ประสบการณ์เกี่ยวกับ"โรคมะเร็ง" น่ากลัวกว่าที่คุณคิด

เราคิดว่าเรื่องนี้น่าจะมีประโยชน์กับเพื่อนๆได้บ้างอ่ะคะ
 คือ พี่คนนี้เรารู้จักกับเค้ามาประมาณ4-5ปีได้แล้วคะ พี่เค้ามาเป็นผู้จัดการที่ร้านอาหารของป้าเรา อายุประมาณ 35 ปี แต่งงานแล้วแต่ยังไม่มีลูก เริ่มแรกประมาณ ก.พ.50พี่เค้ามีก้อนแข็งๆอยู่ในเต้านมเลยไปผ่าออกมาเจอ 3 ก้อน และหมอก็ส่งชิ้นเนื้อไปตรวจปรากฏว่าไม่ใช่มะเร็งพี่เค้าก็เลยไม่ได้สนใจที่จะไปตรวจอีกจนมาประมาณ ก.ย.50อยู่ดีๆพี่เค้าตื่นขึ้นมาก็ปวดขามากไม่มีแรงเดินเลยปวดจนทนไม่ไหวถึงขนาดร้องออกมาคือปกติพี่เค้าเป็นคนที่อดทนมากแต่นี่พี่เค้าร้องขนาดนี้แสดงว่าต้องปวดมากๆแน่นอนเลยพาไปส่งโรงพยาลเอกชนแห่งหนึ่ง หมอตรวจแล้วบอกว่าหมอนรองกระดูกทับท่อน้ำเลี้ยงที่ส่งไปเลี้ยงขาทำให้ขาขาดน้ำหล่อเลี้ยง พี่เค้าอยู่ที่โรงพยาบาลประมาณ 4 วันโดยที่หมอก็ไม่เห็นจะทำอะไร ให้แต่อย่าแก้ปวด เราไปเยี่ยมและถามพี่เค้าว่ายังปวดอยู่มั๊ยพี่เค้าบอกว่า"ปวดอยู่ตลอดเวลา"และยังเดินไม่ได้ เห็นท่าไม่ดีจึงย้ายพี่เค้าไป ร.พ.รามา ตรวจแล้วหมอที่รามา บอกว่า กระดูกสันหลังของพี่เค้าพรุนเกือบหมดเลยประมาณ70%ของกระดูกสันหลังทั้งหมด แล้วหมอเขาก็บอกว่ามันไม่น่าเป็นไปได้ที่คนอายุแค่ 35 ปีจะกระดูกพรุนถึงขนาดนี้ต้องตรวจให้เจาะจงกว่านี้ ผ่านไป 3 วัน หมอก็กลับมาบอกว่าพี่เค้าเป็นมะเร็งที่กระดูกสันหลัง ระยะที่ 4 แล้วด้วย(เพื่อนๆดูซิคะไอ้โรงพยาบาลแรกมันตรวจยังไงของมัน เก่งแต่ทำสวย)แล้วอาการของพี่เขาก็ไม่ดีขึ้นเลยคะ และมีภาวะแทรกซ้อน น้ำท่วมปอด และนี่แหละคะที่ทำให้พวกเราตกใจคือ หมอตรวจพบว่า พี่เขาเป็มะเร็งที่ปอดมาก่อน แล้วจึงลามมาที่กระดูกสันหลัง คือตอนนี้หมอบอกให้ทำใจคะ หมอบอกตรงๆเลยว่าอยู่ได้อีกไม่นาน แต่ว่าหมอจะส่งตัวไปให้ศิริราชคะเพราะที่นั้นมีหมอเฉพาะด้านนี้เยอะ พอไปถึงศิริราชหมอก็เริ่มตรวตอีกเพราะพี่เค้ามีอาการปวดหัว ก็ทำให้เราช็อคอีก คือมะเร็งมันลามไปที่สมองแล้วคะ เรารู้สึกว่าทำไมมันน่ากลัวอย่างนี้ช่วงระยะเวลาประมาณ 2 เดือน พี่เค้าเป็นได้ถึงขนาดนี้ เหมือนไอ้เจ้ามะเร็งมันกำลังประกาศศักดาว่า ข้าจะไม่หยุดถ้าข้าไม่ได้เป็นผู้ชนะ และยิ่งได้พูดคุยกับพี่เค้าทำให้เรากลั้นน้ำตาไม่อยู่ พี่เค้าบอกว่า เดี๋ยวพี่ก็หาย พี่ไปพักที่บ้านแป็บเดียวพี่จะรีบกลับมา แล้วยิ่งเห็นสภาพพี่เขายิ่งรู้สึกแย่คะ คือพี่เขาผอมมาก และโดนโกนหัวด้ยวเนื่องจากพี่เค้าปวดหัวมากเลยต้องการให้หมอผ่าตัดที่สมอง หมอก็บอกกับญาติตรงๆว่ามันไม่มีประโยชน์แล้วยังไงก็ไม่รอดแล้วอีกอย่างค่าผ่าตัดก็แพงมาก ประมาณ200,000บาท ก็เลยต้องแกล้งหลอกพี่เค้าโดยการโกนหัวให้ วันที่ 3 ม.ค.51ทางพ่อแม่พี่เค้าก็ทำเรื่องพากลับบ้าน พี่เขาไม่ค่อยรู้สึกตัวแล้วไปถึงเช้าวันที่ 4 ถึงบ้านได้ 2 ชม. พี่เค้าเสียแล้วคะ  เพื่อนๆระยะเวลาแค่ 4 เดือนเองคะ มันเร็วมากจริงๆ สาเหตุก็คือเมื่อก่อนพี่เขาเคยทำงานที่ร้านคาราโอเกะ มีการร้องเพลงแล้วก็ต้องกินเหล้า กินเหล้าแล้วก็ต้องสูบบุหรี่ แล้วในห้องคาราโอเกะมันก็แคบไม่มีอากาศถ่ายเท แล้วเมื่อก่อนยังไม่มีกฏหมายห้าสูบบุหรี่ในร้านอาหาร นี่แหละคะคือต้นเหตุ พี่เค้าสูดควันบุหรี่มาเป็น 10 ปี  เลยทำให้เป็นมะเร็งที่ปอด หมอบอกว่าคนที่สูบบุหรี่น่ะไม่เท่าไร แต่คนที่อยู่ใกล้คนสูบบุหรี่ซิคะอันตรายกว่า เพื่อนๆก็เหมือนกันนะคะ ไปตรวจสุขภาพกันบ้างปีละครั้งก็ยังดี อย่าคิดว่าเราไม่เป็นอะไร โรคบางอย่างเราไม่ส่มารถรู้เองหรอกนะคะ และบางโรคเมื่อมันแสดงอาการก็อาจจะสายไปแล้วก็ได้นะคะที่จะรักษา 
เป็นห่วงคะ
(ไม่อยากให้มีกระทู้อย่างคุณแป้งจี่ อีกคะ    ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจให้คุณแป้งจี่ หายเร็วๆนะคะ)

เพื่อนๆคงจะไม่เบื่อที่จะอ่านนะคะ ถ้าใช้คำไม่ถูกต้อง ต้องขออภัยด้วยนะค่ะ







 

Discussion (29)

อยากให้ทุกคนที่ยังไม่เป็นมะเร็ง ดูแลตัวเอง โดยเฉพาะอาหารการกิน เนื้อสัตว์เช่น หมู ไก่ วัว ล้วนแต่มีสารก่อมะเร็ง นี่คือเหตุผลว่าทำไมคนกินแต่ปลา จึงอายุยืน เพราะเนื้อปลานั่นย่อยง่ายกว่า จึงไม่เกิดสารพิษตกค้างในร่างกาย บางคนที่เป็นมะเร็งเพราะพักผ่อนน้อย นั่นก็เป็นสาเหตุหนึ่ง เพราะร่างกายกำจัดสารพิษได้ไม่หมด ทำให้สารพิษสะสมในร่างกายมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น เราควรนอนให้เพียงพอด้วย อาหารบำรุงทั้งหลาย เรารู้มาว่าเห็ดหลินจือดีมาก ช่วยรักษาได้สารพัดโรค ทั้งปอด มะเร็ง