เจาะดราม่า Framing Britney
candy 62 9
Framing Britney Spears ผลงาน documentary จากThe New York Times ได้สร้างกระแสฮือฮาในสังคมจนทำให้เกิดความตื่นตัวเรียกร้องให้เกิดความเปลี่ยนแปลงบางอย่าง แม้ว่าจะไม่ใช่การขุดคุ้ยเพื่อเปิดโปงความจริงที่ถูกซุกซ่อนไว้ และเป็นข้อเท็จจริงที่หลายคนรับรู้กันมาก่อน และตัว Britney เองก็ไม่ได้ปรากฏตัวเพื่อให้ข้อมูลผ่าน documentary ตัวนี้แต่อย่างใด แต่มันก็ทิ้งคำถามสำคัญให้กับผู้ชมว่า
"เมื่อใด Britney จะได้เป็นอิสระ ?"
"เมื่อใด Britney จะได้เป็นอิสระ ?"
NY Times ได้โฟกัสในประเด็นการต่อสู้ทางกฎหมายเพื่อเรียกร้องเปลี่ยนตัวผู้พิทักษ์สิทธิ์ ที่ทำให้ su[erstar สาวเกิดความขัดแย้งหมางใจลึกล้ำกับผู้เป็นพ่อแท้ๆและยังชูประเด็นอำนาจสื่อที่ครอบงำตัวตนของเธอจนเกิดบาดแผลยากจะแก้ไข
ทุกวันนี้ ภาพของ Britney ที่แฟนๆได้ติดตามผ่านsocial media อาจจะดู healthy และมีความสุขที่ได้ถอยมาพักจากงานแสดงดนตรีหลังจากที่ทำงานเป็นศิลปินมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กหญิงตัวน้อย แต่จากการประเมินทางสุขภาพจิต ศาลก็ยังตัดสินให้เธอเป็นผู้ที่มีความจำเป็นจะต้องมีผู้พิทักษ์สิทธิ์ในการตัดสินใจทำธุรกรรมทางกฎหมาย แม้เธอจะต้องปฏิบัติตนภายใต้คำสั่งศาลมานานสิบกว่าปี
แฟนๆจำนวนไม่น้อย ได้ยกกรณีของ Kanye West ที่เจ็บป่วยเป็น ฺbipolar เช่นเดียวกันมาเรียกร้องหาคำตอบว่า เหตุใด Britney จึงไม่สามารถเป็นอิสระต่อการพิทักษ์สิทธิ์ หรือแม้กระทั่งคำร้องที่ต้องการถอดถอนพ่อจากการทำหน้าที่ ก็ยังได้รับการปฏิเสธ ในเมื่อผู้ป่วย bipolar หลายคนสามารถใช้ชีวิตโดยไม่ต้องให้คนอื่นมาควบคุมหรืออนุมัติการตัดสินใจ
(คนดังที่ได้รับการวินิจฉัยว่าป่วยเป็นbipolar ยังมี Demi Lovato Sting รวมไปถึงMariah Carey ที่ยืนยันว่าเธอทั้งได้รับการบำบัดและใช้ยาในการรักษาอาการ)
ความเป็นไอดอลตลอดกาล ที่มีราคาแลกเปลี่ยนประเมินค่าไม่ได้
เมื่อพูดถึงเพลงยอดนิยมของ Brit แฟนๆ อาจจดจำและร้องเพลงอย่าง Baby One More Time หรือ Toxic โดยไม่ต้องนึกเนื้อร้อง แต่เพลงที่ทำให้แฟนๆของเธอต้องรู้สึกหน่วงลึกๆ คือ Lucky ที่มีทั้งเนื้อหาและ MV สะท้อนสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของเธอได้แม่นยำจนน่าใจหาย
เนื้อเพลง Lucky แปลภาษาไทย
เธอช่างโชคดีเหลือเกิน เธอเป็นดวงดารา
แต่ภายในใจอันโหยหาของเธอได้แต่ร่ำไห้
เฝ้าแต่ถามตัวเองว่า หากชีวิตของฉันเพียบพร้อม ไม่มีสิ่งใดขาดหายไป
เหตุไฉน น้ำตาจึงหลั่งรินทุกค่ำคืน ?
ภาพนักร้องสาวชื่อดังที่ร้องไห้จนมาสคาร่าไหลเปรอะเปื้อนเป็นภาพที่ฝังใจแฟนๆ เพราะนั่นได้ย้ำเตือถึงช่วงที่ปัญหารุมเร้า Brit จนเธอแสดงออกถึงสภาพจิตใจที่ย่ำแย่ถึงขีดสุด ไม่มีใครคาดคิดว่า ไม่กี่ปีหลังจากที่เธอสร้างชื่อในฐานะสาวน้อยมหัศจรรย์ ภาพที่ Brit หลั่งน้ำตาอย่างสิ้นหวังในที่สาธารณะจะถูกทำข่าวใหญ่โตและเหตุการณ์บานปลายหนักจนต้องได้รับการควบคุมตัวส่งแผนกจิตเวช
เธอช่างโชคดีเหลือเกิน เธอเป็นดวงดารา
แต่ภายในใจอันโหยหาของเธอได้แต่ร่ำไห้
เฝ้าแต่ถามตัวเองว่า หากชีวิตของฉันเพียบพร้อม ไม่มีสิ่งใดขาดหายไป
เหตุไฉน น้ำตาจึงหลั่งรินทุกค่ำคืน ?
