลังๆ ผู้สร้างซีรีส์หันมานำเสนอภาพของสาวสุดเริ่ดที่ไม่ยึดติดกับสถานะของคนรักว่าจะต้องร่ำรวยล้นฟ้า แต่สามารถเป็นฝ่ายรุกเข้าหาคนที่ทำให้เธอพึงพอใจโดยไม่ต้องแบกความรู้สึกไม่ดีให้รำคาญใจ สวย รวย เก่ง แล้วทำไมจะรุกก่อนไม่ได้ ?
อี ดาฮีอาจจะวนเวียนรับบทนางรองจนเข้าวัยสามสิบกว่าจนในที่สุดก็มาเปรี้ยงกับบทสาวนักบริหารที่สวยชวนตะลึง มีส่วนสูงเกินกว่ามาตรฐานชาวเกาหลี และแน่นอนว่าเธอเป็นนางพญาที่ใครต่อใครต้องระแวดระวัง แต่กลับหลงเสน่ห์ผู้ชายที่ดูเหมือนลูกแกะที่ดูน่ารักน่ากอด แม้ว่าจะเป็นพวกตั้งกำแพงไม่เปิดใจให้ใครและไม่มีเพื่อนซะด้วยซ้ำ แต่กลับปล่อยให้ผู้ชายที่ดูไร้พิษภัยคนนี้มาอาศัยทำงานเป็นพ่อบ้าน และไม่คิดอคติที่เขาวิ่งวนทำงานพาร์ทไทม์ ไม่ได้เป็นคุณชายที่ "คู่ควร" กับลูกสาวกลุ่มธุรกิจใหญ่ และกลายเป็นว่า เธอปักใจกับรอยยิ้มพิมพ์ใจของหนุ่มใสคนนี้และเริ่มตีมูลค่ามันไว้สูงมากขึ้นเรื่อยๆจนไม่สามารถตัดใจไปได้ จากที่มั่นใจไม่เคยหวั่นเกรงสิ่งใด เธอกลับต้องคอยมากังวลว่า เมื่อพยายามรุกเต็มที่แล้ว เขายังจะเลือกเส้นทางอื่นที่ไม่มีเธอหรือไม่
สาวงามสุด strong ที่เคยไม่เหลียวแลเรื่องความรักกับหนุ่มขี้อ้อนและคอยเอาใจใส่สมกับฉายาที่ตั้งให้ว่า "เจ้าสาวหอยทาก"* ฟังดูเป็นภาพในอุดมคติของผู้หญิงหลายคน แต่ก็อาจจะไม่ถูกใจผู้ที่ยึดติดเรื่องgender role ที่ผู้หญิงมีหน้าที่รับผิดชอบงานบ้าน ส่วนผู้ชายเป็นผู้นำที่หาเลี้ยงครอบครัว
*มาจากนิทานพื้นบ้านเกาหลีที่เล่าถึงผู้หญิงที่ออกมาจากโอ่งเพื่อแอบทำงานบ้านและดูแลเรื่องข้าวปลาให้กับหนุ่มโสดตอนที่เขาออกไปทำงาน เขามาพบภายหลังว่าเธอเป็นเจ้าหญิงหอยทากที่เขาได้เก็บมาเลี้ยงในโอ่ง และในที่สุดก็แต่งงานอยู่กินกันอย่างมีความสุข
ความปลาบปลื้มในภาพลักษณ์ผู้หญิงทรงอำนาจที่ยิ่งเติมเต็มความสมบูรณ์แบบในโลกแห่งอุดมคติ
ภาพของCEO สาวงาม ยุน เซรี ที่ควงแฟนหนุ่มเบ้าหน้าเทพมาช็อปสูทหรูด้วยสีหน้าที่เยือกเย็นไม่เสียจริต และยิ่งยิ้มมุมปากด้วยความภาคภูมิใจเมื่อเขาเปลี่ยนลุคจนหล่อเท่กว่าเดิม ดึงดูดสายตาให้คนทั้งห้างจับจ้องราวกับหลงละเมอ ดูเหมือนว่าเราไม่ต้องคอยสงสัยเรื่องวงเงินของบัตรที่เธอส่งให้พนักงานรูดปื๊ดๆ ชาวเน็ทจำนวนมากปลาบปลื้มกับภาพของนางเอกสายเปย์และเยินยอเธอว่าเป็นไอดอลที่ไม่ยี่หระต่อเสียงครหาว่าเป็นแม่บุญทุ่มใช้เงินซื้อใจผู้ชาย