ไต ตับ ฯลฯ อีกตัวนึงคือ ชาเจียวกู่หลาน อันนี้ก็สุดยอดอาหารต้านมะเร็ง เราจะไม่ค่อยเห็นคนญี่ปุ่นเป็นมะเร็ง เพราะเขาดิ่มชาอุ่นๆ กินเนื้อปลา ประเทศเขาถือว่าฉลาดในการดำรงชีวิต สมุนไพรฆ่ามะเร็ง ฟักข้าว กินเพื่อสร้างภูมิต้านทาง สร้างเม็ดเลือดขาว กินฟักข้าวเป็นประจำจะไม่เป็นมะเร็ง และสุดยอดสมุนไพรที่ฆ่าเซลล์มะเร็งคือ ทุเรียนเทศ ไม่ต้องทำคีโมก็ได้ เพราะพืชชนิดนี้มีสารฆ่ามะเร็งสูง ออกกำลังกายที่ดีที่สุดคือ การยืดกล้ามเนื้อ ที่ฮิดตในหมู่ดาราคือ การทำโยคะนั่นเอง คนที่ทำโยคะเป็นประจำจะอายุยืน ระบบของเหลวในร่างกายไหลเวียนดี สังเกตคนแก่ที่รำไทเก๊ก(เน้นการเคลื่อนไหวระบบข้อต่อต่างๆ) เขาจะแข็งแรงและอายุยืนมาก ญาติเราอายุ 90กว่าปีแล้ว แข็งแรง ขี่จักรยานได้ ตายไม่ทรมานคือหลับตาย เราบอกเกร็ดเคล็ดลับทั้งหมด เพื่อไม่ให้เป็นมะเร็งแล้วนะ ใครที่ยังไม่เป็นก็ป้องกันเอาไว้ เพราะถ้าเป็นแล้วมันทรมานมาก
ขอบคุณทุกกำลังใจครับ มะเร็งทำให้ครอบครัวเราใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง และดูแลเอาใจใส่กันมากขึ้น ให้เวลากันและกันมากขึ้น ปัจจุบันพวกเรามีรอยยิ้ม มีความอบอุ่น กว่าเดิมเสียอีกครับ ผมเองอยากให้กำลังใจกับทุกท่าน ที่ต้องผ่านช่วงเวลาที่ เลวร้าย ผมเข้าใจและยังจดจำมันได้เสมอ แต่ก็อยากจะบอกว่า โรคนี้ รักษาหายได้ครับ และตัวช่วยที่ดีที่สุด คือ ความรัก ความหวัง และกำลังใจ อย่าท้อแท้สิ้นหวังครับ สุดท้ายนี้ผมขออนุญาติ ฝากลิ้งค์ รูป ภรรยาผมมาให้ดู ผมขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนท่านครับ http://uppicthai.com/images/2012/09/05/ne506.jpg รูป ภรรยาผมกับลูกสาวคนโต ก่อนเป็นมะเร็งครับ http://uppicthai.com/images/2012/09/05/bSCDF.jpg ภาพนี้หลังจาก ฉายแสงและให้เคมีบำบัด อาการดีขึ้นเป็นลำดับครับแต่ตัวบวมจาก steroid ครับ http://uppicthai.com/images/2012/09/05/Yu0F.jpg ส่วนนี่เป็นภาพ ปัจจุบันครับ สวยเหมือนเดิม ฮ่าฮ่าฮ่า
ขอแสดงความยินดีกับคุณหมูและลูก ๆ ด้วยนะคะ ขอส่งกำลังใจให้ภรรยาของคุณหมู และคุณแม่ที่แสนดีของลูก ๆ จงพ้นทุกข์จากโรคภัย และมีจิตใจเข้มแข็งที่จะต่อสู้เพื่อครอบครัวต่อไปนะคะ