ภาพนักร้องสาวชื่อดังที่ร้องไห้จนมาสคาร่าไหลเปรอะเปื้อนเป็นภาพที่ฝังใจแฟนๆ เพราะนั่นได้ย้ำเตือถึงช่วงที่ปัญหารุมเร้า Brit จนเธอแสดงออกถึงสภาพจิตใจที่ย่ำแย่ถึงขีดสุด ไม่มีใครคาดคิดว่า ไม่กี่ปีหลังจากที่เธอสร้างชื่อในฐานะสาวน้อยมหัศจรรย์ ภาพที่ Brit หลั่งน้ำตาอย่างสิ้นหวังในที่สาธารณะจะถูกทำข่าวใหญ่โตและเหตุการณ์บานปลายหนักจนต้องได้รับการควบคุมตัวส่งแผนกจิตเวช
อุตสาหกรรมสร้างไอดอลที่ปั้นแต่งภาพลักษณ์เหมือนกับการขายสินค้า
หลายฝ่ายวิเคราะห์ตรงกันว่า การตลาดที่แยบยลของค่ายเพลงได้ก่อกำเนิดภาพลักษณ์ superstar สาววัยทีนที่แสนไร้เดียงสา แต่ก็เย้ายวนใจให้ใจหวั่นไหว ในขณะนั้นแฟนๆวัยใสยกย่องให้ Brit เป็นไอดอลอันดับ 1 เธอเป็นแบบอย่างที่สร้างแรงบันดาลใจให้สาวน้อยสาวใหญ่ หากขายความเร่าร้อนแบบจัดเต็มมาตั้งแต่เริ่มต้น อาจจะไม่ถูกใจกลุ่มอนุรักษ์นิยมเท่าใดนัก แม้ว่าเธอจะสร้างปรากฏการณ์ในชุดนักเรียนผูกเอวโชว์หน้าท้องและครวญเพลงที่ฟังดูสองแง่สองง่าม แต่อีกด้านหนึ่ง Brit ได้สร้างเสียงกล่าวขวัญเรื่องความใสซื่อน่ารักอ่อนหวานแบบสาวที่มาจากเมืองเล็กๆ และดูจะเป็นผลไม้ที่ใครๆอยากจะลองลิ้มชิมรสเมือ่ได้ประกาศว่า จะเก็บความบริสุทธิ์ไว้จนกว่าจะแต่งงาน ...
ในขณะที่ fanbase ของ Brit จะเต็มไปด้วยเด็กๆวัยทีน (หรือเด็กกว่านั้น) แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ผู้ชายวัยฉกรรจ์ก็หลงไหลเธอไม่แพ้กัน เรากำลังพูดถึงสาวบริสุทธิ์ ชุดนักเรียน แววตาและน้ำเสียงที่ออดอ้อน สิ่งเหล่านี้ตรงกับแฟนตาซีของผู้ชายมากมายทั่วโลก ความโด่งดังของเธอได้พิสูจน์อย่างแจ่มแจ้งว่า นี่คือกลวิธีเพื่อแข่งขันแย่งชิงความนิยมจากศิลปินหญิงคนอื่นที่ work จริงๆ ณ ตอนนั้นมีสาวร้อนอย่าง Jennifer Lopez และก๊วนแสบซ่า Spice Girls ที่สร้างความโด่งดังไว้แล้ว และยังมีคู่แข่งสำคัญอย่าง Christina Aguilera ที่เป็นสาวบลอนด์รุ่นราวคราวเดียวกันจนแฟนๆต้องเปิดศึกท้ากันว่าใครดังกว่าอีกด้วย
เจ้าหญิงเพลง Pop ที่ต้องโพรโมทภาพของสาวไร้เดียงสาและ sex symbol แบบ Lolita
บางคนอาจจะหลงลืมไปแล้วว่า ฺBrit เคยตกเป็นข่าวครึกโคม เมื่อมีนักธุรกิจลึกลับรายหนึ่งได้ติดต่อต้นสังกัดของเธอเพื่อเสนอเงิน £7.5 ล้าน (เทียบเรทเงินบาทปัจจุบันคือ 311 ล้าน) และเธอก็ได้ปฏิเสธไปอย่างไร้เยื่อใย
แต่นั่นตามมาด้วยคำถามที่ว่า เหตุใดไอดอลชื่อดังที่มีวัยเพียง 18 จึงออกมายืนยันกับสังคมว่า เธอยังไม่เคยผ่านมือชาย ?
เมื่อลองมองย้อนกลับไป หลายคนเชื่อว่า Brit ไม่ใช่ประเภทที่ต้องการ "สร้าง" ตัวเองด้วยคำพูดเช่นนั้นแน่ๆ เพราะหากเธอเคยผ่านประสบการณ์ทางเพศมาแล้ว ย่อมมีอย่างน้อยอีกคนหนึ่งที่รู้ว่าเธอไม่ได้เป็นสาว virgin (และยังมีโอกาสสูงมากที่คนๆนั้นจะพูดโอ่กับคนอื่นว่า เคยมี sex กับเจ้าหญิงเพลง pop มาแล้ว) แต่นั่นน่าจะมาการวางแผนทางการตลาดจากค่ายเพลงเพื่อปั้นตัวตนของสาววัยทีนผู้แสน innocent แต่มีเสน่ห์ทางเพศล้นเหลือ
ยิ่งนำมาเชื่อมโยงกับเพลงในอัลบั้มใหม่ที่ขายภาพลักษณ์ที่ sexy กว่าเดิม โดยเฉพาะประโยค " I'm no that innocent" จาก Oops!…I Did It Again ก็ลงล็อคของอุตสาหกรรมเพลง pop ในยุคนั้นเป๊ะ มาแบบใสๆก่อน แล้วอัลบั้มต่อมาก็ฉีกลุคให้เร่าร้อนเพื่อสร้างความฮือฮา marketing แบบนี้วนเวียนใช้กันมาเนิ่นนาน
( Jessica Simpson เป็นนักร้องชื่อดังอีกคนในยุคนั้นที่ประกาศว่าจะรักษาความบริสุทธิ์จนถึงวันแต่งงาน)
และน่าตกใจยิ่งกว่า เพราะในตอนนั้น มันดูจะเป็นเรื่องปกจิเป็นอย่างยิ่ง เมื่อสื่อพยายามไล่บี้เอาคำตอบกับเธอให้ได้ว่า ยังบริสุทธิ์อยู่หรือไม่ จ และคนที่เอาเธอมาขายกับสื่อจนต้องยอมรับว่าไม่บริสุทธิ์แล้ว ก็คืออดีตแฟนหนุ่มบอยแบนด์ที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก :( ใช่ค่ะ Justin Timberlake คือคนที่ออกมาให้สัมภาษณ์ในรายการวิทยุ เมื่อมาถึงคำถามที่ว่า "ได้ฟันBritney ไปแล้วรึยัง?" เขาก็ตอบอย่างหน้าตาเฉยว่า
" โอเค ใช่ ผมทำไปแล้ว"