วงการ K Drama ขึ้นชื่อในการนำเสนอเรื่องราวของผู้คนชนชั้นelite ที่คาบช้อนเพชรมาเกิดในตระกูลกลุ่มธุรกิจทรงอิทธิพลของประเทศ โดยเฉพาะนางเอกที่เปล่งกระกายออร่านางพญาผู้มาในชุดที่ไม่ต่างจากนางแบบ magazine ทั้งเก่งกาจในการทำงาน มีพรสวรรค์หลากหลายด้านรวมไปถึงรสนิยมหรูเริ่ด เป็นคนประเภทที่คุ้นเคยกับประโยคที่ว่า "ซื้อหมดทั้งราว" หรือ " เอาแบบนี้ทุกสี" พอๆกับคำพูดสวัสดี ในเมื่อการเปย์ให้หนุ่มผู้รู้ใจไม่ได้สะเทือนต่อทรัพย์สินมหาศาลของเธอแม้แต่น้อย ยิ้งทำให้มีแฟนๆออกปากด้วยความอิจฉาว่า อยากจะมีโอกาสเปย์ให้ได้แบบนี้บ้าง ภาพลักษณ์ของนางเอกใจกว้างขวางก็ยิ่งปรากฏให้เห็นบ่อยขึ้นเรื่อยๆ
คุณอาจจะเคยเห็นสื่อกอสสิปของเกาหลีที่เจาะประเด็นบัตรเครดิตที่แสดงความเป็น VIP หรือหายากอย่าง black card ภาพของนางเอกที่ใช้เงินแก้ปัญหาหรืออำนวยความสะดวกเพื่อหาเวลาสวีทกับหนุ่มหล่อที่หลงรักปักใจเป็นอะไรที่เห็นกันบ่อยแล้วใช่ไหมล่ะ
แต่คัง ซาราแห่ง The Beauty Inside ไปไกลกว่านั้น เธอเปิดตัวกับพ่อแม่แฟนด้วยการขอลูกชายพวกเค้าไปทำ "เจ้าสาว" แบบไม่เปิดโอกาสให้ปฏิเสธด้วยการประกาศตัวเป็นทายาทแชโบล และยืนยันจะ "เปย์" ต่อเพื่อสานความฝันของหนุ่มคนรักให้เป็นจริง
และกลายเป็นว่า ซีนนั้นสร้างเสียงกล่าวขวัญมากจนแย่งซีนความหวานของคู่หลักไปเต็มๆ ส่วนอี ดาฮีก็ปังมากจนก้าวขึ้นมารับบทนางเอกอีกครั้ง (หลังจากห่างหายไปหลายปี)
ที่จริงแล้วมันก็น่าคิดไม่ใช่เล่น เพราะในซีรีส์เรื่องอื่นที่นางเอกไม่ได้ร่ำรวยสวยเป๊ะ แต่พยายามเต็มที่เพื่อทุ่มเทความรักให้ผู้ชายทั้งเรื่องเงินและเรื่องการสนับสนุนด้านอื่นๆ แต่บางครั้งจะถูกสื่อออกมาในภาพของผู้หญิงที่ไม่ฉลาดและถูกหลอกใช้ ในบางครั้ง มันก็คล้ายๆกับจะเป็นการบอกใบ้ว่า หากจะรุกและเปย์ผู้ชายให้ถูกใจผู้ชม ก็ต้องมีภาพลักษณ์ของสาวสุดเริ่ดซะก่อน
ความโหยหาต่ออิสระในการใช้ชีวิตโดยไม่ขึ้นต่อความคาดหวังของสังคม
แม้จะมีการเปิดเผยเนื้อเรื่องของ t’s Okay to Not Be Okay ตั้งแต่การโพรโมทว่า ตัวนางเอกจะแหวกแนวไปจากภาพนางเอกซีรีส์ที่ผ่านมา โรคต่อต้านสังคมของโกมุนยองอาจจะทำให้เธอถูกนำไปเปรียบเทียบกับฆาตกรต่อเนื่องที่ไม่สารถแบ่งแยกเรื่องของซีลธรรมความถูกต้องได้ แต่อีกมุมหนึ่ง เธอได้สร้างความประทับใจจากการแสดงออกที่สวนทางกับค่านิยมชาวเกาหลี แม้หลายครั้งจะดูเหมือนเด็กในร่างผู้ใหญ่ใส่แบรนด์เนม แต่ความมาดมั่นเกินเบอร์รวมกับความตรงไปตรงมาก็ทำให้แฟนๆในใจให้เสน่ห์ที่แตกต่างนี้ ทั้งๆที่รู้ว่าหากมีโกมุนยองในชีวิตจริงคงจะรับมือยากจนปวดหัวก็เถอะ
ุ่