ยินดีและขอเป็นกำลังใจให้ครอบครัวคุณหมู ค่ะ ฉันก็เป็นหนึ่งคนที่เป็นโรคมะเร็ง กำลังจะเข้ารับการรักษาที่ศูนย์ วชิร เช่นกัน ฟังจากคุณหมูแล้ว สร้างความมั่นในให้ฉันเยอะขึ้น
หลังจากที่ได้รับ การฉายรังสี แบบคลุมศรีษะ 10 ครั้ง และ ฉายรังสี แบบ 3มิติ อีก 10 ครั้ง อาการภรรยาผมก็ไม่ดีขึ้นเลย เธอ พูดแทบจะจับใจความไม่ได้ สลับสับสนไปหมด นอกจาก ผมและลูกแล้ว เธอจำใครไม่ได้เลย แม้กระทั่งพ่อเธอ มาเยี่ยม เธอยังไม่ทราบ ว่าใคร ตัวเธอบวมมาก จนหาเส้นเลือดเพื่อเจาะให้ยา กลุ่ม สเตอรอยด์ และยาลด สมองบวมแทบไม่ได้ ทั้งแพทย์และ พยาบาลบอกผมว่า ให้ทำใจนะ และนับวันถอยหลังได้เลย คราวนี้นับเป็นวันไม่ใช่นับเป็นเดือนแล้ว ที่สุดแล้ว ทางทีมแพทย์ ก็ตัดสินใจ จะให้เคมีบำบัด อีกรอบเพราะผ่าตัดไม่ได้ ซึ่งก้อนเนื้อร้ายมันอยู่ในจุดที่ไม่สามารถจะผ่าตัดได้ โดยครั้งนี้จะให้ยา ที่ สามารถผ่านแนวกั้นเข้าไปในสมองได้ ซึ่งก็มีผลข้างเคียง ที่รุนแรงกับหัวใจ เป็นยากลุ่ม ฮอร์โมน และ ยาที่เข้าไประงับการสร้างเส้นเลือดที่ส่งสารอาหารไปหล่อเลี้ยงเซลล์มะเร็ง การให้ยาครั้งหนึ่งๆ ต้องให้ถึง 20 กว่าขวด(น้ำเกลือ) 6 -7 วัน หมอบอกผมว่า บางรายให้ได้ไม่กี่ครั้ง และถ้าเลวร้าย อาจช็อคคาเข็มก็มีมาแล้ว ซึ่งครอบครัวเราไม่เหลือทางเลือกแล้ว จำเป็นต้องเสี่ยง และแล้ว ปาฏิหาริย์ ก็เกิดขึ้น เพียงครั้งแรก ที่ให้ ยา อาการเธอดีขึ้นอย่า น่า อัศจรรย์ เธอกลับมาพูดได้ จำใครต่อใครได้ อ่านเขียนได้ และผล CT SCAN ก็ออกมาดีมาก ก้อนเนื้อร้ายเล็กลง มากเหลือขนาดไม่ถึง 2 cm (จาก 4.5cm) รอยยิ้ม ก็เริ่มกลับสู่ครอบครัวเราอีกครั้ง เหมือนแสงสว่างท่ามกลางความมึดมิด ในวันพุทธที่จะถึงนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วครับ ( 7ครั้ง ) ถึงตอนนี้ ภรรยาผมต้องเจาะพอร์ทน้ำเกลือที่คอ เพราะเส้นที่ มือแขนเท้าขา มันแตก จนไม่มีจุดที่จะเจาะได้แล้ว แต่อาการโดยรวมทุกอย่าง ของภรรยาผมก็ดีขึ้นมากเป็นลำดับ จนเหมือน คนปกติแล้ว สุดท้ายนี้ ผมขอขอบคุณคณะแพทย์ วชิระ ครับที่เอาใจใส่และช่วยเหลือภรรยาผมอย่างเต็มความสามารถขอให้ กุศลนี้ ส่งผลดลบันดานให้ คณะทีมแพทย์ทีมรักษาของ วชิระพยาบาล ประสบแต่ความสุขความเจริญตลอดไป ครับ