เดือดร้อนถึง Brit ที่ต้องมาปกป้องตัวเองว่า เธอมีอะไรกับ Justin ไปแล้วจริงๆ แต่เขาเป็นชายคนเดียวที่เคยมีความสัมพันธ์ถึงขั้นนั้น เพราะเชื่อมั่นว่าเขาคือรักแท้ เป็นคนที่ใช่ แต่กลับกลายเป็นว่ามันไม่เป็นเช่นนั้น เธอก็รู้สึกเสียดายว่า ไม่ควรพูดเรื่องความบริสุทธิ์ออกไปตั้งแต่แรก
ในเวลาต่อมา เรื่องราวทุกอย่างจึงถูกเปิดเผยออกมาว่า เรื่องความบริสุทธิ์นั้น ไม่ได้เป็นความจริงตั้งแต่แรก
" โอเค ใช่ ผมทำไปแล้ว"
เดือดร้อนถึง Brit ที่ต้องมาปกป้องตัวเองว่า เธอมีอะไรกับ Justin ไปแล้วจริงๆ แต่เขาเป็นชายคนเดียวที่เคยมีความสัมพันธ์ถึงขั้นนั้น เพราะเชื่อมั่นว่าเขาคือรักแท้ เป็นคนที่ใช่ แต่กลับกลายเป็นว่ามันไม่เป็นเช่นนั้น เธอก็รู้สึกเสียดายว่า ไม่ควรพูดเรื่องความบริสุทธิ์ออกไปตั้งแต่แรก
ในเวลาต่อมา เรื่องราวทุกอย่างจึงถูกเปิดเผยออกมาว่า เรื่องความบริสุทธิ์นั้น ไม่ได้เป็นความจริงตั้งแต่แรก
แม่ Britney ยอมรับเรื่องการเลี้ยงลูกอย่างตามใจจนผิดพลาดไป และเผยความจริงที่สวนทางกับการโพรโมทของค่ายเพลง
เมื่อ Lynn Spears เปิดเผยว่า ได้อนุญาตให้ลูกสาวใกล้ชิดกับนักเรียนหนุ่มรุ่นพี่จนมีประสบการณ์ sex ครั้งแรกเมื่ออายุ 14 ปฏิกิริยาของผู้คนไม่ได้อยู่ในขั้นช็อค เพราะในหลายสังคม (ไม่ใช่แต่เพียงในตะวันตก) การมีเพศสัมพันธ์ของวัยทีนเป็นสิ่งที่ยากจะหลีกเลี่ยงได้ แต่เรื่องนี้ได้สร้างความคับข้องใจกับแฟนๆ ไม่น้อย เพราะภาพลักษณ์สาวบริสุทธิ์ในอุดมคตินี่เองที่ทำให้ Britney ถูก hater กระหน่ำโจมตีว่าโกหกเพื่อสร้างกระแส แต่ก็ยังมีคนที่เชื่อมั่นว่า หากถูกต้งคำถามว่าเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่หรือไม่ตอนที่กำลังสร้างชื่อเสียงในฐานะไอดอลวัย 17-18 ก็เหลือตัวเลือกให้ตอบเพียงแค่อย่างเดียวว่ายังสดซิง เพราะหากตอบตามความเป็นจริง อาจจะไม่ถูกใจกลุ่มอนุรักษ์นิยมทีมีอคติในเรื่องนี้ Britney เคยเปิดใจว่า เธอรู้สึกว่าตัวเองพลาดไปที่พูดถึงเรื่องส่วนตัวขนาดนี้ไปตั้งแต่แรก เธอคงไม่คาดคิดมาก่อนว่า Justin จะเอาเธอไปพูดออกสื่อได้อย่างหน้าตาเฉยเช่นนี้
ที่จริงแล้ว ที่สังคมไม่ได้รู้สึกช็อคกับเรื่องนี้ เพราะในปี 2007 สื่อดังอย่าง US weekly ตามขุดคุ้ยข้อมูลจากอดีตทนายของครอบครัว Spears การนำเสนอภาพสาวบริสุทธิ์นี้คือแผน PR ล้วนๆ และยังระบุชื่อแฟนหนุ่มผู้เป็นคนแรกของ Brit ในวัย 14 การเปิดเผยของแม่ Bri จึงเป็นการยืนยันแน่นอน ส่วนใครคือผู้คิดแผน PR เช่นนี้ออกมา แฟนๆของเธอไม่คิดว่าสาว 17 จะเต็มใจพูดเรื่องนี้ให้โด่งดังไปทั่วโลก และมองว่า หากไม่ใช่ผู้หลักผู้ใหญ่ที่เธอไว้ใจเป็นเจ้าของไอเดีย ก็คงเป็นทีมจากค่ายเพลงนั่นเอง
การคุกคามจาก paparazzi และสื่อที่สร้างรายได้จากการ bully เธอ
สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผู้ชม Framing Britney Spears ต้องสะท้อนใจ คือ ภาพการไล่ล่าจาก paparazi พวกเขาทำทุกวิถีทางเพื่อ "ภาพเด็ด" ที่สร้างราคางามจากแทบลอยด์ ยิ่งภาพที่ส่อถึงปัญหา ยิ่งขายดี ภาพที่ดูสวยเริ่ดไม่ได้สร้างความฮือฮาเท่ากับตอนที่ดูล่อแหลม หรือแสดงพฤติกรรม "เจ้าปัญหา" แต่ที่มาของภาพเหลานั้น มาจากการจงใจยั่ยุให้เธอสติหลุด ดังเช่นภาพที่เธอยกร่มขึ้นมาเพื่อตอบโต้ paparazi แต่เขากลับพูดด้วยน้ำเสียงภูมิใจว่าได้เงินมามากมายจากการยั่วโมโหเธอจนได้ภาพนี้มา
เมื่อ Britney แต่งงานกับอดีต dancer สื่อได้นำเสนอภาพของเธอในแบบใหม่ จากเจ้าหญิงเพลง popที่ผู้คนมากมายต่างใฝ่หา เธอถูกนำมาล้อเลียนว่าเป็น white trash ไม่ว่าจะเป็นรสนิยมการแต่งตัว ความชื่นชอบใน junk food วิธีการเลี้ยงดูลูก content creator ชื่อดังในวงการ gossipยังยอมรับตรงๆว่า ตัวเองก็มีส่วนผิดที่เห็นชีวิตเธอเป็นเรื่องตลก และสิ่งที่เกิดขึ้นตามมามันหนักหนาจนยากจะจินตนาการถึงความเจ็บปวดของ Brit ได้
Superstar ที่ต้องเผชิญกับ Slut-Shaming