พี่ชายพระเอกทีมีอาการออทิสติคมักจะย้ำเสมอว่า จะต้องรักษามารยาทเพื่อให้สมกับชื่อเสียงของผู้ดีตะวันออกของชนชาติเกาหลี แต่ โก มุนยองไม่ได้ให้ความสำคัญกับคำพูดเหล่านั้นมากนัก แทบทั้งเรื่อง เธอได้แสดงความหยาบคาย เห็นแก่ตัว เย่อหยิ่ง ไม่ใส่ใจต่อการเคารพสิทธิของผู้อื่น ด้วยความไม่ปกติในเรื่อง mental health อาจจะทำให้เธอติดอันดับนางเอกนิสัยยอดแย่ แต่เมื่อเธอพูดถึงชายหนุ่มสุดหล่อที่เข้าตาว่า "อยากได้จัง" ก็ทำให้แฟนๆซีรีส์กิ๊วก๊าวในความมั่นหน้า ด้วยวิธีอ่อยแบบทื่อๆ และกดดันให้คนปากหนักยอมรับความรู้สึกอาจจะไม่ใช่แนวทางจีบหนุ่มของหลายคน แต่ก็ร่วมวงเชียร์เธอให้ทลายกำแพงของหนุ่มผู้เก็บกดให้ได้ ถึงการประกาศถามผู้ชายเสียงดังฟังชัดต่อหน้าผู้คนว่า "อยากมานอนด้วยกันมั้ย" ดูจะไม่ work สักนิดก็ตาม
ส่วนเรื่องการรักษาภาพลักษณที่ดีงามมีจริยธรรมไม่ได้มีความสำคัญต่อโก มุนยอง เป้าหมายในการใช้ชีวิตของเธอเป็นสิ่งใดกันแน่ก็ยังไม่แน่ชัด ถึงจะถูกสังคม cancel เธอก็เชิดหน้าใส่ไม่กลัวเกรงต่อผลกระทบต่ออาชีพนักเขียนนิทาน ไม่ต่างจากเรื่องผู้ชาย อีกฝ่ายอาจจะต่อต้านไม่ปิดบัง แต่เธอกลับเกาะติดจนสามารกเข้ามาใกล้ชิดในเวลาทำงานได้ ไม่ต้องวางแผนจีบซับซ้อน แต่คืบคลานเข้ามากำหัวใจอีกฝ่ายอย่างหนักแน่น
ส่วนเรื่องการรักษาภาพลักษณที่ดีงามมีจริยธรรมไม่ได้มีความสำคัญต่อโก มุนยอง เป้าหมายในการใช้ชีวิตของเธอเป็นสิ่งใดกันแน่ก็ยังไม่แน่ชัด ถึงจะถูกสังคม cancel เธอก็เชิดหน้าใส่ไม่กลัวเกรงต่อผลกระทบต่ออาชีพนักเขียนนิทาน ไม่ต่างจากเรื่องผู้ชาย อีกฝ่ายอาจจะต่อต้านไม่ปิดบัง แต่เธอกลับเกาะติดจนสามารกเข้ามาใกล้ชิดในเวลาทำงานได้ ไม่ต้องวางแผนจีบซับซ้อน แต่คืบคลานเข้ามากำหัวใจอีกฝ่ายอย่างหนักแน่น
ในสังคมที่ให้ความสำคัญกับการรักษาภาพลักษณ์เพื่อหลีกเลี่ยงกับ cancel culture และ cyberbully อันน่าสะพรึง การปรับตัวให้เข้ากับสังคมแบบ blend in ดูจะเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคนส่วนมาก แต่ก็ได้สร้างความกดดันในการดำเนินชีวิตเช่นกัน โดยเฉพาะเมื่อแนวคิดการลำดับอาวุโสที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ไม่ว่าจะเป็นชีวิตทำงาน หรือการอยู่รวมกันในหมู่ครอบครัวก็ตาม ว่ากันว่าความเคร่งครัดในการให้ความเคารพผู้มีวัยอาวุโสกว่าได้สามารถสร้างความตึงเครียดให้กับคนเกาหลีที่ต้องต้องเก็บกดความโกรธเกรี้ยวเมื่อถูกคนอื่นเอารัดเอาเปรียบหรือจงใจกลั่นแกล้งโดยไม่สามารถโต้เถียงได้เพียงเพราะอายุน้อยกว่า และหลายคนก็เลือกไปปลดปล่อยความรู้สึกด้วยการโจมตีคนอื่นในโลก online (ดังเรื่องราวอันแสนเศร้าที่เกิดกับ Sulli )