หากจะเปรียบเทียบ Britney & Justin ก็คงเป็นเหมือนกับ Selena & Justin ในยุค 2010s ในสายตาแฟนๆ พวกเค้าเป็นไอดอลที่เหมาะสมอย่างไร้ที่ติ ทั้งยังมีความทรงจำในสมัยที่เป็นนักแสดงเด็กในรายการMickey Mouse Clubด้วยกัน แต่เรื่องราวความรักที่จบลงแบบไม่สวยกลับกลายมาเป็นข่าวฉาวโฉ่ที่ฝ่ายหญิงถูกตราหน้าว่าเป็นผู้หญิงมากรัก
เพลง Cry Me A Riverคือหนึ่งในผลงานที่ทำให้ JT ก้าวมาประสบความสำเร็จในฐานะศิลปินเดี่ยว เรียกได้ว่า เมื่อเอ่ยชื่อ JT ขึ้นมา หลายคนก็คงนึกถึงเพลงนี้เป็นลำดับต้นๆ และคงยากที่จะปฏิเสธว่า ส่วนหนึ่งในความสำเร็จของ Cry Me A River มีชื่อ Britney ช่วยผลักดันจนสร้างกระแสอย่างล้นหลาม แม้ว่าจะไม่มีการเอ่ยถึงชื่อเธอ แต่เนื้อเพลงที่บรรยายความรู้สึกที่รับไม่ได้เมื่อถูกแฟนสาวนอกใจ ในขณะที่มีข่าวลือสะพัดว่า Britney แอบมีกิ๊กเป็นนักออกแบบท่าเต้น การจงใจเลือกหญิงสาวที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับ Britney มาแสดงใน MV ก็ยิ่งตอกย้ำว่า JT ได้ใช้เพลงนี้สื่อถึงประสบการณ์ความรักที่เพิ่งจบไปได้ไม่นาน สมัยก่อนยัง เรื่องของ cancel culture ใน social media ยังไม่ได้เป็น norm เหมือนทุกวันนี้ แต่ภาพลักษณ์เจ้าหญิงเพลง popที่แสนดีของ Britney ก็เสียหายไปไม่น้อย แม้ว่าfanbase ของเธอยังแข็งแกร่ง และไม่ได้ใส่ใจกับข่าวฉาวนี้ด้วยมุมมองที่ว่า ความรักของหนุ่มสาวก็คงหนีไม่พ้นเรื่องทำนองนี้ แต่แน่นอนว่า คนอีกมากมายได้มองเธอด้วยสายตาอันมีอคติไปแล้ว
หลังจากที่ documentary ได้เผยว่า JT เคยประกาศเรื่องที่เคยมี sex กับ Britney และนำเรื่องการเลิกรามาเป็นจุดขายในเพลงดังด้วยเจตนา "แฉ" อย่างชัดเจน ได้สร้างความโกรธเคืองให้กับผู้ชมจำนวนไม่น้อย และกดดันให้เขากล่าวคำขอโทษต่อเธออย่างเป็นทางการ
ที่จริง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่แฟนๆ Britney กดดัน JT ให้ขอโทษค่ะ เนื้อหาใน Framing Britney ที่กำลังเป็นกระแสนี้ แฟนตัวยงของเธอรับรู้มาแทบทั้งหมดแล้ว และเคยรวมพลังเพื่อให้ #JTExposedParty เป็น trending เมื่อหลายปีก่อน แต่ไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบรับใดๆจากศิลปินหนุ่ม
ที่จริง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่แฟนๆ Britney กดดัน JT ให้ขอโทษค่ะ เนื้อหาใน Framing Britney ที่กำลังเป็นกระแสนี้ แฟนตัวยงของเธอรับรู้มาแทบทั้งหมดแล้ว และเคยรวมพลังเพื่อให้ #JTExposedParty เป็น trending เมื่อหลายปีก่อน แต่ไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบรับใดๆจากศิลปินหนุ่ม
คำถามกระแทกใจจากพิธีกรดัง "ตกลงเธอไปทำอะไรเขาไว้น่ะ"
ไม่เพียงแต่ อดีตแฟนหนุ่มเท่านั้นที่กลายมาเป็นเป้าหมายของ cancel culture หลังจากที่ Framing Britney ได้เปิดเผยเทปการให้สัมภาษณ์ของ superstar สาวที่เพิ่งจะมีวัยยี่สิบนิดๆในราบการของ Diane Sawyer ชาวเน็ทก็รู้สึกปรี๊ดขึ้นมาอีก เมื่อพบว่า พิธีกรหญิงชื่อดังได้ยิงคำถามและปฏิบัติต่อ Britney อย่างไม่ให้เกียรติ โดยเฉพาะตอนที่ให้ Britney ชมภาพภรรยาอดีตผู้ว่าการรัฐที่พูดอย่างมุ่งร้ายว่า
" จริงๆนะ ถ้าฉันมีโอกาสจยิง Britneyฉันคิดว่า ฉันจะยิงเธอซะ"
แม้ว่า Britney จะรู้ว่า หญิงคนนี้คงไม่ได้จับปืนมายิงเธอให้ตายไปจริงๆ แต่คำพูดร้ายกาจแดกดัน เธอได้แต่ตอบว่า นั่นไม่ดีเอาซะเลยค่ะ แย่จัง พิธีกรสาวใหญ่กลับเออออไปกับคำพูดอันไม่เหมาะสมนั้น ด้วยการอ้างว่า เพราะความกดดันในการเลี้ยงดูบุตรหลานที่ลอกเลียนแบบศิลปิน และมันยากที่จะแยกเด็กๆออกจากแบบอย่าง(ที่ไม่ดี) ทำให้ภรรยานักการเมืองคนดังกล่าวพูดจาแบบนี้ออกมา พิธีกรได้โชว์ภาพถ่ายsexy ของ Britneyและถามกับเจ้าตัวว่า " มีความคิดเห็นปฏิกิริยาจากแฟนๆวัยเยาว์ที่ได้เห็นภาพนี้ว่าอย่างไร"
ลองนึกภาพAriana Grande วัย 21ได้รับคำถามเดียวกันดูสิคะ เรื่องไม่ลงเอยที่น้ำตาของฝ่ายศิลปินแน่ๆ
Diane Sawyer ยังบีบให้ Britney ตอบคำถามเรื่องสาเหตุการแยกทางกับ JT ด้วยการตั้งคำถามด้วยการโยนความผิดไปให้เธอฝ่ายเดียวว่า
" คุณหักอกเขา คุณทำเรื่องที่สร้างความเจ็บปวดให้กับเขาเป็นอย่างยิ่ง ต้องทุกข์ทรมานใจมากมาย คุณทำอะไรลงไปน่ะ ?"
ไม่เพียงเท่านั้น พิธีกรสาวใหญ่ยังหยิบประเด็นประสบการณ์บนเตียงของ Britney มาไล่เบี้ยต่อ
" คุณบอกว่า ทั้งชีวิตคุณเคยหลับนอนกับผู้ชายมาเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่เขาแสดงออกว่า คุณเป็นฝ่ายไม่ซื่อสัตย์กับเขา คุณเป็นคนทรยศในความสัมพันธ์"
บรรยากาศในการสัมภาษณ์นั้นกดดันราวกับว่าBritneyทำความผิดร้ายแรง ฟังดูไม่ใช่เรื่องการเลิกราของคนวัยเพิ่งจะขึ้น20 แม้แต่น้อย
แฟน Britney ได้เรียกร้องให้พิธีกรดังออกมาขอโทษเช่นเดียวกัน
ผ่านไปเกือบยี่สิบปี จึงจะได้ยินคำขอโทษ
แต่เมื่อมีคำขอโทษจากศิลปินหนุ่มผู้โด่งดังจริงๆ กลับกลายเป็นว่า คำพูดของเขาดูจะไม่มีความหมายสำหรับแฟน Britney เพราะก่อนหน้าที่จะถูกดัน เมื่อปี 2018 เขาเคยบรรยายความรู้สึกในหนังสือของตัวเองว่า แต่งเพลงนี้เสร็จในสองชั่วโมงหลังจากการเลิกรา เขารู้สึกเหมือนถูกเหยียดหยาม โกรธเกรี้ยว ความรู้สึกมันพลุ่งพล่านมากจนต้องเขียนออกมาเป็นบทเพลงที่ถ่ายทอดไปยังผู้คนด้วยความหวังว่า เมื่อได้รับฟังแล้วพวกเค้าจะเข้าถึงและเข้าใจ เพราะต่างก็เคยผ่านประสบการณ์เดียวกันมาก่อน
แฟนๆ Britney ไม่พอใจนักที่รู้ว่า JT พาดพิงอดีตคนรักในหนังสืออีกครั้งทั้งๆที่วันเวลาก็ผ่านไปสิบกว่าปีแล้ว ทั้งๆเขาเคยพูดถึงการเลิกราที่ทำให้เจ็บปวดฝังใจมาแล้วหลายครั้งตอนที่โพรโมทอัลบั้ม เขายังปฏิเสธด้วยซ้ำไปว่า ไม่มีเพลงใดที่เกี่ยวข้องกับ Britney และให้สัญญาเธอไว้ว่าจะไม่เล่าให้คนอื่นฟังเรื่องสาเหตุของการแยกทาง แต่หลังจากนั้นก็ส่อเสียดด้วยการเล่นpiano และคลอเพลงที่เรียกว่า Horrible Woman (ผู้หญิงร้ายกาจ) ที่มีเนื้อเพลงตามนี้
" ผมคิดว่ารักของเราแข็งแกร่งมั่นคง แต่ผมคิดผิดไปถนัดใจ แต่ถ้าจะให้คิดบวกเข้าไว้ เฮ้ เธอ อย่างน้อยเธอก็มอบเพลงที่เกี่ยวกับผู้หญิงร้ายกาจให้กับผมอีกเพลงนะ"
ปฏิเสธว่าไม่เกี่ยว แล้วจงใจจิกกัดต่อแบบหน้าตาเฉยนั่นเอง
แฟนๆ Britney ไม่พอใจนักที่รู้ว่า JT พาดพิงอดีตคนรักในหนังสืออีกครั้งทั้งๆที่วันเวลาก็ผ่านไปสิบกว่าปีแล้ว ทั้งๆเขาเคยพูดถึงการเลิกราที่ทำให้เจ็บปวดฝังใจมาแล้วหลายครั้งตอนที่โพรโมทอัลบั้ม เขายังปฏิเสธด้วยซ้ำไปว่า ไม่มีเพลงใดที่เกี่ยวข้องกับ Britney และให้สัญญาเธอไว้ว่าจะไม่เล่าให้คนอื่นฟังเรื่องสาเหตุของการแยกทาง แต่หลังจากนั้นก็ส่อเสียดด้วยการเล่นpiano และคลอเพลงที่เรียกว่า Horrible Woman (ผู้หญิงร้ายกาจ) ที่มีเนื้อเพลงตามนี้
" ผมคิดว่ารักของเราแข็งแกร่งมั่นคง แต่ผมคิดผิดไปถนัดใจ แต่ถ้าจะให้คิดบวกเข้าไว้ เฮ้ เธอ อย่างน้อยเธอก็มอบเพลงที่เกี่ยวกับผู้หญิงร้ายกาจให้กับผมอีกเพลงนะ"
แม้คำขอโทษจะฟังแล้วเต็มไปด้วยถ้อยคำแสดงความสำนึกผิด แต่หลายคนไม่เชื่อถือว่าเขากล่าวออกมาอย่างจริงใจ เพราะที่ผ่านมา เขาไม่ได้พูดถึง Britney ในด้านที่ดีนัก ในขณะที่อีกฝ่าย move on ไป และยังไม่แสดงอาการถือสา ยังแสดงความเห้นได้ด้านบวกต่อตัวแฟนเก่า และที่ต้อง highlight ก็คือ JT อาจจะได้รับรางวัล Grammy และรายได้มากมายจากเพลงที่ถ่ายทอดความรู้สึกที่ถูก Britney นอกใจ แต่ที่ผ่านมา เขาไม่ได้มีชื่อเสียงทีดีในเรื่องความซื่อสัตย์ต่อผู้หญิง แม้จะไม่มีใครออกมาแฉตรงๆ แต่ก็มีข่าวซุบซิบเรื่องความเป็น playboy ออกมาเรื่อยๆ อย่างกรณีล่าสุดที่จับมือกับนางเอกสาวที่เป็นเพื่อนร่วมงานอย่างแนบแน่น แม้จะยืนยันว่า ไม่มีอะไรเกินกว่าคำว่าเพื่อน และภรรยาก็เข้าใจเป็นอย่างดี แต่มันไม่ได้ดึงให้เขาดูเป็นสามีผู้ซื่อสัตย์มากขึ้นนัก
แต่ไม่มีใครคอยมาจับผิด JT เหมือนกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับ Britney ในยุค 2000s ทำให้แฟนๆรู้สึกเจ็บใจที่สื่อปฏิบัติต่อเธออย่างไม่แฟร์มาหลายปี เมื่อต้องรับมือกับข้อกล่าวหาเหล่านี้ก็ยิ่งเป็นการซ้ำเติมอาการป่วยทางจิตใจที่นำมาสู่สภาวะ Conservatorship
แต่ไม่มีใครคอยมาจับผิด JT เหมือนกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับ Britney ในยุค 2000s ทำให้แฟนๆรู้สึกเจ็บใจที่สื่อปฏิบัติต่อเธออย่างไม่แฟร์มาหลายปี เมื่อต้องรับมือกับข้อกล่าวหาเหล่านี้ก็ยิ่งเป็นการซ้ำเติมอาการป่วยทางจิตใจที่นำมาสู่สภาวะ Conservatorship
Conservatorship การคุ้มครองเพื่อผลประโยชน์และความปลอดภัย หรือว่าดึงชีวิตให้ตกอยู่ภายใต้การบงการ-ข่มขู่จากคนเป็นพ่อ ?