แต่โก มุนยองที่เป็นโรคต่อต้านสังคมสามารถลุกมาต่อกรกับคนนิสัย toxic ด้วยการใช้ความรุนแรงสู้กับความรุนแรง ใครเหยียดมา เธอเหยียดกลับเจ็บกว่า ใครใช้กำลัง เธอก็พร้อมสู้เต็มที่ และเมื่อสนใจสิ่งใดก็ตาม ก็จะจดจ่อทุ่มสุดตัวเพื่อคว้าสิ่งนั้นมาเป็นเจ้าของ ทั้งข้าวของเครื่องใช้ที่ไม่มีชีวิต หรือจะเป็นผู้ชายหล่อเหลาตัวเป็นๆที่ตั้งท่าหลบเลี่ยงเธอ
แต่โก มุนยองที่เป็นโรคต่อต้านสังคมสามารถลุกมาต่อกรกับคนนิสัย toxic ด้วยการใช้ความรุนแรงสู้กับความรุนแรง ใครเหยียดมา เธอเหยียดกลับเจ็บกว่า ใครใช้กำลัง เธอก็พร้อมสู้เต็มที่ และเมื่อสนใจสิ่งใดก็ตาม ก็จะจดจ่อทุ่มสุดตัวเพื่อคว้าสิ่งนั้นมาเป็นเจ้าของ ทั้งข้าวของเครื่องใช้ที่ไม่มีชีวิต หรือจะเป็นผู้ชายหล่อเหลาตัวเป็นๆที่ตั้งท่าหลบเลี่ยงเธอ
แต่ความแรงแบบโก มุนยองก็ทำให้เกิดข้อขัดแย้งขึ้น เมื่อมีผู้ร้องเรียนฉากที่เธอพยายามแตะต้องร่างกายพระเอกที่แสดงออกชัดเจนว่าไม่ได้ยินยอมที่จะถูกลูบไล้ว่า นี่เป็นการนำเสนอภาพของการล่วงละเมิดทางเพศ และกลายเป็นเรื่องใหญ่ที่หน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบได้ออกมาโรงเตือนอย่างเป็นทางการว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหามะสม แม้ว่านี่จะเป็นนางเอกที่ป่วยทางจิตใจเป็นโรคต่อต้านสังคมจนไม่สามารถควบคุมพฤติกรรมตัวเองตามหลักศีลธรรมได้
โก มุนยองเป็นนางเอกที่ได้รับความนิยมที่บ้านเรามากน่าดูเลยทีเดียว ซีรีส์สร้างความสำเร็จในตลาดต่างประเทศเป็นอย่างดี ส่วนที่เกาหลีนั้น แม้เรตติ้งจะไม่ได้พุ่งแรงไปที่เลขสองหลักเหมือนผลงานดังเรื่องอื่นๆของ tVN แต่ก็เป็นที่กล่าวขวัญในโลกออนไลน์ โดยเฉพาะตัวนางเอกที่เรียกเสียงฮือฮาจากพฤติกรรมนอกกรอบ fashion แบบเล่นใหญ่ และการรุกอย่างแน่วแน่จนผู้ชายใจแข็งเป็นเหล็กกล้าต้องโอนอ่อนตามจนเขินแทนไปตามๆกัน
สำหรับหลายคน คำพูดที่ว่า ความรักจะช่วยเยียวยาทุกอย่างอาจจะฟังดูหวานเลี่ยนไปบ้าง แต่แววตาเป็นประกายแห่งความสุขของหญิงสาวที่เคยมีบาดแผลทางใจที่สาหัสมาก่อนก็น่าจะทำให้ผู้ชมเปิดใจการจีบหนุ่มแบบรุกหนักขึ้นมาบ้างนะ
นักสร้างซีรีส์คงกำลังบอกพวกเรา หมดสมัยที่ผู้หญิงนั่งภาวนารอฟ้าประทานผู้ชายแสนดีมาให้แล้ว แล้วในชีวิตจริงล่ะ คุณมีความเห็นเช่นไร เมื่อมีคนแนะนำว่าไม่จำเป็นต้องรอให้ผู้ชายเป็นฝ่ายเข้าหาก่อน เป้าหมายมีไว้พุ่งชน ถึงจะชนแล้วจะเจ็บไปบ้าง ก็ต้องลอง...รึเปล่านะ ?
The End