สิ่งที่คนมากมายยังไม่เข้าใจ
Britney คือผู้หญิงทำงานที่มีชื่อเสียง เธอส่งอัลบั้มเพลงยอดนิยมมาตลอดหลายปีนี้ ทั้งยังมีสัญญาการแสดงใน Las Vegas ที่ดึงดูดแฟนๆได้มากมาย เธอรับหน้าที่เป็นกรรมการการแข่งขัน X Factor เธอเคยโลดแล่นบนหน้าจอในฐานะนักแสดงรับเชิญใน TV show ทุกอย่างจำเป็นต้องใช้ความทุ่มเท ความเป็นมืออาชีพ ที่สำคัญ เธอได้ทำหน้าที่แม่เพื่อความสุขของลูกชายทั้งสอง
แต่เหตุใด เธอจึงยังถูกจัดให้เป็นบุคคลที่ไม่สามารถตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง ยังต้องมีผู้พิทักษ์คอยดูแลเรื่องเงินที่หามาได้ แม้แต่จะเรียกร้องขอเปลี่ยนตัวผู้พิทักษ์ ศาลก็ยังปฏิเสธ
แฟนๆหลายคนจึงร่วมการเคลื่อนไหว Free Britney เพื่อกดดันให้เธอได้ถูกปลดปล่อยจาก Conservatorship เสียที
จริงหรือที่ Britney หวาดกลัวพ่อตัวเอง ?
ทนายของเธอระบุว่าเธอหวาดกลัวพ่อตัวเอง และจะไม่กลับไปทำงานแสดงดนตรี หากพ่อยังมีอำนาจในการแทรกแซงเรื่องหน้าที่การงานของเธอต่อไป
เรื่องราวเป็นมายังไงกันแน่นะ ...
เรื่องราวเป็นมายังไงกันแน่นะ ...
ความเคลื่อนไหว Free Britney เพิ่งเริ่มต้นมาได้ไม่กี่ปี Jamie Spears เคยได้รับเสียงชื่นชมว่า เป็นู้ที่ก้าวเข้ามาแก้ไขวิกฤติของลูกสาวที่เจ็บป่วยทางใจและต้องสูญเสียสิทธิ์การเลี้ยงดูลูกๆไป เธอรับการรักษา และกลับมาสร้างความสำเร็จในวงการ แบ่งสิทธิ์การเลี้ยงดูลูกๆและดูมีความสุขขึ้นมาอรกครั้ง แต่เริ่มมีรายงานข่าวว่า Britney ต้องใช้จ่ายทางกิจกรรมกฎหมายสูงมาก รวมไปถึงค่าเลี้ยงดูที่ต้องจ่ายให้กับสามีเก่า แม้ว่าเธอจะมีรายได้สูงลิบลิ่วจากความสำเร็จในฐานะ popstar มาตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น และสัญญา Las Vegas residency showที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงตั้งแต่ปี 2013 และได้รับข้อเสนอสัญญาด้วยตัวเลขรายได้อันสวยงาม
แต่เธอกลับประกาศว่า จะชะลอการต่อสัญญาไปก่อน เพราะต้องการดูแลสุขภาพของพ่อ
ในโลกออนไลน์ก็เริ่มมีข่าวแพร่สะพัดว่า ความสัมพันธ์ของ Brit กับพ่อแตกร้าวลึกจนไม่สามารถเจรจาตกลงกันได้ สองปีที่ผ่านมา Brit ไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อใดๆ จนเริ่มมีคนปล่อยข่าวลือที่ตั้งสมมุติฐานจากทฤษฎีสมคบคิด จนกระทั่งปัจจุบัน แฟนๆกลุ่มหนึ่งของเธอก็ยังเชื่อว่า Brit กำลังถูกควบคุมทุกการเคลื่อนไหว และกำลังพยายามขอความช่วยเหลือจากภายนอกด้วยการส่งสัญญาณบางอย่าง เช่น ภาพเสื้อผ้าที่ใส่ซ้ำกัน การแสดงสีหน้าท่าทางที่ไม่ปกติ แต่ก็มีการปฏิเสธข่าวตามมา
แต่เธอกลับประกาศว่า จะชะลอการต่อสัญญาไปก่อน เพราะต้องการดูแลสุขภาพของพ่อ
ในโลกออนไลน์ก็เริ่มมีข่าวแพร่สะพัดว่า ความสัมพันธ์ของ Brit กับพ่อแตกร้าวลึกจนไม่สามารถเจรจาตกลงกันได้ สองปีที่ผ่านมา Brit ไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อใดๆ จนเริ่มมีคนปล่อยข่าวลือที่ตั้งสมมุติฐานจากทฤษฎีสมคบคิด จนกระทั่งปัจจุบัน แฟนๆกลุ่มหนึ่งของเธอก็ยังเชื่อว่า Brit กำลังถูกควบคุมทุกการเคลื่อนไหว และกำลังพยายามขอความช่วยเหลือจากภายนอกด้วยการส่งสัญญาณบางอย่าง เช่น ภาพเสื้อผ้าที่ใส่ซ้ำกัน การแสดงสีหน้าท่าทางที่ไม่ปกติ แต่ก็มีการปฏิเสธข่าวตามมา
จุดแตกหักเริ่มปรากฏชัดเจนขึ้น เมื่อ Britney ต้องเช็คอินสู่สถานบำบัดเป็นเวลาร่วมเดือน ท่าใกลางสายตาของแฟนๆที่เฝ้ามองอย่างห่วงใย TMZ ก็ได้อ้างแหล่งข่าววงในว่า Brit ร้องต่อศาลว่า ถูกพ่อบังคับให้รับการรักษาในสถานบำบัดดังกล่าว แต่ถูกและบังคับให้กินยา ในระยะนั้นอาการของเธอแย่ลงไปเพราะสูตรยาเก่าไม่ได้ประสิทธิภาพอีกต่อไป และแพทย์ยังต้องหาตัวยาที่สามารถควบคุมอาการได้ เธอจึงเรียกร้องให้ศาลมีคำสั่งเปลี่ยนตัวผู้พิทักษ์สิทธิ์และ
แต่ TMZก็ได้อธิบายต่อไปว่า ผู้พิพากษาไม่คล้อยตามคำเรียกร้องของนักร้องสาว เพราะผู้พิทักษ์สิทธิ์ไม่ได้มีอำนาจบีบบังคับให้เธอกินยาและเข้ารักษาในสถานบำบัด จะเห็นได้ชัดเจนว่า ในขณะที่เธอยังอยู่ในโพรแกรมบำบัดสามสิบวัน เธอยังไปไหนมาไหนที่ข้างนอกได้อย่างอิสระ ไม่ได้ถูกกักขังตัวไว้
ศึกทางกฎหมายเพื่อถอด Jamie ออกจากหน้าที่ผู้พิทักษ์จึงกลายมาเป็นประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ครึกโครม มีทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยว่า Britney ควรจะให้พ่อทำหน้าที่ดูแลการตัดสินใจเรื่องการเงิน การงาน และกฎหมายต่อไป เพราะที่ผ่านมาเขาก็เข้ามาจัดการเรื่องต่างๆ ตอนที่เธออยู่ในช่วง mental breakdown ช่วงปี 2007- 2008 จนปัญหาเริ่มคลี่คลาย และฝ่ายที่ยืนยันเต็มที่ว่า Britney ถูกคนรอบข้างปั่นหัว ควบคุมและใช้ประโยชน์มานานหลายปี และถ้าตอนนี้ พ่อทำให้เธอรู้สึกไม่ปลอดภัย ผู้พิพากษาก็ควรเปลี่ยนผู้ที่เหมาะสมกว่ามาทำหน้าที่นี้ รวมถึงมอบอิสระให้ Britney มากขึ้น
แต่ TMZก็ได้อธิบายต่อไปว่า ผู้พิพากษาไม่คล้อยตามคำเรียกร้องของนักร้องสาว เพราะผู้พิทักษ์สิทธิ์ไม่ได้มีอำนาจบีบบังคับให้เธอกินยาและเข้ารักษาในสถานบำบัด จะเห็นได้ชัดเจนว่า ในขณะที่เธอยังอยู่ในโพรแกรมบำบัดสามสิบวัน เธอยังไปไหนมาไหนที่ข้างนอกได้อย่างอิสระ ไม่ได้ถูกกักขังตัวไว้
ความขัดแย้งที่คลุมเครือในครอบครัว
ข่าวใหญ่ที่ผ่านมาหลายเดือนก่อน คือเหตุการณ์ทะเลาะเบาะแว้งที่สื่อตามเกาะติดเมื่อมีรายงานว่า Jamie Spears บันดาลโทสะใช้กำลังกับหลานชายต่อหน้าลูกสาว แม้จะไม่มีใครปริปากอธิบายถึงต้นตอของความขัดแย้งนี้ แต่ลูกชายคนโตของ Brit ก็เคยด่าตาออกสื่อว่า เป็นคน "ทุเรศ" เช่นเดียวกับแฟนหนุ่มของ Britney ที่ด่า Jamie อย่างไม่ไว้หน้าว่าเป็นจอมบงการที่คอยขัดขวางความสัมพันธ์ของพวกเค้า มีเพียงแต่ Britney ที่ยังสงวนความเห็นเกี่ยวกับพ่อของเธอ พวกเราจะได้ยินเรื่องความขัดแย้งของพ่อลูกผ่านทนายเท่านั้น
ข่าวใหญ่ที่ผ่านมาหลายเดือนก่อน คือเหตุการณ์ทะเลาะเบาะแว้งที่สื่อตามเกาะติดเมื่อมีรายงานว่า Jamie Spears บันดาลโทสะใช้กำลังกับหลานชายต่อหน้าลูกสาว แม้จะไม่มีใครปริปากอธิบายถึงต้นตอของความขัดแย้งนี้ แต่ลูกชายคนโตของ Brit ก็เคยด่าตาออกสื่อว่า เป็นคน "ทุเรศ" เช่นเดียวกับแฟนหนุ่มของ Britney ที่ด่า Jamie อย่างไม่ไว้หน้าว่าเป็นจอมบงการที่คอยขัดขวางความสัมพันธ์ของพวกเค้า มีเพียงแต่ Britney ที่ยังสงวนความเห็นเกี่ยวกับพ่อของเธอ พวกเราจะได้ยินเรื่องความขัดแย้งของพ่อลูกผ่านทนายเท่านั้น
ความจำเป็นของ Britney ที่จะต้องมีผู้พิทักษ์
ยังมีคนเข้าใจว่า ผู้ที่มีหน้าที่นี้ จะฉกฉวยทรัพย์สินของ Britney ไปใช้สบายๆ หรือกีดกันไม่ให้เธอใช้เงินที่มาจากน้ำพักน้ำแรงตัวเอง ซึ่งที่จริงแล้ว เรื่องทางการเงินของ Britney จะต้องตรวจสอบได้ รายการค่าใช้จ่ายต่างๆของเธอจะถูกส่งต่อถึงผู้พิพากษษ เริ่มตั้งแต่ซื้อของที่ Target ไปจนถึงซื้อบ้านหรูราคาหลายล้าน แต่การอิสระในการใช้จ่ายนี้ต้องได้รับอนุมัติจากผู้พิทักษ์ รวมไปถึงการตัดสินใจเรื่องงานต่างๆ ซึ่งเธอไม่สามารถยอมรับวิธีในแบบ Jamie อีกต่อไป
ทำให้สร้างข้อกังขาว่า Britney ยังจำเป็นต้องใช้ชีวิตอยู่ภายใต้ conservatorship หรือไม่
อาจจะไม่ง่ายนักที่ให้คำตอบอย่างจำเพาะเจาะจง แต่เคยมีเรื่องร้ายแรงที่เคยขึ้นกับเธอมาแล้ว เมื่อมีพวกที่ฉวยโอกาสในช่วงที่เธอเจ็บป่วย เข้ามาปั่นหัว ล้างสมอง และกอบโกยผลประโยชน์ราวกับปลิง ชื่อของ Sam Lufti อาจจะเลือนไปจากความทรงจำของผู้คนไปแล้ว แต่เขาคนนี้เคยก้าวเข้าสู่ชีวิตของ Brit ในเวลาที่เธอไม่เป็นตัวของตัวเอง เขาอวดอ้างว่าเป็นผู้จัดการส่วนตัวที่เข้ามาช่วยเหลือเธอแต่กลับสร้างความเสียหาย และถูกเปิดโปงว่าเป็นพวกฉ้อโกง ครอบครัวของเธอจึงต้องก้าวเข้ามาเพื่อแยกคนผู้นี้ออกไปอย่างเด็ดขาด Brit ได้รับการปกป้องจากคำสั่งห้าม Sam Lufti เข้าใกล้เธอน้อยกว่า 200ยาร์ดเป็นการถาวร
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นซ้ำ ทนายของ Jamieได้บรรยายต่อผู้พิพากษาว่า เขาได้ทำหน้าที่ผู้พิทักษ์ด้วยความรักที่ไร้เงื่อนไขในฐานะพ่อ และต้องการจะปกป้องเธอจากคนที่มุ่งจะเข้ามาเอาเปรียบ เขาเพียงต้องการจะเห็นเธอมีความสุข มีสุขภาพดี และมีความก้าวหน้า
แต่ทนายฝั่ง Brit ได้ยืนยันว่า เธอพยายามร้องขอเปลี่ยนผู้ที่มีความเหมาะสมกว่ามาทำหน้าที่นี้มาแล้วหลายครั้ง ( เธอระบุตัวผู้พิทักษ์ที่มีทะเบียนรองรับอย่างถูกต้อง) เธอต้องการจะรู้ให้แน่ว่าการกระทำของพ่อจะส่งผลกระทบใดต่อทรัพย์สินของเธอ เธอยังมีความหวาดกลัวในตัวเขา และไม่ได้พูดจากันมานานแล้ว หากยังปล่อยให้เขาทำหน้าที่ดูแลทรัพย์สินของเธอไป ก็ไม่ส่งผลดีในการรักษาผลประโยชน์ของเธอเลย
ทำให้สร้างข้อกังขาว่า Britney ยังจำเป็นต้องใช้ชีวิตอยู่ภายใต้ conservatorship หรือไม่
อาจจะไม่ง่ายนักที่ให้คำตอบอย่างจำเพาะเจาะจง แต่เคยมีเรื่องร้ายแรงที่เคยขึ้นกับเธอมาแล้ว เมื่อมีพวกที่ฉวยโอกาสในช่วงที่เธอเจ็บป่วย เข้ามาปั่นหัว ล้างสมอง และกอบโกยผลประโยชน์ราวกับปลิง ชื่อของ Sam Lufti อาจจะเลือนไปจากความทรงจำของผู้คนไปแล้ว แต่เขาคนนี้เคยก้าวเข้าสู่ชีวิตของ Brit ในเวลาที่เธอไม่เป็นตัวของตัวเอง เขาอวดอ้างว่าเป็นผู้จัดการส่วนตัวที่เข้ามาช่วยเหลือเธอแต่กลับสร้างความเสียหาย และถูกเปิดโปงว่าเป็นพวกฉ้อโกง ครอบครัวของเธอจึงต้องก้าวเข้ามาเพื่อแยกคนผู้นี้ออกไปอย่างเด็ดขาด Brit ได้รับการปกป้องจากคำสั่งห้าม Sam Lufti เข้าใกล้เธอน้อยกว่า 200ยาร์ดเป็นการถาวร
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นซ้ำ ทนายของ Jamieได้บรรยายต่อผู้พิพากษาว่า เขาได้ทำหน้าที่ผู้พิทักษ์ด้วยความรักที่ไร้เงื่อนไขในฐานะพ่อ และต้องการจะปกป้องเธอจากคนที่มุ่งจะเข้ามาเอาเปรียบ เขาเพียงต้องการจะเห็นเธอมีความสุข มีสุขภาพดี และมีความก้าวหน้า
แต่ทนายฝั่ง Brit ได้ยืนยันว่า เธอพยายามร้องขอเปลี่ยนผู้ที่มีความเหมาะสมกว่ามาทำหน้าที่นี้มาแล้วหลายครั้ง ( เธอระบุตัวผู้พิทักษ์ที่มีทะเบียนรองรับอย่างถูกต้อง) เธอต้องการจะรู้ให้แน่ว่าการกระทำของพ่อจะส่งผลกระทบใดต่อทรัพย์สินของเธอ เธอยังมีความหวาดกลัวในตัวเขา และไม่ได้พูดจากันมานานแล้ว หากยังปล่อยให้เขาทำหน้าที่ดูแลทรัพย์สินของเธอไป ก็ไม่ส่งผลดีในการรักษาผลประโยชน์ของเธอเลย
ถอดเทปจากปาก Brit ที่เล่าถึงความเปลี่ยนแปลงเมื่อต้องอยู่ภายใต้ conservatorship
นี่คือความรู้สึกของ Britที่จาก Britney: For The Record จากMTV ที่เปิดเผยช่วงที่เธอหวนคืนสู่วงการหลังจากที่ผ่านมรสุมชีวิตที่หนักหนาสาหัส
- หมอและทนายทำการประเมินเธอทุกวันรวมถึงขั้นตอนอื่นๆ
- ถ้าวันใดที่ไม่ถูกประเมิน เธอจะรู้สึกกลับมาเป็นตัวเองอีกครั้ง
- เธอรู้สึกเหมือนถูกกักขัง เมื่อได้บอกคนที่เข้ามาประเมินว่าเธอรู้สึกเช่นไร พวกเค้าดูจะได้ยิน แต่ไม่ได้รับฟัง ทำให้เธอต้องเศร้าใจ
- เธอคิดว่าถูกควบคุมมากเกินไป ชีวิตไร้ความตื่นเต้น ไร้ passionเหมือนกับต้องreplay สิ่งที่จำเจทุกวันเหมือน Groundhog's Day
- คนที่ติดคุก ยังรู้ว่าจะได้ออกไปเมือ่ไร แต่สำหรับเธอ ...
ข้อความล่าสุดล่าสุดจาก Brit หลังจากที่ Framing Britney Spears สร้างกระแสอย่างกว้างขวาง
"จำไว้นะคะ ไม่ว่าเราจะคิดว่าเรารู้เรื่องชีวิตคนอื่่นดีแค่ไหนก็ไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกับชีวิตจริงของพวกเค้านอกเหนือตอนอยู่หน้ากล้องได้เลย"Britได้เปิดเผยว่า เธอโหยหาการแสดงบนเวทีมาก แต่ปรารถนาจะออกมาเพื่อใช้ชีวิตแบบคนปกติเท่านั้น ...
สถานการณ์ที่ยากลำบากและซับซ้อนเกินกว่าจะตัดสินว่าสิ่งใดดีที่สุดต่อตัวเธอ แต่เราได้แต่หวังว่าเธอจะพบกับความสุข ะปลอดภัยจากผู้มุ่งหาผลประโยชน์และมีสุขภาพกายใจที่ดี กว่าจะเป็น Britney ในทุกวันนี้ได้
The End